ก่อนอื่นอยากให้เจ้าของกระทู้ เข้าใจว่าบัตรเครดิต มีส่วนประกอบอะไรบ้าง
-เจ้าของบัตร คือพวกธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อที่เราไปสมัคร ซึ่งเป็นคนให้โปรโมชั่น
-Model ของบัตร ธนาคารหนึ่งก็จะออกผลิตภัณมาหลากหลายดูบัตรที่ตรงกับเราครับเช่น เติมน้ำมันบางจากบ่อย ก็สมัคร บัตร KTC บางจาก เป็นต้น
-ค่ายบัตร ก็จะมี VISA MASTER JCB UNIONPAY AMEX เวลารูดต้องดูด้วยว่ารับบัตรเราไหม ซึ่งในไทย VISA MASTER  ได้หมดทุกเครื่องรูด ไม่ต้องไปสนที่ติดหน้าร้านครับสำคัญที่เครื่อง ตามความเข้าใจ น่าจะปรับใช้ VISA MASTER JCB ได้หมดแล้วครับ เคยไปรูดซื้อสินค้าที่ร้านติด Visa master แต่ผมเอาบัตร JCB ผ่านเฉย เลยเข้าใจว่าอยู่ที่ software ของเครื่องน่าจะอัพไปแล้วแต่ป้ายยังไม่ได้อัพ ซึ่งค่ายใหม่ๆ อย่าง JCB Unionpay จะมีสิทธิประโยชน์ประจำค่ายด้วยครับ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นโดยมาก ใช้ JCB ไม่ว่าธนาคารไหน ก็จะลดพิเศษครับ
-วันทำรายการ คือวันที่เรารูดซื้อของ ,วันส่งรายการ/บันทึก คือวันที่ร้านส่งรายการไปที่เจ้าของบัตรเรา ,วันตัดยอด คือวันที่เจ้าของบัตรจะตัดรายการที่เราใช้ทั้งหมด ไปในบิลเรียกเก็บ ,วันชำระเงิน วันสุดท้ายที่เราจะจ่ายบิลนั้นๆ ซึ่งเราให้หักผ่านบัญชีได้บางเจ้าไม่คิดค่าบริการ **ซึ่งหากท่านรูดซื้อสินค้าวันตัดยอด จะพักหนี้ได้เกือบ 1 เดือนครับ เพราะร้านโดยมากจะส่งยอดทำรายการในวันถัดไปครับ
-ค่าธรรมเนียม อย่าไปสนใจครับ ของยกเลิกได้แต่ ต้องโทรไปเอง หรือใช้ให้ครบตามเงื่อนไข
-บัตรเครดิต จะแบ่งเป็น 3 แบบ 1.สะสมแต้ม 2.Cashback(ได้เงินคืนอย่างเดียว ไม่มีแต้มให้) สำหรับผมดีกว่าสะสมแต้มครับ 3.แบบผสม
-ราคาพาร์ของแต้มอยู่ที่ 10 แต้ม = 1 บาท (ยกเว้น SCB ให้แต้มเยอะแต่เวลาแลกก็เยอะตามไม่มีประโยชน์ครับ 15 = 1)อะไรที่ใช้แต้มมากว่า 10 แต้ม 1 บาทไม่คุ้มครับ.ในทางกลับกันน้อยกว่าก็จะคุ้มครับ
-เบอร์มือถือที่ผูกกับบัตรเครดิต ต้องอยู่กับตัวตลอดครับ
-และที่สำคัญ CCV code หลังบัตรห้ามให้ใครรู้

1. บัตรเครดิตเจ้าไหนทำยากสุดครับ
-TMB ครับอีกเสียง อ่านจากหลายกระทู้ สรุปได้ว่า ควรสมัครเป็นบัตรแรกเพราะหากมีหลายบัตร จะสมัครไม่ผ่านครับ เช่นเดียวกับ First Choice ผมก็ไม่ผ่าน T T สำหรับ TMB

2.สาเหตุที่ทำยาก มันยากเพราะแต่ละเจ้าของบัตรเครดิต หรือ ยากเพราะคนที่สมัครบัตรประวัติไม่ดีครับ?
-ประวัติไม่ดีชัวอยู่แล้ว และรวมทั้งจ่ายล่าช้า ก็คิดเป็นประวัตินะครับ และ สมัครบัตรช่วงนั้นควรมีการทำธุรกรรมอันเดียว เพราะ การตรวจเครดิตบูโร ไม่ว่า กู้ บ้าน ทำบัตร ถือเป็นการเปิดประวัติเหมือนกัน เปิดมาบ่อยในช่วงนั้น เขาจะไม่ให้ผ่านครับ พวกพนักงานธนาคารบอกมาครับ

3.โดยปกติแล้วธนาคารใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินใจอนุมัติ หรือไม่อนุมัติหรอครับ (กรณีเงินเดือน1แสนแล้วสมัครบัตร15000 ผมไม่นับนะครับ^^")
-คือบัตร แต่ละแบบ จะบอกอัตราเงินเดือนในการสมัครอยู่แล้วครับคุณก็อย่าเลือก บัตรที่เกินฐานเงินเดือน/รายรับ คุณ ปล. เวลาเขาพิจารณาไม่ได้ดูเงินเดือนครับเขาดูรายรับทั้งเดือน แนบ ใบ 50ทวิ ไปด้วยครับ อันนั้นคือของจิงว่าทั้งปีได้เงินเท่าไรครับ จะผ่านง่าย

4.เคยมีประสบการณ์ที่ไหนแต่ละเจ้าเป็นยังไงแจ้งได้ครับ อยากรู้ไว้ครับ
-SCB Callcenter(CC) บริการดีครับ โปรบัตรพวกสินค่าฟุ่มเฟือย OK เลย
-Citi bank พูดแข็งๆหน่อย แต่โทรหา CC แล้วจบทุกเคสครับ CC สุดยอดเจ้านี้ เรื่องผ่อน 0% ยาวกว่าชาวบ้านเขาบัตร cashback 1% นับว่าเอกอุ ในไทย
-First choice ลูกเล่นเยอะ บัตรโปรก็เยอะ ตอนนี้ใช้เป็นบัตรหลัก Cashback ก็มี แต้มก็สะสมได้ กูรู หลายท่านยกเป็นบัตรที่คุ้มค่าครับ เอกอุเรื่องผ่อน และ โดยรวม
-BBL CC ห่วยติดยากมาก มีไว้ขำๆ กับซื้อ LTF
-KTC ไม่ค่อยมีโปรอะไรโดนใจ
-Kbank ไม่ค่อยมีโปรอะไรโดนใจ โดยมาร่วมโปรร้านอาหารครับ

>>>>>คหสต เป็นผมนะครับจะแนะนำว่า
1.สมัคร Firstchoice Visa Platinum (เป็น บัตรสะสมแต้ม/cashback)ก่อน เพราะเป็นบัตรที่ดีที่สุดครับและสมัครยากครับ
2.สมัคร TMB Visa SO smart (เป็น บัตรcashback) เพราะเป็นบัตรที่ดีที่สุดสำหรับ cashbackครับและสมัครยากครับ ปล. So chill มันบัตรกดเงินสดนะครับ กดปุ๊ปเสียเงินเลย
3.เลือก mastercard สักใบ KTC Kbank or SCB ก็ได้ครับ ผมว่าสมัครง่ายสุดไม่เคยมีใครตั้งกระทู้สมัครไม่ผ่าน
4.เลือก JCB หรือ Union pay สักใบ ถ้าสมัคร KBANK ผ่าน KBANK จะมีครบ JCB หรือ Union pay
5.ถือเยอะได้ครับ แต่ละบัตรมี ผลประโยชน์ดีต่างกันก็ถือให้เยอะจะได้เข้าร้านไหน กินอะไร ทำอะไร ก็ได้ สิทธิประโยชน์ครับ

*** บัตรเครดิตใช้เป็นไม่จน ครับ ถ่องไว้ครับ จ่ายเติมไม่กดเงินสด ผ่อน0%ได้ผ่อน ***