วังเวียง-หลวงพระบาง วิวหลักแสน เที่ยวหลักพัน
สวัสดีครับวันนี้ Freelance's Voyage เราจะมาเสนอการท่องเที่ยวสไตล์ คลู ที่ประเทศ…. ลาว!!!
ต้องเกริ่นนำก่อนเลย จริงๆแล้วประเทศลาวเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเท่าไร แต่มีเพื่อนชวนบอกว่าชิว
งบประมาณแค่ 7,000 บาทเอง (ใช้ชีวิตแบบสุขสบาย/ไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะ)
วันเดินทางคือ 5 พค.60 – 10 พค.60 เป็นเวลา 6 วัน
สมาชิก:: จำนวน 5 คน จริงจองไว้ 6 แหละ แต่เพื่อนเท กระทันหัน 1 คน แต่ก็ 5 คนก็ 5 คนว่ะ
การเดินทาง :: ครั้งนี้เราเดินทางโดยเครื่องบิน เนื่องจากเรามีเวลาน้อยและเราจะเดินทางไปทั้ง วังเวียน หลวงพระบาง ซึ่งเรานั่งเครื่องบินไปลงที่ อุดรธานี และ ขากลับไปขึ้นที่หลวงพะบาง (ค่าเครื่องไป-กลับ 3,160 บาทโดยประมาณ)
แพลนของผมมีดังนี้ครับ
DAY1:: อุดรธานี – วังเวียง
DAY2:: วังเวียง
DAY3:: วังเวียง
DAY4:: หลวงพระบาง
DAY5:: หลวงพระบาง
DAY6:: หลวงพระบาง - กลับ BKK
(จริงมีอยู่ในรูปด้วยนะครับ)
ปล.ทริปนี้ไม่ใช่ทริปประหยัด แต่เป็นทริปพักผ่อนเที่ยวหาความสุขให้ตัวเอง
ปล2.ฝากติดตามเพจ  Facebook :: https://www.facebook.com/Freelancevoyage/
หรืออัลบั้ม :: https://www.facebook.com/pg/Freelancevoyage/photos/?tab=album&album_id=129733970970826
IG::Chuckbest

ไปดูกันเลยดีกว่า (รูปพวกนี้ก็ไล่วันจากสถานที่ที่ไปเที่ยวมาเลยนะ)
นี้คือแพลน ทริปของเราครับ สามารถเดินทางตามผมได้นะครับ อาจจะมีผิดแพลนบางเพราะฝนตก ถ้ามีเรื่องอะไรสงสัยสอบถามได้ในเพจเลยครับ

วันแรก:: เราไปถึงที่อุดร ประมาณ 7.30 น. เราก็หารถแท็กซี่สนามบินไปเลยครับเพื่อไปซื้อตั๋วรถทัวร์ไปวังเวียง ประมาณ 200 บาทครับ ถึง บขส.
ซึ่งเราไปถึง ประมาณ 8.15 น ตั๋วรถที่ยิงยาวไปวังเวียงเต็มสิครับ รอไร เต็มเร็วมาก เราจึงต้องมาต่อคิวที่ เคาน์เตอร์นี้ เพื่อไปเวียงจันทร์ก่อน(จองแทนกันไม่ได้ด้วยนะ เจ้าตัวต้องมาเอง)

ถ้าเวลารถออกแล้ว นี้คือสภาพรถนะครับ แอร์ก็เย็นแบบไม่สุดอ่ะ

เราก็นั่งรถไปประมาณ 1 ชม. ก็ถึงชายแดนไทย-ลาว แล้วครับ เราก็ต้องลงไปกรอกใบ ตม.
และต่อแถวเพื่อตรวจคนเข้าเมืองลาวครับ **ผมแนะนำนะ แลกเงินซื้อซิมตรงนี้ได้เลย เพราะได้เรทเงินที่ดีกว่าแลกตามร้านอาหารนะครับ**

และแล้วเราก็ถึงวังเวียง พอถึงวันแรกเราก็ชิวๆ พักผ่อน เดินเช็คราคา One day trip รถไปหลวงพระบาง ซื้อ One day trip แล้วก็ไปนั่งชิวที่ (ผมซื้อโปรแกรมที่ไม่มี blue lagoon เพราะอีกวันเราจะเหมารถไปเองเลย )


และเราก็ไปต่อที่ Smile Bar เป็นร้านชิวตอนกลางวันเย็นๆ ซึ่งบอกเลยว่าชิวมาก มากจิงๆ บรรยากาศดี เพลงก็ไปไม่ดังสบายหู และไปต่อที่ Sakura bar ดังมากที่วังเวียง ผมมาทุกวันคือทุกวันจริงๆ

บรรยากาศSmile Bar ตอนพระอาทิตย์กำลังตก เรามาทุกวันที่อยู่ที่วังเวียงครับ

วันที่ สอง :: เราก็ออก 8.00 น. เพื่อไปเที่ยวถ้ำน้ำ ถ้ำช้าง และพายเรือ (แต่รูปถ้ำเราไม่มีนะครับเนื่องจากมันเปียกต้องลอยห่วงยางเข้าไปเราเลย ไม่ได้ถ่ายกัน)

และก็มาถึงจุดที่จะได้พายเรือละครับ  ขอถ่ายภาพหมู่รวมสมาชิกหน่อยนะครับ

เราก็พายเรือกันครับ เพื่อกลับที่พัก ก็สนุกไปอีกแบบนะครับ พอพายเสร็จเราก็เดินไปที่ซื้อ One day trip นั้นละ ให้เขาติดต่อ รถกระป๋องให้เพื่อไป Blue lagoon 1, Blue lagoon 3 และก็หาซื้อ Zip line มันมีร้านเดียวที่มีทั้งหมด 13KM ซึ่งผมเลือกอันนี้

วันที่ 3 :: ตื่นเช้ามาเราก็ไปเที่ยว Blue lagoon 1, Blue lagoon 3 สำหรับผม Blue lagoon 1 ผมว่าไม่สวยอ่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย ผมชอบ Blue lagoon 3 มากว่า

Blue lagoon 3 มีกิจกรรมให้เล่นเยอะมาก

เราก็นั่งชิวๆที่ Blue lagoon 3 ถึง 11.45 น. เราก็ออกเพราะเราต้องไป Zip line กันต่อ

ฝั่งตรงข้ามวิวสวยนะครับ ถ่ายรูปดีผมเลยจัดมาสักภาพ 555
รถจะมารับเราหน้าโรงแรมครับ แล้วก็พาไปที่จุดรอพักเตรียมอุปกรณ์ ผมเล่นตอนบ่ายเพราะคนน้อยดี

บรรยากาศข้างบนบอกเลยวิวสวยมากครับ แต่สำหรับคนกลัวความสูงคือต้องทนๆหน่อยนะ 55

วันที่สี่: เราก็ออกเดินทางไป หลวงพระบางกัน ระหว่างทางเขาจะแวะห้องน้ำหนึ่งจุครับ แล้วก็ให้ชมวิวด้วย สำหรับคนเมารถนะ ต้องพึ่งยาอย่างเดียวครับ โค้งเยอะมากแต่ถ้า ไม่เมาก็วิวสวยมากเช่นกัน

และแล้วเราก็ถึง หลวงพระบาง เหมารถไปส่งที่พัก แล้วเราก็ออกมาเดินชิวกันต่อไปเที่ยววัด และถ่ายรูปตามข้างทางที่เดินผ่านบอกเลย บรรยากาศ Slow life มากกก ผมรู้สึกว่าคนที่อยากใช้ชีวิตช้าๆ เบื่อความรวดเร็วในเมืองหลวงที่นี้คือที่ตอบโจทย์สำหรับใครหลายๆคนเลยแหละ


ต่อมาเราไปก็ไปดูวิวกันดีกว่า วิวจากบน พระธาตุพูสี (พูสี) ข้างบนวัดนี้สวยมากแต่ก็เดินเหนื่อยมากๆเช่นกัน บวกกับหลวงพระบางเป็นเมืองร้อน เดินนี้เหงื่อเต็มตัวจริงๆ

วันที่ห้า :ตื่นเช้ามารถตู้ที่เหมาไว้มารับไปน้ำตกตาดแส้ ซึ่งตอนเราไปน้ำน้อยมาก เรียกว่าไม่มีน้ำเลยก็ได้ ไม่คุ้มสุดๆ แต่การเดินทางก็แอบสนุกนิดหนึ่งได้นั่งเรือเพื่อเข้าไปในน้ำตก

นี้ครับน้ำตก คือบ่อน้ำจริงๆ เพราะตอนที่ผมไปเป็นฤดูแร้ง ของเขาทางรถตู้ก็บอกแล้วว่าไม่มีน้ำนะแต่ผมคิดว่ามาทั้งที่อยากเห็นว่าความสวยเป็นยังไง แต่ที่เห็นก็เป็นตามภาพ เราก็เลยใช้เวลาอยู่ที่นี้ไม่นานและไปต่อที่น้ำตกน้ำตกกวางสี (ตาดกวางสี) ซึ่งเป็นน้ำตกที่เป็นจุด Checkin เลยแหละ ถ้ามาหลวงพระบางไม่มาที่นี้เหมือนมาไม่ถึงเลย


ที่น้ำตกกวางสี (ตาดกวางสี) ก็จะมี ฝรั่งโดดน้ำให้ดูอยู่ตลอด โชว์สเต็ปสวยๆนั่งดูไปก็เพลินๆดีนะครับ บางคนเหมือนนักกระโดดน้ำเลย เพื่อนผมก็เลยโชว์สเต็ปแบบไทยๆบ้านเรากันบ้าน ด้วยเมื่อก่อนกระโดดเล่นน้ำคลองกันมาก 555 เราก็เล่นน้ำกันอยู่สักพัก น้ำเย็นมากมีปลาคอยต็อดๆเราอยู่ด้วย พอก็ตกเย็นเราก็เดินทางกลับไปที่พักกัน พอตกกลางคืนก็เดินตลาดมืดของลาว

วันสุดท้าย :: ตื่นเช้ามาเราก็ไปตักบาตรข้าวเหนียว พระที่นี้เดินเยอะมากแต่คนคอยใส่บาตรก็เยอะเหมือนกัน รวมถึงผมก็อยากรู้วัตนธรรมของเขาเป็นยังไงก็เลยตื่นมาใส่บาตร ก่อนกับไปนอนต่อ


พอตื่นมาผมก็นัดกับเพื่อนที่พึ่งรู้จักกัน เป็นเพื่อนเกาหลี (ลืมเล่าเพื่อนคนนี้ผมเจอตอนที่ไป onedaytrip ที่วังเวียงซึ่งเป็นอัธยาศัยดีมากๆ แล้วพอคุยกันไปคุยกันมาตารางเที่ยวเราเหมือนกัน ก็เลยเที่ยวเดียวกันเจอกันตลอด ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น) เราก็เลยมีนัดล่ำลา

และก็หมดเวลาความสนุกของพวกผมแล้วต้องกลับมาเจอโลกแห่งความจริงกัน เราก็เลยล่ำล่าประเทศลาวกัน
ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกมาก ผมได้เจอเพื่อนใหญ่เยอะมากทั้งคนไทย ทั้งเกาหลี ซึ่งทุกคนอัธยาศัยดีมากทุกคน ทำให้เป็น nice trip ของผมอีก 1 ทริป เลยครับ