วันนี้ผมมีเรื่องราวของบุคคลากรในวงการภาพยนตร์ที่ผมชื่นชอบมาแบ่งปันให้ฟังกันครับครับ
ณ โรงถ่ายหนังยูนิเวอร์แซล ปี1967 มีเด็กหนุ่มนักศึกษาคนนึงได้มีโอกาสไปทัวร์ที่โรงถ่ายยูนิเวอร์แซล เขาแอบปลีกตัวจากคณะทัวส์และเดินเตร็ดเตร่ชวนคนที่โรงถ่ายหนังคุย
วันต่อมา.. เขากลับไปที่โรงถ่ายหนัง ใส่ชุดสูทและถือกระเป๋าทำงาน เขารู้ว่าถ้าเขาเดินเข้าไปและทำท่าทางให้ดูเหมือนเป็นคนสำคัญ ยามที่เฝ้าหน้าโรงถ่ายจะไม่ห้ามเขาผ่านเข้าไปข้างใน
เด็กหนุ่มคนนี้แอบเข้าไปดูการถ่ายทำหนังอยู่บ่อยครั้ง วันหนึ่งเขาได้เห็นฮีโร่คนโปรดกำลังทำงาน ฮีโร่ผู้นั้นคือ อัลเฟรด ฮิชค็อกซ์(เจ้าพ่อหนังเขย่าขวัญ)ซึ่งกำลังทำหนังเรื่อง Ton Curtain เขาพยายามเสาะหาช่องที่จะพบฮิชค็อกซ์ในที่ทำงานให้ได้ แต่โชคไม่ไดี เมื่อยามพบเขาเสียก่อนและจับเขาโยนออกจากกองถ่าย
เด็กหนุ่มคนนี้ยังคงแวะไปที่โรงถ่ายยูนิเวอร์แซลสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม เขาขอร้องให้ผู้บริหารสตูดิโอดูหนังขนาด8มิลลิเมตร ของเขา และในที่สุดหนึ่งในผู้บริหารของยูนิเวอร์แซลก็ยอมดูและแนะนำว่า ''ถ้าต้องการสร้างความประทับใจให้กับใครสักคน หนังของมืออาชีพจะต้องใช้ฟิล์มขนาดกว้า 35 มิลลิเมตร ยิ่งขนาดฟิล์มกว้างมากเท่าใด ความคมชัดและสีสันของหนังจะดีมากขึ้นเท่านั้นหากเทียบกับหนังของมืออาชีพแล้ว หนังขนาด 8 มิลลิเมตร จะดูเล้ก มัวและทึม เมื่อฉายขึ้นจอหรือผนังห้องทำงานของผู้บริหาร'' ซึ่งเด็กนักศึกษาผู้นี้ก็เชื่อฟังคำแนะนำ
ในปี 1968 เดนิส ฮอฟแมน(ผู้อำนายการสร้างภาพยนตร์)ได้ออกทุนสร้างจำนวน 15,000 เหรียญ เพื่อให้เด็กหนุ่มคนนี้ ได้สร้างหนังขนาด 35 มิลลิเมตร ด้วยความยาว 20 นาที หนังเรื่องนี้มีชื่อว่าแอมบลิน (Amblin') เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง โบกรถเดินทางจากทะเลทรายไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค เพื่อให้หนังดูง่าย เขาจึงดำเนินเรื่องโดยไม่มีบทพูดใดๆ เขาถ่ายทำแอมบลิน เสร็จภายใน 10 วัน และใส่เพลงกับเสียงประกอบภายหลัง
ผู้บริหารของค่ายยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ต่างประทับใจผลงานของเขา
วันต่อมาหลังจากที่แอมบลิน ฉายโชว์ที่ยูนิเวอร์แซล เด็กหนุ่มคนนี้ ถูกเรียกเข้าไปพบกับ ซิดนีย์ ไชด์เบิร์ก ในทีทำงานของเขา(ซิดนีย์เป็นหัวหน้าแผนกผลิตงานโทรทัศน์ของยูนิเวอร์แซล)
''ผมชอบงานของคุณมาก'' ไซน์เบิร์ก กล่าว''คุณอยากจะทำงานแบบมืออาชีพไหม''
''แต่ผมยังเหลืออีกปีกว่า ถึงจะจบมหาวิทยาลัยนะครับ'' เด็กหนุ่ม ตอบ
''เด็กเอ๋ย คุณอยากจะเรียนต่อหรืออยากจะกำกับหนังกันแน่'' ไซน์เบิร์กถาม
เด็กหนุ่มใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มาตั้งแต่อายุ13ขวบ เขาไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปแน่ เขาเซ็นสัญญา 7 ปี เพื่อกำกับรายการ TV และภาพยนตร์ต่างๆ ป้อนค่ายยูนิเวอร์แซล
นี่เป็นเรื่องราวของ ผู้กำกับภาพยนตร์ในดวงใจของผม ซึ่งเขาได้รับการขนานนามว่า ''พ่อมดฮอลลีวู๊ด'' เขาคนนั้นคือ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ครับ และเรื่องที่ผมได้เล่ามาถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น และเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกของ ชายคนนี้ จนปัจจุบัน เขาได้สร้างภาพยนตร์ดีๆมาสู่สายตาชาวโลกหลายเรื่องมาก อาทิ เช่น Jaws ,E.T.,Indiana Jone, Jurassic Park, Saving Private Ryan และอีกมากมาย
ยิ่งใหญ่มากครับสำหรับผู้กำกับคนนี้ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ใครมีผู้กำกับภาพยนตร์ในดวงใจท่านใดก็มาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้นะครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากหนังสือ สตีเว่น สปีลเบิร์ก พ่อมดฮอลลีวู๊ด
สุดท้ายขออนุญาตฝากเพจไว้นะครับ เผื่อใครสนใจไปอ่านเรื่องอื่นๆต่อ
https://www.facebook.com/Chekie-1067083510064457/
เรื่องราวก่อนจะมาเป็น ''สตีเว่น สปีลเบิร์ก''
ณ โรงถ่ายหนังยูนิเวอร์แซล ปี1967 มีเด็กหนุ่มนักศึกษาคนนึงได้มีโอกาสไปทัวร์ที่โรงถ่ายยูนิเวอร์แซล เขาแอบปลีกตัวจากคณะทัวส์และเดินเตร็ดเตร่ชวนคนที่โรงถ่ายหนังคุย
วันต่อมา.. เขากลับไปที่โรงถ่ายหนัง ใส่ชุดสูทและถือกระเป๋าทำงาน เขารู้ว่าถ้าเขาเดินเข้าไปและทำท่าทางให้ดูเหมือนเป็นคนสำคัญ ยามที่เฝ้าหน้าโรงถ่ายจะไม่ห้ามเขาผ่านเข้าไปข้างใน
เด็กหนุ่มคนนี้แอบเข้าไปดูการถ่ายทำหนังอยู่บ่อยครั้ง วันหนึ่งเขาได้เห็นฮีโร่คนโปรดกำลังทำงาน ฮีโร่ผู้นั้นคือ อัลเฟรด ฮิชค็อกซ์(เจ้าพ่อหนังเขย่าขวัญ)ซึ่งกำลังทำหนังเรื่อง Ton Curtain เขาพยายามเสาะหาช่องที่จะพบฮิชค็อกซ์ในที่ทำงานให้ได้ แต่โชคไม่ไดี เมื่อยามพบเขาเสียก่อนและจับเขาโยนออกจากกองถ่าย
เด็กหนุ่มคนนี้ยังคงแวะไปที่โรงถ่ายยูนิเวอร์แซลสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม เขาขอร้องให้ผู้บริหารสตูดิโอดูหนังขนาด8มิลลิเมตร ของเขา และในที่สุดหนึ่งในผู้บริหารของยูนิเวอร์แซลก็ยอมดูและแนะนำว่า ''ถ้าต้องการสร้างความประทับใจให้กับใครสักคน หนังของมืออาชีพจะต้องใช้ฟิล์มขนาดกว้า 35 มิลลิเมตร ยิ่งขนาดฟิล์มกว้างมากเท่าใด ความคมชัดและสีสันของหนังจะดีมากขึ้นเท่านั้นหากเทียบกับหนังของมืออาชีพแล้ว หนังขนาด 8 มิลลิเมตร จะดูเล้ก มัวและทึม เมื่อฉายขึ้นจอหรือผนังห้องทำงานของผู้บริหาร'' ซึ่งเด็กนักศึกษาผู้นี้ก็เชื่อฟังคำแนะนำ
ในปี 1968 เดนิส ฮอฟแมน(ผู้อำนายการสร้างภาพยนตร์)ได้ออกทุนสร้างจำนวน 15,000 เหรียญ เพื่อให้เด็กหนุ่มคนนี้ ได้สร้างหนังขนาด 35 มิลลิเมตร ด้วยความยาว 20 นาที หนังเรื่องนี้มีชื่อว่าแอมบลิน (Amblin') เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง โบกรถเดินทางจากทะเลทรายไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค เพื่อให้หนังดูง่าย เขาจึงดำเนินเรื่องโดยไม่มีบทพูดใดๆ เขาถ่ายทำแอมบลิน เสร็จภายใน 10 วัน และใส่เพลงกับเสียงประกอบภายหลัง
ผู้บริหารของค่ายยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ต่างประทับใจผลงานของเขา
วันต่อมาหลังจากที่แอมบลิน ฉายโชว์ที่ยูนิเวอร์แซล เด็กหนุ่มคนนี้ ถูกเรียกเข้าไปพบกับ ซิดนีย์ ไชด์เบิร์ก ในทีทำงานของเขา(ซิดนีย์เป็นหัวหน้าแผนกผลิตงานโทรทัศน์ของยูนิเวอร์แซล)
''ผมชอบงานของคุณมาก'' ไซน์เบิร์ก กล่าว''คุณอยากจะทำงานแบบมืออาชีพไหม''
''แต่ผมยังเหลืออีกปีกว่า ถึงจะจบมหาวิทยาลัยนะครับ'' เด็กหนุ่ม ตอบ
''เด็กเอ๋ย คุณอยากจะเรียนต่อหรืออยากจะกำกับหนังกันแน่'' ไซน์เบิร์กถาม
เด็กหนุ่มใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มาตั้งแต่อายุ13ขวบ เขาไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปแน่ เขาเซ็นสัญญา 7 ปี เพื่อกำกับรายการ TV และภาพยนตร์ต่างๆ ป้อนค่ายยูนิเวอร์แซล
นี่เป็นเรื่องราวของ ผู้กำกับภาพยนตร์ในดวงใจของผม ซึ่งเขาได้รับการขนานนามว่า ''พ่อมดฮอลลีวู๊ด'' เขาคนนั้นคือ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ครับ และเรื่องที่ผมได้เล่ามาถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น และเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกของ ชายคนนี้ จนปัจจุบัน เขาได้สร้างภาพยนตร์ดีๆมาสู่สายตาชาวโลกหลายเรื่องมาก อาทิ เช่น Jaws ,E.T.,Indiana Jone, Jurassic Park, Saving Private Ryan และอีกมากมาย
ยิ่งใหญ่มากครับสำหรับผู้กำกับคนนี้ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ใครมีผู้กำกับภาพยนตร์ในดวงใจท่านใดก็มาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้นะครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากหนังสือ สตีเว่น สปีลเบิร์ก พ่อมดฮอลลีวู๊ด
สุดท้ายขออนุญาตฝากเพจไว้นะครับ เผื่อใครสนใจไปอ่านเรื่องอื่นๆต่อ
https://www.facebook.com/Chekie-1067083510064457/