สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันจันทร์
MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการ อีก 1 วัน เพื่อชดเชยสำหรับวันเสาร์ที่ขาดหายไปครับ
สถานที่สุดสยองแห่งที่ 6 : The Overtoun Bridge "สะพานหมาฆ่าตัวตาย" ประเทศสก็อตแลนด์
สะพานแห่งนี้มีคนมากระโดดฆ่าตัวตายมากกว่า 600 คนแล้วตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นมา
แต่นั่นยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับเรื่องที่ว่า ทุก ๆ ปี จะมี สุนัขไม่ต่ำกว่า 15 ตัว กระโดดฆ่าตัวตาย !!! ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากและอธิบายไม่ได้ เพราะหมาไม่น่าจะมีความคิดฆ่าตัวตาย และที่น่าทึ่งและพิลึกยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หากหมาตัวไหนโดดลงไปแล้วไม่ตาย มันจะลุกขึ้นและกลับขึ้นไปโดดซ้ำ ณ จุดเดิม !!! ทำให้สะพานนี้ถูกกล่าวขานว่า มันเป็นสะพานอาถรรพ์ และเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "สะพานหมาฆ่าตัวตาย" !!!
คำบรรยายจากภาพข้างบนนี้บอกว่า สะพาน โอเวอร์ทาวน์ เป็นแหล่งที่มีการฆ่าตัวตายกันมามากกว่า 600 ครั้ง นับตั้งแต่มันถูกสร้าง แต่ทว่า เรื่องราวส่วนที่น่าขนลุกก็คือ ทุกๆปี จะมีสุนัขประมาณ 15 ตัว กระโดดลงไปจากสะพาน...ใช่แล้ว...พวกมัน พยายามฆ่าตัวตาย !!!
สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกเหนือจากการรักษาสัตว์เหล่านี้ไว้เป็นสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ 30,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช มนุษย์ได้ใช้พวกมันเพื่อวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่น การควบคุมศัตรูพืช การขนส่ง การล่าสัตว์ การนำทาง และการช่วยชีวิต แต่บางครั้งสุนัขก็ต้องการใครสักคนช่วยพวกมันด้วยเหมือนกัน ดังเช่นในกรณีนี้ซึ่งเกิดปรากฏการณ์สุนัขแบบแปลก ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสกอตแลนด์
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สุนัขจำนวนทั้งหมด 600 ตัวได้กระโดดข้ามสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดสูงถึง 50 ฟุตแห่งนี้ ซึ่งเรียกกันว่า 'สะพานฆ่าตัวตายของสุนัข' โดดออกจากที่สูง 50 ฟุตไปตาย และไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไม แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุนัขก็ยังงุนงงว่า ทำไมเหล่าสุนัขจึงกระโดดข้ามสะพานนี้ ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน
บางคนบอกว่า มันเป็นเพราะพวกมันตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น คนอื่น ๆ หลายคนอ้างว่า มีผีที่สิงสถิตย์อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทกอธิคที่มีชื่อเรียกว่า "คฤหาสถ์โอเวอร์ทาวน์" (Overtoun House)
ประชาชนในท้องถิ่นดันบาร์ตั้นไชรน์ฝั่งตะวันตก กล่าวว่า ผีที่มีคนเห็น น่าจะเป็น "ท่านผู้หญิงชุดขาวแห่งโอเวอร์ทาวน์" (The White Lady of Overtoun) ซึ่งเป็นวิญญาณที่ถูกกล่าวขานกันว่าได้มีคนเห็นกันในปราสาทมานานกว่า 100 ปีแล้ว !! วิญญาณของเธอ ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุทำให้สัตว์เหล่านี้พุ่งลงไปสู่ความตาย
ชาวบ้านอ้างว่าถ่ายภาพติดวิญญาณได้ ในปราสาทที่มีอายุเก่าแก่ใกล้กับสะพานผีสิงนั้น และเชื่อว่านั่นคือ เลดี้ โอเวอร์ทาวน์
และเนื่องจากเกิดเหตุมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จึงมีคนเขียนป้ายเตือนปักไว้ใกล้สะพานว่า "สะพานอันตราย โปรดให้สุนัขของท่านอยู่ในทางเดิน"
หนึ่งในเหยื่อหลายรายของสะพานฆ่าตัวตายนี้คือ แคสซี่ สุนัขจอมกระโดดจากสเปน เจ้าของ ๆ มันคือ อลิส เทรวอรโรว์ และลูกชายชื่อ โทมัส กำลังเดินไปกับแคสซี่ ทันใดนั้น เจ้าหมาอายุ 3 ปีก็กระโดดข้ามหัวไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่แคสซี่รอดตายจากการตกลงไปนั้น
อลิซกล่าวว่า "เราเพิ่งออกมาจากรถ แล้วแคสซี่ก็เดินไปที่สะพานทันที ...มันชะเง้อเงยหน้าขึ้นมอง และทำการโดดครั้งใหญ่ ฉันจะไม่มีวันลืมเรื่องน่ากลัวที่มันทำขณะที่มันโดด ลูกชายของฉันมองลงไป และสิ่งที่เขาเห็นคือจุดๆเดียว มันทำท่าจะลุกขึ้นมา และพบกับลูกชายของฉัน เขากำลังย่อตัวลงเมื่อมันมองเห็นเขา มันรอดชีวิตมาได้อย่างไรฉันไม่มีวันรู้ได้"
หลังจากการร่วงหล่นลงไปในครั้งนั้น อลิส และแคสซี่ก็ได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง โชคดีที่หนีพ้นเรื่องเศร้าดังกล่าวมาได้
แคสซี่โชคดีที่รอดตาย แต่น่าเศร้าที่สุนัขตัวอื่น ๆ หลายๆตัวไม่รอด เช่น เบน สุนัขเฝ้าแกะตัวหนึ่ง ตายไปหลังจากที่กระโดดข้ามรั้วบนสะพาน เจ้าของคือ ดอนน่า คูเปอร์ ไม่ได้ทันระวัง "ขาของมันหัก ขากรรไกรของมันก็หัก และหลังของมันก็หักและบิดเบี้ยวสาหัส" เธอกล่าว สุนัขถูกนำตัวไปส่งสัตว์แพทย์หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่น่าเศร้า พวกเขาตัดสินใจทำให้มันตาย (จะได้ไม่ทุกข์ทรมาณ)
ตามคำบอกเล่าของ แจ๊คกี้ เบลลี่ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลพื้นที่ กล่าวว่า "ฉันเคยได้ยินเรื่องราวที่ทำให้ใจสลายหลายเรื่องเกี่ยวกับเจ้าของสุนัขที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงของพวกเขาไป เนื่องจากปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้นี้"
เห็นได้ชัดว่า สะพานผีสิงแห่งนี้ เป็นอันตรายต่อมนุษย์ด้วยเช่นกัน
นายพอล โอเว่นส์ ครูสอนศาสนาและปรัชญา กล่าวว่า "ผมกำลังยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อสองปีที่แล้ว เมื่อผมรู้สึกว่ามั่นคงแล้ว มีแรงผลักหนักๆ เหมือนนิ้วมือ บางสิ่งบางอย่างหรือใครบางคนพยายามที่จะผลักผมให้ตกสะพานด้วยเหมือนกัน...ก็คงเหมือนกับหมาพวกนั้น"
เหยื่ออีกรายหนึ่ง เป็นเด็กผู้ชายซึ่งตกลงไปตาย หลังจากที่พ่อของเขาคือ เควิน มอย โยนเขาลงไป และพยายามจะฆ่าตัวตายตามในจุดเดียวกัน ในปี 1994
ทฤษฎีในเชิงวิทยาศาสตร์ระบุว่า สาเหตุของปรากฏการณ์นี้คือ กลิ่นซึ่งแรงของตัวมิ้งค์ที่อยู่ใต้สะพาน กลิ่นนั้นแรงมากจนดึงดูดสุนัขทั้งหลายได้ โดยเฉพาะสุนัขที่มีจมูกยาว
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์คือ
ดร. เดวิด แซนด์ ในระหว่างการตรวจสอบเพื่อองค์กร แอนนิมอล แพลนเน็ต ให้คำอธิบายที่น่าสนใจอีกอย่างว่า "ผมในฐานะเป็นแค่คนๆหนึ่ง ความรู้สึกทุกอย่างของคุณมันลุกโพลง คุณสามารถรู้สึกและได้กลิ่นน้ำตกได้ ผมสามารถได้กลิ่นเบื้องล่างนั้นได้ และผมสามารถมองเห็นส่วนหนึ่งของสิ่งก่อสร้างแบบ Gothic ของสะพาน ผมได้ดูภาพหลายภาพ แต่พอมาถึงสถานที่นี้เป็นครั้งแรก ผมก็มีความรู้สึกแบบแปลก ๆ มันเป็นธรรมดาแท้ๆสำหรับผู้คนที่อยากจะมองลงไป และผมกำลังสงสัยว่า มันเหมือนกันสำหรับสุนัขทั้งหลายด้วยหรือเปล่า ผมคิดว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้สูงในทุกกรณีว่า มันคือความอยากรู้อยากเห็นที่ฆ่าสุนัข"
อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งจาก จอห์น จอยซ์ ชายผู้ที่อยู่บริเวณนั้นมานานกว่า 50 ปีแล้วว่า ไม่มีตัวมิ้งค์อยู่บริเวณนั้น !!!
คน ๆ หนึ่ง อาจเพียงแค่สงสัยว่า เมื่อไร ปรากฏการณ์นี้จะจบสิ้น และจะจบสิ้นไปได้อย่างไร แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์ นักการเมืองท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของสัตว์ และเจ้าของสุนัข ต้องทำงานร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมอันใหญ่โตและหาเหตุผลไม่ได้นี้กันต่อไป
ชมคลิปวีดิโอสรุปเรื่องนี้ครับ
*******************************************************************************************************************
สถานที่สุดสยองแห่งที่ 7 : ห้องแล็ปร้างสยอง ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
นักเดินทางชาวรัสเซีย ได้ค้นพบแล็ปวิทยาศาสตร์เก่าแก่ที่ถูกสร้างมาโดยสหภาพโซเวียต ภายในตัวห้องทดลองได้พบ สมองมนุษย์หมักอยู่ภายในโหลเป็นจำนวนมาก แถมยังพบซากต่าง ๆ ที่ถูกใช้ในช่วงสงครามเย็นอีกด้วย
นี่เหมือนกับเป็นภาพยนตร์สยองขวัญชุดหนึ่งเลยทีเดียว ห้องทดลองนี้ ถูกทอดทิ้งจากโรงเรียนสัตวแพทย์ในเมืองอันเดอร์เล็ชท์ ในกรุงบรัสเซลส์ เป็นสถานที่รกร้างที่น่าขนลุกที่สุดแห่งหนึ่งเท่าที่เคยเห็นมา โรงเรียนสัตวแพทย์นี้ตั้งอยู่บนอาคารชุดสไตล์เรอเนซองส์แบบเฟลมิช 19 ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20, ในปี 1969 บริษัทได้เข้าร่วมงานกับมหาวิทยาลัยลีแอช (Liège) แต่ไม่มีอิสระในการทำงาน
ทางโรงเรียนได้ละทิ้งอาคารดังกล่าวในปี 1991 แล้วย้ายไปอยู่ที่เขต ซาร์ท ทิลแมน (Sart-Tilman) ของมหาวิทยาลัย สิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังสร้างความประหลาดใจให้แก่เหล่านักสำรวจเป็นเวลาหลายปี มีทั้งศีรษะ สมอง และตัวอย่างที่แตกต่างกันไปหลายอย่างซึ่งเกี่ยวกับกายวิภาคของลูกแมว สุนัข หนู และหมู ซึ่งเปื่อยอยู่ภายในขวดที่เต็มไปด้วยฟอร์มาลดีไฮด์ รอบๆสิ่งเหล่านั้น มีขวดมากมายบรรจุของเหลวที่ไม่มีใครรู้จัก เข็มฉีดยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์เก่าที่สนิมเขรอะ
ปลายปี 2014 ชิ้นส่วนเหล่านั้นส่วนใหญ่ถูกย้ายออกไปแล้ว เนื่องจากอาคารได้รับการปรับปรุงใหม่ สถานที่ของโรงเรียนสัตวแพทย์เก่ากำลังจะถูกเปลี่ยนเป็นอพาร์ทเมนท์สำหรับงานบริหาร
เครดิตข้อมูลเบื้องต้น 20 สถานที่สยอง ซึ่ง MC ไปหามา =
https://amazingthaisea.com/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94/
เครดิต เว็บต่างประเทศ ภาษาอังกฤษ ซึ่ง MC แปลเอง
(1) เรื่อง "สะพานหมาฆ่าตัวตาย" =
https://www.wereblog.com/haunted-overtoun-dog-suicide-bridge
(2) เรื่อง "แลบร้างสยองที่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม" =
http://desertedplaces.blogspot.com/2016/02/horror-labs-abandoned-anderlecht.html
พบกันใหม่ วันเสาร์/อาทิตย์หน้าครับ
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 21/8/2560 - 20 สถานที่สยอง ตอนที่ 4
สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันจันทร์ MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการ อีก 1 วัน เพื่อชดเชยสำหรับวันเสาร์ที่ขาดหายไปครับ
สถานที่สุดสยองแห่งที่ 6 : The Overtoun Bridge "สะพานหมาฆ่าตัวตาย" ประเทศสก็อตแลนด์
สะพานแห่งนี้มีคนมากระโดดฆ่าตัวตายมากกว่า 600 คนแล้วตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นมา แต่นั่นยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับเรื่องที่ว่า ทุก ๆ ปี จะมี สุนัขไม่ต่ำกว่า 15 ตัว กระโดดฆ่าตัวตาย !!! ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากและอธิบายไม่ได้ เพราะหมาไม่น่าจะมีความคิดฆ่าตัวตาย และที่น่าทึ่งและพิลึกยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หากหมาตัวไหนโดดลงไปแล้วไม่ตาย มันจะลุกขึ้นและกลับขึ้นไปโดดซ้ำ ณ จุดเดิม !!! ทำให้สะพานนี้ถูกกล่าวขานว่า มันเป็นสะพานอาถรรพ์ และเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "สะพานหมาฆ่าตัวตาย" !!!
คำบรรยายจากภาพข้างบนนี้บอกว่า สะพาน โอเวอร์ทาวน์ เป็นแหล่งที่มีการฆ่าตัวตายกันมามากกว่า 600 ครั้ง นับตั้งแต่มันถูกสร้าง แต่ทว่า เรื่องราวส่วนที่น่าขนลุกก็คือ ทุกๆปี จะมีสุนัขประมาณ 15 ตัว กระโดดลงไปจากสะพาน...ใช่แล้ว...พวกมัน พยายามฆ่าตัวตาย !!!
สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกเหนือจากการรักษาสัตว์เหล่านี้ไว้เป็นสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ 30,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช มนุษย์ได้ใช้พวกมันเพื่อวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่น การควบคุมศัตรูพืช การขนส่ง การล่าสัตว์ การนำทาง และการช่วยชีวิต แต่บางครั้งสุนัขก็ต้องการใครสักคนช่วยพวกมันด้วยเหมือนกัน ดังเช่นในกรณีนี้ซึ่งเกิดปรากฏการณ์สุนัขแบบแปลก ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสกอตแลนด์
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สุนัขจำนวนทั้งหมด 600 ตัวได้กระโดดข้ามสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดสูงถึง 50 ฟุตแห่งนี้ ซึ่งเรียกกันว่า 'สะพานฆ่าตัวตายของสุนัข' โดดออกจากที่สูง 50 ฟุตไปตาย และไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไม แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุนัขก็ยังงุนงงว่า ทำไมเหล่าสุนัขจึงกระโดดข้ามสะพานนี้ ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน
บางคนบอกว่า มันเป็นเพราะพวกมันตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น คนอื่น ๆ หลายคนอ้างว่า มีผีที่สิงสถิตย์อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทกอธิคที่มีชื่อเรียกว่า "คฤหาสถ์โอเวอร์ทาวน์" (Overtoun House)
ประชาชนในท้องถิ่นดันบาร์ตั้นไชรน์ฝั่งตะวันตก กล่าวว่า ผีที่มีคนเห็น น่าจะเป็น "ท่านผู้หญิงชุดขาวแห่งโอเวอร์ทาวน์" (The White Lady of Overtoun) ซึ่งเป็นวิญญาณที่ถูกกล่าวขานกันว่าได้มีคนเห็นกันในปราสาทมานานกว่า 100 ปีแล้ว !! วิญญาณของเธอ ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุทำให้สัตว์เหล่านี้พุ่งลงไปสู่ความตาย
ชาวบ้านอ้างว่าถ่ายภาพติดวิญญาณได้ ในปราสาทที่มีอายุเก่าแก่ใกล้กับสะพานผีสิงนั้น และเชื่อว่านั่นคือ เลดี้ โอเวอร์ทาวน์
และเนื่องจากเกิดเหตุมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จึงมีคนเขียนป้ายเตือนปักไว้ใกล้สะพานว่า "สะพานอันตราย โปรดให้สุนัขของท่านอยู่ในทางเดิน"
หนึ่งในเหยื่อหลายรายของสะพานฆ่าตัวตายนี้คือ แคสซี่ สุนัขจอมกระโดดจากสเปน เจ้าของ ๆ มันคือ อลิส เทรวอรโรว์ และลูกชายชื่อ โทมัส กำลังเดินไปกับแคสซี่ ทันใดนั้น เจ้าหมาอายุ 3 ปีก็กระโดดข้ามหัวไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่แคสซี่รอดตายจากการตกลงไปนั้น
อลิซกล่าวว่า "เราเพิ่งออกมาจากรถ แล้วแคสซี่ก็เดินไปที่สะพานทันที ...มันชะเง้อเงยหน้าขึ้นมอง และทำการโดดครั้งใหญ่ ฉันจะไม่มีวันลืมเรื่องน่ากลัวที่มันทำขณะที่มันโดด ลูกชายของฉันมองลงไป และสิ่งที่เขาเห็นคือจุดๆเดียว มันทำท่าจะลุกขึ้นมา และพบกับลูกชายของฉัน เขากำลังย่อตัวลงเมื่อมันมองเห็นเขา มันรอดชีวิตมาได้อย่างไรฉันไม่มีวันรู้ได้"
หลังจากการร่วงหล่นลงไปในครั้งนั้น อลิส และแคสซี่ก็ได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง โชคดีที่หนีพ้นเรื่องเศร้าดังกล่าวมาได้
แคสซี่โชคดีที่รอดตาย แต่น่าเศร้าที่สุนัขตัวอื่น ๆ หลายๆตัวไม่รอด เช่น เบน สุนัขเฝ้าแกะตัวหนึ่ง ตายไปหลังจากที่กระโดดข้ามรั้วบนสะพาน เจ้าของคือ ดอนน่า คูเปอร์ ไม่ได้ทันระวัง "ขาของมันหัก ขากรรไกรของมันก็หัก และหลังของมันก็หักและบิดเบี้ยวสาหัส" เธอกล่าว สุนัขถูกนำตัวไปส่งสัตว์แพทย์หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่น่าเศร้า พวกเขาตัดสินใจทำให้มันตาย (จะได้ไม่ทุกข์ทรมาณ)
ตามคำบอกเล่าของ แจ๊คกี้ เบลลี่ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลพื้นที่ กล่าวว่า "ฉันเคยได้ยินเรื่องราวที่ทำให้ใจสลายหลายเรื่องเกี่ยวกับเจ้าของสุนัขที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงของพวกเขาไป เนื่องจากปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้นี้"
เห็นได้ชัดว่า สะพานผีสิงแห่งนี้ เป็นอันตรายต่อมนุษย์ด้วยเช่นกัน
นายพอล โอเว่นส์ ครูสอนศาสนาและปรัชญา กล่าวว่า "ผมกำลังยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อสองปีที่แล้ว เมื่อผมรู้สึกว่ามั่นคงแล้ว มีแรงผลักหนักๆ เหมือนนิ้วมือ บางสิ่งบางอย่างหรือใครบางคนพยายามที่จะผลักผมให้ตกสะพานด้วยเหมือนกัน...ก็คงเหมือนกับหมาพวกนั้น"
เหยื่ออีกรายหนึ่ง เป็นเด็กผู้ชายซึ่งตกลงไปตาย หลังจากที่พ่อของเขาคือ เควิน มอย โยนเขาลงไป และพยายามจะฆ่าตัวตายตามในจุดเดียวกัน ในปี 1994
ทฤษฎีในเชิงวิทยาศาสตร์ระบุว่า สาเหตุของปรากฏการณ์นี้คือ กลิ่นซึ่งแรงของตัวมิ้งค์ที่อยู่ใต้สะพาน กลิ่นนั้นแรงมากจนดึงดูดสุนัขทั้งหลายได้ โดยเฉพาะสุนัขที่มีจมูกยาว
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์คือ ดร. เดวิด แซนด์ ในระหว่างการตรวจสอบเพื่อองค์กร แอนนิมอล แพลนเน็ต ให้คำอธิบายที่น่าสนใจอีกอย่างว่า "ผมในฐานะเป็นแค่คนๆหนึ่ง ความรู้สึกทุกอย่างของคุณมันลุกโพลง คุณสามารถรู้สึกและได้กลิ่นน้ำตกได้ ผมสามารถได้กลิ่นเบื้องล่างนั้นได้ และผมสามารถมองเห็นส่วนหนึ่งของสิ่งก่อสร้างแบบ Gothic ของสะพาน ผมได้ดูภาพหลายภาพ แต่พอมาถึงสถานที่นี้เป็นครั้งแรก ผมก็มีความรู้สึกแบบแปลก ๆ มันเป็นธรรมดาแท้ๆสำหรับผู้คนที่อยากจะมองลงไป และผมกำลังสงสัยว่า มันเหมือนกันสำหรับสุนัขทั้งหลายด้วยหรือเปล่า ผมคิดว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้สูงในทุกกรณีว่า มันคือความอยากรู้อยากเห็นที่ฆ่าสุนัข"
อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งจาก จอห์น จอยซ์ ชายผู้ที่อยู่บริเวณนั้นมานานกว่า 50 ปีแล้วว่า ไม่มีตัวมิ้งค์อยู่บริเวณนั้น !!!
คน ๆ หนึ่ง อาจเพียงแค่สงสัยว่า เมื่อไร ปรากฏการณ์นี้จะจบสิ้น และจะจบสิ้นไปได้อย่างไร แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์ นักการเมืองท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของสัตว์ และเจ้าของสุนัข ต้องทำงานร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมอันใหญ่โตและหาเหตุผลไม่ได้นี้กันต่อไป
ชมคลิปวีดิโอสรุปเรื่องนี้ครับ
*******************************************************************************************************************
สถานที่สุดสยองแห่งที่ 7 : ห้องแล็ปร้างสยอง ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
นักเดินทางชาวรัสเซีย ได้ค้นพบแล็ปวิทยาศาสตร์เก่าแก่ที่ถูกสร้างมาโดยสหภาพโซเวียต ภายในตัวห้องทดลองได้พบ สมองมนุษย์หมักอยู่ภายในโหลเป็นจำนวนมาก แถมยังพบซากต่าง ๆ ที่ถูกใช้ในช่วงสงครามเย็นอีกด้วย
นี่เหมือนกับเป็นภาพยนตร์สยองขวัญชุดหนึ่งเลยทีเดียว ห้องทดลองนี้ ถูกทอดทิ้งจากโรงเรียนสัตวแพทย์ในเมืองอันเดอร์เล็ชท์ ในกรุงบรัสเซลส์ เป็นสถานที่รกร้างที่น่าขนลุกที่สุดแห่งหนึ่งเท่าที่เคยเห็นมา โรงเรียนสัตวแพทย์นี้ตั้งอยู่บนอาคารชุดสไตล์เรอเนซองส์แบบเฟลมิช 19 ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20, ในปี 1969 บริษัทได้เข้าร่วมงานกับมหาวิทยาลัยลีแอช (Liège) แต่ไม่มีอิสระในการทำงาน
ทางโรงเรียนได้ละทิ้งอาคารดังกล่าวในปี 1991 แล้วย้ายไปอยู่ที่เขต ซาร์ท ทิลแมน (Sart-Tilman) ของมหาวิทยาลัย สิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังสร้างความประหลาดใจให้แก่เหล่านักสำรวจเป็นเวลาหลายปี มีทั้งศีรษะ สมอง และตัวอย่างที่แตกต่างกันไปหลายอย่างซึ่งเกี่ยวกับกายวิภาคของลูกแมว สุนัข หนู และหมู ซึ่งเปื่อยอยู่ภายในขวดที่เต็มไปด้วยฟอร์มาลดีไฮด์ รอบๆสิ่งเหล่านั้น มีขวดมากมายบรรจุของเหลวที่ไม่มีใครรู้จัก เข็มฉีดยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์เก่าที่สนิมเขรอะ
ปลายปี 2014 ชิ้นส่วนเหล่านั้นส่วนใหญ่ถูกย้ายออกไปแล้ว เนื่องจากอาคารได้รับการปรับปรุงใหม่ สถานที่ของโรงเรียนสัตวแพทย์เก่ากำลังจะถูกเปลี่ยนเป็นอพาร์ทเมนท์สำหรับงานบริหาร
เครดิตข้อมูลเบื้องต้น 20 สถานที่สยอง ซึ่ง MC ไปหามา =https://amazingthaisea.com/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94/
เครดิต เว็บต่างประเทศ ภาษาอังกฤษ ซึ่ง MC แปลเอง
(1) เรื่อง "สะพานหมาฆ่าตัวตาย" =https://www.wereblog.com/haunted-overtoun-dog-suicide-bridge
(2) เรื่อง "แลบร้างสยองที่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม" =http://desertedplaces.blogspot.com/2016/02/horror-labs-abandoned-anderlecht.html
พบกันใหม่ วันเสาร์/อาทิตย์หน้าครับ