เบื้องต้น ผมสงสารรถกระบะนะ
เอามาจาก
http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9600000084994
ตรัง - หนุ่มโรงงานเมืองตรัง ขี่รถ จยย.ย้อนศรออกจากที่ทำงาน มุ่งหน้ากลับไปรับประทานอาหารที่บ้าน แต่เกิดอุบัติเหตุชนประสานงากับรถกระบะเข้าอย่างจัง จนมอเตอร์ไซค์พังยับเป็นเศษเหล็ก ด้านเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส
วันนี้ (19 ส.ค.) ศูนย์วิทยุสื่อสาร ภ.จว.ตรัง ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าโรงงานยูนิแมค หลักกิโลเมตรที่ 7 ถนนตรัง-สิเกา หมู่ที่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง จึงแจ้งให้ พ.ต.ต.ชาญณรงค์ กลอนสม สารวัตรเวรสอบสวน สภ.หนองตรุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจหนองตรุด เจ้าหน้าที่กู้ชีพตำบลนาโต๊ะหมิง และเจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรตรัง
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะมาสด้า สีน้ำเงิน 4 ประตู ทะเบียน กต 7945 ตรัง จอดอยู่บนถนน สภาพช่วงหน้าพังยับ พร้อมทั้งมีซากอะไหล่ของรถจักรยานยนต์ และรถยนต์แตกละเอียดกระจายเต็มพื้นถนน ขณะที่ล้อรถจักรยานยนต์ขาดกระเด็นไปไกลประมาณ 60 เมตร ส่วนตัวซากรถจักรยานยนต์กระเด็นตกลงไปอยู่ในคูริมถนน สภาพเหลือแต่โครงเหล็ก ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนก็กระเด็นไปไกลจนหาไม่เจอ
จากการตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนหมดสติอยู่ 1 ราย คือ นายปรีชา ดำชุ่ม อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 3 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง สภาพศีรษะแตก แขนขาผิดรูป และมีรอยถลอกตามลำตัวหลายแห่ง เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรตรัง จึงช่วยกันปฐมพยาบาล และปั๊มหัวใจอยู่หลายนาที ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ตรัง เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยเหลือต่อไป
จากการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ตอนเกิดเหตุ นายปรีชา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรออกจากโรงงาน เพื่อไปรับประทานอาหารที่บ้านใน ต.บางรัก ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนที่จะชนประสานงากับรถกระบะที่ขับผ่านมาเข้าอย่างจัง ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
นอกจากนั้น ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ได้กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ใช้รถใช้ถนนชอบขับขี่รถย้อนศร และถนนเส้นดังกล่าวรถที่ขับขี่ใช้ความเร็วสูงมาก อีกทั้งยังเป็นถนน 4 เลน แต่ไม่มีเกาะกลางถนน ทำให้รถมีการแหกโค้งบ่อยครั้ง หรือไปชนกับรถที่วิ่งมาอีกทางของถนนบ่อยครั้ง และเกือบทุกครั้งมักจะมีการสูญเสียชีวิต หรือบาดเจ็บสาหัส จนเป็นที่ผวาของชาวบ้านใกล้เคียงในบริเวณดังกล่าว
หนุ่มตรังขี่ จยย.ย้อนศรชนประสานงากระบะอย่างจังเจ็บสาหัส รถพังเหลือแต่ซาก
เอามาจาก
http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9600000084994
ตรัง - หนุ่มโรงงานเมืองตรัง ขี่รถ จยย.ย้อนศรออกจากที่ทำงาน มุ่งหน้ากลับไปรับประทานอาหารที่บ้าน แต่เกิดอุบัติเหตุชนประสานงากับรถกระบะเข้าอย่างจัง จนมอเตอร์ไซค์พังยับเป็นเศษเหล็ก ด้านเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส
วันนี้ (19 ส.ค.) ศูนย์วิทยุสื่อสาร ภ.จว.ตรัง ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าโรงงานยูนิแมค หลักกิโลเมตรที่ 7 ถนนตรัง-สิเกา หมู่ที่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง จึงแจ้งให้ พ.ต.ต.ชาญณรงค์ กลอนสม สารวัตรเวรสอบสวน สภ.หนองตรุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจหนองตรุด เจ้าหน้าที่กู้ชีพตำบลนาโต๊ะหมิง และเจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรตรัง
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะมาสด้า สีน้ำเงิน 4 ประตู ทะเบียน กต 7945 ตรัง จอดอยู่บนถนน สภาพช่วงหน้าพังยับ พร้อมทั้งมีซากอะไหล่ของรถจักรยานยนต์ และรถยนต์แตกละเอียดกระจายเต็มพื้นถนน ขณะที่ล้อรถจักรยานยนต์ขาดกระเด็นไปไกลประมาณ 60 เมตร ส่วนตัวซากรถจักรยานยนต์กระเด็นตกลงไปอยู่ในคูริมถนน สภาพเหลือแต่โครงเหล็ก ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนก็กระเด็นไปไกลจนหาไม่เจอ
จากการตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนหมดสติอยู่ 1 ราย คือ นายปรีชา ดำชุ่ม อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 3 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง สภาพศีรษะแตก แขนขาผิดรูป และมีรอยถลอกตามลำตัวหลายแห่ง เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรตรัง จึงช่วยกันปฐมพยาบาล และปั๊มหัวใจอยู่หลายนาที ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ตรัง เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยเหลือต่อไป
จากการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ตอนเกิดเหตุ นายปรีชา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรออกจากโรงงาน เพื่อไปรับประทานอาหารที่บ้านใน ต.บางรัก ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนที่จะชนประสานงากับรถกระบะที่ขับผ่านมาเข้าอย่างจัง ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
นอกจากนั้น ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ได้กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ใช้รถใช้ถนนชอบขับขี่รถย้อนศร และถนนเส้นดังกล่าวรถที่ขับขี่ใช้ความเร็วสูงมาก อีกทั้งยังเป็นถนน 4 เลน แต่ไม่มีเกาะกลางถนน ทำให้รถมีการแหกโค้งบ่อยครั้ง หรือไปชนกับรถที่วิ่งมาอีกทางของถนนบ่อยครั้ง และเกือบทุกครั้งมักจะมีการสูญเสียชีวิต หรือบาดเจ็บสาหัส จนเป็นที่ผวาของชาวบ้านใกล้เคียงในบริเวณดังกล่าว