คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เอาม้าหมุนเป็นที่ตั้ง
สมมติเอาเด็กนั่งบนม้าหมุนที่มีกระดิ่งอยู่ด้านล่างเมื่อหมุนครบรอบแล้วกระดิ่งดัง 1 กริ๊ง
เอาเด็กนั่งสัก 2 คนแล้วเอามือหมุนด้วยแรงที่เท่ากันไปทางขวาแล้วปล่อย นับกระดิ่งดูว่าดังกี่ครั้ง แล้วจดไว้ สมมติดัง 10 ครั้ง
ต่อไป เอาเด็กนั่งเพิ่มเป็น 4 คน แล้วเอามือหมุนด้วยแรงที่เท่ากันไปทางขวาแล้วปล่อย นับกระดิ่งดูว่าดังกี่ครั้ง แล้วจดไว้ สมมติดัง 6 ครั้ง
ต่อไป เอาเด็กนั่งเพิ่มเป็น 6 คน แล้วเอามือหมุนด้วยแรงที่เท่ากันไปทางขวาแล้วปล่อย นับกระดิ่งดูว่าดังกี่ครั้ง แล้วจดไว้ สมมติดัง 4 ครั้ง
แค่นี้เราไม่ต้องดูก็รู้คร่าวๆแล้วจากเสียงของกระดิ่งว่ามีเด็กนั่งกี่คน ถ้าดัง 10 ครั้ง ก็แสดงว่ามีเด็กนั่ง 2 คน เป็นต้น
เปรียบได้กับเครื่องซักผ้า ที่เช็คจากการนับพัลซ์ที่ออกมา แล้วประมวนผลระดับน้ำ
ซึ่งจะทำตอนเปิดเครื่องเท่านั้น ไม่ได้ทำตลอดเวลา
ด้านบน เป็นวงจรชั่งน้ำหนักผ้าของเครื่องซักผ้าอัตโนมัติที่มีใช้กันทั่วไป การทำงานก็เหมือนม้าหมุนให้เด็กนั่งด้านบนนั้นแหละครับ
สังเกตุจากวงจรจะใช้ ออปโต้เป็นตัวกำเนิดพัลซ์ ไดร์ด้วยทรานซิสเตอร์ เพื่อไปเข้าที่ขา 27 ของ MCU
สมมติ เครื่องซักผ้า 10 กก
กรณีใส่ผ้าน้อยชิ้นประมาณ 2 กก เมื่อเปิดเครื่อง เครื่องจะสั่งให้หมุนซ้ายแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง และ สั่งให้หมุนขวาแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง ขั้นตอนนี้นอกจากจะเป็นการเกลี่ยผ้าภายในถังซักแล้วยังเป็นการชั่งน้ำหนักผ้าไปในตัวด้วย
ใส่ผ้าน้อยชิ้นเครื่องหมุนไปทางขวาแล้วแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง หมุนซ้ายแล้วแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง เกิดพัลซ์เข้าที่ออปโต้หลายลูกเพราะผ้าน้ำหนักเบา ทำให้เครื่องประมวนผลจากการนับจำนวนพัลซ์ว่าตอนนี้ผ้าน้อย จ่ายน้ำในระดับต่ำก็พอ
กรณีใส่ผ้าเยอะชิ้นประมาณ 8 กก เครื่องหมุนไปทางขวาแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง หมุนซ้ายแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง เกิดพัลซ์เข้าที่ออปโต้น้อยมากเพราะผ้าน้ำหนักมาก ทำให้เครื่องประมวนผลจากการนับจำนวนพัลซ์ว่าตอนนี้ผ้ามาก จึงจ่ายน้ำในระดับสูงสุด
กรณีจ่ายน้ำระดับกลาง ก็ตามด้านบน
ขึ้นอยู่กับการเขียนโปรแกรมว่าจะนับพัลซ์กี่ลูก จ่ายน้ำระดับไหน
ประมาณนี้จ้า
สมมติเอาเด็กนั่งบนม้าหมุนที่มีกระดิ่งอยู่ด้านล่างเมื่อหมุนครบรอบแล้วกระดิ่งดัง 1 กริ๊ง
เอาเด็กนั่งสัก 2 คนแล้วเอามือหมุนด้วยแรงที่เท่ากันไปทางขวาแล้วปล่อย นับกระดิ่งดูว่าดังกี่ครั้ง แล้วจดไว้ สมมติดัง 10 ครั้ง
ต่อไป เอาเด็กนั่งเพิ่มเป็น 4 คน แล้วเอามือหมุนด้วยแรงที่เท่ากันไปทางขวาแล้วปล่อย นับกระดิ่งดูว่าดังกี่ครั้ง แล้วจดไว้ สมมติดัง 6 ครั้ง
ต่อไป เอาเด็กนั่งเพิ่มเป็น 6 คน แล้วเอามือหมุนด้วยแรงที่เท่ากันไปทางขวาแล้วปล่อย นับกระดิ่งดูว่าดังกี่ครั้ง แล้วจดไว้ สมมติดัง 4 ครั้ง
แค่นี้เราไม่ต้องดูก็รู้คร่าวๆแล้วจากเสียงของกระดิ่งว่ามีเด็กนั่งกี่คน ถ้าดัง 10 ครั้ง ก็แสดงว่ามีเด็กนั่ง 2 คน เป็นต้น
เปรียบได้กับเครื่องซักผ้า ที่เช็คจากการนับพัลซ์ที่ออกมา แล้วประมวนผลระดับน้ำ
ซึ่งจะทำตอนเปิดเครื่องเท่านั้น ไม่ได้ทำตลอดเวลา
ด้านบน เป็นวงจรชั่งน้ำหนักผ้าของเครื่องซักผ้าอัตโนมัติที่มีใช้กันทั่วไป การทำงานก็เหมือนม้าหมุนให้เด็กนั่งด้านบนนั้นแหละครับ
สังเกตุจากวงจรจะใช้ ออปโต้เป็นตัวกำเนิดพัลซ์ ไดร์ด้วยทรานซิสเตอร์ เพื่อไปเข้าที่ขา 27 ของ MCU
สมมติ เครื่องซักผ้า 10 กก
กรณีใส่ผ้าน้อยชิ้นประมาณ 2 กก เมื่อเปิดเครื่อง เครื่องจะสั่งให้หมุนซ้ายแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง และ สั่งให้หมุนขวาแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง ขั้นตอนนี้นอกจากจะเป็นการเกลี่ยผ้าภายในถังซักแล้วยังเป็นการชั่งน้ำหนักผ้าไปในตัวด้วย
ใส่ผ้าน้อยชิ้นเครื่องหมุนไปทางขวาแล้วแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง หมุนซ้ายแล้วแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง เกิดพัลซ์เข้าที่ออปโต้หลายลูกเพราะผ้าน้ำหนักเบา ทำให้เครื่องประมวนผลจากการนับจำนวนพัลซ์ว่าตอนนี้ผ้าน้อย จ่ายน้ำในระดับต่ำก็พอ
กรณีใส่ผ้าเยอะชิ้นประมาณ 8 กก เครื่องหมุนไปทางขวาแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง หมุนซ้ายแล้วตัดไฟออกปล่อยให้อยุดเอง เกิดพัลซ์เข้าที่ออปโต้น้อยมากเพราะผ้าน้ำหนักมาก ทำให้เครื่องประมวนผลจากการนับจำนวนพัลซ์ว่าตอนนี้ผ้ามาก จึงจ่ายน้ำในระดับสูงสุด
กรณีจ่ายน้ำระดับกลาง ก็ตามด้านบน
ขึ้นอยู่กับการเขียนโปรแกรมว่าจะนับพัลซ์กี่ลูก จ่ายน้ำระดับไหน
ประมาณนี้จ้า
แสดงความคิดเห็น
ขอสอบถามกับวงจรชั่งน้ำหนักของเครื่องซักผ้าครับ
2.ถ้าไม่ทำงานตลอดเวลา จะทำอย่างไรให้จานรับน้ำหนักของเครื่องซักผ้าทำงานอยู่ตลอดเวลา
ปล.ใช้ประยุกต์สำหรับการทำโปรเจคครับ ถ้าผิดห้งอขออภัยด้วยครับ