Spoil ทั้งกระทู้ สำหรับผู้ที่ดู 20 ตอนแรกแล้วนะครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ The King in Love ผ่านมาแล้วครึ่งทาง 20 ตอน (หรือ 10 ตอนเทียบกับความยาวปกติ) โดยส่วนตัวผมคิดว่า เรื่องนี้ถือได้ว่า มีความยอดเยี่ยมทั้งเรื่องคุณภาพการถ่ายทำ บท รวมถึงนักแสดงทุกคนในเรื่อง เดินเรื่องเร็ว เข้มข้นทุกตอนจริงๆ
ช่วงนี้ทวิตก็แอบเดือด วอนซาน รินซาน ซึ่งถ้าจะว่ากันตรงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นแนวรักเหมือนกับชื่อเรื่องเลย theme หลัก มันเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า สามตัวละครหลัก ถ้าเป็นละครสมัยใหม่ นี่คือ ลูกนักการเมืองทุกคน ดังนั้นการตัดสินใจในหลายๆ กรณีในเรื่อง มันไม่สามารถเทียบได้กับละครแนวโรแมนติก หรือซากึกเรื่องอื่นๆ ได้เลย เพราะกระบวนการตัดสินใจในเรื่อง มันมีพื้นฐานเกี่ยวกับอำนาจทางการเมืองทั้งสิ้น
โครงเรื่อง ๆ นี้ เป็นเรื่องของการแย่งชิงอำนาจกัน ฝ่ายอำนาจปัจจุบันคือ เสด็จพ่อที่มีความเก็บกดจากการที่ต้องอยู่ใต้อำนาจหยวน ฝ่ายเลือดบริสุทธิ์คือ ซงอิน วังจอง และฝ่ายเลือดผสมคือ วังวอน วังริน (รวมเสด็จแม่ด้วยก็ได้) โดยที่มีอึนซาน เป็นศูนย์กลางของการแย่งชิงอำนาจ ถ้าเทียบกับการเมืองปัจจุบัน อึนยองแบก นี่คือ นายทุนพรรคการเมืองรายใหญ่ที่สุด ใครได้ครอบครอง มีโอกาสชนะสูงมาก ประเด็นขัดแย้งในเรื่องคือ แผ่นดินโครยอ ตกเป็นเมืองขึ้นของหยวน พระราชาไม่มีอำนาจเด็ดขาด แม้กระทั่งพระมเหสี ก็ถูกส่งตัวมาจากหยวน ซึ่งมันสร้างปม ผัวเกลียดเมีย เมียเกลียดผัว พ่อเกลียดลูก ลูกเกลียดพ่อ เหล่าขุนนางไม่อยากให้รัชทายาทเลือดผสม ขึ้นเป็นใหญ่ ฝ่ายเลือดบริสุทธิ์จึงพยายามแย่งชิงอำนาจ ซึ่งจริงๆ แล้ว วังรินถือได้ว่ามีความเหมาะสมที่สุด ที่จะขึ้นเป็นใหญ่ แต่รินกลับเลือกอยู่ข้างวอน ซึ่งเป็นเลือดผสม ตรงจุดนี้ ทำให้ลดทอนความแข็งแกร่งของฝ่ายเลือดบริสุทธิ์ไป คือถ้าจะคิดจะกบฏ ก็หาตัวเลือกแกนนำที่เหมาะสมยาก ส่วนฝ่ายพระราชา เรียกได้ว่า ทำได้เพียงกอดพระราชลัญจกรเท่านั้น ใกล้สิ้นอำนาจเต็มที ความอ่อนแอ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความหวาดระแวงของตนเอง ทำให้แทบจะไม่มีผู้ทำให้แทบจะไม่มีผู้ภักดีจริงๆ อยู่ข้างกายเลย
การดำเนินเรื่อง แม้ว่าละครเปิดตัวช่วง 2 ตอนแรก ให้ดูเหมือนขายความฟิน และความน่ารัก ของตัวละคร แต่นั่นเหมือนตัวหลอกให้ผู้ชมมาติดกับ เพราะเพียงแค่ตัดสลับกับฉากในวัยเด็ก ก็เห็นได้ชัดเจนว่าจุดกำเนิดของการดำเนินเรื่อง การเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ช่วงเด็กๆ ซึ่งฝ่ายของวังจอง จัดฉากวางแผนร้าย เพื่อต้องการแต่งงานกับอึนซาน ด้วยหวังครอบครองทรัพย์สมบัติของอึนยองแบก พ่อของอึนซาน หากแต่แผนผิดพลาด ทำให้อึนซาน ต้องปกปิดสถานะถึง 7 ปี
การเมืองกับการตัดสินใจของตัวละคร
ตัวละครในเรื่องนี้ จะตัดสินใจอะไร ก็คิดกันหลายตลบ ไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว เริ่มจากวังวอน ในฐานะองค์ชายรัชทายาท ดูเหมือนจะดูดีมีอำนาจ แต่แท้จริงแล้ว อยู่ท่ามกลางคมหอกคมดาบ ทุกคนให้ความเคารพในฐานะ หลานของกุปไลข่าน แม้แต่เสด็จพ่อตนเอง ด้วยความเกรงกลัวในอำนาจของหยวน แต่แทบหาคนจริงใจด้วยไม่ได้ เมื่อวังรินเข้ามา นี่จึงถือเป็นเพื่อนคนแรก วังวอนจึงพยายามรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ให้ดีที่สุด ตอนที่จะตัดสินใจเลือกพระชายา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมวอนถึงเลือกวังทัน ผมว่า ถึงซานในคราบโซฮวา จะไม่มาบอกไม่ให้เลือกตนเอง วอนก็ต้องเลือกทันอยู่ดี นอกเหนือจากเพราะสัจวาจาที่ให้กับทันและพ่อของทันไปแล้ว ก็ยังเป็นเพราะต้องการรักษามิตรภาพของตนเองกับรินอีกด้วย ซึ่งจะไม่ได้แค่รินคนเดียว แต่จะได้มาทั้งสายตระกูลฝั่งรินเลย ส่วนซาน วอนน่าจะคิดได้ว่า หาทางช่วยทีหลังได้
ส่วนวังริน อาจกล่าวได้ว่า รินเป็นคนที่ตัดสินใจบนพื้นฐานการเมืองน้อยที่สุดในเรื่องแล้ว เป็นคนที่ไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมากที่สุด ทำให้เป็นคนที่ยอมรับผลกระทบทั้งทางทางการเมือง และความสัมพันธ์ไว้กับตนเองมากที่สุด ยอมสละตนเองแทนน้องสาว เพื่อไปเป็นตัวประกันที่หยวน ทำทุกวิถีทางที่จะช่วยให้คนที่นาย(และตนเอง)รัก อยู่รอดปลอดภัยแม้ว่าจะต้องมีปัญหากับครอบครัวตนเอง บทนี้ เข้าข่ายพระรองแสนดีสุดๆ ถ้าเป็นเรื่องอื่น บทแบบนี้ ไม่มีทางได้ครอบครองนางเอก แต่เรื่องนี้ต้องรอดูต่อไป
อึนซาน เป็นคนที่ถูกผลกระทบทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ทำให้หน้าฉากที่เหมือนคุณหนูผู้สดใสร่าเริง แต่ถือได้ว่าเธอมีทักษะทางการเมืองพอตัวอยู่ทีเดียว ด้วยการที่เติบโตอยู่นอกบ้านมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มุมมองชีวิตของซาน ไม่เหมือนคุณหนูสูงศักดิ์คนอื่นๆ ที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหิน เห็นได้จากการต่อรองกับทั้งพระมเหสี ไม่ให้ลงโทษพ่อตนเอง ในความผิดที่ปกปิดฐานะของซานซึ่งส่อให้เห็นว่าพยายามลบเลี่ยงการถูกส่งไปเป็นบรรณาการหยวน โดยบอกว่า สมบัติมหาศาลนั้น ไม่อาจเทียบได้กับมันสมองของอึนยองแบก
ซานต้องถือได้ว่าเป็นอีกคน ที่ตัดสินใจแบบยอมเสียสละตนเอง เพื่อความผาสุกของคนรอบข้าง ดังนั้น ณ ขณะนี้ เราอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่า คำพูดที่ซานบอกคนอื่น เป็นจริง 100% เพราะซานจะพูดเพื่อต้องการให้ตัดสินใจของคนรอบข้างเป็นไปตามที่วางแผน อย่างเรื่องที่บอกวอนในฐานะของโซฮวาว่า อย่าเลือกคุณหนูซาน เพราะเธอรักคนอื่นอยู่แล้ว โดยส่วนตัวผมคิดว่า ซานเองก็ยังแน่ใจตนเองเลยว่ารักใครกันแน่ แต่ที่พูดก็เพื่อ ต้องการให้วอนเลือกทัน สัมพันธภาพวอนกับรินก็ดำรงอยู่ต่อไป โดยรินยังอยู่โครยอได้ ไม่ต้องไปเป็นตัวประกัน และตอนพูดกับพระมเหสีว่าคิดกับวอนแค่เพื่อน ก็เพราะไม่ต้องการให้พระมเหสีแต่งตั้งตนเองเป็นชายาอีกคน เพราะนั่นก็จะทำให้รินเสียใจ ผมว่าซานตัดสินใจ ถอนตัว เสียสละตนเองทุกอย่าง ยอมกระทั่งไปเป็น บรรณาการ เพื่อไม่ให้คนใดคนหนึ่งต้องเสียใจ
แล้วหลังจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ขอเดาใจคนเขียนบท น่าจะอ้างอิงโครงเรื่องนิยาย ผมว่าซานน่าจะได้เป็นชายาวอนอีกคน ด้วยเหตุผลและความจำเป็น เนื่องจากถูกพระราชาบีบคั้นให้ไม่มีทางออก ตัวเองถูกส่งไปบรรณาการ ซานไม่เป็นไร แต่พ่อถูกจับนี่ซานรับไม่ได้แน่นอน รัชทายาทซึ่งกำลังแสวงหาอำนาจอยู่แล้ว อาจจะต้องใช้วีธีการใด วิธีการหนึ่ง เพื่อช่วยซานและพ่อ ซึ่งผลที่ได้คือ ฐานอำนาจทางการเงิน ก็จะอยู่ในมือวอนโดยปริยาย และเมื่อวอนครองราชย์แล้ว จะต้องมีพระมเหสีจากหยวน การมีซานอยู่ด้วย จะช่วยคานอำนาจได้ แต่ตอนจบนี่คงเดาไม่ถูกแล้ว ออกได้หลายด้าน เช่น ซานอยู่กับวอนต่อไป หรือวอนสละซานให้รินไปใช้ชีวิตด้วยกันนอกวัง ไม่ข้องเกี่ยวกับการเมืองต่อไป จะออกแนวไหนอย่างไร มาลุ้นกันต่ออีกครึ่งครับ
[Spoil] วิเคราะห์ครึ่งทาง The King in Love
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ The King in Love ผ่านมาแล้วครึ่งทาง 20 ตอน (หรือ 10 ตอนเทียบกับความยาวปกติ) โดยส่วนตัวผมคิดว่า เรื่องนี้ถือได้ว่า มีความยอดเยี่ยมทั้งเรื่องคุณภาพการถ่ายทำ บท รวมถึงนักแสดงทุกคนในเรื่อง เดินเรื่องเร็ว เข้มข้นทุกตอนจริงๆ
ช่วงนี้ทวิตก็แอบเดือด วอนซาน รินซาน ซึ่งถ้าจะว่ากันตรงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นแนวรักเหมือนกับชื่อเรื่องเลย theme หลัก มันเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า สามตัวละครหลัก ถ้าเป็นละครสมัยใหม่ นี่คือ ลูกนักการเมืองทุกคน ดังนั้นการตัดสินใจในหลายๆ กรณีในเรื่อง มันไม่สามารถเทียบได้กับละครแนวโรแมนติก หรือซากึกเรื่องอื่นๆ ได้เลย เพราะกระบวนการตัดสินใจในเรื่อง มันมีพื้นฐานเกี่ยวกับอำนาจทางการเมืองทั้งสิ้น
โครงเรื่อง ๆ นี้ เป็นเรื่องของการแย่งชิงอำนาจกัน ฝ่ายอำนาจปัจจุบันคือ เสด็จพ่อที่มีความเก็บกดจากการที่ต้องอยู่ใต้อำนาจหยวน ฝ่ายเลือดบริสุทธิ์คือ ซงอิน วังจอง และฝ่ายเลือดผสมคือ วังวอน วังริน (รวมเสด็จแม่ด้วยก็ได้) โดยที่มีอึนซาน เป็นศูนย์กลางของการแย่งชิงอำนาจ ถ้าเทียบกับการเมืองปัจจุบัน อึนยองแบก นี่คือ นายทุนพรรคการเมืองรายใหญ่ที่สุด ใครได้ครอบครอง มีโอกาสชนะสูงมาก ประเด็นขัดแย้งในเรื่องคือ แผ่นดินโครยอ ตกเป็นเมืองขึ้นของหยวน พระราชาไม่มีอำนาจเด็ดขาด แม้กระทั่งพระมเหสี ก็ถูกส่งตัวมาจากหยวน ซึ่งมันสร้างปม ผัวเกลียดเมีย เมียเกลียดผัว พ่อเกลียดลูก ลูกเกลียดพ่อ เหล่าขุนนางไม่อยากให้รัชทายาทเลือดผสม ขึ้นเป็นใหญ่ ฝ่ายเลือดบริสุทธิ์จึงพยายามแย่งชิงอำนาจ ซึ่งจริงๆ แล้ว วังรินถือได้ว่ามีความเหมาะสมที่สุด ที่จะขึ้นเป็นใหญ่ แต่รินกลับเลือกอยู่ข้างวอน ซึ่งเป็นเลือดผสม ตรงจุดนี้ ทำให้ลดทอนความแข็งแกร่งของฝ่ายเลือดบริสุทธิ์ไป คือถ้าจะคิดจะกบฏ ก็หาตัวเลือกแกนนำที่เหมาะสมยาก ส่วนฝ่ายพระราชา เรียกได้ว่า ทำได้เพียงกอดพระราชลัญจกรเท่านั้น ใกล้สิ้นอำนาจเต็มที ความอ่อนแอ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความหวาดระแวงของตนเอง ทำให้แทบจะไม่มีผู้ทำให้แทบจะไม่มีผู้ภักดีจริงๆ อยู่ข้างกายเลย
การดำเนินเรื่อง แม้ว่าละครเปิดตัวช่วง 2 ตอนแรก ให้ดูเหมือนขายความฟิน และความน่ารัก ของตัวละคร แต่นั่นเหมือนตัวหลอกให้ผู้ชมมาติดกับ เพราะเพียงแค่ตัดสลับกับฉากในวัยเด็ก ก็เห็นได้ชัดเจนว่าจุดกำเนิดของการดำเนินเรื่อง การเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ช่วงเด็กๆ ซึ่งฝ่ายของวังจอง จัดฉากวางแผนร้าย เพื่อต้องการแต่งงานกับอึนซาน ด้วยหวังครอบครองทรัพย์สมบัติของอึนยองแบก พ่อของอึนซาน หากแต่แผนผิดพลาด ทำให้อึนซาน ต้องปกปิดสถานะถึง 7 ปี
การเมืองกับการตัดสินใจของตัวละคร
ตัวละครในเรื่องนี้ จะตัดสินใจอะไร ก็คิดกันหลายตลบ ไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว เริ่มจากวังวอน ในฐานะองค์ชายรัชทายาท ดูเหมือนจะดูดีมีอำนาจ แต่แท้จริงแล้ว อยู่ท่ามกลางคมหอกคมดาบ ทุกคนให้ความเคารพในฐานะ หลานของกุปไลข่าน แม้แต่เสด็จพ่อตนเอง ด้วยความเกรงกลัวในอำนาจของหยวน แต่แทบหาคนจริงใจด้วยไม่ได้ เมื่อวังรินเข้ามา นี่จึงถือเป็นเพื่อนคนแรก วังวอนจึงพยายามรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ให้ดีที่สุด ตอนที่จะตัดสินใจเลือกพระชายา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมวอนถึงเลือกวังทัน ผมว่า ถึงซานในคราบโซฮวา จะไม่มาบอกไม่ให้เลือกตนเอง วอนก็ต้องเลือกทันอยู่ดี นอกเหนือจากเพราะสัจวาจาที่ให้กับทันและพ่อของทันไปแล้ว ก็ยังเป็นเพราะต้องการรักษามิตรภาพของตนเองกับรินอีกด้วย ซึ่งจะไม่ได้แค่รินคนเดียว แต่จะได้มาทั้งสายตระกูลฝั่งรินเลย ส่วนซาน วอนน่าจะคิดได้ว่า หาทางช่วยทีหลังได้
ส่วนวังริน อาจกล่าวได้ว่า รินเป็นคนที่ตัดสินใจบนพื้นฐานการเมืองน้อยที่สุดในเรื่องแล้ว เป็นคนที่ไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมากที่สุด ทำให้เป็นคนที่ยอมรับผลกระทบทั้งทางทางการเมือง และความสัมพันธ์ไว้กับตนเองมากที่สุด ยอมสละตนเองแทนน้องสาว เพื่อไปเป็นตัวประกันที่หยวน ทำทุกวิถีทางที่จะช่วยให้คนที่นาย(และตนเอง)รัก อยู่รอดปลอดภัยแม้ว่าจะต้องมีปัญหากับครอบครัวตนเอง บทนี้ เข้าข่ายพระรองแสนดีสุดๆ ถ้าเป็นเรื่องอื่น บทแบบนี้ ไม่มีทางได้ครอบครองนางเอก แต่เรื่องนี้ต้องรอดูต่อไป
อึนซาน เป็นคนที่ถูกผลกระทบทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ทำให้หน้าฉากที่เหมือนคุณหนูผู้สดใสร่าเริง แต่ถือได้ว่าเธอมีทักษะทางการเมืองพอตัวอยู่ทีเดียว ด้วยการที่เติบโตอยู่นอกบ้านมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มุมมองชีวิตของซาน ไม่เหมือนคุณหนูสูงศักดิ์คนอื่นๆ ที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหิน เห็นได้จากการต่อรองกับทั้งพระมเหสี ไม่ให้ลงโทษพ่อตนเอง ในความผิดที่ปกปิดฐานะของซานซึ่งส่อให้เห็นว่าพยายามลบเลี่ยงการถูกส่งไปเป็นบรรณาการหยวน โดยบอกว่า สมบัติมหาศาลนั้น ไม่อาจเทียบได้กับมันสมองของอึนยองแบก
ซานต้องถือได้ว่าเป็นอีกคน ที่ตัดสินใจแบบยอมเสียสละตนเอง เพื่อความผาสุกของคนรอบข้าง ดังนั้น ณ ขณะนี้ เราอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่า คำพูดที่ซานบอกคนอื่น เป็นจริง 100% เพราะซานจะพูดเพื่อต้องการให้ตัดสินใจของคนรอบข้างเป็นไปตามที่วางแผน อย่างเรื่องที่บอกวอนในฐานะของโซฮวาว่า อย่าเลือกคุณหนูซาน เพราะเธอรักคนอื่นอยู่แล้ว โดยส่วนตัวผมคิดว่า ซานเองก็ยังแน่ใจตนเองเลยว่ารักใครกันแน่ แต่ที่พูดก็เพื่อ ต้องการให้วอนเลือกทัน สัมพันธภาพวอนกับรินก็ดำรงอยู่ต่อไป โดยรินยังอยู่โครยอได้ ไม่ต้องไปเป็นตัวประกัน และตอนพูดกับพระมเหสีว่าคิดกับวอนแค่เพื่อน ก็เพราะไม่ต้องการให้พระมเหสีแต่งตั้งตนเองเป็นชายาอีกคน เพราะนั่นก็จะทำให้รินเสียใจ ผมว่าซานตัดสินใจ ถอนตัว เสียสละตนเองทุกอย่าง ยอมกระทั่งไปเป็น บรรณาการ เพื่อไม่ให้คนใดคนหนึ่งต้องเสียใจ
แล้วหลังจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ขอเดาใจคนเขียนบท น่าจะอ้างอิงโครงเรื่องนิยาย ผมว่าซานน่าจะได้เป็นชายาวอนอีกคน ด้วยเหตุผลและความจำเป็น เนื่องจากถูกพระราชาบีบคั้นให้ไม่มีทางออก ตัวเองถูกส่งไปบรรณาการ ซานไม่เป็นไร แต่พ่อถูกจับนี่ซานรับไม่ได้แน่นอน รัชทายาทซึ่งกำลังแสวงหาอำนาจอยู่แล้ว อาจจะต้องใช้วีธีการใด วิธีการหนึ่ง เพื่อช่วยซานและพ่อ ซึ่งผลที่ได้คือ ฐานอำนาจทางการเงิน ก็จะอยู่ในมือวอนโดยปริยาย และเมื่อวอนครองราชย์แล้ว จะต้องมีพระมเหสีจากหยวน การมีซานอยู่ด้วย จะช่วยคานอำนาจได้ แต่ตอนจบนี่คงเดาไม่ถูกแล้ว ออกได้หลายด้าน เช่น ซานอยู่กับวอนต่อไป หรือวอนสละซานให้รินไปใช้ชีวิตด้วยกันนอกวัง ไม่ข้องเกี่ยวกับการเมืองต่อไป จะออกแนวไหนอย่างไร มาลุ้นกันต่ออีกครึ่งครับ