เพื่อฝึกความกล้าหาญ และความรักในสิ่งที่เล่นเสมอ
ในทุกๆ สถานการณ์
- รักลูกๆ เสมอ -
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/aDiaryofaDr.MomofThreeGirls/
- บันทึกเรื่อง "ดีต่อใจ" ของมนุษย์แม่ลูกสาม -
ตอน: ประสบการณ์ การเล่นไวโอลิน
ในที่สาธารณะครั้งแรก ของพี่อันนา (7y.)
(ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์)
(กระทู้เกี่ยวกับการเล่นไวโอลินของอันนา ก่อนหน้านี้:
https://ppantip.com/topic/36087383)
---------------
จากหัวใจของแม่คนหนึ่ง และจากหัวใจความเป็น "พ่อ" คนหนึ่งของปะป๊า ซึ่งมะม๊าคิดว่า ก็คงไม่ต่างกันจากมะม๊ามากนัก แม้ว่าจะขี้อาย และกังวลมากกว่า โดยเฉพาะ ในประเด็นเรื่อง ความปลอดภัยของลูก
แต่มะม๊าปะป๊า ก็ "เต็มใจ" ที่จะฉีกตัวเองออก แบบที่ไม่ต้องมีมาดอะไรทั้งสิ้น เพื่อกลายมาเป็น "ผู้สนับสนุนลูกน้อย" ให้ทำในสิ่งที่เรียกได้ว่า คนในครอบครัวของเรา ไม่เคยได้ทำมาก่อน คือ การเล่นดนตรีข้างถนน หรือในที่สาธารณะแบบนี้
-------------
ระหว่างทางที่กำลังเดินไปยัง Dam square หรือลานใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม อันคับคั่งด้วยผู้คนจากทั่วโลกนั้น ใจของมะม๊าก็เต้นตุ๊บๆ ตั๊บ อยู่ตลอดเวลา และยังคงจินตนาการไม่ออกว่า การที่อันนาจะเล่นดนตรีกลางถนนในที่แห่งนี้นั้น จะะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมทั้งเดาว่า ปะป๊าคงจะไม่อยากทำแล้วแน่ๆ เลย เพราะเมืองใหญ่แห่งนี้ Crazy มาก ทั้งการจราจร ที่มีทั้งจักรยานมากมาย มอเตอร์ไซต์เป็นขบวนเลย ที่ขี่โฉบเฉี่ยวไปมาอย่างมีเสรีภาพ และเสียงดังครึกครื้นกันมากๆ แต่ช่างน่ากลัวสำหรับคนเดินเท้าจริงๆ รวมถึง รถยนต์จำนวนมาก ที่สำคัญผู้คนช่างมีลักษณะเป็น "คนเมืองหลวง" กันเสียส่วนใหญ่ คือ ไม่ค่อยจะยิ้มแย้ม ทักทาย อบอุ่นกัน เหมือนคนแถวๆ บ้านเรา จากเมืองเล็กๆ ในเยอรมนีกันสักเท่าไหร่
เมื่อไปถึงที่หมาย พวกเราก็ไปตามหาคุณยาย Heidi คุณยายที่แสนดีชาวดัตช์ จากโลกอินสตาแกรม ที่ชื่นชอบผลงานด้านดนตรีของอันนามานาน ซึ่งไม่ง่ายเลย 55 เพราะคุณยาย Heidi นั้น เธอจะโชว์ภาพโปรไฟล์บนอินสตาแกรม เพียงใบหน้าช่วงบน พร้อมแว่นตาของเธอเท่านั้น ปะป๊าก็บอกมะม๊าว่า ให้ลองไปเดินหาคุณยายดู ในท่ามกลางฝูงคนที่คับคั่ง
คุณยายเขียนมาบอกเราว่า เธอจะนั่งอยู่ข้างหน้ารูปปั้นขนาดใหญ่ แต่ปัญหาคือ กว่าที่พวกเราจะหาที่จอดรถในเมืองอัมสเตอร์ดัมได้ ก็ทำให้พวกเรามาสายกว่าที่นัดหมายไว้ ถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง และที่สำคัญ เราไม่เคยเจอคุณยาย Heidi มาก่อนเลยยย
- แต่ "วันดีๆ" ยังงัย ก็จะจบลงด้วย "ประสบการณ์ดีๆ" เรามีความรู้สึกและมีความเชื่อเช่นนั้น - (แม้จะมีความกังวล ความกลัวบ้าง เล็กๆ ในใจ)
และสิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อคุณยาย Heidi เธอตะโกนเรียกเรา ด้วยความดีใจว่า "Nuch นั่นนุชใช่มั๊ยยย?" เราก็หันไปตามเสียงเรียกนั้นทันที แล้วเราทั้งสองคนก็กอดกันกลมมม
เราก็พาคุณยาย Heidi ไปทักทายปะป๊า และสามใบเถา ที่กำลังทานขนมปัง และนั่งพักเหนื่อยจากการเดินและขับรถอย่างยาวนาน ทุกคนดีใจที่ได้เจอคุณยาย Heidi เป็นครั้งแรก คุณยาย Heidi จำชื่อลูกๆ ของเราได้ทุกคน พร้อมยังมีของขวัญซึ่งเป็นขนมวัฟเฟิ่ลอบน้ำผึ้ง ขนมอันมีชื่ออย่างยาวนานของเนเธอร์แลนด์ มาฝากอีกด้วยค่ะ น่ารัก และน่าประทับใจมากๆ
หลังจากที่พวกเราได้ทักทาย และพูดคุยกับคุณยาย Heidi สักพักแล้ว คุณยายก็บอกกับพวกเราว่า
"เอาล่ะ พวกเธอจะทำอะไรที่นี่ก็แล้วแต่ ฉันจะสนับสนุนทุกอย่างเลย ถ้าตำรวจมา จะคุยให้"
- โอโห เสียวเลย จริงหรอ >>> นี่คือ ความคิด ณ เวลานั้น 555 -
คือ เธอรู้อยู่แล้วว่า พวกเรา โดยเฉพาะมะม๊ากับอันนา อยากที่จะมาเล่นดนตรี ในที่สาธารณะอย่าง Dam square ซึ่งปกติ ตามกฏหมายแล้ว ตำรวจจะไม่อนุญาตให้เล่นดนตรี หรือการแสดงใดๆ ที่นี่ได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม คนดัชต์ นั้นมีลักษณะแตกต่างจากคนเยอรมัน ที่หากบอกว่า ไม่คือไม่ แต่คนดัชต์จะลองดูก่อน และถ้าตำรวจมา ก็จะเลิกราการแสดงนั้นๆ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ Dam square แห่งนี้ มักจะคับคั่งไปด้วยนักดนตรีเดินเท้า และการแสดงเปิดหมวกต่างๆ ในตราบใดที่ การแสดงเหล่านั้น ไม่ได้รบกวน หรือทำความเดือดร้อนใดๆ ตำรวจก็จะปล่อยให้ดำเนินการแสดงต่อไป
ปะป๊าก็มองหน้าเรา และถามว่า
"นุช นี่ธอจะเอาจริงๆ หรอ?" ...
เราก็คิดในระหว่างนั้น ด้วยใจเปิดว่า โอเค ถ้าทำไม่ได้ก็จะไม่ทำ แต่มันต้องลองดูก่อนนะ คือ ต้องหาที่ดีๆ และมุมสงบ ที่ปลอดภัยให้อันนาได้ยืนเล่นไวโอลินก่อน แล้วลองสังเกตสถานการณ์โดยทั่วไปด้วย
ปะป๊าและคุณยาย Heidi ก็ทึ่งในความกล้า ที่ไม่ได้แสดงความหวาดกลัว หรือคิดจะเลิกราของมะม๊าค่ะ และก็จริงๆ นั่นแหละที่เรา ในเวลานั้น ไม่มีความกลัวอยู่ในใจเลย มีเพียงแต่ความคิดว่า "ต้องลองดู ต้องทำให้ได้" ประมาณนี้ 555
- มะม๊า คงเป็นคนที่ crazy ที่สุดดด -
--------------------
แต่ ความคิด ความรู้สึกของมะม๊า แม้ว่าจะกล้าหาญแค่ไหน แม้ว่าจะปรารถนาที่จะทำอะไรแค่ไหน ก็จะไม่มีประโยชน์เลยสักนิด หากอันนา ไม่มีความรู้สึกเหล่านี้ร่วมด้วย และลงมือทำดวยกันกับมะม๊าค่ะ
เมื่อพบเจอมุมดีๆ ใต้เสาตะเกียงสูงแล้ว เราก็บอกปะป๊าให้กางที่วางโน๊ตดนตรีออก ปะป๊าก็มองหน้า ยิ้ม และบอกทันทีว่า "โอเค" ฉากนี้ เราประทับใจปะป๊ามากๆ ที่เมื่อมองในแววตากัน ถึงแม้จะขัดใจกันบ้าง คิดต่างกันบ้าง แต่ก็เชื่อใจกัน วางใจกัน และในที่สุดก็สนับสนุนกันและกัน ด้วยความรักค่ะ
เมื่อที่วางโน็ตมาแล้ว โน๊ตเพลงเตรียมพร้อมแล้ว ไวโอลินก็อยู่ในมือมะม๊าแล้ว แต่อันนายังไม่มานะคะ อ้าววว ... พอมองไปที่สีหน้าที่เริ่มตื่นคนของอันนา ซึ่งเธอก็ยังยืนเกาะปะป๊าแน่น เราก็นึกกลัวว่า อันนาจะงอแงไหม จะทำให้มะม๊าต้องพับเก็บของทันทีไหม ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ทั้งหมดเลยค่ะ
และแล้วสิ่งที่เห็นต่อไปคือ เลาร่าปรากฎตัวขึ้นมา แล้วบอกกับอันนาว่า "ไป อันนา เราเดินไปข้างหน้า ตรงที่มะม๊ายืนด้วยกัน และเราจะอยู่ด้วยข้างๆเธอเสมอนะ"
ผลก็คือ อันนา ซึ่งคงจะทั้งอยากทำ และลังเล เพราะคนเยอะแยะมากมาย ก็เดินออกมาจากตรงที่ปะป๊ายืน ในฐานะหนึ่งในผู้ชมนะคะ มาหามะม๊า ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าผู้ชมแล้ว ในใจมะม๊าก็คิด โอวว อันนามาเร็วๆ เดี๋ยวคนจะคิดว่า ยัยป้าคนนี้จะเล่นไวโอลิน 555
และอันนา ก็เริ่มเช็คเสียงไวโอลิน และเมื่อมะม๊านับ 1 2 3 ... เพื่อเริ่มต้นเพลงที่ 1 เธอก็เริ่มบรรเลงเพลง Waltz เป็นเพลงแรกอย่างไพเราะ ผู้คนก็เริ่มวนเวียนมาดู มาฟัง พร้อมชื่นชมแบบ "oh my God" แบบคนละหลายๆ ครั้ง เพราะนักดนตรีคนนี้ ตัวจิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ ค่ะ บางคนเข้ามาตบไหล่มะม๊าและบอกว่า "ลูกสาวเธอนี่ เจ๋งจริงๆ พระเจ้าอวยพรนะ"
--------------------
หลังจากเวลาผ่านไปได้ 15 นาที การแสดงไวโอลินในเมืองอัมสเตอร์ดัมของอันนา ก็จบลงด้วยเสียงปรบมือ และความประทับใจ พร้อมด้วยเหรียญและแบงค์จำนวนมาก ที่ผู้คนต่างนำมาวางให้อันนา ในกล่องไวโอลินของเธอค่ะ
คุณยาย Heidi ก็บอกอำลาพวกเราอย่างน่าประทับใจ พร้อมทั้งอวยพรอันนาว่า อันนาจะเป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียงในอนาคตแน่ๆ และในเวลานี้ อันนาก็ถูกรักมากๆ จากคนหลายๆ คนแล้ว
เมื่อคุณยาย Heidi เดินจากไปแล้ว ปะป๊าก็หันมายิ้ม และบอกกับพวกเราว่า ปะป๊าประทับใจอันนามากๆ และภูมิใจในอันนาที่มีความกล้าหาญ และเล่นดนตนีได้ไะเราะมากๆ ที่สำคัญภูมิใจในมะม๊าด้วย ที่เราช่างกล้าหาญ ไม่เลิกราอะไรง่ายๆ ทั้งนี้ ปะป๊าและอันนา ยังพร้อมใจกันบอกมะม๊าอีกว่า
"ครั้งหน้า เรามาทำกันอีกนะ!" แล้วเลาร่าก็โพร่งขึ้นมาว่า "ครั้งหน้าจะต้องมีหนูด้วย อย่างแน่นอน!"
พอเลาร่าพูดเสร็จ ทุกคนก็มองหน้ากันและกัน และระเบิดหัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ;)
- มันจะมีอีกแน่นอน! -
ชมวิดีโอ แห่งความน่าประทับใจ ได้ที่:
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1595553050484433&id=1328618513844556
แบ่งปันเรื่อง พาลูกสาว (7ขวบ) เล่น ไวโอลินเปิดหมวก ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ (ปกติอาศัยอยู่ในเยอรมนีค่ะ)
ในทุกๆ สถานการณ์ - รักลูกๆ เสมอ -
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- บันทึกเรื่อง "ดีต่อใจ" ของมนุษย์แม่ลูกสาม -
ตอน: ประสบการณ์ การเล่นไวโอลิน
ในที่สาธารณะครั้งแรก ของพี่อันนา (7y.)
(ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์)
(กระทู้เกี่ยวกับการเล่นไวโอลินของอันนา ก่อนหน้านี้:
https://ppantip.com/topic/36087383)
---------------
จากหัวใจของแม่คนหนึ่ง และจากหัวใจความเป็น "พ่อ" คนหนึ่งของปะป๊า ซึ่งมะม๊าคิดว่า ก็คงไม่ต่างกันจากมะม๊ามากนัก แม้ว่าจะขี้อาย และกังวลมากกว่า โดยเฉพาะ ในประเด็นเรื่อง ความปลอดภัยของลูก
แต่มะม๊าปะป๊า ก็ "เต็มใจ" ที่จะฉีกตัวเองออก แบบที่ไม่ต้องมีมาดอะไรทั้งสิ้น เพื่อกลายมาเป็น "ผู้สนับสนุนลูกน้อย" ให้ทำในสิ่งที่เรียกได้ว่า คนในครอบครัวของเรา ไม่เคยได้ทำมาก่อน คือ การเล่นดนตรีข้างถนน หรือในที่สาธารณะแบบนี้
-------------
ระหว่างทางที่กำลังเดินไปยัง Dam square หรือลานใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม อันคับคั่งด้วยผู้คนจากทั่วโลกนั้น ใจของมะม๊าก็เต้นตุ๊บๆ ตั๊บ อยู่ตลอดเวลา และยังคงจินตนาการไม่ออกว่า การที่อันนาจะเล่นดนตรีกลางถนนในที่แห่งนี้นั้น จะะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมทั้งเดาว่า ปะป๊าคงจะไม่อยากทำแล้วแน่ๆ เลย เพราะเมืองใหญ่แห่งนี้ Crazy มาก ทั้งการจราจร ที่มีทั้งจักรยานมากมาย มอเตอร์ไซต์เป็นขบวนเลย ที่ขี่โฉบเฉี่ยวไปมาอย่างมีเสรีภาพ และเสียงดังครึกครื้นกันมากๆ แต่ช่างน่ากลัวสำหรับคนเดินเท้าจริงๆ รวมถึง รถยนต์จำนวนมาก ที่สำคัญผู้คนช่างมีลักษณะเป็น "คนเมืองหลวง" กันเสียส่วนใหญ่ คือ ไม่ค่อยจะยิ้มแย้ม ทักทาย อบอุ่นกัน เหมือนคนแถวๆ บ้านเรา จากเมืองเล็กๆ ในเยอรมนีกันสักเท่าไหร่
เมื่อไปถึงที่หมาย พวกเราก็ไปตามหาคุณยาย Heidi คุณยายที่แสนดีชาวดัตช์ จากโลกอินสตาแกรม ที่ชื่นชอบผลงานด้านดนตรีของอันนามานาน ซึ่งไม่ง่ายเลย 55 เพราะคุณยาย Heidi นั้น เธอจะโชว์ภาพโปรไฟล์บนอินสตาแกรม เพียงใบหน้าช่วงบน พร้อมแว่นตาของเธอเท่านั้น ปะป๊าก็บอกมะม๊าว่า ให้ลองไปเดินหาคุณยายดู ในท่ามกลางฝูงคนที่คับคั่ง
คุณยายเขียนมาบอกเราว่า เธอจะนั่งอยู่ข้างหน้ารูปปั้นขนาดใหญ่ แต่ปัญหาคือ กว่าที่พวกเราจะหาที่จอดรถในเมืองอัมสเตอร์ดัมได้ ก็ทำให้พวกเรามาสายกว่าที่นัดหมายไว้ ถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง และที่สำคัญ เราไม่เคยเจอคุณยาย Heidi มาก่อนเลยยย
- แต่ "วันดีๆ" ยังงัย ก็จะจบลงด้วย "ประสบการณ์ดีๆ" เรามีความรู้สึกและมีความเชื่อเช่นนั้น - (แม้จะมีความกังวล ความกลัวบ้าง เล็กๆ ในใจ)
และสิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อคุณยาย Heidi เธอตะโกนเรียกเรา ด้วยความดีใจว่า "Nuch นั่นนุชใช่มั๊ยยย?" เราก็หันไปตามเสียงเรียกนั้นทันที แล้วเราทั้งสองคนก็กอดกันกลมมม
เราก็พาคุณยาย Heidi ไปทักทายปะป๊า และสามใบเถา ที่กำลังทานขนมปัง และนั่งพักเหนื่อยจากการเดินและขับรถอย่างยาวนาน ทุกคนดีใจที่ได้เจอคุณยาย Heidi เป็นครั้งแรก คุณยาย Heidi จำชื่อลูกๆ ของเราได้ทุกคน พร้อมยังมีของขวัญซึ่งเป็นขนมวัฟเฟิ่ลอบน้ำผึ้ง ขนมอันมีชื่ออย่างยาวนานของเนเธอร์แลนด์ มาฝากอีกด้วยค่ะ น่ารัก และน่าประทับใจมากๆ
หลังจากที่พวกเราได้ทักทาย และพูดคุยกับคุณยาย Heidi สักพักแล้ว คุณยายก็บอกกับพวกเราว่า
"เอาล่ะ พวกเธอจะทำอะไรที่นี่ก็แล้วแต่ ฉันจะสนับสนุนทุกอย่างเลย ถ้าตำรวจมา จะคุยให้"
- โอโห เสียวเลย จริงหรอ >>> นี่คือ ความคิด ณ เวลานั้น 555 -
คือ เธอรู้อยู่แล้วว่า พวกเรา โดยเฉพาะมะม๊ากับอันนา อยากที่จะมาเล่นดนตรี ในที่สาธารณะอย่าง Dam square ซึ่งปกติ ตามกฏหมายแล้ว ตำรวจจะไม่อนุญาตให้เล่นดนตรี หรือการแสดงใดๆ ที่นี่ได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม คนดัชต์ นั้นมีลักษณะแตกต่างจากคนเยอรมัน ที่หากบอกว่า ไม่คือไม่ แต่คนดัชต์จะลองดูก่อน และถ้าตำรวจมา ก็จะเลิกราการแสดงนั้นๆ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ Dam square แห่งนี้ มักจะคับคั่งไปด้วยนักดนตรีเดินเท้า และการแสดงเปิดหมวกต่างๆ ในตราบใดที่ การแสดงเหล่านั้น ไม่ได้รบกวน หรือทำความเดือดร้อนใดๆ ตำรวจก็จะปล่อยให้ดำเนินการแสดงต่อไป
ปะป๊าก็มองหน้าเรา และถามว่า
"นุช นี่ธอจะเอาจริงๆ หรอ?" ...
เราก็คิดในระหว่างนั้น ด้วยใจเปิดว่า โอเค ถ้าทำไม่ได้ก็จะไม่ทำ แต่มันต้องลองดูก่อนนะ คือ ต้องหาที่ดีๆ และมุมสงบ ที่ปลอดภัยให้อันนาได้ยืนเล่นไวโอลินก่อน แล้วลองสังเกตสถานการณ์โดยทั่วไปด้วย
ปะป๊าและคุณยาย Heidi ก็ทึ่งในความกล้า ที่ไม่ได้แสดงความหวาดกลัว หรือคิดจะเลิกราของมะม๊าค่ะ และก็จริงๆ นั่นแหละที่เรา ในเวลานั้น ไม่มีความกลัวอยู่ในใจเลย มีเพียงแต่ความคิดว่า "ต้องลองดู ต้องทำให้ได้" ประมาณนี้ 555
- มะม๊า คงเป็นคนที่ crazy ที่สุดดด -
--------------------
แต่ ความคิด ความรู้สึกของมะม๊า แม้ว่าจะกล้าหาญแค่ไหน แม้ว่าจะปรารถนาที่จะทำอะไรแค่ไหน ก็จะไม่มีประโยชน์เลยสักนิด หากอันนา ไม่มีความรู้สึกเหล่านี้ร่วมด้วย และลงมือทำดวยกันกับมะม๊าค่ะ
เมื่อพบเจอมุมดีๆ ใต้เสาตะเกียงสูงแล้ว เราก็บอกปะป๊าให้กางที่วางโน๊ตดนตรีออก ปะป๊าก็มองหน้า ยิ้ม และบอกทันทีว่า "โอเค" ฉากนี้ เราประทับใจปะป๊ามากๆ ที่เมื่อมองในแววตากัน ถึงแม้จะขัดใจกันบ้าง คิดต่างกันบ้าง แต่ก็เชื่อใจกัน วางใจกัน และในที่สุดก็สนับสนุนกันและกัน ด้วยความรักค่ะ
เมื่อที่วางโน็ตมาแล้ว โน๊ตเพลงเตรียมพร้อมแล้ว ไวโอลินก็อยู่ในมือมะม๊าแล้ว แต่อันนายังไม่มานะคะ อ้าววว ... พอมองไปที่สีหน้าที่เริ่มตื่นคนของอันนา ซึ่งเธอก็ยังยืนเกาะปะป๊าแน่น เราก็นึกกลัวว่า อันนาจะงอแงไหม จะทำให้มะม๊าต้องพับเก็บของทันทีไหม ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ทั้งหมดเลยค่ะ
และแล้วสิ่งที่เห็นต่อไปคือ เลาร่าปรากฎตัวขึ้นมา แล้วบอกกับอันนาว่า "ไป อันนา เราเดินไปข้างหน้า ตรงที่มะม๊ายืนด้วยกัน และเราจะอยู่ด้วยข้างๆเธอเสมอนะ"
ผลก็คือ อันนา ซึ่งคงจะทั้งอยากทำ และลังเล เพราะคนเยอะแยะมากมาย ก็เดินออกมาจากตรงที่ปะป๊ายืน ในฐานะหนึ่งในผู้ชมนะคะ มาหามะม๊า ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าผู้ชมแล้ว ในใจมะม๊าก็คิด โอวว อันนามาเร็วๆ เดี๋ยวคนจะคิดว่า ยัยป้าคนนี้จะเล่นไวโอลิน 555
และอันนา ก็เริ่มเช็คเสียงไวโอลิน และเมื่อมะม๊านับ 1 2 3 ... เพื่อเริ่มต้นเพลงที่ 1 เธอก็เริ่มบรรเลงเพลง Waltz เป็นเพลงแรกอย่างไพเราะ ผู้คนก็เริ่มวนเวียนมาดู มาฟัง พร้อมชื่นชมแบบ "oh my God" แบบคนละหลายๆ ครั้ง เพราะนักดนตรีคนนี้ ตัวจิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ ค่ะ บางคนเข้ามาตบไหล่มะม๊าและบอกว่า "ลูกสาวเธอนี่ เจ๋งจริงๆ พระเจ้าอวยพรนะ"
--------------------
หลังจากเวลาผ่านไปได้ 15 นาที การแสดงไวโอลินในเมืองอัมสเตอร์ดัมของอันนา ก็จบลงด้วยเสียงปรบมือ และความประทับใจ พร้อมด้วยเหรียญและแบงค์จำนวนมาก ที่ผู้คนต่างนำมาวางให้อันนา ในกล่องไวโอลินของเธอค่ะ
คุณยาย Heidi ก็บอกอำลาพวกเราอย่างน่าประทับใจ พร้อมทั้งอวยพรอันนาว่า อันนาจะเป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียงในอนาคตแน่ๆ และในเวลานี้ อันนาก็ถูกรักมากๆ จากคนหลายๆ คนแล้ว
เมื่อคุณยาย Heidi เดินจากไปแล้ว ปะป๊าก็หันมายิ้ม และบอกกับพวกเราว่า ปะป๊าประทับใจอันนามากๆ และภูมิใจในอันนาที่มีความกล้าหาญ และเล่นดนตนีได้ไะเราะมากๆ ที่สำคัญภูมิใจในมะม๊าด้วย ที่เราช่างกล้าหาญ ไม่เลิกราอะไรง่ายๆ ทั้งนี้ ปะป๊าและอันนา ยังพร้อมใจกันบอกมะม๊าอีกว่า
"ครั้งหน้า เรามาทำกันอีกนะ!" แล้วเลาร่าก็โพร่งขึ้นมาว่า "ครั้งหน้าจะต้องมีหนูด้วย อย่างแน่นอน!"
พอเลาร่าพูดเสร็จ ทุกคนก็มองหน้ากันและกัน และระเบิดหัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ;)
- มันจะมีอีกแน่นอน! -
ชมวิดีโอ แห่งความน่าประทับใจ ได้ที่:
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1595553050484433&id=1328618513844556