สวัสดีครับวันนี้ผมได้เขียนซีซั่นพรีวิวของบุนเดสลีก้าที่กำลังจะเปิดฉากในคืนวันพรุ่งนี้แล้ว เลยมาแบ่งปันให้เพื่อนๆในพันทิปได้ลองอ่านกันครับ เผื่อจะได้เข้าใจหรืออินกับบุนเดสลีก้าปีนี้มากขึ้น(สักนิด555) หรือใครที่อยากจะลองหันมาดูบุนเดสปีนี้ ก็อาจจะช่วยให้ดูได้สนุกขึ้นครับ (เหรอ!) 5555
อย่ารอช้าไปเริ่มกันเลยครับ
1. บาเยิร์น มิวนิค (FC Bayern Munich)
ฤดูกาลนี้ทัพเสือใต้ยังคงเป็นเต็งหนึ่งและมีขุมกำลังที่เหนือกว่าทีมอื่นอยู่หลายช่วงตัว นำโดยกุนซือคนเดิมอย่างคาร์โล อันเชล็อตติ ที่พาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าเมื่อปีที่ผ่านมา ด้านขุมกำลังในปีนี้ทีมจะขาดฟิลลิป ลาห์ม แบ็คขวาตำนานอดีตกัปตันทีม และชาบี อลอนโซ่ สองแข้งที่ประกาศแขวนสตั๊ดไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา รวมถึงดั๊กลาส คอสต้า ปีกชาวบราซิลที่เก็บข้าวของย้ายไปเล่นที่อิตาลีแทน ส่วนนักเตะที่บาเยิร์นได้มาทดแทนก็มี ฮาเมส โรดิเกวซ ยอดนักเตะที่ยืมมาจาก เรอัล มาดริด นิคลาส ซูเล่และเซบาสเตียน รูดี้ สองนักเตะตัวเก่งที่บาเยิร์นซื้อแบบเหมามาจากฮอฟเฟนไฮม์ นอกจากนี้ยังได้โคเรนติน โตริซโซ่ กองกลางชาวฝรั่งเศสมาด้วยราคาสถิติสโมสร และนักเตะดาวดังคนอื่นๆยังอยู่กันพร้อมหน้า พร้อมล่าสามแชมป์ตามเป้าหมายของสโมสรอีกครั้งในปีนี้ และแม้ว่าพวกเขาจะทำผลงานในช่วงปรีซีซั่นได้ไม่ดีนัก แต่ก็คว้าแชมป์ซุปเปอร์คัพมาประดับสโมสรได้แล้ว 1 ถ้วยในซีซั่นนี้
#จุดแข็ง: ขุมกำลังรอบด้านที่เก่งกว่าเพื่อนร่วมลีกอยู่หลายช่วงตัว ตั้งแต่ประตูยันศูนย์หน้า รวมไปถึงมีแบ็คอัพทดแทนผู้เล่นตัวจริงและหมุนเวียนกันได้เกือบทุกตำแหน่ง ความร้อนแรงของคู่หูร็อบเบรี่ที่ยากจะหาใครในลีกมาหยุดยั้งได้
#จุดอ่อน: ทีมยังหาตัวแทนมาอุดช่องว่างของลาห์มและอลอนโซ่ไม่ได้ในมาตรฐานระดับเดียวกัน เกมรุกที่ยังต้องพึ่งร็อบเบรี่มากเกินไป มุลเลอร์และฮาเมสยังไม่รู้ว่าจะฟอร์มออกหัวหรือก้อยในซีซั่นนี้ รวมถึงอันเชล็อตติที่ฟิคแผนการเล่นที่ 4-3-3 มากเกินไป
#ปีนี้บาเยิร์นลุ้นอะไรดี: ทัพเสือใต้มองไปที่ถาดแชมป์ลีก้านั่นแน่นอนอยู่แล้ว ถึงพวกเขาจะมีหลายสิ่งที่ต้องแก้ไข ซึ่งแฟนเสือใต้ก็รู้ว่าทีมของเขายังไม่ดีเลิศเท่าใดนัก รวมถึงทางทีมแอดมินที่มองว่าปีนี้ทัพเสือใต้ก็มีสิทธิ์จะชวดแชมป์ลีกอยู่เบาๆ แต่จากขุมกำลังและประสบการณ์ของผู้เล่นชุดหลัก และความกระหายของผู้เล่นหน้าใหม่ บาเยิร์นก็น่าจะไม่พลาดคว้าแชมป์บุนเดสสมัยที่ 28 แน่นอน
2. อาร์แบร์ ไลป์ซิก (RB Liepzig)
พลพรรคกระทิงแดง ต้องเหนื่อยหนักกับการพยายามเก็บตัวหลักเมื่อปีที่แล้วอย่างนาบี เกอิต้า กับเอมิล ฟอร์สเบร์ก ให้อยู่กับทีมต่อไป ซึ่งไลป์ซิกก็ทำได้สำเร็จ ทำให้กลายเป็นว่าในปีนี้ไลป์ซิกจะไม่เสียตัวหลักออกจากทีมเลยแม้แต่คนเดียว นอกจากปล่อยเดวี่ เซลเกอร์ กองหน้าดาวรุ่งของทีมไปแฮร์ธ่า เบอร์ลิน นอกจากนี้พวกเขายังนำเข้าขุมกำลังหลายรายเพื่อมาลุ้นแชมป์ในปีนี้ทั้ง บรูม่า ปีกตัวจื๊ดจากกาลาตาซาราย จอน เควิน ออกุสตัน ปราการหลังดาวรุ่งจากเปเอสเช และคอนราด ไลมาร์ ที่ส่งตรงมาจากเรดบลู ซัลซ์บวก สโมสรในเครือเดียวกัน ซึ่งทั้งสามคนล้วนเป็นนักเตะดาวรุ่งอายุไม่เกิน 22 ปี ตรงกับปรัชญาสโมสรที่ต้องการสร้างทีมคนหนุ่มขึ้นมาอาละวาดยุโรป
#จุดแข็ง: ไลป์ซิกเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้ โหด ดิบ เถื่อน เป็นอันดับต้นๆของลีก และมีเกมสวนกลับที่น่ากลัวมากๆ ซึ่งในปีนี้จุดเด่นในเกมรุกก็น่าจะเป็นอาวุธสำคัญในการใช้ล้มคู่ต่อสู้ต่อไป นอกจากนี้การที่พวกเขายังเก็บตัวหลักเอาไว้ได้หมด เท่ากับว่าไลป์ซิกแทบไม่ต้องเปลี่ยนทีมอะไรเลย พวกเขาพร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา
#จุดอ่อน: ปีที่แล้วพวกเขาแสดงให้เห็นว่า ขุมกำลังคนหนุ่มของพวกเขายังไม่แกร่งพอที่จะยืนระยะลุ้นแชมป์ทั้งซีซั่นได้ ส่วนในปีนี้พวกเขาก็อาจจะยังต้องเผชิญหน้ากับความกดดันเช่นเดิม และยังมีเกมแชมป์เปี้ยนลีกอย่างน้อย 6 เกมที่จะมาเพิ่มความล้าให้กับนักเตะ ซึ่งหากพวกเขาไม่สามารถที่จะยืนระยะได้ ทัพกระทิงแดงก็อาจจะหลุดวงโคจรไปตั้งแต่หัววัน
#ปีนี้ไลป์ซิกลุ้นอะไรดี: พวกเขายังไม่ได้มองถึงถาดแชมป์ลีก้า และเน้นขอจบในพื้นที่ยุโรปไว้ก่อน ซึ่งขุมกำลังของไลป์ซิกนั้นดีพอที่จะจบหัวตารางอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะมากำหนดผลงานของพวกเขาในซีซั่นนี้ คือพวกเขาจะสามารถยืนระยะผลงานกับการเล่น 2 แมทช์ ต่อ 1 อาทิตย์ไหวหรือไม่ ถ้าหากไม่ปีนี้พวกเขาก็อาจจะได้มองแค่พื้นที่โควตายุโรป แต่ถ้าพวกเขาทำได้การฝันถึงแชมป์บุนเดสลีก้า คงไม่ใช่เรื่องเกินเลย
3. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund)
ทัพเสือเหลืองในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย เริ่มต้นจากตัวกุนซือ เมื่อเลือกที่จะปลดโทมัส ทูเคิ่ล ผู้พาทีมได้แชมป์เดเอฟเบ โพคาล แล้วหันไปใช้บริการปีเตอร์ บอสซ์ ผู้พาอาหยักซ์ อัมส์เตอร์ดัมส์ ได้ตำแหน่งรองแชมป์ ศึกยูโรป้าลีกมาแทนที่ ด้านตัวนักเตะก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เริ่มจากแผงหลังที่ปล่อยสเวน เบนเดอร์ และมัททิอัส กินเตอร์ ออกจากทีม โดยไปคว้าตัวโอเมอร์ โทปรัก จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นมาแทน ขณะที่แดนกลางได้มาห์มูด ดาฮู้ด มาจากกลัดบัค และแนวรุกได้แม็กซิมมิเลี่ยน ฟิลิลิป มาจากไฟร์บวร์กในราคา 20 ล้านยูโร และได้มาริโอ เกิตเซ่ หายมาจากการพักแข้งจากอาการป่วย อย่างไรก็ตามทัพเสือเหลืองก็กำลังวุ่นในตอนนี้ เมื่อปีกตัวเก่งอย่าง อุสมาน เด็มเบเล่ กำลังงอแงสุดขีดเพราะต้องการย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่า บวกกับอาจารบาดเจ็บของนักเตะที่เล่นงานผู้เล่นไปกว่าค่อนทีม ทำให้ทัพดอร์ทมุนด์ยังดูวุ่นวายกับการจัดสรรนักเตะชุด 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดในตอนนี้อยู่
#จุดแข็ง: ดอร์ทมุนด์มีผู้เล่นคนที่ 12 ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก พวกเขามีแฟนบอลที่เข้าไปให้กำลังใจทีมรักยามลงสนามเกือบทุกนัด และแฟนบอลที่เยลโลววอลล์แสตนด์คือแฟนบอลที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป ซึ่งทำให้ดอร์ทมุนด์คือทีมที่ทำผลงานได้แบบไร้ที่ติในบ้าน เมื่อซีซั่นที่แล้วไม่มีทีมใดมาล้วง 3 แต้มไปจากถิ่นซิกนัล อิดูร์น่า ปาร์ค ได้เลยแม้แต่ทีมเดียว การเล่นในบ้านจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งดอร์ทมุนด์ไปถึงแชมป์ในซีซั่นนี้
#จุดอ่อน: แม้พวกเขาจะเล่นดีมากในบ้านตัวเอง แต่นอกบ้านพวกเขาก็เป็นทีมแจกแต้มชั้นยอดเช่นเดียวกัน หากทีมยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ทัพเสือเหลือง อาจจะต้องเหนื่อยหนักอีกปี นอกจากนี้ดอร์ทมุนด์ภายใต้การนำของบอสซ์ยังดูเล่นไม่เข้าขา เข้าแทคติกเท่าใดนัก ซึ่งอาจส่งผลให้ช่วงต้นฤดูกาลดอร์ทมุนด์อาจมีผลงานที่ต่ำกว่าที่คาดไว้
#ปีนี้ดอร์ทมุนด์ลุ้นอะไรดี: อย่างมากพวกเขาย่อมมองถึงแชมป์ลีก หรือถ้าเอาแบบเพลย์เซฟก็ต้องโควตายูซีแอลเป็นอย่างน้อย แต่ทางผู้บริหารของดอร์ทมุนด์ก็ออกมาปรามแฟนบอลว่าอย่าเพิ่งฝันไกลถึงแชมป์ เพราะทีมกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงและสร้างระบบใหม่อีกครั้ง แต่เราก็เชื่อในมือของประสบการณ์ผู้เล่นดอร์ทมุนด์ รวมถึงขุมกำลังซึ่งเอาเข้าจริงก็มีความแข็งแกร่งในระดับแถวหน้าของฟุตบอลยุโรปเสียด้วยซ้ำ การมองถึงแชมป์ลีกอาจจะดูไกลไปนิด แต่โควต้ายูซีแอลพวกเขาไม่น่าพลาดแน่นอน
4. ฮอฟเฟ่นไฮม์ (TSG 1899 Hoffenheim)
ม้ามืดจอมเซอร์ไพร์สที่ใครๆก็หลงรักเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา กลับมาอีกครั้งภายใต้บังเหียนของยอดโค้ชหนุ่ม จูเลียน นาเกิลส์มันน์วัย 30 ปี ที่ต้องพาทีมลุยการแข่งขันแชมป์เปี้ยนลีกด้วย ทว่าปีนี้อาจไม่ใช่ปีที่ง่ายของทีมหมู่บ้านสมหวังอีกแล้วเพราะพวกเขาต้องเสีย 2 ผู้เล่นโคตรคีย์แมนอย่างนิคลาส ซูเล่ และเซบาสเตียน รูดี้ ไปให้กับพี่เสือจอมดูด บาเยิร์น มิวนิค เสียแล้ว แต่นอกจากสองคนนี้พวกเขาก็ยังเก็บตัวหลักอื่นไว้ได้ครบครัน ด้านขุมกำลังที่จะเข้ามาเสริมเพื่อไปลุยบอลยุโรปในปีนี้ เซิร์จ กนาบรี้ ปีกดาวรุ่งที่พี่เสือใจดีจากแดนใต้ปล่อยให้ยืมมา และคว้าตัว ฮาวาร์ด นอร์ดทไวท์ มาจากเวสท์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร รวมถึงปราการหลังดาวรุ่งจัสติน ฮอกม่า มาจากลีกฮอลแลนด์เพื่อเป็นตัวแทนของซูเล่ โดยนาเกิลส์มันน์ตั้งเป้าของพาทีมลุยยุโรปต่อเนื่องในปีนี้
#จุดเด่น: พวกเป็นที่เล่นเกมรุกได้ดีทีมหนึ่งของลีก อันมาจากโค้ชผู้คลั่งเกมบุกอย่างนาเกิลส์มันน์ และพวกเขาเป็นทีมที่บุกได้บุกดี บุกแบบไม่เคยกลัวใคร จนถึงขั้นยัดเยียดความปราชัยให้บาเยิร์นมาแล้วในซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดก็ต้องยกเครดิตให้กับคนหนุ่มไฟแรงอย่างนาเกิลส์มันน์ที่สร้างทีมนี้ขึ้นมากับมือ ด้วยแทคติกเกมรุกสุดฉมัง นอกจากนี้ยังเป็นโชที่ชอบปั้นเด็กและสร้างทีมสปิริตได้อย่างดี
#จุดอ่อน: ในขณะที่พวกเขาเป็นทีมที่มีเกมบุกสุดมันส์ ด้านตรงข้ามของพวกเขาก็คือเกมรับซึ่งไม่ค่อยดีเท่าใดนัก พวกเขาชอบที่จะดันสูงและเปิดพื้นที่ในการสวนกลับให้คู่ต่อสู้อยู่บ่อยๆ ในปีที่แล้วพวกเขาได้ซูเล่ช่วยไว้เยอะ ในปีนี้เมื่อขาดเซนเตอร์ตัวหลักไป ต้องดูว่าจะทำได้ดีแค่ไหน รวมถึงเกมนอกบ้านซึ่งพวกเขามักจะทำแต้มหล่นบ่อยๆ ต้องเป็นจุดที่พวกเขาต้องแก้ให้ได้
#ปีนี้ฮอฟเฟ่นไฮม์ลุ้นอะไรดี: พวกเขาตั้งเป้าหมายที่จะจบในพื้นที่ไปบอลยุโรปให้ได้ แต่คำถามสำคัญที่ทางฮอฟต้องตอบให้ได้คือพวกเขาจะหาใครมาแทนซูเล่หรือรูดี้ได้หรือไม่ เพราะหากทำไม่ได้พวกเขาอาจจะสูญเสียความแข็งแกร่งที่เคยมี และฮอฟอาจจะต้องกลับไปเป็นทีมกลางตารางลงไปเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีเกมยุโรปที่จะมารบกวนสภาพความฟิตของพวกเขาอีกด้วย แต่หากพวกเขาผ่านอุปสรรคที่ขวางหน้ามาได้ พื้นที่ยูซีแอลมีลุ้นแน่นอน
5. เอฟซี โคลน (FC Koln)
เจ้าแพะหนุ่มแห่งบุนเดสลีก้าทำผลงานได้สุดประทับใจกับการจบอันดับที่ 5 และได้ไปลุยฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี โดยโคลนในปีนี้ยังคงนำทัพโดย ปีเตอร์ สโตการ์ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งสำคัญซึ่งน่ากังวัลอย่างมากคือพวกเขาเลือกปล่อยตัว แอนโทนี่ โมเดสต์ กองหน้าตัวเก่งที่ยิงไป 25 ประตูในลีกเมื่อปีที่แล้ว ไปเล่นในลีกจีนเพื่อแลกกับเงิน 35 ล้านยูโร รวมถึงเนเว่น ซูโบติค เซ็นเตอร์แบ็คที่ดอร์ทมุนด์เลือกดึงกลับไปใช้งาน อย่างไรก็ตามโคลนก็ไม่อยู่นิ่งหาตัวแทนเข้ามาอุดช่องว่างที่สองคีย์แมนเมื่อซีซั่นก่อนทิ้งเอาไว้ โดยตำแหน่งหน้าเป้า พวกเขาจ่ายเงิน 17 ล้านยูโรดึง จอห์น คอร์โดบา มาจากไมนซ์ และคว้าฆอเก้ เมเร่ มาจากกิฆ่อนด้วยราคา 7 ล้านยูโรเพื่อแทนที่ของซูโบติค นอกจากนี้ยังคว้าเจนเนส ฮอร์น แบ็คซ้ายดาวรุ่งมาจากโวลฟบวร์ก สนนราคา 7 ล้านเช่นเดียวกัน รวมถึงดันนักเตะดาวรุ่งหลายคนจากชุดเยาวชนขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ในปีนี้ด้วยเช่นกัน
#จุดแข่ง: โคลนเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้มีคุณภาพอีกทีมหนึ่ง พวกเขาสามารถเซ็ตเกมรุกโจมตีโดยเริ่มตั้งบอลจากแนวหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจุดแข็งคือมีบอลไดเร็คที่มีประสิทธิภาพทั้งจากแนวลึกและด้านข้าง รวมถึงเป็นทีมที่เล่นเกมบุกได้น้อยจังหวะอีกด้วย
#จุดอ่อน: จริงอยู่ที่ว่าเกมรุกของพวกเขามีประสิทธิภาพ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขามีแกนกลางในแนวรุกเป็น แอนโทนี่ โมเดสต์ ที่คอยทั้งพักบอล ส่งบอล ยิงประตู ทำทุกอย่างในแนวรุกได้อย่างมีระบบ เรียกว่าเป็นระบบโมเดสต์ก็ว่าได้ ซีซั่นที่แล้วพวกเขายิงได้ 51 ประตู โดยครึ่งนึงนั้นเป็นของโมเดสต์ และการจากไปของโมเดสต์ในปีนี้อาจทิ้งหายนะไว้ให้กับต้นสังกัดเดิมของเขาก็ได้
#ปีนี้โคลนลุ้นอะไรดี: ปีนี้พวกเขาหันมาทำทีมตามเทรนด์ เน้นพลังคนหนุ่มในการล่าความสำเร็จ เมื่อ 5 แข้งใหม่ที่เข้าสู่ทีมในปีนี้อายุไม่เกิน 20 ปี ส่วนอีกคนคือจอห์น คอร์โดบาก็อายุแค่ 24 ปี เท่านั้น ซึ่งปีนี้โคลนจะได้ไปลุยบอลยุโรปอันเป็นความฝันอันยาวนานของพวกเขาเสียที แต่ซีซั่นนี้จะเป็นงานหินของพวกเขาแน่นอน เพราะพวกเขาจะเสียทั้งกองหน้าตัวหลัก แถมยังต้องเล่นถึง 3 ถ้วย รวมไปถึงขนาดทีมที่ไม่ได้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการเล่นบอลยุโรปเลยแม้แต่น้อย ปีนี้โคลนจะต้องตัดสินใจให้ดีว่าพวกเขาจะเน้นบอลยุโรปหรือบอลลีก
บุนเดสลีก้าซีซั่นพรีวิว 2017/2018
อย่ารอช้าไปเริ่มกันเลยครับ
1. บาเยิร์น มิวนิค (FC Bayern Munich)
ฤดูกาลนี้ทัพเสือใต้ยังคงเป็นเต็งหนึ่งและมีขุมกำลังที่เหนือกว่าทีมอื่นอยู่หลายช่วงตัว นำโดยกุนซือคนเดิมอย่างคาร์โล อันเชล็อตติ ที่พาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าเมื่อปีที่ผ่านมา ด้านขุมกำลังในปีนี้ทีมจะขาดฟิลลิป ลาห์ม แบ็คขวาตำนานอดีตกัปตันทีม และชาบี อลอนโซ่ สองแข้งที่ประกาศแขวนสตั๊ดไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา รวมถึงดั๊กลาส คอสต้า ปีกชาวบราซิลที่เก็บข้าวของย้ายไปเล่นที่อิตาลีแทน ส่วนนักเตะที่บาเยิร์นได้มาทดแทนก็มี ฮาเมส โรดิเกวซ ยอดนักเตะที่ยืมมาจาก เรอัล มาดริด นิคลาส ซูเล่และเซบาสเตียน รูดี้ สองนักเตะตัวเก่งที่บาเยิร์นซื้อแบบเหมามาจากฮอฟเฟนไฮม์ นอกจากนี้ยังได้โคเรนติน โตริซโซ่ กองกลางชาวฝรั่งเศสมาด้วยราคาสถิติสโมสร และนักเตะดาวดังคนอื่นๆยังอยู่กันพร้อมหน้า พร้อมล่าสามแชมป์ตามเป้าหมายของสโมสรอีกครั้งในปีนี้ และแม้ว่าพวกเขาจะทำผลงานในช่วงปรีซีซั่นได้ไม่ดีนัก แต่ก็คว้าแชมป์ซุปเปอร์คัพมาประดับสโมสรได้แล้ว 1 ถ้วยในซีซั่นนี้
#จุดแข็ง: ขุมกำลังรอบด้านที่เก่งกว่าเพื่อนร่วมลีกอยู่หลายช่วงตัว ตั้งแต่ประตูยันศูนย์หน้า รวมไปถึงมีแบ็คอัพทดแทนผู้เล่นตัวจริงและหมุนเวียนกันได้เกือบทุกตำแหน่ง ความร้อนแรงของคู่หูร็อบเบรี่ที่ยากจะหาใครในลีกมาหยุดยั้งได้
#จุดอ่อน: ทีมยังหาตัวแทนมาอุดช่องว่างของลาห์มและอลอนโซ่ไม่ได้ในมาตรฐานระดับเดียวกัน เกมรุกที่ยังต้องพึ่งร็อบเบรี่มากเกินไป มุลเลอร์และฮาเมสยังไม่รู้ว่าจะฟอร์มออกหัวหรือก้อยในซีซั่นนี้ รวมถึงอันเชล็อตติที่ฟิคแผนการเล่นที่ 4-3-3 มากเกินไป
#ปีนี้บาเยิร์นลุ้นอะไรดี: ทัพเสือใต้มองไปที่ถาดแชมป์ลีก้านั่นแน่นอนอยู่แล้ว ถึงพวกเขาจะมีหลายสิ่งที่ต้องแก้ไข ซึ่งแฟนเสือใต้ก็รู้ว่าทีมของเขายังไม่ดีเลิศเท่าใดนัก รวมถึงทางทีมแอดมินที่มองว่าปีนี้ทัพเสือใต้ก็มีสิทธิ์จะชวดแชมป์ลีกอยู่เบาๆ แต่จากขุมกำลังและประสบการณ์ของผู้เล่นชุดหลัก และความกระหายของผู้เล่นหน้าใหม่ บาเยิร์นก็น่าจะไม่พลาดคว้าแชมป์บุนเดสสมัยที่ 28 แน่นอน
2. อาร์แบร์ ไลป์ซิก (RB Liepzig)
พลพรรคกระทิงแดง ต้องเหนื่อยหนักกับการพยายามเก็บตัวหลักเมื่อปีที่แล้วอย่างนาบี เกอิต้า กับเอมิล ฟอร์สเบร์ก ให้อยู่กับทีมต่อไป ซึ่งไลป์ซิกก็ทำได้สำเร็จ ทำให้กลายเป็นว่าในปีนี้ไลป์ซิกจะไม่เสียตัวหลักออกจากทีมเลยแม้แต่คนเดียว นอกจากปล่อยเดวี่ เซลเกอร์ กองหน้าดาวรุ่งของทีมไปแฮร์ธ่า เบอร์ลิน นอกจากนี้พวกเขายังนำเข้าขุมกำลังหลายรายเพื่อมาลุ้นแชมป์ในปีนี้ทั้ง บรูม่า ปีกตัวจื๊ดจากกาลาตาซาราย จอน เควิน ออกุสตัน ปราการหลังดาวรุ่งจากเปเอสเช และคอนราด ไลมาร์ ที่ส่งตรงมาจากเรดบลู ซัลซ์บวก สโมสรในเครือเดียวกัน ซึ่งทั้งสามคนล้วนเป็นนักเตะดาวรุ่งอายุไม่เกิน 22 ปี ตรงกับปรัชญาสโมสรที่ต้องการสร้างทีมคนหนุ่มขึ้นมาอาละวาดยุโรป
#จุดแข็ง: ไลป์ซิกเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้ โหด ดิบ เถื่อน เป็นอันดับต้นๆของลีก และมีเกมสวนกลับที่น่ากลัวมากๆ ซึ่งในปีนี้จุดเด่นในเกมรุกก็น่าจะเป็นอาวุธสำคัญในการใช้ล้มคู่ต่อสู้ต่อไป นอกจากนี้การที่พวกเขายังเก็บตัวหลักเอาไว้ได้หมด เท่ากับว่าไลป์ซิกแทบไม่ต้องเปลี่ยนทีมอะไรเลย พวกเขาพร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา
#จุดอ่อน: ปีที่แล้วพวกเขาแสดงให้เห็นว่า ขุมกำลังคนหนุ่มของพวกเขายังไม่แกร่งพอที่จะยืนระยะลุ้นแชมป์ทั้งซีซั่นได้ ส่วนในปีนี้พวกเขาก็อาจจะยังต้องเผชิญหน้ากับความกดดันเช่นเดิม และยังมีเกมแชมป์เปี้ยนลีกอย่างน้อย 6 เกมที่จะมาเพิ่มความล้าให้กับนักเตะ ซึ่งหากพวกเขาไม่สามารถที่จะยืนระยะได้ ทัพกระทิงแดงก็อาจจะหลุดวงโคจรไปตั้งแต่หัววัน
#ปีนี้ไลป์ซิกลุ้นอะไรดี: พวกเขายังไม่ได้มองถึงถาดแชมป์ลีก้า และเน้นขอจบในพื้นที่ยุโรปไว้ก่อน ซึ่งขุมกำลังของไลป์ซิกนั้นดีพอที่จะจบหัวตารางอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะมากำหนดผลงานของพวกเขาในซีซั่นนี้ คือพวกเขาจะสามารถยืนระยะผลงานกับการเล่น 2 แมทช์ ต่อ 1 อาทิตย์ไหวหรือไม่ ถ้าหากไม่ปีนี้พวกเขาก็อาจจะได้มองแค่พื้นที่โควตายุโรป แต่ถ้าพวกเขาทำได้การฝันถึงแชมป์บุนเดสลีก้า คงไม่ใช่เรื่องเกินเลย
3. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund)
ทัพเสือเหลืองในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย เริ่มต้นจากตัวกุนซือ เมื่อเลือกที่จะปลดโทมัส ทูเคิ่ล ผู้พาทีมได้แชมป์เดเอฟเบ โพคาล แล้วหันไปใช้บริการปีเตอร์ บอสซ์ ผู้พาอาหยักซ์ อัมส์เตอร์ดัมส์ ได้ตำแหน่งรองแชมป์ ศึกยูโรป้าลีกมาแทนที่ ด้านตัวนักเตะก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เริ่มจากแผงหลังที่ปล่อยสเวน เบนเดอร์ และมัททิอัส กินเตอร์ ออกจากทีม โดยไปคว้าตัวโอเมอร์ โทปรัก จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นมาแทน ขณะที่แดนกลางได้มาห์มูด ดาฮู้ด มาจากกลัดบัค และแนวรุกได้แม็กซิมมิเลี่ยน ฟิลิลิป มาจากไฟร์บวร์กในราคา 20 ล้านยูโร และได้มาริโอ เกิตเซ่ หายมาจากการพักแข้งจากอาการป่วย อย่างไรก็ตามทัพเสือเหลืองก็กำลังวุ่นในตอนนี้ เมื่อปีกตัวเก่งอย่าง อุสมาน เด็มเบเล่ กำลังงอแงสุดขีดเพราะต้องการย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่า บวกกับอาจารบาดเจ็บของนักเตะที่เล่นงานผู้เล่นไปกว่าค่อนทีม ทำให้ทัพดอร์ทมุนด์ยังดูวุ่นวายกับการจัดสรรนักเตะชุด 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดในตอนนี้อยู่
#จุดแข็ง: ดอร์ทมุนด์มีผู้เล่นคนที่ 12 ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก พวกเขามีแฟนบอลที่เข้าไปให้กำลังใจทีมรักยามลงสนามเกือบทุกนัด และแฟนบอลที่เยลโลววอลล์แสตนด์คือแฟนบอลที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป ซึ่งทำให้ดอร์ทมุนด์คือทีมที่ทำผลงานได้แบบไร้ที่ติในบ้าน เมื่อซีซั่นที่แล้วไม่มีทีมใดมาล้วง 3 แต้มไปจากถิ่นซิกนัล อิดูร์น่า ปาร์ค ได้เลยแม้แต่ทีมเดียว การเล่นในบ้านจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งดอร์ทมุนด์ไปถึงแชมป์ในซีซั่นนี้
#จุดอ่อน: แม้พวกเขาจะเล่นดีมากในบ้านตัวเอง แต่นอกบ้านพวกเขาก็เป็นทีมแจกแต้มชั้นยอดเช่นเดียวกัน หากทีมยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ทัพเสือเหลือง อาจจะต้องเหนื่อยหนักอีกปี นอกจากนี้ดอร์ทมุนด์ภายใต้การนำของบอสซ์ยังดูเล่นไม่เข้าขา เข้าแทคติกเท่าใดนัก ซึ่งอาจส่งผลให้ช่วงต้นฤดูกาลดอร์ทมุนด์อาจมีผลงานที่ต่ำกว่าที่คาดไว้
#ปีนี้ดอร์ทมุนด์ลุ้นอะไรดี: อย่างมากพวกเขาย่อมมองถึงแชมป์ลีก หรือถ้าเอาแบบเพลย์เซฟก็ต้องโควตายูซีแอลเป็นอย่างน้อย แต่ทางผู้บริหารของดอร์ทมุนด์ก็ออกมาปรามแฟนบอลว่าอย่าเพิ่งฝันไกลถึงแชมป์ เพราะทีมกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงและสร้างระบบใหม่อีกครั้ง แต่เราก็เชื่อในมือของประสบการณ์ผู้เล่นดอร์ทมุนด์ รวมถึงขุมกำลังซึ่งเอาเข้าจริงก็มีความแข็งแกร่งในระดับแถวหน้าของฟุตบอลยุโรปเสียด้วยซ้ำ การมองถึงแชมป์ลีกอาจจะดูไกลไปนิด แต่โควต้ายูซีแอลพวกเขาไม่น่าพลาดแน่นอน
4. ฮอฟเฟ่นไฮม์ (TSG 1899 Hoffenheim)
ม้ามืดจอมเซอร์ไพร์สที่ใครๆก็หลงรักเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา กลับมาอีกครั้งภายใต้บังเหียนของยอดโค้ชหนุ่ม จูเลียน นาเกิลส์มันน์วัย 30 ปี ที่ต้องพาทีมลุยการแข่งขันแชมป์เปี้ยนลีกด้วย ทว่าปีนี้อาจไม่ใช่ปีที่ง่ายของทีมหมู่บ้านสมหวังอีกแล้วเพราะพวกเขาต้องเสีย 2 ผู้เล่นโคตรคีย์แมนอย่างนิคลาส ซูเล่ และเซบาสเตียน รูดี้ ไปให้กับพี่เสือจอมดูด บาเยิร์น มิวนิค เสียแล้ว แต่นอกจากสองคนนี้พวกเขาก็ยังเก็บตัวหลักอื่นไว้ได้ครบครัน ด้านขุมกำลังที่จะเข้ามาเสริมเพื่อไปลุยบอลยุโรปในปีนี้ เซิร์จ กนาบรี้ ปีกดาวรุ่งที่พี่เสือใจดีจากแดนใต้ปล่อยให้ยืมมา และคว้าตัว ฮาวาร์ด นอร์ดทไวท์ มาจากเวสท์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร รวมถึงปราการหลังดาวรุ่งจัสติน ฮอกม่า มาจากลีกฮอลแลนด์เพื่อเป็นตัวแทนของซูเล่ โดยนาเกิลส์มันน์ตั้งเป้าของพาทีมลุยยุโรปต่อเนื่องในปีนี้
#จุดเด่น: พวกเป็นที่เล่นเกมรุกได้ดีทีมหนึ่งของลีก อันมาจากโค้ชผู้คลั่งเกมบุกอย่างนาเกิลส์มันน์ และพวกเขาเป็นทีมที่บุกได้บุกดี บุกแบบไม่เคยกลัวใคร จนถึงขั้นยัดเยียดความปราชัยให้บาเยิร์นมาแล้วในซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดก็ต้องยกเครดิตให้กับคนหนุ่มไฟแรงอย่างนาเกิลส์มันน์ที่สร้างทีมนี้ขึ้นมากับมือ ด้วยแทคติกเกมรุกสุดฉมัง นอกจากนี้ยังเป็นโชที่ชอบปั้นเด็กและสร้างทีมสปิริตได้อย่างดี
#จุดอ่อน: ในขณะที่พวกเขาเป็นทีมที่มีเกมบุกสุดมันส์ ด้านตรงข้ามของพวกเขาก็คือเกมรับซึ่งไม่ค่อยดีเท่าใดนัก พวกเขาชอบที่จะดันสูงและเปิดพื้นที่ในการสวนกลับให้คู่ต่อสู้อยู่บ่อยๆ ในปีที่แล้วพวกเขาได้ซูเล่ช่วยไว้เยอะ ในปีนี้เมื่อขาดเซนเตอร์ตัวหลักไป ต้องดูว่าจะทำได้ดีแค่ไหน รวมถึงเกมนอกบ้านซึ่งพวกเขามักจะทำแต้มหล่นบ่อยๆ ต้องเป็นจุดที่พวกเขาต้องแก้ให้ได้
#ปีนี้ฮอฟเฟ่นไฮม์ลุ้นอะไรดี: พวกเขาตั้งเป้าหมายที่จะจบในพื้นที่ไปบอลยุโรปให้ได้ แต่คำถามสำคัญที่ทางฮอฟต้องตอบให้ได้คือพวกเขาจะหาใครมาแทนซูเล่หรือรูดี้ได้หรือไม่ เพราะหากทำไม่ได้พวกเขาอาจจะสูญเสียความแข็งแกร่งที่เคยมี และฮอฟอาจจะต้องกลับไปเป็นทีมกลางตารางลงไปเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีเกมยุโรปที่จะมารบกวนสภาพความฟิตของพวกเขาอีกด้วย แต่หากพวกเขาผ่านอุปสรรคที่ขวางหน้ามาได้ พื้นที่ยูซีแอลมีลุ้นแน่นอน
5. เอฟซี โคลน (FC Koln)
เจ้าแพะหนุ่มแห่งบุนเดสลีก้าทำผลงานได้สุดประทับใจกับการจบอันดับที่ 5 และได้ไปลุยฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี โดยโคลนในปีนี้ยังคงนำทัพโดย ปีเตอร์ สโตการ์ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งสำคัญซึ่งน่ากังวัลอย่างมากคือพวกเขาเลือกปล่อยตัว แอนโทนี่ โมเดสต์ กองหน้าตัวเก่งที่ยิงไป 25 ประตูในลีกเมื่อปีที่แล้ว ไปเล่นในลีกจีนเพื่อแลกกับเงิน 35 ล้านยูโร รวมถึงเนเว่น ซูโบติค เซ็นเตอร์แบ็คที่ดอร์ทมุนด์เลือกดึงกลับไปใช้งาน อย่างไรก็ตามโคลนก็ไม่อยู่นิ่งหาตัวแทนเข้ามาอุดช่องว่างที่สองคีย์แมนเมื่อซีซั่นก่อนทิ้งเอาไว้ โดยตำแหน่งหน้าเป้า พวกเขาจ่ายเงิน 17 ล้านยูโรดึง จอห์น คอร์โดบา มาจากไมนซ์ และคว้าฆอเก้ เมเร่ มาจากกิฆ่อนด้วยราคา 7 ล้านยูโรเพื่อแทนที่ของซูโบติค นอกจากนี้ยังคว้าเจนเนส ฮอร์น แบ็คซ้ายดาวรุ่งมาจากโวลฟบวร์ก สนนราคา 7 ล้านเช่นเดียวกัน รวมถึงดันนักเตะดาวรุ่งหลายคนจากชุดเยาวชนขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ในปีนี้ด้วยเช่นกัน
#จุดแข่ง: โคลนเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้มีคุณภาพอีกทีมหนึ่ง พวกเขาสามารถเซ็ตเกมรุกโจมตีโดยเริ่มตั้งบอลจากแนวหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจุดแข็งคือมีบอลไดเร็คที่มีประสิทธิภาพทั้งจากแนวลึกและด้านข้าง รวมถึงเป็นทีมที่เล่นเกมบุกได้น้อยจังหวะอีกด้วย
#จุดอ่อน: จริงอยู่ที่ว่าเกมรุกของพวกเขามีประสิทธิภาพ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขามีแกนกลางในแนวรุกเป็น แอนโทนี่ โมเดสต์ ที่คอยทั้งพักบอล ส่งบอล ยิงประตู ทำทุกอย่างในแนวรุกได้อย่างมีระบบ เรียกว่าเป็นระบบโมเดสต์ก็ว่าได้ ซีซั่นที่แล้วพวกเขายิงได้ 51 ประตู โดยครึ่งนึงนั้นเป็นของโมเดสต์ และการจากไปของโมเดสต์ในปีนี้อาจทิ้งหายนะไว้ให้กับต้นสังกัดเดิมของเขาก็ได้
#ปีนี้โคลนลุ้นอะไรดี: ปีนี้พวกเขาหันมาทำทีมตามเทรนด์ เน้นพลังคนหนุ่มในการล่าความสำเร็จ เมื่อ 5 แข้งใหม่ที่เข้าสู่ทีมในปีนี้อายุไม่เกิน 20 ปี ส่วนอีกคนคือจอห์น คอร์โดบาก็อายุแค่ 24 ปี เท่านั้น ซึ่งปีนี้โคลนจะได้ไปลุยบอลยุโรปอันเป็นความฝันอันยาวนานของพวกเขาเสียที แต่ซีซั่นนี้จะเป็นงานหินของพวกเขาแน่นอน เพราะพวกเขาจะเสียทั้งกองหน้าตัวหลัก แถมยังต้องเล่นถึง 3 ถ้วย รวมไปถึงขนาดทีมที่ไม่ได้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการเล่นบอลยุโรปเลยแม้แต่น้อย ปีนี้โคลนจะต้องตัดสินใจให้ดีว่าพวกเขาจะเน้นบอลยุโรปหรือบอลลีก