ผมคือหนึ่งคน ที่เคยถูกแอดมิ้นประจาน แล้วลูกเฟจเข้ามารุมด่าเละตุ้มเป๊ะ กันเลยทีเดียว
เลยอยากขอแบ่งปันประสบการณ์ครับ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ดีควรหรือไม่ยังไง คุณที่กำลังอ่านอยู่เท่านั้นที่จะตัดสินครับ
ขอเกริ่นนำก่อนเลยละกันครับ ผมอายุ 25 ทำงานที่ร้านเล็กๆของตัวเอง สุขภาพจิตปกติดีนะครับ
เริ่มแรกคือผม ได้ไปดูรายการทีวีรายการหนึ่งที่เขาหาคำตอบเกี่ยวกับการอ่านหนังสือของคนไทย ว่าทำไมคนไทยไม่ค่อยอ่านหนังสือกัน
พอดูจบผมก็สรุป ว่าที่คนไทยไม่ค่อยอ่าน เพราะว่า คนไทยนับถือหนังสือเป็นคัมภีร์ ต้องเชื่อเเละทำตามที่หนังสือบอก ไม่สามารถโต้เถียงหนังสือได้ ทำให้เกิดความห่างเหินกับหนังสือ คนเลยไม่ค่อยอ่าน
ทีนี้ ผมเลยตั้งใจเลยว่า เราสามารถโต้เถียงกับหนังสือได้ หนังสือเล่มนี้ไม่ดีคนเขียนมันไป ctrl+c +v แบบรัวๆจากเน็ตมาเเล้วเอามาลงนี่หว่า เราสามารถโต้เเย้งว่าสิ่งที่เขาเขียนนั้น เป็นจริงหรือไม่จริงกับสำนักพิมพ์ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
ผมก็มั่นใจในความคิดของตัวเองมากขึ้นเมื่อ ไปเจอกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิเเละเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็นได้
จนกระทั่งเรื่องมันเกิดขึ้น คือผมได้ไปอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ แปลไทยในเว็บ ได้ดีมาก มันมาก ผมชอบ ผมเลยไปซื้อ มาสะสมไว้ ยี่สิบกว่าเล่ม แต่พอมาอ่านในหนังสือ กลับพบว่าความสนุกมันลดน้อยลง ทั้งสำนวนการพูดที่เราเคยอ่านง่ายๆเข้าใจได้ทันที กลับต้องมาเจอ คำศัพท์ที่ต้องเเปลไทยเป็นไทย ของยกตัวอย่างที่ไม่มีในหนังสือการ์ตูนนะครับเพราะไม่อยากพาดพิง เช่น คำแปลที่ตัวละครพูดว่า สอง แต่คนที่แปลหนังสือเขาใช้ทำว่า ทวิ(ทะวิ) ซึ่งผมเข้าใจ เพราะผมชอบอ่านหนังสือ แต่สมมุติว่าเป็นเด็กอายุ 15 ปีมาอ่าน 12 ปีมาอ่าน เขาจะเข้าใจไหม ทั้งๆที่คนแปลใช้คำว่าสองเลยก็ได้ แต่เขาไม่ใช้ นี่คือหนึ่งเรื่องซึ่งผมคิดว่า มันสำคัญมากนะเพราะเนื้อเรื่องกำลังสนุกแต่ก็ต้องสดุดเพราะ ต้องมาแปลคำศัพท์บางศัพท์จากไทยให้เป็นไทย หรืออีกหลายๆเรื่องทั้งคำพูดที่พูดโบราณอยู่ดีๆ ก็มาเอาคำสบถ ที่เป็นภาษาปัจจุบันใส่ลงไป แล้วกลับไปกลับมา แล้วก็อีกหลายๆอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่าคนเเปลเขาจะทำง่ายๆให้มันยากขึ้นทำไม
ผมทนอ่านจากเล่ม 1 ไปถึงเล่มที่ 18 ตบะของผมก็แตก ผมว่าจะโทรไปด่าสำนักพิมพ์ แต่ว่าวันนั้นเป็นวันหยุดโทรยังไงก็โทรไม่ติด
ผมเลยไปโพสบอกสำนักพิมพ์ในเฟสบุ๊ก ว่า หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ เขาเขียนมาดี แต่คนที่เเปลเป็นไทย แปลได้ห่วยแตกมาก ผมไม่เคยอ่านการ์ตูนเรื่องไหนแล้วแปลได้แย่ขนาดนี้มาก่อน เปลี่ยน คนเเปลได้ไหมครับ(ผมรับผิดชอบกับคำพูดตัวเองนะเพราะผมใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และผมคิดว่าผมสามารถโต้เเย้งกับหนังสือที่อ่านได้ผมมีสิทธินั้น ตามที่เกริ่นมาข้างต้น)
และแล้ว เรื่องไทยแลนแดนดราม่า ก็เรื่องจากตรงนี้
ผมโพสไปได้ประมาณหนึ่งชม.ยังไม่มีใครเห็น แต่พอเวลาประมาณสี่โมงเย็น ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านเริ่มเลิกจากโรงเรียน เริ่มเลิกงาน ก็เริ่มมีคนเข้ามาถามว่าไม่ชอบตรงไหนยังไง อะบางคนก็เข้ามาด่าทันที บางคนก็มาแนะนำว่าอย่า
ไปอ่านสิถ้าไม่ชอบ ซึ่งผมก็นั่งตอบไปตามระดับความแรงของคำถามเเละคำแนะนำ ในที่นี้ไม่ขอยกตัวอย่างนะครับเพราะผมก็คิดว่าผมปากจัดเหมือนกันวันนั้น คนที่พูดมาดี ผมก็ตอบดี ส่วนคนที่ด่ามาเลยผมก็ด่ากลับ แล้วก็มีบางคนที่เกลียดที่ผมโพสมากแบบถึงขนาด ไปเข้าเฟสปลอมหลายๆเฟสของตัวเองมารุมด่าผม แต่เขาใช้คำด่าเดิมไงผมก็เลยรู้ว่ามันเป็นคนเดียวกัน ผมก็ลบ อ่ามาอีกผมก็บล๊อก เขาก็หายไปสมัครเฟสใหม่ก็เข้ามาผมก็บล๊อก คนนั้นเขาทำอย่างนั้นอยู่สี่ห้าครั้งอะ ผมก็เลยสรุปเอาว่าที่เขามีความพยายามเข้ามาด่าผมขนาดนั้น เขาคงคิดว่า พอผมด่าหนังสือเเล้วสำนักพิมพ์จะงอลไม่พิมพ์ออกมาให้เขาอ่านอีกเป็นแน่ ในที่นี้ผมขอตอบแทนสำนักพิมพ์เลยว่า ไม่!!หยุดพิมพ์แน่นอนตราบใดที่พวกเอ็งซื้ออยู่
บางคนก็ไปขุดคุ้ยประวัติผมมาโขกสับ หน้าตามั่งละ อันนั้นผมไม่ติดใจเพราะผมก็ด่ากลับไปเหมือนกัน ผมตอบได้ ประมาณ 20 เม้นก็เริ่มเงียบไปสักห้านาทีจากที่กำลังด่าๆอยู่ผมก็เอะใจ อ้าวหายไปไหนหว่า
ที่ไหนได้พายุใหญ่กำลังมา กำลังจะเริ่มเข้าหัวข้อละทีนี้ มีคนไปตามแอดมิ้น เฟจดังดังดัง เฟจหนึ่งมาซึ่งคนติดตามเกือบสองล้านคน
แอดมิ้นเขาไม่ได้ถามอะไรผมเลย แล้วก็ไม่ ไม่ ได้ด่าด้วยนะ แต่เขาเอาไปโพสในเฟจเขา เขาเอารูปผมไปปิดตาให้ด้วยเเล้วก็ด่าซะเต็มอัตรา ตามแบบฉบับคนมีการศึกษาสูงเขาด่ากัน ซึ่งที่ปิดตาหนะทำถูกแล้ว แต่ที่สงสัยคือพี่เขาเอาลิ้งไปแปะไว้ซึ่งลิ้งนั้นก็เข้าไปเจอตัวผม แล้ว แล้วแอด เอาภาพกูไปปิดตาทำมะเขืออะไร เขาก็เข้ามาด่ากูได้เหมือนเดิม นี่สินะเขาเรียกว่ามือถือสากปากถือศีล
คุณเอ้ยยยยยยยยยยย มีคนมาเม้น อวยพรให้ผม หลังจากที่พี่แกโพส เกือบสองพันเม้น ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ผมขอแบ่งระดับเม้นไว้สามระดับ ระดับแรกคือ ด่าเลยย(พวกนี้น่าจะกลัวมากว่าสำนักพิมพ์จะงอล) แบบสอง มาถาม ถามคำเดียวนอกนั้นด่า แบบสาม พวกนี้ไม่ด่า แต่ตามไปเทศน์ให้ผมฟังถึงหน้าเฟสผม
ผมเข้าใจความรู้สึก พี่คนนั้นเลยที่แก โดนลวดเชื่อมตกใส่รองเท้า แล้วไปขึ้นรถไฟฟ้า แล้วมีคนไปถ่ายรูปแกแล้วมาโพสว่า แกแอบติดกล้องใต้รองเท้า
ไว้แอบส่องกระโปรงสาว คนด่าเป็นล้าน พี่แกเครียด จนไม่กล้าออกไปไหนเป็นเดือน ต้องนอนร้องให้อยู่แต่ในห้องอ่ะ
แต่ผมไม่ขนาดนั้นนะ เพราะผมรีบไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวหลังจาก ลบโพสทีด่าสำนักพิมพ์ออก บล๊อกเฟจ แล้วก็บล๊อกทุกคนที่เสนอหน้าเข้ามาด่า
อารมณ์เสีย ไปตั้งครึ่งวันแหนะ ผมสตรอง ไม่เครียดเรื่องนี้ เลยไม่เป็นไรมาก
ผมขอฝากถึงแอดมิ้น หลายๆเฟจนะครับ คุณมีอำนาจชักนำฝูงชน ในมือ การจะโพสทำร้ายใครเนี้ยควรคิดให้รอบครอบเช็คให้ระเอียดนิดนึง
เพราะบางคนเขาไม่หน้าหนาอย่างผม ถ้าคุณไปโพสทำร้ายเขา แล้วเขารับไม่ได้ เขาฆ่าตัวตายละ เขาเขาเครียดจนช๊อก ไปหรือพิการทางสมองไปเลยคุณจะทำยังไง ไม่ได้พูดลอยๆนะ มันเคยเกิดขึ้นมาเเล้วที่เกาหลี โดนโพสประจาร เครียดจนต้องฆ่าตัวตาย
ผมขอร้องนะครับแอดมิ้นละสื่ออื่นๆ การจะโพสด่าใครเนี้ยช่วยรอบครอบนิดนึง
ผมเกลียดแอดมิ้นเฟจนั้นมาก ผมจะไปตามหาตัวมันเเล้วยิงทิ้ง ไม่งั้นก็จับใส่กระสอบมัดขาแล้วลากไปตามถนนจนกว่าจะตาย ผมเลยใช้เฟสปลอมของผม ไปตามหาตัวในเฟจ พอหาไปเรื่อยๆ ก็พบว่า ไอ้หมอนี่มันมีประโยชน์นี่หว่า มันช่วยเหลือคนได้หลายๆคน มันตามคนหาย ชวนคนบริจาค ผมเลยได้รู้ความจริงว่าคนเรามีทั้งดีทั้งชั่วในคนๆเดียวกันแต่ตอนที่ผมโกรธทำไมผมเห็นแต่ส่วนที่ชั่วของเขา เออๆเปลี่ยนใจไม่ฆ่ามันแหละ
อย่างที่ว่าแหละครับ ที่ผมพิมพ์มาซะยืดยาวเนี้ย แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์โดนด่าเฉยๆ ไม่ได้อยากให้พ่อแม่พี่น้อง ไปตามหาสืบค้น ว่า ด่ากันที่ไหนเฟจไหน เพราะเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ซึ่งมันก็สามารถทำลายวันดีๆของผมไปครึ่งวัน สิ่งที่ผมอยากสื่อก็คือ เหตุการณ์โดนประจานเนี้ย มันจะต้องเกิดขึ้นอีก และเกิดขึ้นอีก และเกิดขึ้นอีก เป็นวังวลตราบใดที่คน ใช้สิทธิเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญอยู่ ฉะนั้นจะไปด่าใครหรือประจานใครควรคิดให้รอบคอบก่อนเพราะสิ่งที่คุณทำ จะต้องส่งผลต่อชีวิตของคนหนึ่งคนไม่มากก็น้อยแน่นอน
ปล.ใครที่หวังดี ขุยคุ้ยเรื่องนี้มาโพสให้คนไปตามหา ให้มันคืนชีพอีกครั้งผมขอลบเม้นนั้นๆนะครับ เพราะเรื่องนี้มันจบไปกับครึ่งวันที่ผมอารมณ์เสียนั้นแล้ว
admin และการรุมด่า เอ๊ะ! ตั้งชื่อว่าอะไรดี ลองอ่านแล้วช่วยตั้งชื่อหน่อยครับ
เลยอยากขอแบ่งปันประสบการณ์ครับ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ดีควรหรือไม่ยังไง คุณที่กำลังอ่านอยู่เท่านั้นที่จะตัดสินครับ
ขอเกริ่นนำก่อนเลยละกันครับ ผมอายุ 25 ทำงานที่ร้านเล็กๆของตัวเอง สุขภาพจิตปกติดีนะครับ
เริ่มแรกคือผม ได้ไปดูรายการทีวีรายการหนึ่งที่เขาหาคำตอบเกี่ยวกับการอ่านหนังสือของคนไทย ว่าทำไมคนไทยไม่ค่อยอ่านหนังสือกัน
พอดูจบผมก็สรุป ว่าที่คนไทยไม่ค่อยอ่าน เพราะว่า คนไทยนับถือหนังสือเป็นคัมภีร์ ต้องเชื่อเเละทำตามที่หนังสือบอก ไม่สามารถโต้เถียงหนังสือได้ ทำให้เกิดความห่างเหินกับหนังสือ คนเลยไม่ค่อยอ่าน
ทีนี้ ผมเลยตั้งใจเลยว่า เราสามารถโต้เถียงกับหนังสือได้ หนังสือเล่มนี้ไม่ดีคนเขียนมันไป ctrl+c +v แบบรัวๆจากเน็ตมาเเล้วเอามาลงนี่หว่า เราสามารถโต้เเย้งว่าสิ่งที่เขาเขียนนั้น เป็นจริงหรือไม่จริงกับสำนักพิมพ์ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
ผมก็มั่นใจในความคิดของตัวเองมากขึ้นเมื่อ ไปเจอกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิเเละเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็นได้
จนกระทั่งเรื่องมันเกิดขึ้น คือผมได้ไปอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ แปลไทยในเว็บ ได้ดีมาก มันมาก ผมชอบ ผมเลยไปซื้อ มาสะสมไว้ ยี่สิบกว่าเล่ม แต่พอมาอ่านในหนังสือ กลับพบว่าความสนุกมันลดน้อยลง ทั้งสำนวนการพูดที่เราเคยอ่านง่ายๆเข้าใจได้ทันที กลับต้องมาเจอ คำศัพท์ที่ต้องเเปลไทยเป็นไทย ของยกตัวอย่างที่ไม่มีในหนังสือการ์ตูนนะครับเพราะไม่อยากพาดพิง เช่น คำแปลที่ตัวละครพูดว่า สอง แต่คนที่แปลหนังสือเขาใช้ทำว่า ทวิ(ทะวิ) ซึ่งผมเข้าใจ เพราะผมชอบอ่านหนังสือ แต่สมมุติว่าเป็นเด็กอายุ 15 ปีมาอ่าน 12 ปีมาอ่าน เขาจะเข้าใจไหม ทั้งๆที่คนแปลใช้คำว่าสองเลยก็ได้ แต่เขาไม่ใช้ นี่คือหนึ่งเรื่องซึ่งผมคิดว่า มันสำคัญมากนะเพราะเนื้อเรื่องกำลังสนุกแต่ก็ต้องสดุดเพราะ ต้องมาแปลคำศัพท์บางศัพท์จากไทยให้เป็นไทย หรืออีกหลายๆเรื่องทั้งคำพูดที่พูดโบราณอยู่ดีๆ ก็มาเอาคำสบถ ที่เป็นภาษาปัจจุบันใส่ลงไป แล้วกลับไปกลับมา แล้วก็อีกหลายๆอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่าคนเเปลเขาจะทำง่ายๆให้มันยากขึ้นทำไม
ผมทนอ่านจากเล่ม 1 ไปถึงเล่มที่ 18 ตบะของผมก็แตก ผมว่าจะโทรไปด่าสำนักพิมพ์ แต่ว่าวันนั้นเป็นวันหยุดโทรยังไงก็โทรไม่ติด
ผมเลยไปโพสบอกสำนักพิมพ์ในเฟสบุ๊ก ว่า หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ เขาเขียนมาดี แต่คนที่เเปลเป็นไทย แปลได้ห่วยแตกมาก ผมไม่เคยอ่านการ์ตูนเรื่องไหนแล้วแปลได้แย่ขนาดนี้มาก่อน เปลี่ยน คนเเปลได้ไหมครับ(ผมรับผิดชอบกับคำพูดตัวเองนะเพราะผมใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และผมคิดว่าผมสามารถโต้เเย้งกับหนังสือที่อ่านได้ผมมีสิทธินั้น ตามที่เกริ่นมาข้างต้น)
และแล้ว เรื่องไทยแลนแดนดราม่า ก็เรื่องจากตรงนี้
ผมโพสไปได้ประมาณหนึ่งชม.ยังไม่มีใครเห็น แต่พอเวลาประมาณสี่โมงเย็น ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านเริ่มเลิกจากโรงเรียน เริ่มเลิกงาน ก็เริ่มมีคนเข้ามาถามว่าไม่ชอบตรงไหนยังไง อะบางคนก็เข้ามาด่าทันที บางคนก็มาแนะนำว่าอย่าไปอ่านสิถ้าไม่ชอบ ซึ่งผมก็นั่งตอบไปตามระดับความแรงของคำถามเเละคำแนะนำ ในที่นี้ไม่ขอยกตัวอย่างนะครับเพราะผมก็คิดว่าผมปากจัดเหมือนกันวันนั้น คนที่พูดมาดี ผมก็ตอบดี ส่วนคนที่ด่ามาเลยผมก็ด่ากลับ แล้วก็มีบางคนที่เกลียดที่ผมโพสมากแบบถึงขนาด ไปเข้าเฟสปลอมหลายๆเฟสของตัวเองมารุมด่าผม แต่เขาใช้คำด่าเดิมไงผมก็เลยรู้ว่ามันเป็นคนเดียวกัน ผมก็ลบ อ่ามาอีกผมก็บล๊อก เขาก็หายไปสมัครเฟสใหม่ก็เข้ามาผมก็บล๊อก คนนั้นเขาทำอย่างนั้นอยู่สี่ห้าครั้งอะ ผมก็เลยสรุปเอาว่าที่เขามีความพยายามเข้ามาด่าผมขนาดนั้น เขาคงคิดว่า พอผมด่าหนังสือเเล้วสำนักพิมพ์จะงอลไม่พิมพ์ออกมาให้เขาอ่านอีกเป็นแน่ ในที่นี้ผมขอตอบแทนสำนักพิมพ์เลยว่า ไม่!!หยุดพิมพ์แน่นอนตราบใดที่พวกเอ็งซื้ออยู่
บางคนก็ไปขุดคุ้ยประวัติผมมาโขกสับ หน้าตามั่งละ อันนั้นผมไม่ติดใจเพราะผมก็ด่ากลับไปเหมือนกัน ผมตอบได้ ประมาณ 20 เม้นก็เริ่มเงียบไปสักห้านาทีจากที่กำลังด่าๆอยู่ผมก็เอะใจ อ้าวหายไปไหนหว่า
ที่ไหนได้พายุใหญ่กำลังมา กำลังจะเริ่มเข้าหัวข้อละทีนี้ มีคนไปตามแอดมิ้น เฟจดังดังดัง เฟจหนึ่งมาซึ่งคนติดตามเกือบสองล้านคน
แอดมิ้นเขาไม่ได้ถามอะไรผมเลย แล้วก็ไม่ ไม่ ได้ด่าด้วยนะ แต่เขาเอาไปโพสในเฟจเขา เขาเอารูปผมไปปิดตาให้ด้วยเเล้วก็ด่าซะเต็มอัตรา ตามแบบฉบับคนมีการศึกษาสูงเขาด่ากัน ซึ่งที่ปิดตาหนะทำถูกแล้ว แต่ที่สงสัยคือพี่เขาเอาลิ้งไปแปะไว้ซึ่งลิ้งนั้นก็เข้าไปเจอตัวผม แล้ว แล้วแอด เอาภาพกูไปปิดตาทำมะเขืออะไร เขาก็เข้ามาด่ากูได้เหมือนเดิม นี่สินะเขาเรียกว่ามือถือสากปากถือศีล
คุณเอ้ยยยยยยยยยยย มีคนมาเม้น อวยพรให้ผม หลังจากที่พี่แกโพส เกือบสองพันเม้น ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ผมขอแบ่งระดับเม้นไว้สามระดับ ระดับแรกคือ ด่าเลยย(พวกนี้น่าจะกลัวมากว่าสำนักพิมพ์จะงอล) แบบสอง มาถาม ถามคำเดียวนอกนั้นด่า แบบสาม พวกนี้ไม่ด่า แต่ตามไปเทศน์ให้ผมฟังถึงหน้าเฟสผม
ผมเข้าใจความรู้สึก พี่คนนั้นเลยที่แก โดนลวดเชื่อมตกใส่รองเท้า แล้วไปขึ้นรถไฟฟ้า แล้วมีคนไปถ่ายรูปแกแล้วมาโพสว่า แกแอบติดกล้องใต้รองเท้า
ไว้แอบส่องกระโปรงสาว คนด่าเป็นล้าน พี่แกเครียด จนไม่กล้าออกไปไหนเป็นเดือน ต้องนอนร้องให้อยู่แต่ในห้องอ่ะ
แต่ผมไม่ขนาดนั้นนะ เพราะผมรีบไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวหลังจาก ลบโพสทีด่าสำนักพิมพ์ออก บล๊อกเฟจ แล้วก็บล๊อกทุกคนที่เสนอหน้าเข้ามาด่า
อารมณ์เสีย ไปตั้งครึ่งวันแหนะ ผมสตรอง ไม่เครียดเรื่องนี้ เลยไม่เป็นไรมาก
ผมขอฝากถึงแอดมิ้น หลายๆเฟจนะครับ คุณมีอำนาจชักนำฝูงชน ในมือ การจะโพสทำร้ายใครเนี้ยควรคิดให้รอบครอบเช็คให้ระเอียดนิดนึง
เพราะบางคนเขาไม่หน้าหนาอย่างผม ถ้าคุณไปโพสทำร้ายเขา แล้วเขารับไม่ได้ เขาฆ่าตัวตายละ เขาเขาเครียดจนช๊อก ไปหรือพิการทางสมองไปเลยคุณจะทำยังไง ไม่ได้พูดลอยๆนะ มันเคยเกิดขึ้นมาเเล้วที่เกาหลี โดนโพสประจาร เครียดจนต้องฆ่าตัวตาย
ผมขอร้องนะครับแอดมิ้นละสื่ออื่นๆ การจะโพสด่าใครเนี้ยช่วยรอบครอบนิดนึง
ผมเกลียดแอดมิ้นเฟจนั้นมาก ผมจะไปตามหาตัวมันเเล้วยิงทิ้ง ไม่งั้นก็จับใส่กระสอบมัดขาแล้วลากไปตามถนนจนกว่าจะตาย ผมเลยใช้เฟสปลอมของผม ไปตามหาตัวในเฟจ พอหาไปเรื่อยๆ ก็พบว่า ไอ้หมอนี่มันมีประโยชน์นี่หว่า มันช่วยเหลือคนได้หลายๆคน มันตามคนหาย ชวนคนบริจาค ผมเลยได้รู้ความจริงว่าคนเรามีทั้งดีทั้งชั่วในคนๆเดียวกันแต่ตอนที่ผมโกรธทำไมผมเห็นแต่ส่วนที่ชั่วของเขา เออๆเปลี่ยนใจไม่ฆ่ามันแหละ
อย่างที่ว่าแหละครับ ที่ผมพิมพ์มาซะยืดยาวเนี้ย แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์โดนด่าเฉยๆ ไม่ได้อยากให้พ่อแม่พี่น้อง ไปตามหาสืบค้น ว่า ด่ากันที่ไหนเฟจไหน เพราะเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ซึ่งมันก็สามารถทำลายวันดีๆของผมไปครึ่งวัน สิ่งที่ผมอยากสื่อก็คือ เหตุการณ์โดนประจานเนี้ย มันจะต้องเกิดขึ้นอีก และเกิดขึ้นอีก และเกิดขึ้นอีก เป็นวังวลตราบใดที่คน ใช้สิทธิเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญอยู่ ฉะนั้นจะไปด่าใครหรือประจานใครควรคิดให้รอบคอบก่อนเพราะสิ่งที่คุณทำ จะต้องส่งผลต่อชีวิตของคนหนึ่งคนไม่มากก็น้อยแน่นอน
ปล.ใครที่หวังดี ขุยคุ้ยเรื่องนี้มาโพสให้คนไปตามหา ให้มันคืนชีพอีกครั้งผมขอลบเม้นนั้นๆนะครับ เพราะเรื่องนี้มันจบไปกับครึ่งวันที่ผมอารมณ์เสียนั้นแล้ว