เราเป็นคนนึงที่คิดง่าย น้อยใจง่าย โกรธง่ายเสียใจตลอด แต่ก็พยายามหาเหตุผลมองในแง่ดีเอาไว้ทั้งๆที่ในใจก็ยังแอบคิดอยู่อย่างนั้น
เราชอบอิจฉาคนอื่นแต่เราไม่เคยแสดงออกไป พยายามรู้สึกตัวว่าเราคิดอะไรอยู่ ให้ความรู้สึกนี้ดับไป แม้จะน้อยใจอยู่ก็ตาม
เคยเห็นเพื่อนคนนึงเวลามีอะไรก็จะไปปรึกษาอาจารย์เสมอ (เป็นอาจารย์อยู่ในวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง) เราไม่รู้ว่าเป็นศาสนาอะไรแต่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ เพราะเคยเห็นเพื่อนมีพิธีกรรมที่สอดคล้องกับสิ่งที่เพื่อนเราต้องการก็จะกลับมาทำพิธีเองที่บ้าน แต่บางครั้งก็จะมีสวดมนต์ นั่งสมาธิ เราก็ไม่เคยถามอะไรจากเพื่อนมากแค่เห็นเวลาเขาเล่าให้ฟัง ว่าวันนี้เราไปวัดมา เราไปรอพบอาจารย์มา
เวลามีปัญหาอะไรเพื่อนเราก็เข้าไปปรึกษากับอาจารย์ แต่ส่วนตัวเรายังไม่เคยไปกับเพื่อนนะ
จะออกรถวันไหนสีอะไร หรือจะเข้าอยู่ที่พักใหม่วันไหน อ.ก็ดูฤกษ์ มีปัญหาอะไรเพื่อนเราก็ไปปรึกษาอ.ก็ดูดวงให้ เพื่อนก็จะทำตามที่อ.บอก เราก็มองว่ามันเป็นสิทธิ์ของเค้า(เพื่อนเรา) ถ้าทำแล้วดีกับตัวเค้ามันก็ดีนะ ให้จิตได้นิ่ง ได้กำหนดอยู่กับสิ่งนั้น
เราก็ไม่ได้คิดว่าเพื่อนของเรางมงาย(เค้าไม่ได้เป็นอะไรนะคะก็ยังปรกติเหมือนกับคนทั่วไป) ไม่ได้คิดแตกต่างหรือแบ่งแยกทางศาสนา ยังรู้สึกยินดีกับเค้าที่อย่างมากเพื่อนเราก็ยังมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มีผู้บอกสอนชี้ทางให้ทำสิ่งต่างๆไปในทางที่ดี
ซึ่งต่างจากเรานะคะไม่มีและไม่รู้อะไรเลย เราก็พยายามศึกษาธรรมะอยู่เหมือนกันแต่เราเองไม่ได้เก่งมาก หลักพรหมวิหาร4 ตัวเรายังเข้าไม่ถึงเลย พอจะคิดดีกระทำดีก็มีปัญหามาทำให้ใจเราหม่นทำให้เรารู้สึกไม่สะอาดไปเลย
ที่เราเอ่ยถึงเพื่อนของเราไม่ได้เป็นเพราะอะไร แต่รู้สึกว่าเค้าโชคดีจังที่อย่างน้อยเค้ายังมีคนคอยชี้นำ แนะแนวทางให้เค้า จริงๆมันก็คงเป็นหลักทั่วๆไปแต่สำหรับบางคนการมีคนบอกมันก็คงทำให้รู้สึกเข้าถึงมากขึ้นปรกติเพื่อนของเราเค้าไม่ใช่คนที่นั่งสมาธิอะไรแต่ตั้งแต่รู้จักที่นี่เค้าเปลี่ยนไปเยอะ แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะค่ะ
เราว่าเค้าคงมีแรงรูงใจจากตัวอาจารย์ เพื่อนเราไปเป็นลูกศิษอาจารย์แกเหมือนเป็นทั้งซินแส ผู้ดูดวงชะตา ต่างๆ เราว่าก็ดีนะคะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร ถ้าเราสนใจอยากจะไปเป็นลูกศิษให้อ.ช่วยสอน ขัดเกลาเรา เราจะไปได้ที่ไหนบ้าง ตอนนี่เรารู้สึกเหมือนมีไฟแต่ไม่มีเชื้อเลย
รู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูกเลยถ้ามีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจก็คงจะดี
เราชอบอิจฉาคนอื่นแต่เราไม่เคยแสดงออกไป พยายามรู้สึกตัวว่าเราคิดอะไรอยู่ ให้ความรู้สึกนี้ดับไป แม้จะน้อยใจอยู่ก็ตาม
เคยเห็นเพื่อนคนนึงเวลามีอะไรก็จะไปปรึกษาอาจารย์เสมอ (เป็นอาจารย์อยู่ในวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง) เราไม่รู้ว่าเป็นศาสนาอะไรแต่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ เพราะเคยเห็นเพื่อนมีพิธีกรรมที่สอดคล้องกับสิ่งที่เพื่อนเราต้องการก็จะกลับมาทำพิธีเองที่บ้าน แต่บางครั้งก็จะมีสวดมนต์ นั่งสมาธิ เราก็ไม่เคยถามอะไรจากเพื่อนมากแค่เห็นเวลาเขาเล่าให้ฟัง ว่าวันนี้เราไปวัดมา เราไปรอพบอาจารย์มา
เวลามีปัญหาอะไรเพื่อนเราก็เข้าไปปรึกษากับอาจารย์ แต่ส่วนตัวเรายังไม่เคยไปกับเพื่อนนะ
จะออกรถวันไหนสีอะไร หรือจะเข้าอยู่ที่พักใหม่วันไหน อ.ก็ดูฤกษ์ มีปัญหาอะไรเพื่อนเราก็ไปปรึกษาอ.ก็ดูดวงให้ เพื่อนก็จะทำตามที่อ.บอก เราก็มองว่ามันเป็นสิทธิ์ของเค้า(เพื่อนเรา) ถ้าทำแล้วดีกับตัวเค้ามันก็ดีนะ ให้จิตได้นิ่ง ได้กำหนดอยู่กับสิ่งนั้น
เราก็ไม่ได้คิดว่าเพื่อนของเรางมงาย(เค้าไม่ได้เป็นอะไรนะคะก็ยังปรกติเหมือนกับคนทั่วไป) ไม่ได้คิดแตกต่างหรือแบ่งแยกทางศาสนา ยังรู้สึกยินดีกับเค้าที่อย่างมากเพื่อนเราก็ยังมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มีผู้บอกสอนชี้ทางให้ทำสิ่งต่างๆไปในทางที่ดี
ซึ่งต่างจากเรานะคะไม่มีและไม่รู้อะไรเลย เราก็พยายามศึกษาธรรมะอยู่เหมือนกันแต่เราเองไม่ได้เก่งมาก หลักพรหมวิหาร4 ตัวเรายังเข้าไม่ถึงเลย พอจะคิดดีกระทำดีก็มีปัญหามาทำให้ใจเราหม่นทำให้เรารู้สึกไม่สะอาดไปเลย
ที่เราเอ่ยถึงเพื่อนของเราไม่ได้เป็นเพราะอะไร แต่รู้สึกว่าเค้าโชคดีจังที่อย่างน้อยเค้ายังมีคนคอยชี้นำ แนะแนวทางให้เค้า จริงๆมันก็คงเป็นหลักทั่วๆไปแต่สำหรับบางคนการมีคนบอกมันก็คงทำให้รู้สึกเข้าถึงมากขึ้นปรกติเพื่อนของเราเค้าไม่ใช่คนที่นั่งสมาธิอะไรแต่ตั้งแต่รู้จักที่นี่เค้าเปลี่ยนไปเยอะ แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะค่ะ
เราว่าเค้าคงมีแรงรูงใจจากตัวอาจารย์ เพื่อนเราไปเป็นลูกศิษอาจารย์แกเหมือนเป็นทั้งซินแส ผู้ดูดวงชะตา ต่างๆ เราว่าก็ดีนะคะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร ถ้าเราสนใจอยากจะไปเป็นลูกศิษให้อ.ช่วยสอน ขัดเกลาเรา เราจะไปได้ที่ไหนบ้าง ตอนนี่เรารู้สึกเหมือนมีไฟแต่ไม่มีเชื้อเลย