ถ้าให้เลือกไปพักผ่อน ชาร์จพลังกายพลังใจหลายคนก็คง อยากจะไปทะเลกันใช่มั้ยล่ะคะ ?
กระทู้นี้เลยขอรวบรวมรูปภาพ มารีวิว บรรยาย ความประทับใจ ความสุข และอุปสรรคการไปเที่ยวเพื่อประกอบการตัดสินใจ ให้กับผู้ที่อยากจะไปทะเล ทริปนี้เราไปหลีเป๊ะ สวรรค์แห่งท้องทะเลที่สวยงาม แต่ แต่ แต่... เราไปช่วง Low Season กันเจ้าค่ะ.ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ตรงกับช่วงวันเกิดเรา เวลาว่างตรงกัน และแฟนลางานได้ในช่วงนี้ ที่สำคัญราคาไม่แพง และคนไม่เยอะจนเกินไป ซึ่งจริงๆเราดูเกาะนางยวน เกาะเต่า กระบี่ และภูเก็ตไว้ แต่สุดท้ายก็มาจบที่หลีเป๊ะ เพราะเราอยากมาพิสูจน์ ว่าที่เค้าว่ากันว่า หลีเป๊ะ มันเป๊ะจริงรึเปล่า 🐳
ทริปนี้จัดทริป จองที่พักเอง ราคา(อาจจะ)ไม่แพง เราซื้อทัวร์ รถตู้รับส่งสนามบิน เรือสปีทโบ๊ท ไปกลับ และ ดำน้ำ โซนนอก 3 จุด ( จุดอื่นๆจะปิดฟื้นฟู ในช่วง Low Season ) ราคาทัวร์ไม่สูง มีทัวร์ของหลายบริษัท หลายราคา ตามประเภทที่พัก ช่วงนี้ราคาจะไม่สูง ราคาทัวร์ รถ+เรือ+ดำน้ำ เราได้มาในราคา คนละ 1,900฿
*อาหารการกินแพงมากโดยเฉพาะของในเซเว่น
*ยุงเยอะมาก ควรพกโลชั่นหรือสเปรย์กันยุงไป
*ที่เกาะมีตู้ ATM 5 จุด แต่เป็นของกรุงศรีทุกตู้
แนะนำให้พกเงินสด เพราะตู้ที่นี่3วันดี4วันเสีย
เริ่มกันเลยแล้วกัน 5555555
เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มุ่งสู่หาดใหญ่ ด้วยสายการบิน Lion Air ขาไปให้เลือกเที่ยวบินที่เช้าที่สุด ขากลับ ให้เลือกเที่ยวบินหลัง 18.00 ถึงจะไม่ตกเครื่อง เพราะ Low Season รอบเรือจะไม่เท่า High รอบเรือจะมี 11.30 , 13.30 , 15.30 ควรเผื่อเวลาไว้ ว่าถ้าลงเครื่องแล้ว รอโหลดกระเป๋าแล้ว จะเหลือเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ในการเดินทาง ไปท่าเรือปากบารา เพื่อขึ้นเรือไปหลีเป๊ะ เนื่องด้วย
ระยะเวลาที่บรีฟมาแล้ว จากการจองทุกอย่างไว้หมด คือ รถ+เรือ+ดำน้ำ ทำให้กำหนดเวลาไว้แบบชัดเจน แต่หลุดมาใช้บริการสายการบิน Lion Air เพราะราคาถูก มีโปรพอดี แต่ก็แทบจะทำให้ทริปเราพัง เพราะเครื่องบินขัดข้องทางเทคนิคทำให้เครื่องดีเลย์ จากกำหนดการที่เราจะต้องถึงหาดใหญ่ เวลา 9.15 น. กลายเป็น 13.10 น. พี่คนขับรถตู้รอบรถก็รวน รอบเรือก็รวน นี่คือข้อดีที่เราจองทัวร์ไว้ก่อน มีปัญหาคุยกับทัวร์ได้ ซึ่งสรุปแล้วเราไม่ประทับใจการบริการ Lion Air เครื่องขัดข้องแต่ไม่แจ้งผู้โดยสาร ให้นั่งรอไปโง่ๆ กว่า 1 ชั่วโมงแล้วแจ้งให้เปลี่ยนลำใหม่ สรุปดีเลย์ การชดเชยคือแจก Voucher กิน Burger King ซึ่งกว่าจะแจกเสร็จ เครื่องบินลำใหม่ก็มาซะแล้ว อย่าไปนึกว่าจะขึ้นไปกินยังไงให้ทัน สรุปได้แต่ทิ้งไป ไม่ประทับใจมากๆ พนักงานก็ไม่มีการควบคุมอารม์เลย สีหน้าแววตาบ่งบอกมากๆว่าไม่อยากตอบคำถามผู้โดยสาร จะไม่ใช้บริการอีกแล้ว ขอดิสเครดิตเลยละกัน
*ขอระบายความในใจเพราะปัญหามันเยอะมาก😂
ถึงแล้วท่าเทียบเรือปากบารา ใช้เวลาเดินทางโดยรถตู้ขามาประมาณ 2 ชั่วโมง รถตู้จากสนามบินมาท่าเรือ จะมี 2 กรณี
1. จอง รถตู้+เรือ+ดำน้ำไว้ ก็รอเค้าส่งรถมารับได้เลย
2. ถ้าไม่ได้จอง ให้นั่งรถโดยสาร จากสนามบินไปลงตลาดเกษตร เพื่อขึ้นรถตู้หาดใหญ่-ปากบารา ราคาประมาณ 250-300 นี่คือราคาต่อเที่ยว/คน ราคาไม่แน่นอนแล้วแต่ช่วง และก่อนเข้าท่าเทียบเรือจะต้องเสียค่าธรรมเนียมท่าเรือคนละ 20฿ นะคะ
เราจะรอเรือสปีดโบ๊ทเพื่อข้ามไปเกาะหลีเป๊ะ ถ้าเป็น Low เรือจะมุ่งตรงไปยังเกาะหลีเป๊ะ ไม่ได้แวะระหว่างทาง เพราะ อุทยานต่างๆที่เป็น Highlight จะปิดฟื้นฟูธรรมชาตินะคะทำให้เราไปถึงหลีเป๊ะในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ระหว่างรอก็หาอะไรกินรองท้อง มี 7-11 ก่อนจะเข้าท่าเรือ มี ATM ก็ควรกดเงินสดมาติดตัวไว้ เพราะถึงแม้ที่เกาะจะมีตู้ แต่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย ถ้าตู้เสียต้องไปร้านขายยาที่ถนนคนเดิน เค้ารับกดเงินจากบัตรให้ แต่ชาร์จค่าบริการ 5% เลยนะ ถ้าใครที่เมาเรือก็เตรียมยา หรืออะไรที่ใช้แก้เมาเรือ ที่สำคัญก็คือถุงพลาสติก เตรียมไว้คนละถุงจะได้ไม่เป็นภาระของคนข้างๆ ฮา....
ในที่สุดเราก็ถึงหลีเป๊ะแล้ว วันนี้โชคดีที่เรือไม่เข้าโป๊ะ เพราะเรือเข้าเทียบหาดได้ ทำให้เราไม่ต้องนั่งเรือหางยาวจากโป๊ะ มาเข้าหาดเอง ค่าเรือหางยาวคนละ 50฿ ซึ่งมันจะลำบากและใช้เวลามากหน่อย
ถึงหาดแล้วก็จะมีพนักงานจากรีสอร์ทมารอรับ บางคนถือป้าย,ใส่เสื้อรีสอร์ท บางคนตะโกนถามว่ามีที่พักหรือยัง ที่เราลงตรงนี้คือหาดซันไรส์ เราพัก Sita Beach ซึ่งอยู่หาดพัทยา ไกลจากตรงนี้และต้องนั่งรถไปหาด พี่พนักงานรีสอร์ทเค้ายกกระเป๋าใบ 28" ใส่บ่า เดินได้ชิวมากจริงๆ เราเดินตัวเปล่ายังเดินตามพี่เค้าไม่ทัน ต้องคอยหยุดแล้วรอเราตลอด
ถึงที่พักแล้ว นี่คือวิวหน้าฟร้อนของรีสอร์ท และ Welcome Drink เป็นน้ำฝรั่ง หอมหวานชื่นใจกับผ้าเย็นๆ พนักงานที่นี่แต่งตัวดี ดูสุภาพกันทุกคน
โฉมหน้าห้อง B8 deluxe seaview มีตู้เซฟในตู้เสื้อผ้า มีร่มให้ 2 คัน แสดงว่าที่นี่คงจะฝนตกบ่อยแน่ๆ
รู้สึกชอบห้องน้ำ ห้องน้ำกว้างมาก มีโซนอ่างล้างหน้า ห้องน้ำฝักบัว อ่างอาบน้ำ และตรงอ่างอาบน้ำจะเป็น Out door อารมณ์ประมาณว่านอนแช่น้ำในอ่างไป นอนดูพระจันทร์ไป มันก็จะหวิวๆหน่อยนะ 😂
พอพักผ่อนกันแล้ว เราก็จะออกไปหาอะไรกินที่ Walking Street แหล่งที่เค้าว่าต้องมาให้ได้ ซึ่งถ้าพักที่หาดอื่น เช่น หาดชาวเล หาดซันไรส์ หาดซันเซ็ท ก็จะต้องนั่งรถของรีสอร์ทมา แต่เราอยู่หาดพัทยา เจริญหน่อย เพราะเดินไปถนนคนเดินได้ เดินเลียบหาดไปชิวๆค่ะ และตามริมหาดจะมีบาร์ ร้านนั่งชิวรับลมประปราย เราก็อยากนั่ง แต่ยุงเยอะ และยุงรุมเราตลอด เลยไม่สามารถนั่งได้ ถ้าเวลาจะเลือกที่พักให้ดูตำแหน่งที่ตั้งดีๆนะคะ ว่าที่พักอยู่หาดอะไร ถ้าชอบแบบมีแหล่งกินแหล่งเที่ยวให้เลือกหาดพัทยา แต่ถ้าชอบแบบธรรมชาติ คนน้อยมากๆ เงียบสงบ ก็เลือกเป็นหาดซันเซ็ท หาดชาวเล ถ้าชอบใกล้ๆที่ขึ้น-ลงเรือ ก็หาดซันไรส์เลยค่ะ
ระหว่างที่เราเดินเลียบชายหาดไปถนนคนเดิน สิ่งที่เจอเยอะมากบนเกาะหลีเป๊ะ นั่นก็คือสุนัขค่ะ น่าจะเป็นของคนที่นี่ เหมือนเลี้ยงไว้แทบทุกบ้านเลย แต่ทุกตัวที่เจอจะเชื่องและอัธยาศัยดีกับนักท่องเที่ยวแบบเราๆมากเลยนะคะ วิ่งตาม กระดิกหางให้ ด้วยความที่เรารักหมา ก็จะมีบรรยากาศดังภาพค่ะ 5555555
รูปสุดท้ายถ่ายรูปอยู่แล้วน้องเดินมาเข้าฉาก🐶
ถึงถนนคนเดินแล้วค่ะ กับบรรยากาศเงียบเชียบ เพราะหน้า Low ร้านค้าต่างๆปิดกันเยอะ นักท่องเที่ยวน้อยมาก นับคนได้ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่นี่จะเป็นคนจีนซัก 80% ฝรั่ง 15% และคนไทยเรา 5% คนไทยเรามาเที่ยวที่นี่น้อยมากๆด้วยการเดินทางที่ลำบากและค่าครองชีพที่สูง ค่าอาหารการกินก็แพง
ดูได้จากข้าวกระเพราไก่กล่องนี้ของเซเว่นซึ่งที่นี่จะมีเซเว่นอยู่ที่ถนนคนเดินแค่เพียงสาขาเดียวแอบช็อคนิดๆกับราคาของในเซเว่นมากๆเพราะแพงเป็นสองเท่าเลยก็ว่าได้
ประเดิมอาหารมื้อแรกบนเกาะหลีเป๊ะ เราสั่งทุกเมนูที่เป็นทะเลไม่ว่าจะเป็นผัดผงกะหรี่ทะเล ต้มยำทะเล และผัดไททะเล ส่วนตัวแล้วรู้สึกชอบผัดไทร้านนี้มาก รสชาติถูกปากที่สุด สนนราคาอาหารมื้อนี้อยู่ที่ 660 บาทและในเมื่อได้มาที่นี่ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยก็คือโรตีร้านดังคือร้านนุชโรตี เป็นร้านโรตีที่สามารถใส่ไส้ได้ everything แต่เราขอลองแบบเบสิค ด้วยโรตีใส่ไข่ใส่นมราคา 30 บาท โดยรวมก็โอเค แป้งกรอบๆ แต่กลับไปกินที่ กทม. รสชาติแบบนี้ ราคานี้ กินได้ 2 แผ่นเลยนะ
ตื่นแต่เช้าพร้อมบรรยากาศท้องฟ้ามืดครึ้ม เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเจ้าของกระทู้ก็เลยไม่ได้ออกไปดำน้ำวันนี้ ซึ่งตอนเช้าตื่นมาก็ฝนตกทำให้สภาพอากาศไม่เหมาะกับการไปดำน้ำด้วย
ชุดพร้อม แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อม แดดออกบ่ายๆ จขกท. ออกมาถ่ายรูปค่ะ ขอพื้นที่หน่อยนะคะ จขกท. ชอบนางเงือกจริงๆ และก็อยากเป็นนางเงือก ได้มาทะเล ก็เลยได้เป็นเงือกสมใจบ่าวแล้วเจ้าค่ะ5555
ส่วนตัวชอบบรรยากาศช่วง Low ที่สุด ประทับใจที่เลือกจะมาช่วงนี้ เพราะคนน้อย อารมณ์ว่าอยู่เกาะส่วนตัว ผู้คนไม่ค่อยได้สนใจกัน เป็นส่วนตัวมากๆเลยค่ะ
Breakfast ของทางรีสอร์ทค่ะ โดยรวมรสชาติถูกปาก บรรยากาศห้องอาหารแบบ Open เห็นวิวทะเลทางขวามือ พนักงานยิ้มแย้ม เติมอาหารตลอด แต่อาหารมีให้เลือกไม่เยอะ เข้าใจว่าต้องทำใจกับการมา Low Season 😂
วันนี้ท้องฟ้าโปร่ง อากาศดี แดดแจ่ม เหมาะแก่การไปดำน้ำมาก พี่กัปตันเรือโทรมาคอนเฟิร์มว่าเช้านี้เราจะเจอกัน 9.00 น. ที่ชายหาดหน้าถนนคนเดิน (เดินไกลอีกแล้ว) ทริปดำน้ำวันนี้ไปกันแค่ 4 คน รวมพี่กัปตันเรือที่ชื่อพี่ยักษ์ เป็น 5 คน รู้สึกส่วนตัวไปอีก เพราะปกติเรือลำนึงจะไปดำน้ำประมาณ 9 คน
ออกไปดำน้ำกันเถอะค่ะ ตามมาเร็ว
จะออกไปแตะขอบฟ้า เหมือนว่าโชคชะตาจะดลใจ
ท้องฟ้าก็สวย น้ำก็ใส อะไรมันจะสวยงามลงตัวอะไรขนาดนี้ Location เก๋ๆแบบนี้ไม่ควรพลาดค่ะ นั่งรออะไรล่ะคะ ไปถ่ายรูปเก็บความทรงจำสิคะ ไปค่ะ
ปล. ลงเพิ่มในคอมเม้นนะคะ 🙏🏻
หุ่นไม่เป๊ะ แต่หลี...เป๊ะ (รีวิวหลีเป๊ะ Low Season 2560)
กระทู้นี้เลยขอรวบรวมรูปภาพ มารีวิว บรรยาย ความประทับใจ ความสุข และอุปสรรคการไปเที่ยวเพื่อประกอบการตัดสินใจ ให้กับผู้ที่อยากจะไปทะเล ทริปนี้เราไปหลีเป๊ะ สวรรค์แห่งท้องทะเลที่สวยงาม แต่ แต่ แต่... เราไปช่วง Low Season กันเจ้าค่ะ.ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ตรงกับช่วงวันเกิดเรา เวลาว่างตรงกัน และแฟนลางานได้ในช่วงนี้ ที่สำคัญราคาไม่แพง และคนไม่เยอะจนเกินไป ซึ่งจริงๆเราดูเกาะนางยวน เกาะเต่า กระบี่ และภูเก็ตไว้ แต่สุดท้ายก็มาจบที่หลีเป๊ะ เพราะเราอยากมาพิสูจน์ ว่าที่เค้าว่ากันว่า หลีเป๊ะ มันเป๊ะจริงรึเปล่า 🐳
ทริปนี้จัดทริป จองที่พักเอง ราคา(อาจจะ)ไม่แพง เราซื้อทัวร์ รถตู้รับส่งสนามบิน เรือสปีทโบ๊ท ไปกลับ และ ดำน้ำ โซนนอก 3 จุด ( จุดอื่นๆจะปิดฟื้นฟู ในช่วง Low Season ) ราคาทัวร์ไม่สูง มีทัวร์ของหลายบริษัท หลายราคา ตามประเภทที่พัก ช่วงนี้ราคาจะไม่สูง ราคาทัวร์ รถ+เรือ+ดำน้ำ เราได้มาในราคา คนละ 1,900฿
*อาหารการกินแพงมากโดยเฉพาะของในเซเว่น
*ยุงเยอะมาก ควรพกโลชั่นหรือสเปรย์กันยุงไป
*ที่เกาะมีตู้ ATM 5 จุด แต่เป็นของกรุงศรีทุกตู้
แนะนำให้พกเงินสด เพราะตู้ที่นี่3วันดี4วันเสีย
เริ่มกันเลยแล้วกัน 5555555
เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มุ่งสู่หาดใหญ่ ด้วยสายการบิน Lion Air ขาไปให้เลือกเที่ยวบินที่เช้าที่สุด ขากลับ ให้เลือกเที่ยวบินหลัง 18.00 ถึงจะไม่ตกเครื่อง เพราะ Low Season รอบเรือจะไม่เท่า High รอบเรือจะมี 11.30 , 13.30 , 15.30 ควรเผื่อเวลาไว้ ว่าถ้าลงเครื่องแล้ว รอโหลดกระเป๋าแล้ว จะเหลือเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ในการเดินทาง ไปท่าเรือปากบารา เพื่อขึ้นเรือไปหลีเป๊ะ เนื่องด้วย
ระยะเวลาที่บรีฟมาแล้ว จากการจองทุกอย่างไว้หมด คือ รถ+เรือ+ดำน้ำ ทำให้กำหนดเวลาไว้แบบชัดเจน แต่หลุดมาใช้บริการสายการบิน Lion Air เพราะราคาถูก มีโปรพอดี แต่ก็แทบจะทำให้ทริปเราพัง เพราะเครื่องบินขัดข้องทางเทคนิคทำให้เครื่องดีเลย์ จากกำหนดการที่เราจะต้องถึงหาดใหญ่ เวลา 9.15 น. กลายเป็น 13.10 น. พี่คนขับรถตู้รอบรถก็รวน รอบเรือก็รวน นี่คือข้อดีที่เราจองทัวร์ไว้ก่อน มีปัญหาคุยกับทัวร์ได้ ซึ่งสรุปแล้วเราไม่ประทับใจการบริการ Lion Air เครื่องขัดข้องแต่ไม่แจ้งผู้โดยสาร ให้นั่งรอไปโง่ๆ กว่า 1 ชั่วโมงแล้วแจ้งให้เปลี่ยนลำใหม่ สรุปดีเลย์ การชดเชยคือแจก Voucher กิน Burger King ซึ่งกว่าจะแจกเสร็จ เครื่องบินลำใหม่ก็มาซะแล้ว อย่าไปนึกว่าจะขึ้นไปกินยังไงให้ทัน สรุปได้แต่ทิ้งไป ไม่ประทับใจมากๆ พนักงานก็ไม่มีการควบคุมอารม์เลย สีหน้าแววตาบ่งบอกมากๆว่าไม่อยากตอบคำถามผู้โดยสาร จะไม่ใช้บริการอีกแล้ว ขอดิสเครดิตเลยละกัน
*ขอระบายความในใจเพราะปัญหามันเยอะมาก😂
ถึงแล้วท่าเทียบเรือปากบารา ใช้เวลาเดินทางโดยรถตู้ขามาประมาณ 2 ชั่วโมง รถตู้จากสนามบินมาท่าเรือ จะมี 2 กรณี
1. จอง รถตู้+เรือ+ดำน้ำไว้ ก็รอเค้าส่งรถมารับได้เลย
2. ถ้าไม่ได้จอง ให้นั่งรถโดยสาร จากสนามบินไปลงตลาดเกษตร เพื่อขึ้นรถตู้หาดใหญ่-ปากบารา ราคาประมาณ 250-300 นี่คือราคาต่อเที่ยว/คน ราคาไม่แน่นอนแล้วแต่ช่วง และก่อนเข้าท่าเทียบเรือจะต้องเสียค่าธรรมเนียมท่าเรือคนละ 20฿ นะคะ
เราจะรอเรือสปีดโบ๊ทเพื่อข้ามไปเกาะหลีเป๊ะ ถ้าเป็น Low เรือจะมุ่งตรงไปยังเกาะหลีเป๊ะ ไม่ได้แวะระหว่างทาง เพราะ อุทยานต่างๆที่เป็น Highlight จะปิดฟื้นฟูธรรมชาตินะคะทำให้เราไปถึงหลีเป๊ะในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ระหว่างรอก็หาอะไรกินรองท้อง มี 7-11 ก่อนจะเข้าท่าเรือ มี ATM ก็ควรกดเงินสดมาติดตัวไว้ เพราะถึงแม้ที่เกาะจะมีตู้ แต่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย ถ้าตู้เสียต้องไปร้านขายยาที่ถนนคนเดิน เค้ารับกดเงินจากบัตรให้ แต่ชาร์จค่าบริการ 5% เลยนะ ถ้าใครที่เมาเรือก็เตรียมยา หรืออะไรที่ใช้แก้เมาเรือ ที่สำคัญก็คือถุงพลาสติก เตรียมไว้คนละถุงจะได้ไม่เป็นภาระของคนข้างๆ ฮา....
ในที่สุดเราก็ถึงหลีเป๊ะแล้ว วันนี้โชคดีที่เรือไม่เข้าโป๊ะ เพราะเรือเข้าเทียบหาดได้ ทำให้เราไม่ต้องนั่งเรือหางยาวจากโป๊ะ มาเข้าหาดเอง ค่าเรือหางยาวคนละ 50฿ ซึ่งมันจะลำบากและใช้เวลามากหน่อย
ถึงหาดแล้วก็จะมีพนักงานจากรีสอร์ทมารอรับ บางคนถือป้าย,ใส่เสื้อรีสอร์ท บางคนตะโกนถามว่ามีที่พักหรือยัง ที่เราลงตรงนี้คือหาดซันไรส์ เราพัก Sita Beach ซึ่งอยู่หาดพัทยา ไกลจากตรงนี้และต้องนั่งรถไปหาด พี่พนักงานรีสอร์ทเค้ายกกระเป๋าใบ 28" ใส่บ่า เดินได้ชิวมากจริงๆ เราเดินตัวเปล่ายังเดินตามพี่เค้าไม่ทัน ต้องคอยหยุดแล้วรอเราตลอด
ถึงที่พักแล้ว นี่คือวิวหน้าฟร้อนของรีสอร์ท และ Welcome Drink เป็นน้ำฝรั่ง หอมหวานชื่นใจกับผ้าเย็นๆ พนักงานที่นี่แต่งตัวดี ดูสุภาพกันทุกคน
โฉมหน้าห้อง B8 deluxe seaview มีตู้เซฟในตู้เสื้อผ้า มีร่มให้ 2 คัน แสดงว่าที่นี่คงจะฝนตกบ่อยแน่ๆ
รู้สึกชอบห้องน้ำ ห้องน้ำกว้างมาก มีโซนอ่างล้างหน้า ห้องน้ำฝักบัว อ่างอาบน้ำ และตรงอ่างอาบน้ำจะเป็น Out door อารมณ์ประมาณว่านอนแช่น้ำในอ่างไป นอนดูพระจันทร์ไป มันก็จะหวิวๆหน่อยนะ 😂
พอพักผ่อนกันแล้ว เราก็จะออกไปหาอะไรกินที่ Walking Street แหล่งที่เค้าว่าต้องมาให้ได้ ซึ่งถ้าพักที่หาดอื่น เช่น หาดชาวเล หาดซันไรส์ หาดซันเซ็ท ก็จะต้องนั่งรถของรีสอร์ทมา แต่เราอยู่หาดพัทยา เจริญหน่อย เพราะเดินไปถนนคนเดินได้ เดินเลียบหาดไปชิวๆค่ะ และตามริมหาดจะมีบาร์ ร้านนั่งชิวรับลมประปราย เราก็อยากนั่ง แต่ยุงเยอะ และยุงรุมเราตลอด เลยไม่สามารถนั่งได้ ถ้าเวลาจะเลือกที่พักให้ดูตำแหน่งที่ตั้งดีๆนะคะ ว่าที่พักอยู่หาดอะไร ถ้าชอบแบบมีแหล่งกินแหล่งเที่ยวให้เลือกหาดพัทยา แต่ถ้าชอบแบบธรรมชาติ คนน้อยมากๆ เงียบสงบ ก็เลือกเป็นหาดซันเซ็ท หาดชาวเล ถ้าชอบใกล้ๆที่ขึ้น-ลงเรือ ก็หาดซันไรส์เลยค่ะ
ระหว่างที่เราเดินเลียบชายหาดไปถนนคนเดิน สิ่งที่เจอเยอะมากบนเกาะหลีเป๊ะ นั่นก็คือสุนัขค่ะ น่าจะเป็นของคนที่นี่ เหมือนเลี้ยงไว้แทบทุกบ้านเลย แต่ทุกตัวที่เจอจะเชื่องและอัธยาศัยดีกับนักท่องเที่ยวแบบเราๆมากเลยนะคะ วิ่งตาม กระดิกหางให้ ด้วยความที่เรารักหมา ก็จะมีบรรยากาศดังภาพค่ะ 5555555
รูปสุดท้ายถ่ายรูปอยู่แล้วน้องเดินมาเข้าฉาก🐶
ถึงถนนคนเดินแล้วค่ะ กับบรรยากาศเงียบเชียบ เพราะหน้า Low ร้านค้าต่างๆปิดกันเยอะ นักท่องเที่ยวน้อยมาก นับคนได้ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่นี่จะเป็นคนจีนซัก 80% ฝรั่ง 15% และคนไทยเรา 5% คนไทยเรามาเที่ยวที่นี่น้อยมากๆด้วยการเดินทางที่ลำบากและค่าครองชีพที่สูง ค่าอาหารการกินก็แพง
ดูได้จากข้าวกระเพราไก่กล่องนี้ของเซเว่นซึ่งที่นี่จะมีเซเว่นอยู่ที่ถนนคนเดินแค่เพียงสาขาเดียวแอบช็อคนิดๆกับราคาของในเซเว่นมากๆเพราะแพงเป็นสองเท่าเลยก็ว่าได้
ประเดิมอาหารมื้อแรกบนเกาะหลีเป๊ะ เราสั่งทุกเมนูที่เป็นทะเลไม่ว่าจะเป็นผัดผงกะหรี่ทะเล ต้มยำทะเล และผัดไททะเล ส่วนตัวแล้วรู้สึกชอบผัดไทร้านนี้มาก รสชาติถูกปากที่สุด สนนราคาอาหารมื้อนี้อยู่ที่ 660 บาทและในเมื่อได้มาที่นี่ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยก็คือโรตีร้านดังคือร้านนุชโรตี เป็นร้านโรตีที่สามารถใส่ไส้ได้ everything แต่เราขอลองแบบเบสิค ด้วยโรตีใส่ไข่ใส่นมราคา 30 บาท โดยรวมก็โอเค แป้งกรอบๆ แต่กลับไปกินที่ กทม. รสชาติแบบนี้ ราคานี้ กินได้ 2 แผ่นเลยนะ
ตื่นแต่เช้าพร้อมบรรยากาศท้องฟ้ามืดครึ้ม เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเจ้าของกระทู้ก็เลยไม่ได้ออกไปดำน้ำวันนี้ ซึ่งตอนเช้าตื่นมาก็ฝนตกทำให้สภาพอากาศไม่เหมาะกับการไปดำน้ำด้วย
ชุดพร้อม แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อม แดดออกบ่ายๆ จขกท. ออกมาถ่ายรูปค่ะ ขอพื้นที่หน่อยนะคะ จขกท. ชอบนางเงือกจริงๆ และก็อยากเป็นนางเงือก ได้มาทะเล ก็เลยได้เป็นเงือกสมใจบ่าวแล้วเจ้าค่ะ5555
ส่วนตัวชอบบรรยากาศช่วง Low ที่สุด ประทับใจที่เลือกจะมาช่วงนี้ เพราะคนน้อย อารมณ์ว่าอยู่เกาะส่วนตัว ผู้คนไม่ค่อยได้สนใจกัน เป็นส่วนตัวมากๆเลยค่ะ
Breakfast ของทางรีสอร์ทค่ะ โดยรวมรสชาติถูกปาก บรรยากาศห้องอาหารแบบ Open เห็นวิวทะเลทางขวามือ พนักงานยิ้มแย้ม เติมอาหารตลอด แต่อาหารมีให้เลือกไม่เยอะ เข้าใจว่าต้องทำใจกับการมา Low Season 😂
วันนี้ท้องฟ้าโปร่ง อากาศดี แดดแจ่ม เหมาะแก่การไปดำน้ำมาก พี่กัปตันเรือโทรมาคอนเฟิร์มว่าเช้านี้เราจะเจอกัน 9.00 น. ที่ชายหาดหน้าถนนคนเดิน (เดินไกลอีกแล้ว) ทริปดำน้ำวันนี้ไปกันแค่ 4 คน รวมพี่กัปตันเรือที่ชื่อพี่ยักษ์ เป็น 5 คน รู้สึกส่วนตัวไปอีก เพราะปกติเรือลำนึงจะไปดำน้ำประมาณ 9 คน
ออกไปดำน้ำกันเถอะค่ะ ตามมาเร็ว
จะออกไปแตะขอบฟ้า เหมือนว่าโชคชะตาจะดลใจ
ท้องฟ้าก็สวย น้ำก็ใส อะไรมันจะสวยงามลงตัวอะไรขนาดนี้ Location เก๋ๆแบบนี้ไม่ควรพลาดค่ะ นั่งรออะไรล่ะคะ ไปถ่ายรูปเก็บความทรงจำสิคะ ไปค่ะ
ปล. ลงเพิ่มในคอมเม้นนะคะ 🙏🏻