มีความคิดอยากเลิกกับสามีอยู่ในหัวตลอดเวลา ขอคำแนะนำค่ะ

ขอเล่าถึงรายละเอียดแบบคร่าวๆนะคะ

แต่งงานกับสามีมาแล้ว 4 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน
ไม่ได้จดทะเบียนสมรสค่ะ และไม่ได้จดรับรองบุตร

ปัญญาแรก หลังแต่งงาน คือ เราทำงานคนละจังหวัด เจอกัน เดือนละครั้ง เขามีนิสัยขี้หึง ขี้ระแวง ชอบเช็คโทรศัพท์เรา เราไม่มีอะไรปิดบัง เช็คได้ตลอด เพราะเราบริสุทธิ์ใจ และคิดว่าเขาคงหวงเป็นธรรมดา เพราะอยู่ห่างกัน

แต่งงานได้ 5-6 เดือน เราก็ทัองเพราะไม่ได้คุมกำเนิด (ทางฝั่งสามีอยากมีหลาน) พอตั้งท้อง เราไม่ค่อยอยากเข้าใกล้สามี และไม่ให้เขามีอะไรด้วยในช่วง 2-3 เดือนแรก นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เกือบเลิกกัน เพราะเขาคิดว่า ลูกในท้องเป็นลูกชู้ แต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้และเริ่มใหม่

หลังคลอดลูกได้ 7-8 เดือน เราต้องทำงาน มีอบรม สัมมนาบ่อย เขาเริ่มระแวงและหึงหวงอีกครั้ง และเผลอปากว่า ลูกที่เกิดมา ไม่ใช่ลูกเขา ครั้งนีเราโกรธมาก เพราะเหมือนเป็นการดูถูกที่ร้ายแรง และคิดว่า เขารักลูกบ้างหรือเปล่า ทั้งๆที่หน้าออกมาเหมือนเขายังกับแกะ เราเลยท้าตรวจ DNA ให้มันจบๆ เพราะมั่นใจว่าเราไม่มีใครนอกจากเขา แต่เขาก็พาครอบครัวมาขอโทษ และขอให้เราลาออกจากงาน ไปอยู่กับเขาที่บ้าน เขาจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง จะดูเราและลูกอย่างดี เพราะอยู่ด้วยกันคงไม่มีปัญหาพวกนี้เกิดขึ้นอีก

เราออกจากงานได้ 1 ปี ความรู้สึกตอนนี้ คือ อึดอัดมาก พยายามปรับตัว ปรับทัศนคติหลายๆอย่าง เพื่ออยากให้อยู่กับครอบครัวเขาให้ได้

แต่หลังจากที่แม่เรามาหาเมื่อเดือนก่อน ความอดทนทั้งหมด เริ่มสิ้นสุดลง หลังจากแม่เรากลับ พ่อสามี แม่สามี และสามี ต่างรุมว่าร้ายฝั่งแม่เรา ว่า เขี้ยวลากดิน มีแต่มาเอา (บ้านเขาทำสวนผัก ผลไม้ มัน อ้อย ยูคา) เหมือนเขาต้องเตรียมของฝากส่งกลับมากมาย ทั้งผัก พริก ปู ปลา พูดเหมือนว่า ญาติฝั่งเรามีแต่มาเอา มาขอ ญาติฝั่งเขาไม่เคยมารบกวน แถมกลับยังส่งเสียค่าน้ำมันอีก (ทั้งหมดที่เขาเตรียมฝาก แม่เราไม่เคยร้องขอ เขาเสนอและหยิบยื่นให้ แต่พอกลับ กลับมาด่าว่าเสียๆหายๆให้เราฟัง เราไม่เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังนะกลัวท่านเสียใจ) และเขาบอกว่า ปีหน้าไม่ต้องชวนแม่มาที่บ้านอีกนะ มีอะไรจะเอาไปให้เองที่บ้าน เราโมโหมาก นี่เราออกงานมาเพื่อดูแลความครัวคุณ แล้วแม่ฉันแค่หยิบยื่นสิ่งของให้เล็กๆน้อยๆแค่นี้ ยังโดนบ่น โดนดูถูก ทางฝั่งครอบครัวเราไม่ได้ลำบากนะ เราเหลือแม่คนเดียว เราอยากหยิบยื่นบ้าง อยากดูแลท่านบ้าง แต่ต้องรอรับอนุญาติจากเขาถึงมีสิทธิ์ให้ เราคิดว่า ถ้าเราแยกตัวออกมา เราคงดูแลแม่ได้ดีกว่านี้

แม่สามีเอาใจยากมาก กินอาหารยาก ทำอะไรให้ก็ไม่กิน ไม่ชอบ และขี้นินทาสุดๆ เราพยายามปล่อยวางนะ แต่มันได้ยินทุกวันมันก็เบื่อ พูดถึงแต่เรื่องเก่าๆ ขุดแต่เรื่องเก่ามาพูด เวลาทานข้าว แม่สามี พ่อสามี และสามี จะชอบพูดดูถูกครอบครัวอื่นหรือญาติๆว่า ไม่รวยเท่าตัวเอง ไม่ดีเท่าตัวเอง เห็นคนซื้อบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่ ทั้งๆที่เป็นญาติตัวเองก็ไม่ยินดีด้วย แถมยังนินทาว่า กู้เขามาล่ะสิ ใช้หนี้ทั้งชาติมั๊งกว่าจะหมด คือ ใครทำอะไร ไม่เคยดีในสายตาครอบครัวนี้ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง เรารับไม่ได้เลย บางวันได้ยินคำพูดที่เขาดูถูกคนอื่นและชื่นชมตัวเอง ทำให้ทานข้าวแทบไม่ลง และเริ่มลามปามมานินทาถึงญาติๆทางฝั่งเราด้วย

มารยาทในการรับประทานอาหารแย่มาก ทั้งเสียงดัง ดังแบบดังมากๆๆๆ และกินอะไรไม่เหลือ ไม่รอ ไม่แบ่งคนอื่น ขอแค่ตัวเองอิ่มเป็นพอ ซึ่งเราซีเรียสเรืองการกินมาก

เรารู้สึกว่าเขาไม่ค่อยรักลูก ชอบดุ ชอบตีลูก แต่บางครั้งก็เหมือนรักมาก คล้ายๆรักแบบผีเข้าผีออก ครอบครัวเขาชอบบังคับหลาน ห้ามโน้น ห้ามนี่ เรื่องมาก จนคนข้างบ้าน หรือญาติๆไม่กล้าพาหลานเขามาเล่นด้วย เพราะไม่สบายทีไร เป็นโทษเด็กคนอื่นที่มาเล่นด้วยว่าทำให้หลานไม่สบาย ทำให้ลูกเราไม่มีเพื่อน และกลัวคนแปลกหน้า แม้แต่ป้าข้างบ้าน ลูกเรายังไม่ให้จับเลย เจออะไรจะพูดว่ากลัวๆ ไว้ก่อน ซึ่งตอนที่แม่เราเลี้ยง ลูกเราอารมณ์ดีและมีความสุขมาก ยายพาเที่ยวตลอด
ตอนนี้แค่โทรหายาย ยังเริ่มโดนว่า ว่าโทรอะไรนักหนา คุยอะไรกันเยอะแยะ คือเราเริ่มโทรได้แค่ อาทิตย์ละครั้ง เหมือนเริ่มแยกเราให้ห่างจากครอบครัวเราเรือยๆ เพือนชวนไปเที่ยวบ้าน เที่ยวทะเลไม่เคยได้ไป เพื่อนขอมาบ้าน มาหาหลาน เขาก็ไม่อนุญาติ กลัววุ่นวาย รบกวน เรากลายเป็นคนไร้เพื่อน ไร้ญาติ

เรื่องการใช้จ่าย เราไม่ได้เงินส่วนตัว ทุกอย่างคือ ส่วนรวม ขอเงินส่วนตัวเดือนละพันยังไม่ได้ รายได้ครอบครัวเขาเยอะมากนะ ปีละ 2-3 m. สามีเป็นลูกคนเดียว ช่วยงานที่บ้าน จะซื้อชุดใหม่ ครีมทาผิวบ้าง อย่าหวังเลย ไม่ได้ ซื้อของเล่นให้ลูกบ้างยังโดนด่าว่าฟุ่มเฟือย ซื้อกับข้าว ต้องเอามาเช็คก่อนว่าอันนี้ฟุ่มเฟือย อันนี้ไม่ดี อย่าซื้อมาอีก คือ ไร้อิสระในการใช้จ้า เวลาไปซือของในห้าง รถเข็นต้องไปโซนของจำเป็นเท่านั้น ไม่เคยได้เดินชิว รีบซือ รีบกลับ บ้างครั้งช้า คือโดนด่า โดนตระคอก เราเคยนั่งร้องให้บนรถมาแล้ว ทีนี้จะซืออะไรต้องรีบและวิ่งเท่านั้น ไม่งั้นโดน

เราอยากถอยออกมา หางานใหม่ทำ แม้เงินเดือนอาจหลักหมื่นนิดๆ เราคิดว่า เราคงมีความสุขมากกว่านี้ ลูกเรา แม่เราเลี้ยงได้ เพราะท่านเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ทางครอบครัวเราไม่ได้เดือดร้อนเรืองเงิน เราคงได้กลับมามีความสุขกันอีกครั้ง ได้พาแม่ทานอาหารอร่อยๆบ้าง ไม่ต้องอยู่ในกรอบของใคร

ขอบคุณที่เขามาอ่านจนจบนะคะ แค่อยากได้คำแนะนำ เราไม่เคยเล่าเรืองนี้กับใครเลย แต่เรืองทั้งหมดมันวนอยู่ในหัวเราตลอดเวลา  เราอยากถอยออกมาแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง หรือพูดกับเขายังไงดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่