คิดยังไงกับวัฒนธรรมองค์กร "ออมใจ" ครับ...

มีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ได้ลาออกจากบริษัทที่เคยทำอยู่ด้วยกันนี้ล่ะ แล้วไปได้งานที่บริษัทดังที่ว่า เป็นองค์กรใหญ่ บ. มหาชน ทีเดียว ผมขอสงวนนามไว้ล่ะกัน

แต่เมื่อเข้าไปทำงานแรกๆ ช่วงฝึกงานได้รับมอบหมายงานที่ดูแล้ว น้อยกว่าที่เดิมมากๆ เรียกว่ารับผิดชอบแค่เบิกจ่ายอุปกรณ์ พัสดุเท่านั้น เหมือนงานจะน้อยนะแต่ น้องเริ่มรู้สึกแปลกๆคือ คนในออฟฟิศ ไม่พูดคุยกันเลย ตั้งหน้าตั้งตากันทำงานจนดูเหมือนว่า ออฟฟิศเงียบบรรยากาศดูกดดัน ไม่ผ่อนคลายกันทำอะไรดูซีเรียสไปซ่ะหมด

จนเมื่อเลิกงาน 17.00 คนที่สอนงานน้อง บอกน้องว่า "กลับไปก่อนก็ได้นะ หนูทำงานต่ออีกหน่อยก็กลับ" มันก้อดูปกติดี น้องผมก็กลับบ้าน

เช้ามาเจอก็คุยกัน ถามกันว่า กลับบ้านเมื่อไหร่ คำตอบคือ 2 ทุ่ม ก็เริ่มคุยกันถึงว่า "แบบนี้ก็ OT น่ะสิ" คนสอนงานก็ตอบ "ไม่มีหรอก ไม่ได้เขียนเบิก OT" เราอยู่ทำงานกันแบบ "ออมใจ" คือทำงานกันเต็มที่โดยไม่หวังผลถึง OT คือทำกันแบบนี้จริงๆ

จนรุ่นน้องผมมาเล่าให้ฟังว่า เป็นแบบนี้จริงๆ ทั้งออฟฟิศ และทุกคน คือ ทำงานกันหน้าจริงจังซีเรียส ผจก. ถึงกับไม่ออกไปทานข้าวเที่ยง คือสั่งข้าวมานั่งทานในออฟฟิศแล้วทำงานไปด้วย บ้างคนอยู่ทำงานจนถึง 5 ทุ่มเที่ยงคืน แต่เขียนเบิก OT แค่ 2 ทุ่มเท่านั้น คนอยู่ถึง 2 ทุ่ม ไม่เขียนเบิก OT เลย ทุกคนดูทำงานจนเหมือนเครื่องจักร ไม่พูดคุยไม่ผ่อนคลาย

ไม่เล่นแม้แต่จะดู Web ดู Youtube หรือท่อง Google น้องเค้าบอกว่า ทุกคนกลัวโดนแทงข้างหลัง เช่น เอาไปฟ้อง ผจก. ว่าดูหรือ ไม่ตั้งใจในเวลาทำงาน เหมือนมีสายสืบใน Office ตลอด ทุกคนเลยไม่ค่อยคุยกัน เพราะไม่รู้ใจกันว่าใครเป็น Spy ให้ใครหรือเปล่า ง่ายๆระแวงกันเอง

เข้าประเด็นคือ ที่เค้าออมใจกัน เพราะคาดหวังว่า จะได้ปรับตำแหน่ง ได้เงินเดือนขึ้น ได้โบนัส ตามที่ ผจก. เคยรับปากไว้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรือจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ในปีถัดไป

คิดยังไงกันบ้างครับ ส่วนตัวผมเอง ทำงานถึงไหนต้องได้ค่าตอบแทนตามเหมาะสมที่ลงแรง ถ้าลูกน้องผมทำงานแบบนี้ "ออมใจ" ผมไม่ Ok เพราะผมจะยิ่งรู้สึกผิดด้วยซ้ำไป ผมบอกเลย คุณมีครอบครัว มีคนที่รักอยู่ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทขนาดนี้ ผมก็ปรับให้ตามสมควรแล้ว ถ้าเวลาทำงานปกติไม่ได้บกพร่องอะไร ยังไงก็ได้ครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่