The Battleship Island (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)
.
ภาพยนตร์อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ ในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเกาหลีตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ชาวเกาหลีกว่า 400 ชีวิต รวมถึงผู้หญิงและเด็กถูกหลอกให้ไปใช้แรงงานเยี่ยงทาสใต้เหมืองถ่านหินบนเกาะฮาชิมะ แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายเกินกว่ามนุษย์จะมีชีวิตรอด พวกเขาจึงร่วมกันวางแผนเพื่อหลบหนีออกมาให้ได้ กำกับภาพยนตร์โดย Seung-wan Ryoo (The Berlin File (2013) และ Veteran (2015))
.
ภาพยนตร์ที่มียอดจองตั๋วล่วงหน้าก่อนหนังเข้าฉายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเกาหลีใต้ นับจาก "Train to Busan" ที่เคยทำสถิตินี้ไว้เมื่อช่วงปีก่อน ตัวหนังบอกเล่าความเจ็บปวดของเชลยชาวเกาหลีและถ่ายทอดความรู้สึกหดหู่ให้แก่ผู้ชมได้อย่างทุกข์ทรมานตั้งแต่ต้นเรื่อง ก่อนขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวชีวิตของผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ต้องตกมาเป็นเชลยทาส ไม่ว่าจะเป็นแรงงานผู้สิ้นหวังใต้เหมืองถ่านหินและทาสบำเรอกามให้กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งตัวหนังได้ใส่ประเด็นหนักอึ้งไว้อีกมากมายพร้อมขับเคลื่อนไปกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากนรกขุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นความคลั่งชาตินิยม การเสียสละในสถาบันครอบครัว และการทรยศขายชาติ ล้วนแล้วแต่หนักหน่วงและชวนหนักอึ้งตลอดความยาวของหนังประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ด้านโปรดักชั่นจัดว่าเทียบเท่าระดับฮอลลีวูดก็ว่าได้ การเมคอัพและงานภาพภายในเรื่องอลังการสวยงามและดุเดือดมากๆ นอกจากนี้ยังมี ซงจุงกิ (Song-Joong Ki) และสาวน้อยจาก Train to Busan คิมซูอัน (Kim Su-an) มาฉายแววฝีมือการแสดงอันจัดจ้านตั้งแต่วัยเด็กให้ได้รับชมอีกด้วย ตัวหนังไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสงครามเท่าใดนักเนื่องจากอัดแน่นไปด้วยประเด็นการเหยียดเชื้อชาติ คาวเลือด และความหดหู่ชวนเจ็บปวดทางอารมณ์
.
คะแนนความชอบ : 9/10
.
ติดตามรีวิวหนังเข้าใหม่เรื่องอื่นๆ หรือแวะมาพูดคุยทักทายกันได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/media/set/?set=a.958831984157224.1073741829.100000912954210&type=1&l=019158f91d
[CR] The Battleship Island (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)
.
ภาพยนตร์อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ ในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเกาหลีตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ชาวเกาหลีกว่า 400 ชีวิต รวมถึงผู้หญิงและเด็กถูกหลอกให้ไปใช้แรงงานเยี่ยงทาสใต้เหมืองถ่านหินบนเกาะฮาชิมะ แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายเกินกว่ามนุษย์จะมีชีวิตรอด พวกเขาจึงร่วมกันวางแผนเพื่อหลบหนีออกมาให้ได้ กำกับภาพยนตร์โดย Seung-wan Ryoo (The Berlin File (2013) และ Veteran (2015))
.
ภาพยนตร์ที่มียอดจองตั๋วล่วงหน้าก่อนหนังเข้าฉายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเกาหลีใต้ นับจาก "Train to Busan" ที่เคยทำสถิตินี้ไว้เมื่อช่วงปีก่อน ตัวหนังบอกเล่าความเจ็บปวดของเชลยชาวเกาหลีและถ่ายทอดความรู้สึกหดหู่ให้แก่ผู้ชมได้อย่างทุกข์ทรมานตั้งแต่ต้นเรื่อง ก่อนขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวชีวิตของผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ต้องตกมาเป็นเชลยทาส ไม่ว่าจะเป็นแรงงานผู้สิ้นหวังใต้เหมืองถ่านหินและทาสบำเรอกามให้กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งตัวหนังได้ใส่ประเด็นหนักอึ้งไว้อีกมากมายพร้อมขับเคลื่อนไปกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากนรกขุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นความคลั่งชาตินิยม การเสียสละในสถาบันครอบครัว และการทรยศขายชาติ ล้วนแล้วแต่หนักหน่วงและชวนหนักอึ้งตลอดความยาวของหนังประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ด้านโปรดักชั่นจัดว่าเทียบเท่าระดับฮอลลีวูดก็ว่าได้ การเมคอัพและงานภาพภายในเรื่องอลังการสวยงามและดุเดือดมากๆ นอกจากนี้ยังมี ซงจุงกิ (Song-Joong Ki) และสาวน้อยจาก Train to Busan คิมซูอัน (Kim Su-an) มาฉายแววฝีมือการแสดงอันจัดจ้านตั้งแต่วัยเด็กให้ได้รับชมอีกด้วย ตัวหนังไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสงครามเท่าใดนักเนื่องจากอัดแน่นไปด้วยประเด็นการเหยียดเชื้อชาติ คาวเลือด และความหดหู่ชวนเจ็บปวดทางอารมณ์
.
คะแนนความชอบ : 9/10
.
ติดตามรีวิวหนังเข้าใหม่เรื่องอื่นๆ หรือแวะมาพูดคุยทักทายกันได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้