พอดีมีจังหวะไปเที่ยว เลยแว่บไปดูด้วยเลยครับ หนังยังไม่ออกโรง
ชื่อเรื่อง No Game No Life Zero
แนว Fantasy
ความยาว 106 นาที (ข้อมูลจาก Toho Cinema)
PV แบบยาว ที่ไปโชว์ในงาน Anime Expo ที่อเมริกา
รีวิวข้างล่าง จะมีสปอยล์นิดๆ หน่อยๆ นะครับ แต่คนอ่านนิยายไปแล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง
การเดินเรื่อง
ตัวหนังแปลงจากนิยายเล่ม 6 แค่ 1 เล่มเท่านั้น เพราะงั้นจุดสำคัญๆ เลยยังอยู่เกือบครบครับ แต่ก็แน่นอนว่าต้องมีตัดรายละเอียดออกไปบ้าง และด้วยเนื้อหานั้น เป็นเรื่องราวก่อนเนื้อเรื่องในภาคหลัก ซึ่งก็ไม่ได้ต่อเนื่องกันตรงๆ ซักเท่าไร เพราะงั้นใครไม่เคยอ่านก็น่าจะพอดูรู้เรื่องครับ แค่คนที่รู้จักเรื่องนี้ หรือเคยอ่านมาก่อนน่าจะอินกับหนังโรงมากกว่า
เนื้อหาคร่าวๆ คือ เรื่องราวเมื่อ 6,000 ปีก่อน เป็นช่วงที่ยังอยู่ในระหว่างสงครามครั้งใหญ่ ที่เหล่ามนุษย์ผู้อยู่กลางดงสงครามระหว่างสัตว์ประหลาดได้แต่หลบๆ ซ่อนๆ เพื่อการอยู่รอด จนกระทั่ง ริคุ ผู้นำเหล่ามนุษย์ ได้มาพบกับ ชูวี่ เผ่าเครื่องจักรเอ็กซ์มาคิน่า ที่เข้าหาริคุ เพื่อเรียนรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า จิตใจ
ด้านการดึงอารมณ์ร่วมคนดู
ถือว่าทำได้ดีมาก อาจจะเพราะผมอินง่ายด้วยมั้ง ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้เหล่านักพากย์เลยจริงๆ ครับ (มีแต่ Big Name ทั้งนั้น)
ทั้งช่วงแรกที่ริคุ ระเบิดอารมณ์อยู่คนเดียวในห้อง หรือการปฏิสัมพันธ์(Interaction)ระหว่างริคุกับชูวี่นี่ เข้าถึงอารมณ์ได้ดีมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากที่ริคุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ประกาศแผนการกับพวกพ้อง ว่าจะทำการต่อสู้อยู่เบื้องหลัง ไม่เผยตัว อยู่ในฐานะวิญญาณ
แล้วก็ตอนที่โคลอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เลื่อนตัวหมากครั้งสุดท้ายตามคำสั่งเสียของริคุ
ฉากแอ็คชั่น (คงไม่ต้องบอกมั้ง ว่าใครฟัดกับใคร
)
งานดีสมกับที่เป็น Mad House ที่มีชื่อด้านฉากแอ็คชั่นอยู่แล้ว ถ้าใครชอบลำดับภาพ(Sequence)ตอนที่พวกคูฮะคุสู้กับอิซึนะในอนิเม ตัวหนังทำได้เจ๋งกว่าเยอะครับ โดยเฉพาะช่วง 251 วินาทีนี่
เพลงประกอบ
หนังโรง เพลงประกอบก็ต้องเยี่ยมเป็นปกติอยู่แล้ว ส่วน Theme Song ชื่อ There Is A Reason ร้องโดย Suzuki Konomi คนเดียวกับที่ร้องเพลงเปดภาคอนิเมทีวีครับ เพลงที่อยู่ใน PV ข้างบนนั่นแหละ
ตัวละคร
ริคุ - การเดินเรื่อง จะทำให้เราเห็นภาพความเปลี่ยนแปลงของตัวริคุหลังได้พบกับชูวี่ได้ชัดกว่านิยาย(แหงสิ) รวมถึงการดิ้นรนเพื่อให้ชนะด้วย
ชูวี่ - ตัวตนที่เหมือนเป็นแสงสว่างช่วยให้ริคุยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ในหนังน่ารักมาก มีฉากชวนให้ขำเล็กๆ น้อยๆ ตามลักษณะคาแรคเตอร์ของเจ้าตัวเอง เช่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ERROR! ERROR! ERROR! ERROR! ERROR! ERROR!
โคลอน - น่าจะเป็นตัวละครที่ในแง่นึงแล้ว น่าสงสารที่สุดในเรื่องเลย กับบทพี่สาวที่รอคอยอย่างเป็นห่วงตลอดเวลา
จิบริล - ก็ปกติตามในอนิเมครับ แน่นอนว่ามีร่างโลลิให้ดูด้วย
ซิงค์ - ก็คล้ายๆ กับฟีล แค่ท่าทางโหดกว่า
นนน่า - คลามี่จิ๋ว
อัซรีล - แทบไม่ค่อยมีบทอะไร แต่เป็นตัวละครที่ไม่ได้ใช้นักพากย์ซ้ำแบบตัวละครข้างบน ให้คิดง่ายๆ ก็ เสียงเป็นแบบเฟลิส Re:Zero ครับ
อัลทอช - มีแต่เสียง
ไอน์ซิก - หล่อมาเลย แต่ถ้าใคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ่านเล่ม 9 มาแล้ว อาจมีแอบขำตอนเจ้าตัวโผล่มาครับ ผมแอบได้ยินคนขำนิดหน่อยตอนโผล่มาด้วย
ที่เหลือตัวหลักๆ จากในอนิเมก็ไม่มีอะไรมากครับ ที่จะมีเพิ่มก็คือ ได้เห็นหน้าค่าตาของไลล่า แล้วก็พลัม แบบอนิเมในหนังโรงแว่บนึงด้วย
สรุปคะแนนส่วนตัว
ให้ 8.5 / 10 ครับ
คิดเป็น 4 ดาวละกัน เนื่องจากมีจุดที่รู้สึกว่าเร่งๆ เกินไปนิดนึง ตามข้อจำกัดของเวลา
ช่วงบ่น
ช่วงที่ผมไปดูนั้น เป็นจังหวะที่จะมีการแจกของให้กับผู้ที่เข้าไปชมในอาทิตย์ที่ 3 (ของแจกอย่างที่ 3) ที่หนังได้เข้าฉาย คือ แผ่นภาพพร้อมลายเซ็นต์นักพากย์ขนาดเล็ก โดยของอาทิตย์นั้น จะมีเป็นภาพของโคลอน(ฮิคาสะ โยโกะ) แล้วก็ซิงค์(โนโต มามิโกะ) ครับ
โดยเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. จนกว่าของจะหมด ตามตัวอย่างข้างล่าง
แต่!! วันที่ผมได้ไปดู ของหมดซะแล้วครับ อดตามระเบียบ
ส่วนของอาทิตย์หน้า อาทิตย์ที่ 4 จะเป็นจิบริล(ทามุระ ยูคาริ) กับอิซึนะ(ซาวาชิโระ มิยูกิ)ครับ
ข้อมูลจาก
http://ngnl.jp/present/
เลยได้แต่ซื้อของปลอบใจ เป็น Booklet ราคา 700 เยนมาแทนครับ รีวิวข้างล่างเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปกหน้า+หลัง
ข้างในก็จะมีเรื่องราวคร่าวๆ พร้อมรูป
แนะนำเผ่าในเรื่อง
บทสัมภาษณ์ทีมงาน ผู้แต่งต้นฉบับ นักพากย์ นักร้องเพลงประกอบ
แล้วก็มีภาพ Illust โดยนักวาดนิดหน่อยครับ โดยอันนี้จากคนวาดมังงะภาค No Game No Life Desu!
จริงๆ ก็อยากดูอีกรอบอยู่เหมือนกัน แต่เวลาไม่ค่อยมี เลยได้ดูรอบเดียว ก็หวังว่าน่าจะมีเอาเข้ามาฉายในไทยนะ จากที่มีข่าวว่า
จะมาฉายแถบๆ บ้านเราอยู่ (แต่ไม่มีชื่อประเทศไทย)
[CR] รีวิว No Game No Life: Zero แบบคร่าวๆ + รีวิว Booklet ของตัวหนัง
ชื่อเรื่อง No Game No Life Zero
แนว Fantasy
ความยาว 106 นาที (ข้อมูลจาก Toho Cinema)
PV แบบยาว ที่ไปโชว์ในงาน Anime Expo ที่อเมริกา
รีวิวข้างล่าง จะมีสปอยล์นิดๆ หน่อยๆ นะครับ แต่คนอ่านนิยายไปแล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง
การเดินเรื่อง
ตัวหนังแปลงจากนิยายเล่ม 6 แค่ 1 เล่มเท่านั้น เพราะงั้นจุดสำคัญๆ เลยยังอยู่เกือบครบครับ แต่ก็แน่นอนว่าต้องมีตัดรายละเอียดออกไปบ้าง และด้วยเนื้อหานั้น เป็นเรื่องราวก่อนเนื้อเรื่องในภาคหลัก ซึ่งก็ไม่ได้ต่อเนื่องกันตรงๆ ซักเท่าไร เพราะงั้นใครไม่เคยอ่านก็น่าจะพอดูรู้เรื่องครับ แค่คนที่รู้จักเรื่องนี้ หรือเคยอ่านมาก่อนน่าจะอินกับหนังโรงมากกว่า
เนื้อหาคร่าวๆ คือ เรื่องราวเมื่อ 6,000 ปีก่อน เป็นช่วงที่ยังอยู่ในระหว่างสงครามครั้งใหญ่ ที่เหล่ามนุษย์ผู้อยู่กลางดงสงครามระหว่างสัตว์ประหลาดได้แต่หลบๆ ซ่อนๆ เพื่อการอยู่รอด จนกระทั่ง ริคุ ผู้นำเหล่ามนุษย์ ได้มาพบกับ ชูวี่ เผ่าเครื่องจักรเอ็กซ์มาคิน่า ที่เข้าหาริคุ เพื่อเรียนรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า จิตใจ
ด้านการดึงอารมณ์ร่วมคนดู
ถือว่าทำได้ดีมาก อาจจะเพราะผมอินง่ายด้วยมั้ง ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้เหล่านักพากย์เลยจริงๆ ครับ (มีแต่ Big Name ทั้งนั้น)
ทั้งช่วงแรกที่ริคุ ระเบิดอารมณ์อยู่คนเดียวในห้อง หรือการปฏิสัมพันธ์(Interaction)ระหว่างริคุกับชูวี่นี่ เข้าถึงอารมณ์ได้ดีมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากที่ริคุ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วก็ตอนที่โคลอน[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฉากแอ็คชั่น (คงไม่ต้องบอกมั้ง ว่าใครฟัดกับใคร )
งานดีสมกับที่เป็น Mad House ที่มีชื่อด้านฉากแอ็คชั่นอยู่แล้ว ถ้าใครชอบลำดับภาพ(Sequence)ตอนที่พวกคูฮะคุสู้กับอิซึนะในอนิเม ตัวหนังทำได้เจ๋งกว่าเยอะครับ โดยเฉพาะช่วง 251 วินาทีนี่
เพลงประกอบ
หนังโรง เพลงประกอบก็ต้องเยี่ยมเป็นปกติอยู่แล้ว ส่วน Theme Song ชื่อ There Is A Reason ร้องโดย Suzuki Konomi คนเดียวกับที่ร้องเพลงเปดภาคอนิเมทีวีครับ เพลงที่อยู่ใน PV ข้างบนนั่นแหละ
ตัวละคร
ริคุ - การเดินเรื่อง จะทำให้เราเห็นภาพความเปลี่ยนแปลงของตัวริคุหลังได้พบกับชูวี่ได้ชัดกว่านิยาย(แหงสิ) รวมถึงการดิ้นรนเพื่อให้ชนะด้วย
ชูวี่ - ตัวตนที่เหมือนเป็นแสงสว่างช่วยให้ริคุยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ในหนังน่ารักมาก มีฉากชวนให้ขำเล็กๆ น้อยๆ ตามลักษณะคาแรคเตอร์ของเจ้าตัวเอง เช่น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โคลอน - น่าจะเป็นตัวละครที่ในแง่นึงแล้ว น่าสงสารที่สุดในเรื่องเลย กับบทพี่สาวที่รอคอยอย่างเป็นห่วงตลอดเวลา
จิบริล - ก็ปกติตามในอนิเมครับ แน่นอนว่ามีร่างโลลิให้ดูด้วย
ซิงค์ - ก็คล้ายๆ กับฟีล แค่ท่าทางโหดกว่า
นนน่า - คลามี่จิ๋ว
อัซรีล - แทบไม่ค่อยมีบทอะไร แต่เป็นตัวละครที่ไม่ได้ใช้นักพากย์ซ้ำแบบตัวละครข้างบน ให้คิดง่ายๆ ก็ เสียงเป็นแบบเฟลิส Re:Zero ครับ
อัลทอช - มีแต่เสียง
ไอน์ซิก - หล่อมาเลย แต่ถ้าใคร[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่เหลือตัวหลักๆ จากในอนิเมก็ไม่มีอะไรมากครับ ที่จะมีเพิ่มก็คือ ได้เห็นหน้าค่าตาของไลล่า แล้วก็พลัม แบบอนิเมในหนังโรงแว่บนึงด้วย
สรุปคะแนนส่วนตัว
ให้ 8.5 / 10 ครับ
คิดเป็น 4 ดาวละกัน เนื่องจากมีจุดที่รู้สึกว่าเร่งๆ เกินไปนิดนึง ตามข้อจำกัดของเวลา
ช่วงบ่น
ช่วงที่ผมไปดูนั้น เป็นจังหวะที่จะมีการแจกของให้กับผู้ที่เข้าไปชมในอาทิตย์ที่ 3 (ของแจกอย่างที่ 3) ที่หนังได้เข้าฉาย คือ แผ่นภาพพร้อมลายเซ็นต์นักพากย์ขนาดเล็ก โดยของอาทิตย์นั้น จะมีเป็นภาพของโคลอน(ฮิคาสะ โยโกะ) แล้วก็ซิงค์(โนโต มามิโกะ) ครับ
โดยเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. จนกว่าของจะหมด ตามตัวอย่างข้างล่าง
แต่!! วันที่ผมได้ไปดู ของหมดซะแล้วครับ อดตามระเบียบ
ส่วนของอาทิตย์หน้า อาทิตย์ที่ 4 จะเป็นจิบริล(ทามุระ ยูคาริ) กับอิซึนะ(ซาวาชิโระ มิยูกิ)ครับ
ข้อมูลจาก http://ngnl.jp/present/
เลยได้แต่ซื้อของปลอบใจ เป็น Booklet ราคา 700 เยนมาแทนครับ รีวิวข้างล่างเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จริงๆ ก็อยากดูอีกรอบอยู่เหมือนกัน แต่เวลาไม่ค่อยมี เลยได้ดูรอบเดียว ก็หวังว่าน่าจะมีเอาเข้ามาฉายในไทยนะ จากที่มีข่าวว่าจะมาฉายแถบๆ บ้านเราอยู่ (แต่ไม่มีชื่อประเทศไทย)