ผมกำลังจะเปิดเทอมมหาวิทยาลัยแล้ว (ขั้นปี 1) อยู่ๆก็รู้สึกใจหายขึ้นมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้อยากให้เปิดเทอมเร็วๆแท้ๆ
รู้สึกใจหายเพราะว่า จะต้องออกจากบ้าน (มาเรียนมหาวิทลัยใน กทม.) ถึงจะระยะทางไม่ไกลมาก กลับไปหาบ่อยๆก็ได้
แต่ว่าก็รู้สึกเหมือนออกจากบ้าน ออกจากครอบครัวอยู่ดี
ต่อไปจะไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุย เล่าเรื่องเพื่อน โรงเรียน หรือเรื่องทั่วๆไปให้พ่อแม่ฟังอีกแล้ว
งานบ้าน หรืองานอื่นๆที่เคยช่วยอยู่เป็นเนืองนิตย์ก็จะไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำแล้ว
จากที่ปกติสนิทกับพ่อแม่กับน้องมากๆ อยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา ก็ต้องมาอยู่ตัวคนเดียว
รู้สึกเป็นห่วงที่บ้านว่าจะอยู่กันยังไง ถ้าไม่มีเราอยู่แล้ว ใครจะซักผ้า ใครจะคอยซื้อของกินให้
ใครจะคอยถามใถ่สารทุกข์สุขดิบต่างๆ ใครจะคอยนวดให้พ่อ ใครจะคอยกอดแม่ ฯลฯ
แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุดเลยก็คืองาน ปกติผมจะช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านเยอะอยู่พอสมควร
ถ้าผมไม่ได้ทำแล้ว งานก็ต้องตกกลับไปอยู่ที่พ่อแม่ ทั้งๆที่อายุอานามก็มากขึ้น น่าจะได้พักผ่อนมากๆ
กลับต้องมาทำงานหนักขึ้นอีก รู้สึกแย่ ไม่อยากให้ท่านต้องเจออะไรแบบนี้
พิมพ์ไปน้ำตาไหลไป ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะร้องไห้ง่ายขนาดนี้
รู้สึกว่าอะไรๆมันกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป รู้ทั้งรู้ว่าซักวันนึงก็ต้องมีวันที่เราจะต้องออกจากบ้านจริงๆ
หรือพ่อแม่จะไม่อยู่แล้ว ก็คิดว่าตัวเองต้องอยู่ให้ได้ แต่แค่ไปเรียนมหาวิทยาลัยยังรู้สึกแย่ขนาดนี้
ถึงเวลานั้นจะรับมือกับมันไหวไหม ยังไม่อยากออกจากบ้านเลย รู้สึกว่ามันเร็วเกินไป
อยากเป็นเด็ก ม.6 ให้นานกว่านี้ อยากอยู่กับพ่อแม่อีกนานๆ อยากให้เวลามันเดินช้ากว่านี้
ยิ่งคณะที่เลือกเรียนเป็นคนละทางกับพ่อแม่ มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าจะออกห่างพวกท่านไปอีก
พาลทำให้คณะที่รัก และชอบมาตลอด 10 กว่าปี กลายเป็นคณะที่ไม่น่าเรียนเอาซะเลย
พอรู้สึกแบบนี้ก็ยิ่งไม่มีกำลังใจในการเรียนเข้าไปอีก ไม่รู้จะเรียนไหวไหม ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม
อยากจะระบายมากๆ แต่ว่าก็ไม่กล้าไประบายกับพ่อแม่ กลัวท่านจะเครียด จะกังวลอะไร
ปกติก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก่อนอยู่แล้ว ค่อยเป็นตัวเอง แล้วก็เพื่อน
เลยไม่ค่อยอินกับเพื่อนมากเท่าไหร่นัก เหมือนว่าทั้งชีวิตที่มี พ่อ แม่ ผม และน้อง จะหายไป
เหลือแค่ผมคนเดียว
รู้สึกแย่มากๆเลยครับ ได้พิมพ์ระบาย ได้ร้องไห้อะไรก็แล้ว แต่ไม่รู้สึกว่าโล่งขึ้นเลย
คนอื่นๆข้ามผ่านเหตุการณ์แบบนี้กันยังไงหรอครับ ผมต้องการนำแนะนำมากๆ
จะเปิดเทอมแล้ว รู้สึกใจหาย อยากระบาย และขอคำแนะนำ
รู้สึกใจหายเพราะว่า จะต้องออกจากบ้าน (มาเรียนมหาวิทลัยใน กทม.) ถึงจะระยะทางไม่ไกลมาก กลับไปหาบ่อยๆก็ได้
แต่ว่าก็รู้สึกเหมือนออกจากบ้าน ออกจากครอบครัวอยู่ดี
ต่อไปจะไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุย เล่าเรื่องเพื่อน โรงเรียน หรือเรื่องทั่วๆไปให้พ่อแม่ฟังอีกแล้ว
งานบ้าน หรืองานอื่นๆที่เคยช่วยอยู่เป็นเนืองนิตย์ก็จะไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำแล้ว
จากที่ปกติสนิทกับพ่อแม่กับน้องมากๆ อยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา ก็ต้องมาอยู่ตัวคนเดียว
รู้สึกเป็นห่วงที่บ้านว่าจะอยู่กันยังไง ถ้าไม่มีเราอยู่แล้ว ใครจะซักผ้า ใครจะคอยซื้อของกินให้
ใครจะคอยถามใถ่สารทุกข์สุขดิบต่างๆ ใครจะคอยนวดให้พ่อ ใครจะคอยกอดแม่ ฯลฯ
แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุดเลยก็คืองาน ปกติผมจะช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านเยอะอยู่พอสมควร
ถ้าผมไม่ได้ทำแล้ว งานก็ต้องตกกลับไปอยู่ที่พ่อแม่ ทั้งๆที่อายุอานามก็มากขึ้น น่าจะได้พักผ่อนมากๆ
กลับต้องมาทำงานหนักขึ้นอีก รู้สึกแย่ ไม่อยากให้ท่านต้องเจออะไรแบบนี้
พิมพ์ไปน้ำตาไหลไป ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะร้องไห้ง่ายขนาดนี้
รู้สึกว่าอะไรๆมันกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป รู้ทั้งรู้ว่าซักวันนึงก็ต้องมีวันที่เราจะต้องออกจากบ้านจริงๆ
หรือพ่อแม่จะไม่อยู่แล้ว ก็คิดว่าตัวเองต้องอยู่ให้ได้ แต่แค่ไปเรียนมหาวิทยาลัยยังรู้สึกแย่ขนาดนี้
ถึงเวลานั้นจะรับมือกับมันไหวไหม ยังไม่อยากออกจากบ้านเลย รู้สึกว่ามันเร็วเกินไป
อยากเป็นเด็ก ม.6 ให้นานกว่านี้ อยากอยู่กับพ่อแม่อีกนานๆ อยากให้เวลามันเดินช้ากว่านี้
ยิ่งคณะที่เลือกเรียนเป็นคนละทางกับพ่อแม่ มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าจะออกห่างพวกท่านไปอีก
พาลทำให้คณะที่รัก และชอบมาตลอด 10 กว่าปี กลายเป็นคณะที่ไม่น่าเรียนเอาซะเลย
พอรู้สึกแบบนี้ก็ยิ่งไม่มีกำลังใจในการเรียนเข้าไปอีก ไม่รู้จะเรียนไหวไหม ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม
อยากจะระบายมากๆ แต่ว่าก็ไม่กล้าไประบายกับพ่อแม่ กลัวท่านจะเครียด จะกังวลอะไร
ปกติก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก่อนอยู่แล้ว ค่อยเป็นตัวเอง แล้วก็เพื่อน
เลยไม่ค่อยอินกับเพื่อนมากเท่าไหร่นัก เหมือนว่าทั้งชีวิตที่มี พ่อ แม่ ผม และน้อง จะหายไป
เหลือแค่ผมคนเดียว
รู้สึกแย่มากๆเลยครับ ได้พิมพ์ระบาย ได้ร้องไห้อะไรก็แล้ว แต่ไม่รู้สึกว่าโล่งขึ้นเลย
คนอื่นๆข้ามผ่านเหตุการณ์แบบนี้กันยังไงหรอครับ ผมต้องการนำแนะนำมากๆ