ทำไมต้องเอาเงินจากสามีทุกบาท

มีคนชอบถามเราบ่อยๆ คะ ทั้งเพื่อน ทั้งญาติ
ชอบถามเราว่า "เวลาเงินเดือนออก สามีเอาเงินให้เก็บทุกบาทไหม"
เราก็ตอบว่า "ไม่นะ ไม่เอาสักบาท"
เขาก็บอกเราว่า ทำไมไม่เอาละ เป็นผัวต้องเอาเงินให้เมียเก็บสิ
.. คือเราคิดว่า ทำไมต้องเอามาทุกบาท เราไม่เคยเอาเลยนะ เวลาเงินออกเราก็เช็คสลิป เช็คข้อความในโทรศัพท์เอา
เราจะแบ่งกันคนละส่วน เขาเป็นคนจ่ายค่าบ้าน ค่ารถ .. ส่วนเราก็จ่ายค่าอาหาร ของใช้ ต่างๆ
เราอยากให้เขามีส่วนรับผิดชอบทางการเงินบ้าง วางแผนการใช้จ่ายเอง ถ้าให้เมียเก็บทุกบาท เขาจะไม่รับรู้เลยนะว่าแต่ละเดือนเหลือเท่าไหร่ ใช้อะไรไปบ้าง
>> เราดูจากพ่อเรา เงินเดือนออกก็เก็บไว้ที่แม่หมด แม่เป็นคนจ่ายทุกอย่างในบ้าน ไปใช้หนี้เอง วางแผนการเงินเอง
ช่วงไหนไม่มีเงิน ก็ไปหายืมเอง ไปพูดคุย ติดต่อ เจรจาเองทุกอย่าง
ส่วนพ่อไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะคิดว่าเงินอยู่กับแม่แล้ว ไปจัดการเอา ซื้อก็ของไม่เป็น เวลาแม่ไม่ว่างให้ไปจ่ายหนี้แทนก็ทำไม่เป็น เพราะไม่เคยทำ

เราว่าถ้าเก็บมาทุกบาท แล้วให้เงินเขาไปทำงานทุกวัน มันดูอึดอัดไปนะ (คิดเอง)


.. คนอื่นคิดยังไงกันบ้างคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 40
ในมุมมองของพี่นะคะ

ถ้าผู้ชายบริหารเงินไม่เป็นพี่คงไม่แต่งด้วย

ถ้าผชบริหารเงินเป็นคนเป็นเมียก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าเค้าจะเอาเงินไปกินเหล้าหรือเที่ยวจนหมด

ในความคิดของพี่ผู้หญิงเราเก่งได้แต่อย่าพยายามทำตัวให้เก่งเพราะถ้าเก่งจนผู้ชายเห็นเมื่อไหร่ถึงตอนนั้นผู้หญิงจะเหนื่อยมาก

ไม่มีความจำเป็นว่าค่าใช้จ่ายบิลต่างๆในบ้านผู้หญิงต้องนำมาคำนวณและเป็นคนไปจ่าย งานตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่บ้านผู้ชายเขาบริหารเงินเป็นเค้าจะเป็นคนทำหน้าที่ตรงนี้เอง

สองคนแต่งงานกันไม่ได้มาทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในทุกสิ่งทุกอย่างที่สองคนมีส่วนตัวพี่แยกหน้าที่กันแล้วก็คือจบ

แต่งมาเพื่อสร้าง อนาคตร่วมกัน สร้างครอบครัวค่ะเพราะฉะนั้นต้องช่วยกัน

ผู้หญิงที่เก่งจริงคือผู้หญิงที่รู้ว่าจะบริหารผู้ชายอย่างไรไม่ใช่แค่บริหารเงินของผู้ชายค่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าเป็นคน เห็นแก่ได้ ก็จะเอา ทุกบาท ทุกสตางค์
ความคิดเห็นที่ 6
มันคนละสมัยกันนะครับ
ยุคนี้ เศรษฐกิจแบบนี้ ไม่ได้อยู่ง่ายๆ
ส่วนตัวคิดว่า ถ้าคุณ ภ อยากจะเข้าควบคุมทุกอย่าง คิดอย่างไรกับสามี เป็นลูก เป็นทาส เป็นพนักงานหาเงิน เป็นคนที่รัก เป็นคนที่เข้าใจ
คุณอยากให้เขาอยู่กับคุณแบบไหน รักกัน ซื่อสัตย์ คุยกันทุกเรื่อง มีหนี้ก็เป็นด้วยกัน มีกินก็กินด้วยกัน หรือหวาดกลัว ต้องแม้มเงิน ต้องซ่อน ต้องโกหก จะซื้ออะไรทีต้องมานั่งถกเหตุผล เป็นวัน

คนแต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน
ญ - กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง
ช - รถ นาฬิกา โทรศัพท์ เครื่องใช้ไฟฟ้า

คือแต่ละคนมองคุณค่าของแต่ละชิ้นไม่เท่ากัน เอาเข้าจริงอย่างผม ไม่มีความรู้สึกอะไรกับกระเป๋า แบรนด์เนม ลิมิเตท ตีราคาไม่ได้ ถือว่าเป็นของไม่มีค่าสำหรับเรา ให้ซื้อใช้ จะไม่ซื้อ แต่สำหรับผู้หญิง ผมว่า คิดคนละอย่างใช่ปะ
ทีนี้ ถ้าเป็นของที่อยากได้ แต่ต้องให้เงิน ภ หมด จะทำยังไง ต้องบอก ภ ว่าขอเงินไปซื้อ แต่ ภ จะบอกว่า ซื้อทำไมเปลือง (ยกที่ 1)
เมื่อไม่ได้ แต่ยังอยากได้ ตอนต่อมา เงินที่ให้ ภ เก็บไว้วันนึง ภ เอาไปซื้อกระเป๋า รองเท้า (อันนี้ ยก 2)
ทีนี้อาจจะไม่พูดออกมา เพราะยังรักกันอยู่ แต่ในใจยังไง อ้าวนั่นไง ต้องซ่อนเงินไว้บ้าง (เค้าราง ยก 3 มาละ)
หลังจากไปซื้อมาแล้ว เอาเข้าบ้าน อาจต้องมีโกหก แม้ไม่ยาก แต่ต้องอธิบาย (อันนี้ ยก 3 มาจริง)
แล้วเรื่องต่อจากนั้น จะเป็นยังไงต่อ ถ้ามันเกิดซ้ำๆ ๆ ไปเรื่อยๆ ความสุขลดลง เรื่องอาจเปลี่ยนไปเป็นไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว

ผมว่าเอาแบบที่คิดว่า เขาจะมีความสุข และเรามีความสุข ที่จะอยู่ด้วยกัน จะดีกว่า ชีวิตจะราบรื่น ไม่ต้องระแวง ไม่ต้องโกหก Happy
ยังไงลองพิจารณาชีวิตคู่ของคนที่พูดแบบนั้นกับคุณด้วยครับว่า เขามีความสุขพอหรือปล่าว
แต่อย่าลืมว่า การสร้างครอบครัว ควรเก็บเงินเข้ากองกลาง ด้วยนะครับ เผื่อจะทำอะไร จะได้ง่ายขึ้น อย่างน้อยลูกก็ต้องใช้เงิน
ผมคิดว่า คุณก็ทำถูกต้องแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่