สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าคิดว่าซีซั่นแรกเป็นปรากฏการณ์ แล้วปรากฏการณ์มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็จะสบายใจขึ้นนะถ้าซีซั่นอื่นอาจจะไม่กระแสแรงเท่านั้นแล้ว
ผมว่ามีหลายๆเหตุผลเท่าที่สังเกตดู
-ซีซั่นแรกมันใหม่มาก คอนเซ็ปการปิดหน้าตาเพื่อร้องเพลงยังแปลกใหม่สำหรับคนดู มุกที่หน้ากากแซวกรรมการมันก็ยังสดใหม่อยู่
(มุกสามีพี่ตั๊ก/ มุกหน้าเก่าของนุ้ย/ มุกค่าเรียนแพงของครูอ้วน) หรือมุกที่หน้ากากเล่น (มุกเต๊าะพิธีกร/แกล้งหลับ) แต่พอเล่นไปนานๆคนดู
ก็จับทางได้ หน้ากากใหม่ก็พะวงว่ามุกนี้เล่นไปยังวะ อย่างซีรีส์ เป็นต่อ ตอนแรกคนโคตรติดเลย ซักพักมุกก็เริ่มตัน คนก็จับทางได้
- สืบเนื่องจากข้างบน ซีซั่นแรกเป็นช่วงแนะนำรายการให้ทุกคนรู้จัก ทีมงานก็จะตัดคลิปไวรัลเด็ดๆมาให้ดู (หน้ากากพยาบาล)
คนก็ชอบคลิปแล้วตามมาดู คนดูก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ เฟสบุ๊คเพจดังๆก็แชร์คลิปเถอะ เพราะมันตลกจริง พอซีซั่นสอง คนครึ่งประเทศ
รู้จักรายการหมดแล้ว มันก็แทบจะหมดช่วงแนะนำรายการแล้ว
- เป็นไปได้ว่าสปอยล์ที่ออกมาแล้วตรงจะทำลายอรรถรสการดูทำให้คนดูหยุดดูไปเฉยๆ
- หน้ากากขวัญใจคนตกรอบกันไปเยอะ พอตกรอบก็อาจจะพาแฟนหน้ากากนั้นไปด้วย
- ช่วงกลางๆซีซั่นแรกคนดูเริ่มกะเก็งรอบชิงให้เป็นอีกากับทุเรียนแล้ว เรียกได้ว่าตั้งตารอคอย ซีซั่นนี้ไม่ชัดว่าใครจะ/สมควรเข้าชิง
เพราะมีหลายๆหน้ากากเลเวลไม่ห่างกันมาก คนที่มีกระแสมากที่สุดอาจจะเสียงไม่ได้เลิศที่สุด คนที่ครบเครื่องที่สุดอาจเป็นหน้ากาก
ผู้หญฺิงก็อาจจะไม่ได้กระแสจากคนดู คนที่รายการอาจกะเก็งให้เป็นตัวเต็งเสน่ห์อาจจะไม่ออกแล้วอาจ perform ไม่สมกับเลเวลที่คนดู
คาดหวังไว้เลยอาจผิดหวัง
-ซีซั่นแรก pre-production นานมาก 6 เดือนมั้งก่อนได้ฉายเทปแรก ซีซั่นนี้แทบไม่มีเวลาได้เตรียมตัวเพราะฉายต่อกันเลย
ดูก็รู้ว่างานไหนจะรายละเอียดออกมาดีกว่ากัน
-WP อาจจะคิดว่าจับคนดังเข้ามาใส่ในซีซั่นนี้เยอะๆ = กระแสแรงขึ้น ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น คนดังมากๆ โดยเฉพาะนักร้อง
ก็ทำให้จำเสียงได้ง่ายเพราะคุ้นเคย นักร้องยี่สิบกว่าคนแล้วเคยมีเพลงฮิตทั้งนั้น ทำให้ความลึกลับที่เป็นจุดเด่นของรายการเสียไป
ขนาดตลกหรือเอนเทอร์เทนเนอร์ยังเป็นคนที่คนดูคุ้นเคยกับเสียงเพราะออกสื่อบ่อยมีเพลงฮิต (แจ๊ส, อี๊ด) คนที่ดัดเสียงก็ทำให้เพลง
ไม่ค่อยเพราะอีก
ถ้าถามว่าซีซั่นแรกที่ประสบความสำเร็จขนาดนั้น star power อาจจะเป็นเหตุผลข้อท้ายๆเลย
-ส่วนตัวคิดว่าฟอร์แมตรายการของไทยมีจุดอ่อนอยู่นะ คือระยะเวลานานเกินไป พอตัดชุดมาแพงๆก็ต้องใช้ให้คุ้ม ทำให้เป็นซีซั่น
ยกตัวอย่างเสือจากัวร์ ถ้าจากัวร์เข้า final ต้องตอบคำถาม 2 นาที 6 ครั้ง แล้วคนดูรู้ตั้งแต่มาเปิดตัว 3 หน้ากากซีซั่นแรกแล้วว่า
จากัวร์คือพี่บี เอาจริงๆผมว่ากรรมการก็รู้ตั้งแต่ครั้งสองครั้งแรกแล้วเหอะ แต่ละรอบก็ร้องเพลงที่พวกเราๆก็คิดว่าพี่บีก็ร้องแนวๆนี้แหละ
ไม่ได้ออกมาเล่นแนวที่ไม่ถนัดอะไรมากมาย ก็เลยไม่มีใครลังเล (ยกเว้นพี่หอย)
เสน่ห์ของการตอบคำถามสองนาทีคือกรรมการจะไม่รู้ว่าใต้หน้ากากคือใคร แล้วใต้หน้ากากก็จะสนุกมาก ได้เฉไฉ
บางทีก็ได้หลอกกัดกรรมการ สะใจที่สามารถหลอกได้ แต่พอให้ถามถึง 6 ครั้ง แล้วจะให้กรรมการถามอะไรมากมาย
ก็ในเมื่อรู้แล้ว แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ หรือถ้ารู้ก็ไม่สามารถไล่ต้อนหน้ากากที่จะเข้ารอบลึกได้
ไม่งั้นจะ awkward มากๆ จริงๆซีซั่นที่แล้วก็เริ่มออกอาการละนะว่าช่วงตอบคำถามเริ่มกร่อยตอนรอบแชมป์ชนแชมป์ กรรมการได้ไป
หาข้อมูลจากบ้านแล้วว่าอีกาคือน้าเอ๊ะ ทุเรียนคือทอม ตอนนั้นคือกร่อยเลย แต่คนดูก็ยังมองข้ามอยู่เพราะยังตั้งตารอคอยรอบชิง
กรรมการเลยอาจได้รับการบรีฟมาให้เล่นกันเองเยอะๆ เล่นกันเลอะเทอะให้กินเวลาแอร์ไทม์ เพราะถึงถามหน้ากากไป
ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เพราะรู้แล้วว่าเป็นใคร
แล้วโฟกัสของรายการมันเป็นรายการวาไรตี้ที่เน้นให้ทายว่าหน้ากากนู้นนี้เป็นใคร คนดังคนไหน ถ้ากรรมการกับคนดูทางบ้าน
ทายออกหมดตั้งแต่ยังไม่ต้องถาม ความสนุกจะเหลือเท่าไหร่ ถ้าโฟกัสของรายการคือการแข่งขันร้องเพลงก็ว่าไปอย่าง
ผมว่ามีหลายๆเหตุผลเท่าที่สังเกตดู
-ซีซั่นแรกมันใหม่มาก คอนเซ็ปการปิดหน้าตาเพื่อร้องเพลงยังแปลกใหม่สำหรับคนดู มุกที่หน้ากากแซวกรรมการมันก็ยังสดใหม่อยู่
(มุกสามีพี่ตั๊ก/ มุกหน้าเก่าของนุ้ย/ มุกค่าเรียนแพงของครูอ้วน) หรือมุกที่หน้ากากเล่น (มุกเต๊าะพิธีกร/แกล้งหลับ) แต่พอเล่นไปนานๆคนดู
ก็จับทางได้ หน้ากากใหม่ก็พะวงว่ามุกนี้เล่นไปยังวะ อย่างซีรีส์ เป็นต่อ ตอนแรกคนโคตรติดเลย ซักพักมุกก็เริ่มตัน คนก็จับทางได้
- สืบเนื่องจากข้างบน ซีซั่นแรกเป็นช่วงแนะนำรายการให้ทุกคนรู้จัก ทีมงานก็จะตัดคลิปไวรัลเด็ดๆมาให้ดู (หน้ากากพยาบาล)
คนก็ชอบคลิปแล้วตามมาดู คนดูก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ เฟสบุ๊คเพจดังๆก็แชร์คลิปเถอะ เพราะมันตลกจริง พอซีซั่นสอง คนครึ่งประเทศ
รู้จักรายการหมดแล้ว มันก็แทบจะหมดช่วงแนะนำรายการแล้ว
- เป็นไปได้ว่าสปอยล์ที่ออกมาแล้วตรงจะทำลายอรรถรสการดูทำให้คนดูหยุดดูไปเฉยๆ
- หน้ากากขวัญใจคนตกรอบกันไปเยอะ พอตกรอบก็อาจจะพาแฟนหน้ากากนั้นไปด้วย
- ช่วงกลางๆซีซั่นแรกคนดูเริ่มกะเก็งรอบชิงให้เป็นอีกากับทุเรียนแล้ว เรียกได้ว่าตั้งตารอคอย ซีซั่นนี้ไม่ชัดว่าใครจะ/สมควรเข้าชิง
เพราะมีหลายๆหน้ากากเลเวลไม่ห่างกันมาก คนที่มีกระแสมากที่สุดอาจจะเสียงไม่ได้เลิศที่สุด คนที่ครบเครื่องที่สุดอาจเป็นหน้ากาก
ผู้หญฺิงก็อาจจะไม่ได้กระแสจากคนดู คนที่รายการอาจกะเก็งให้เป็นตัวเต็งเสน่ห์อาจจะไม่ออกแล้วอาจ perform ไม่สมกับเลเวลที่คนดู
คาดหวังไว้เลยอาจผิดหวัง
-ซีซั่นแรก pre-production นานมาก 6 เดือนมั้งก่อนได้ฉายเทปแรก ซีซั่นนี้แทบไม่มีเวลาได้เตรียมตัวเพราะฉายต่อกันเลย
ดูก็รู้ว่างานไหนจะรายละเอียดออกมาดีกว่ากัน
-WP อาจจะคิดว่าจับคนดังเข้ามาใส่ในซีซั่นนี้เยอะๆ = กระแสแรงขึ้น ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น คนดังมากๆ โดยเฉพาะนักร้อง
ก็ทำให้จำเสียงได้ง่ายเพราะคุ้นเคย นักร้องยี่สิบกว่าคนแล้วเคยมีเพลงฮิตทั้งนั้น ทำให้ความลึกลับที่เป็นจุดเด่นของรายการเสียไป
ขนาดตลกหรือเอนเทอร์เทนเนอร์ยังเป็นคนที่คนดูคุ้นเคยกับเสียงเพราะออกสื่อบ่อยมีเพลงฮิต (แจ๊ส, อี๊ด) คนที่ดัดเสียงก็ทำให้เพลง
ไม่ค่อยเพราะอีก
ถ้าถามว่าซีซั่นแรกที่ประสบความสำเร็จขนาดนั้น star power อาจจะเป็นเหตุผลข้อท้ายๆเลย
-ส่วนตัวคิดว่าฟอร์แมตรายการของไทยมีจุดอ่อนอยู่นะ คือระยะเวลานานเกินไป พอตัดชุดมาแพงๆก็ต้องใช้ให้คุ้ม ทำให้เป็นซีซั่น
ยกตัวอย่างเสือจากัวร์ ถ้าจากัวร์เข้า final ต้องตอบคำถาม 2 นาที 6 ครั้ง แล้วคนดูรู้ตั้งแต่มาเปิดตัว 3 หน้ากากซีซั่นแรกแล้วว่า
จากัวร์คือพี่บี เอาจริงๆผมว่ากรรมการก็รู้ตั้งแต่ครั้งสองครั้งแรกแล้วเหอะ แต่ละรอบก็ร้องเพลงที่พวกเราๆก็คิดว่าพี่บีก็ร้องแนวๆนี้แหละ
ไม่ได้ออกมาเล่นแนวที่ไม่ถนัดอะไรมากมาย ก็เลยไม่มีใครลังเล (ยกเว้นพี่หอย)
เสน่ห์ของการตอบคำถามสองนาทีคือกรรมการจะไม่รู้ว่าใต้หน้ากากคือใคร แล้วใต้หน้ากากก็จะสนุกมาก ได้เฉไฉ
บางทีก็ได้หลอกกัดกรรมการ สะใจที่สามารถหลอกได้ แต่พอให้ถามถึง 6 ครั้ง แล้วจะให้กรรมการถามอะไรมากมาย
ก็ในเมื่อรู้แล้ว แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ หรือถ้ารู้ก็ไม่สามารถไล่ต้อนหน้ากากที่จะเข้ารอบลึกได้
ไม่งั้นจะ awkward มากๆ จริงๆซีซั่นที่แล้วก็เริ่มออกอาการละนะว่าช่วงตอบคำถามเริ่มกร่อยตอนรอบแชมป์ชนแชมป์ กรรมการได้ไป
หาข้อมูลจากบ้านแล้วว่าอีกาคือน้าเอ๊ะ ทุเรียนคือทอม ตอนนั้นคือกร่อยเลย แต่คนดูก็ยังมองข้ามอยู่เพราะยังตั้งตารอคอยรอบชิง
กรรมการเลยอาจได้รับการบรีฟมาให้เล่นกันเองเยอะๆ เล่นกันเลอะเทอะให้กินเวลาแอร์ไทม์ เพราะถึงถามหน้ากากไป
ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เพราะรู้แล้วว่าเป็นใคร
แล้วโฟกัสของรายการมันเป็นรายการวาไรตี้ที่เน้นให้ทายว่าหน้ากากนู้นนี้เป็นใคร คนดังคนไหน ถ้ากรรมการกับคนดูทางบ้าน
ทายออกหมดตั้งแต่ยังไม่ต้องถาม ความสนุกจะเหลือเท่าไหร่ ถ้าโฟกัสของรายการคือการแข่งขันร้องเพลงก็ว่าไปอย่าง
แสดงความคิดเห็น
เพราะอะไร the mask singer ถึงได้รับความนิยมลดลงขนาดนี้???