" ฮัลโหล "
"งงง อาทิตย์นี้เพื่อนบวชนะโว้ยยย ไม่ลืมใช่มะ "
" อ่าาา ไม่ลืม ว่าแต่... ที่ระยองใช่มะ "
" ระยองบ้านหรอ ระนองโว้ย!! "
ก่อนอื่นดิชั้นขอฝากเพจดิชั้นไว้ด้วยนะคะ
ฝาก Follow ด้วยจ้าาา
นั้นแหละค่ะ การเริ่มต้นทริปของดิชั้น
หลังจากโดนเพื่อด่าเสร็จ ดิชั้นก็ลุกจากเตียงมาเปิดคอมแล้วเริ่มต้นหาที่พักทันที
(ก่อนที่จะโดนเพื่อนด่าไปมากกว่านี้ 555)
หลังจากเลือกๆ โรงแรมอยู่ซะพัก
เปรี๊ยงงงง!!!!!
ฟ้าผ่าค่ะท่านผู้ชม ผ่าใกล้ๆคอนโดดิชั้นเลยทีเดียว
เสียงนั้นทำให้นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า เฮ๊ยยยย!!
นี่มันหน้าฝนนี่หว่า แล้วระนองก็ขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งฝนแปดแดดสี่ซะด้วย
บรรลัยสิคะ โรงแรมดีๆในระนองก็หายากอยู่ละ
ละนี่ต้องมาห่วงเรื่องฝนอีก
อุปสรรคมอสซี่เจงเจงงงงงงงงงงงงง
แต่ไม่เป็นไร คนอย่างมอสซี่จะมายอมแพ้แค่เรื่องฝนๆไม่ได้!!
ปลอบใจตัวเองเงียบๆพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนที่เป็นซะมากกว่ากู้เกิ้ลแมปออฟระนองซะอีก
ก็แหงละ มันเป็นคนระนองนิ
" ไปฮิดเด้นเลย!! "
ดิชั้นเริ่มต้นออกเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตประมาณสามชั่วโมงกว่าๆก็เดินทางมาถึงที่พัก
ที่พักที่เพื่อนชาวระนองแนะนำ พร้อมปิดท้ายด้วยคำว่า " กูรู้ ชอบแบบนี้ "
ในใจก็คิดว่า ต่อให้ไปรีสอร์ทที่กูชอบขนาดไหน แต่ถ้าฝนตก มันก็เละหมดป่ะว๊าาาา
" จริงๆแล้วที่เริ่มต้นออกเดินทางจากภูเก็ตไม่ใช่ว่าใกล้สุดนะคะ
แต่เป็นเพราะดิชั้นพักอยู่ภูเก็ตต่างหาก ส่วนใครที่ต้องการจะเดินทางมาเที่ยวจังหวัดระนอง
มอสซี่แนะนำให้นั่งเครื่องของหางเหลือง (สายการบินเดียวเบย) มาเลยดีกว่า เพราะจริงๆแล้วระนองเค้ามีสนามบินเป็นของตัวเอง
หรือถ้าใครที่จะนั่งรถทัวร์มาจากกรุงเทพ ดิชั้นแนะนำให้เดินทางตอนกลางคืน
มาถึงระนองก็ช่วงเช้าพอดี "
ความรู้สึกแรกที่มาถึงโรงแรมคือ " แหมมม Hidden สมชื่อจิมๆ "
ที่พักตั้งอยู่กลางธรรมชาติ ที่รายล้อมด้วยต้นไม้และเขาอีกที
ฝนตกปรอยๆบวกกับหมอกควันที่ลอยอยู่ตามเขา เริ่มไม่มั่นใจว่านี่ดิชั้นอยู่ระนองหรือเชียงใหม่ เชียงรายกันแน่
โรงแรมขอบอกเลยว่าสวยมาก คือจริงๆไม่คิดว่าจะมีโรงแรมแบบนี้มาตั้งอยู่กลางเขาขนาดนี้
มันเหมาะสำหรับคู่รัก หรือใครที่ต้องการความสงบท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวชะอุ่ม เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ
" เชิญทางนี้เลยค่ะคุณมอสซี่ "
เรากรอกข้อมูลเล็กๆน้อยๆเพื่อทำการเช็คอินไม่ถึงห้านาทีก็เสร็จ
พนักงานหญิงที่ทำหน้าที่เช็คอินให้เรา อาสาเดินทางไปส่งที่ห้อง พร้อมแนะนำรายละเอียดต่างๆของโรงแรมให้เราฟัง
ทางเดินไปห้องพักค่ะ เขียวชะอุ่มมากๆ
ห้องนี้เป็นห้อง Hidden Villa ห้องเล็กๆ น่ารัก เหมาะสำหรับคู่รัก
ตื่นนอนมาภาพแรกที่เห็นคือต้นไม้เขียวๆหน้าห้องเลย แถมอยู่ใกล้สระว่ายน้ำอีกต่างหาก
แต่!! ยังไม่ถึงห้องที่เราพักค่ะ
เพราะห้องที่ดิชั้นพักจะต้องมีความไพรเวทนิดหนึ่ง
อันนี้เป็นภาพทางเดินระหว่างล็อบบี้ไปห้องพักค่ะ ซึ่งตรงข้ามห้องพักก็จะเป็นสระว่ายน้ำนั่นเอง
ผ่านห้อง Hidden Villa มาไม่นานก็ถึงห้องดิชั้นแล้ว
ห้องนี้เป็นห้องที่ขนาดใหญ่ขึ้นมา และมีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะต้องเดินเข้ามาเกือบสุดด้านใน
(ไม่ได้โฆษณาเครื่องดื่มใดๆนะคะ เพียงแค่ดิชั้นตั้งลืมไว้เท่านั้นเอง หุหุ)
"ถึงแล้วค่ะคุณมอสซี่"
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงห้องพักของเรา
วันนี้เราพักห้อง "Garden Pavilion" ซึ่งเป็นห้องเน้นความเป็นส่วนตัวและมีขนาดใหญ่กว่าห้อง Hidden Villa ค่า
เปิดประตูมาปุ๊ปก็จะเจอกับเตียงนอนนุ่มๆก่อนเลย
คือเอาจริงๆอยากเรียกว่าเตียงดูดวิญญาณเลยค่ะ มันดูดไปซะทุกส่วนจริงๆ
ขนาดดิชั้นเป็นคนหลับไม่ง่าย ยังต้องยอมให้เตียงนี้เลย มันฟินมว๊ากกก
นี่เป็นมุมที่เราจะเห็นเหมือนเราอยู่บนเตียง
มองเห็นแต่ต้นไม้เขียวๆ ถ้าคิดว่ายังไม่ส่วนตัวพอก็ปิดม่านได้เลยจ่ะ
ส่วนข้างๆเตียงจะเป็นพลาสม่าทีวีจอใหญ่
รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทั้ง Ipod desk speaker, ตู้เย็น, น้ำดื่ม
รวมไปถึงชาและกาแฟ ซึ่งกาแฟที่นี่เป็นแบบแคปซูลนะจ๊ะ
ถัดมาก็จะเป็นโซนแต่งตัว และก็ห้องน้ำ
ตอนนี้มอสซี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าห้อง Garden Pavilion เนี่ย ห้องน้ำกะห้องนอน
ห้องไหนมันใหญ่กว่ากันนะ 555
หันหน้าเข้าห้องน้ำก็จะเป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ
นี่เป็นโซนแต่งตัวซึ่งตั้งอยู่หลังทีวีนั่นเอง
เป็นชั้นวางของประกอบไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ผ้าเช็ดตัว ตู้เซฟ รองเท้า เสื้อคลุม
อ่างล้างหน้ายังเกร๋เลยค่ะ
หุหุ
Amenities เป็นของ Botanica Essence
ห้องน้ำแบบเปิดโล่ง
นั่งทำธุระส่วนตัวไป ชมธรรมชาติไป สโลว์ไลฟ์จริงๆ
ส่วนตัวชอบมุมนี้ที่สุด
โซนอาบน้ำตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว
เดินออกจากห้องออกมานิดหนึ่งก็จะเจอสระน้ำส่วนกลางของโรงแรม
สระว่ายน้ำที่นี่อยู่ท่ามกลางต้นไม้สวยๆบวกกับห้องในรีสอร์ทมีเพียง 8 ห้อง
จึงทำให้สระว่ายน้ำมีความเป็นส่วนตัวสูง น่าเล่นมากจริงๆ
อันนี้มอสซี่ก็ชอบบบบ
โซนล้างตัวท่ามกลางธรรมชาติ
หลังจากที่ดิชั้นเข้าห้องพักได้ไม่นาน
ฝนก็เทลงมา
แต่เสน่ห์ของที่นี่มันอยู่ตรงนี้แหละ ฝนยิ่งตกก็ยิ่งชุ่มฉ่ำ
ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดรับกับสายฝนเบาๆที่โปรยลงมาทั้งวัน
ลองคิดภาพตามสิคะ
ถ้าไปกับแฟน เปิดเพลงแจ๊สเบาๆอยู่ในห้อง มองดูสายฝนโปรยปรายท่ามกลางต้นไม้รอบๆ
มันจะฟินขนาดไหน (นี่ขนาดมอสซี่ไม่ค่อยชอบฝนซะเท่าไหร่นะ)
"คุณมอสซี่จะนั่งโต๊ะไหนดีคะ?!"
เสียงพนักงานถามพร้อมกับพาเราไปนั่งที่โต๊ะ
เมนูอาหารเช้าน่ารักๆถูกวางลงตรงหน้า
อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบ A la cart อยากทานอะไรก็ติกๆลงไปในช่องเบย
ไม่นานอาหารเช้าและเครื่องดื่มก็มาเสริ์ฟ
มาแบ้ววว อาหารเช้าของมอสซี่
วันนี้ดิชั้นเลือกที่จะสั่ง Egg Benedict คู่กับน้ำแอปเปิ้ลหวานฉ่ำ
ฟินไปสิ~~
น่ากินแมะ
[/center]
ข้างๆโต๊ะอาหารมีต้นตะบองเพชรตั้งอยู่เยอะมาก
น่าขโมยกลับบ้าน จีจี 555
ที่นี่อาจเป็นโรงแรมไม่ใหญ่มากนัก
แต่สำหรับใครที่ต้องทำงานด่วนแต่ไม่ได้พกโน๊ตบุ๊คมาด้วย
ที่นี่เค้าก็มีบริการ Internet Cafe เล็กๆไว้คอยบริการด้วยนะเออ
สักพักเราก็ทำการเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม
กลับมานั่งรอที่ล็อบบี้เหมือนเดิม
(ที่นี่มุมถ่ายรูปเยอะมากจริงๆ ใครชอบถ่ายรูป มอสซี่แนะนำให้เอา Memory Card มาเยอะๆนะคะ ดิชั้นเกรงว่าจิไม่พอ)
The Hidden Resort and Restaurant
กลายเป็นหนึ่งโรงแรมในจังหวัดระนองที่ต้องมาพักและปักหมุดเน้นๆ
และที่นี่ยังกลายเป็นคำตอบให้กับหลายๆคนที่ยังสงสัยว่า
"ฝนตกแบบนี้ จะหนีไปเที่ยวที่ไหนดีวะ?!"
" ที่นี่เหมาะสำหรับคู่รักและนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติ
ราคาโดยประมาณสองพันกว่าสำหรับห้องเริ่มต้น "
ส่วนทริปหน้ามอสซี่จะไปเที่ยวที่ไหน
อย่าลืมกด Like ที่เพจ
สำหรับทริปนี้ ดิชั้นคงต้องกางร่มกราบลาผู้อ่านทุกคนด้วยนะฮ๊าาาา
THE HIDDEN RESORT AND RESTAURANT
Tel. 077 821 900
Website : www.thehidden-ranong.com
[SR] THE HIDDEN RESORT AND RESTAURANT | ในวันที่หัวใจเปียกปอน...
นั้นแหละค่ะ การเริ่มต้นทริปของดิชั้น
หลังจากโดนเพื่อด่าเสร็จ ดิชั้นก็ลุกจากเตียงมาเปิดคอมแล้วเริ่มต้นหาที่พักทันที
(ก่อนที่จะโดนเพื่อนด่าไปมากกว่านี้ 555)
หลังจากเลือกๆ โรงแรมอยู่ซะพัก
เปรี๊ยงงงง!!!!!
ฟ้าผ่าค่ะท่านผู้ชม ผ่าใกล้ๆคอนโดดิชั้นเลยทีเดียว
เสียงนั้นทำให้นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า เฮ๊ยยยย!!
นี่มันหน้าฝนนี่หว่า แล้วระนองก็ขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งฝนแปดแดดสี่ซะด้วย
บรรลัยสิคะ โรงแรมดีๆในระนองก็หายากอยู่ละ
ละนี่ต้องมาห่วงเรื่องฝนอีก
อุปสรรคมอสซี่เจงเจงงงงงงงงงงงงง
แต่ไม่เป็นไร คนอย่างมอสซี่จะมายอมแพ้แค่เรื่องฝนๆไม่ได้!!
ปลอบใจตัวเองเงียบๆพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนที่เป็นซะมากกว่ากู้เกิ้ลแมปออฟระนองซะอีก
ก็แหงละ มันเป็นคนระนองนิ
" ไปฮิดเด้นเลย!! "
ดิชั้นเริ่มต้นออกเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตประมาณสามชั่วโมงกว่าๆก็เดินทางมาถึงที่พัก
ที่พักที่เพื่อนชาวระนองแนะนำ พร้อมปิดท้ายด้วยคำว่า " กูรู้ ชอบแบบนี้ "
ในใจก็คิดว่า ต่อให้ไปรีสอร์ทที่กูชอบขนาดไหน แต่ถ้าฝนตก มันก็เละหมดป่ะว๊าาาา
" จริงๆแล้วที่เริ่มต้นออกเดินทางจากภูเก็ตไม่ใช่ว่าใกล้สุดนะคะ
แต่เป็นเพราะดิชั้นพักอยู่ภูเก็ตต่างหาก ส่วนใครที่ต้องการจะเดินทางมาเที่ยวจังหวัดระนอง
มอสซี่แนะนำให้นั่งเครื่องของหางเหลือง (สายการบินเดียวเบย) มาเลยดีกว่า เพราะจริงๆแล้วระนองเค้ามีสนามบินเป็นของตัวเอง
หรือถ้าใครที่จะนั่งรถทัวร์มาจากกรุงเทพ ดิชั้นแนะนำให้เดินทางตอนกลางคืน
มาถึงระนองก็ช่วงเช้าพอดี "
ความรู้สึกแรกที่มาถึงโรงแรมคือ " แหมมม Hidden สมชื่อจิมๆ "
ที่พักตั้งอยู่กลางธรรมชาติ ที่รายล้อมด้วยต้นไม้และเขาอีกที
ฝนตกปรอยๆบวกกับหมอกควันที่ลอยอยู่ตามเขา เริ่มไม่มั่นใจว่านี่ดิชั้นอยู่ระนองหรือเชียงใหม่ เชียงรายกันแน่
โรงแรมขอบอกเลยว่าสวยมาก คือจริงๆไม่คิดว่าจะมีโรงแรมแบบนี้มาตั้งอยู่กลางเขาขนาดนี้
มันเหมาะสำหรับคู่รัก หรือใครที่ต้องการความสงบท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวชะอุ่ม เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ
" เชิญทางนี้เลยค่ะคุณมอสซี่ "
เรากรอกข้อมูลเล็กๆน้อยๆเพื่อทำการเช็คอินไม่ถึงห้านาทีก็เสร็จ
พนักงานหญิงที่ทำหน้าที่เช็คอินให้เรา อาสาเดินทางไปส่งที่ห้อง พร้อมแนะนำรายละเอียดต่างๆของโรงแรมให้เราฟัง
ทางเดินไปห้องพักค่ะ เขียวชะอุ่มมากๆ
ห้องนี้เป็นห้อง Hidden Villa ห้องเล็กๆ น่ารัก เหมาะสำหรับคู่รัก
ตื่นนอนมาภาพแรกที่เห็นคือต้นไม้เขียวๆหน้าห้องเลย แถมอยู่ใกล้สระว่ายน้ำอีกต่างหาก
แต่!! ยังไม่ถึงห้องที่เราพักค่ะ
เพราะห้องที่ดิชั้นพักจะต้องมีความไพรเวทนิดหนึ่ง
อันนี้เป็นภาพทางเดินระหว่างล็อบบี้ไปห้องพักค่ะ ซึ่งตรงข้ามห้องพักก็จะเป็นสระว่ายน้ำนั่นเอง
ผ่านห้อง Hidden Villa มาไม่นานก็ถึงห้องดิชั้นแล้ว
ห้องนี้เป็นห้องที่ขนาดใหญ่ขึ้นมา และมีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะต้องเดินเข้ามาเกือบสุดด้านใน
(ไม่ได้โฆษณาเครื่องดื่มใดๆนะคะ เพียงแค่ดิชั้นตั้งลืมไว้เท่านั้นเอง หุหุ)
"ถึงแล้วค่ะคุณมอสซี่"
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงห้องพักของเรา
วันนี้เราพักห้อง "Garden Pavilion" ซึ่งเป็นห้องเน้นความเป็นส่วนตัวและมีขนาดใหญ่กว่าห้อง Hidden Villa ค่า
เปิดประตูมาปุ๊ปก็จะเจอกับเตียงนอนนุ่มๆก่อนเลย
คือเอาจริงๆอยากเรียกว่าเตียงดูดวิญญาณเลยค่ะ มันดูดไปซะทุกส่วนจริงๆ
ขนาดดิชั้นเป็นคนหลับไม่ง่าย ยังต้องยอมให้เตียงนี้เลย มันฟินมว๊ากกก
นี่เป็นมุมที่เราจะเห็นเหมือนเราอยู่บนเตียง
มองเห็นแต่ต้นไม้เขียวๆ ถ้าคิดว่ายังไม่ส่วนตัวพอก็ปิดม่านได้เลยจ่ะ
ส่วนข้างๆเตียงจะเป็นพลาสม่าทีวีจอใหญ่
รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทั้ง Ipod desk speaker, ตู้เย็น, น้ำดื่ม
รวมไปถึงชาและกาแฟ ซึ่งกาแฟที่นี่เป็นแบบแคปซูลนะจ๊ะ
ถัดมาก็จะเป็นโซนแต่งตัว และก็ห้องน้ำ
ตอนนี้มอสซี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าห้อง Garden Pavilion เนี่ย ห้องน้ำกะห้องนอน
ห้องไหนมันใหญ่กว่ากันนะ 555
หันหน้าเข้าห้องน้ำก็จะเป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ
นี่เป็นโซนแต่งตัวซึ่งตั้งอยู่หลังทีวีนั่นเอง
เป็นชั้นวางของประกอบไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ผ้าเช็ดตัว ตู้เซฟ รองเท้า เสื้อคลุม
อ่างล้างหน้ายังเกร๋เลยค่ะ
หุหุ
Amenities เป็นของ Botanica Essence
ห้องน้ำแบบเปิดโล่ง
นั่งทำธุระส่วนตัวไป ชมธรรมชาติไป สโลว์ไลฟ์จริงๆ
ส่วนตัวชอบมุมนี้ที่สุด
โซนอาบน้ำตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว
เดินออกจากห้องออกมานิดหนึ่งก็จะเจอสระน้ำส่วนกลางของโรงแรม
สระว่ายน้ำที่นี่อยู่ท่ามกลางต้นไม้สวยๆบวกกับห้องในรีสอร์ทมีเพียง 8 ห้อง
จึงทำให้สระว่ายน้ำมีความเป็นส่วนตัวสูง น่าเล่นมากจริงๆ
อันนี้มอสซี่ก็ชอบบบบ
โซนล้างตัวท่ามกลางธรรมชาติ
หลังจากที่ดิชั้นเข้าห้องพักได้ไม่นาน
ฝนก็เทลงมา
แต่เสน่ห์ของที่นี่มันอยู่ตรงนี้แหละ ฝนยิ่งตกก็ยิ่งชุ่มฉ่ำ
ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดรับกับสายฝนเบาๆที่โปรยลงมาทั้งวัน
ลองคิดภาพตามสิคะ
ถ้าไปกับแฟน เปิดเพลงแจ๊สเบาๆอยู่ในห้อง มองดูสายฝนโปรยปรายท่ามกลางต้นไม้รอบๆ
มันจะฟินขนาดไหน (นี่ขนาดมอสซี่ไม่ค่อยชอบฝนซะเท่าไหร่นะ)
"คุณมอสซี่จะนั่งโต๊ะไหนดีคะ?!"
เสียงพนักงานถามพร้อมกับพาเราไปนั่งที่โต๊ะ
เมนูอาหารเช้าน่ารักๆถูกวางลงตรงหน้า
อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบ A la cart อยากทานอะไรก็ติกๆลงไปในช่องเบย
ไม่นานอาหารเช้าและเครื่องดื่มก็มาเสริ์ฟ
มาแบ้ววว อาหารเช้าของมอสซี่
วันนี้ดิชั้นเลือกที่จะสั่ง Egg Benedict คู่กับน้ำแอปเปิ้ลหวานฉ่ำ
ฟินไปสิ~~
น่ากินแมะ
ข้างๆโต๊ะอาหารมีต้นตะบองเพชรตั้งอยู่เยอะมาก
น่าขโมยกลับบ้าน จีจี 555
ที่นี่อาจเป็นโรงแรมไม่ใหญ่มากนัก
แต่สำหรับใครที่ต้องทำงานด่วนแต่ไม่ได้พกโน๊ตบุ๊คมาด้วย
ที่นี่เค้าก็มีบริการ Internet Cafe เล็กๆไว้คอยบริการด้วยนะเออ
สักพักเราก็ทำการเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม
กลับมานั่งรอที่ล็อบบี้เหมือนเดิม
(ที่นี่มุมถ่ายรูปเยอะมากจริงๆ ใครชอบถ่ายรูป มอสซี่แนะนำให้เอา Memory Card มาเยอะๆนะคะ ดิชั้นเกรงว่าจิไม่พอ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น