สวัสดีค่ะ จขกท.จะมาแชร์ประสบการณ์ติดเชื้อไวรัสในปาก และการรักษาที่ผิดวิธี
วันแรก เริ่มจากเมื่อวันที่19ที่ผ่านมา จขกท.มีอาการเจ็บคอ และมีแผลในช่องปาก คล้ายๆอาการร้อนใน แต่เป็นหลายจุด ต่อมามีตุ่มแดงๆขึ้นตามตัว และต้นแขน แต่มีตุ่มที่เป็นน้ำใสๆแค่ไม่กี่จุดและก็แตกแล้วด้วย น่าจะเผลอเกาตอนนอน เพราะมีอาการคันร่วมด้วย จากนั้นก็เริ่มมีตุ่มใสขึ้นที่ริมฝีปาก คล้ายๆกับเริม
ตอนแรก จขกท.คิดว่าแพ้สบู่สมุนไพรที่เพิ่งซื้อมาใช้ จึงไปซื้อยาที่ร้านขายยา ทางร้านบอกว่าน่าจะเป็นอีสุกอีใสก็ให้ยาทาแก้เริมกับยาเม็ดแก้ร้อนในมากิน
วันที่2-3
อาการยังไม่ดีขึ้น ที่ปากเป็นเริมวงใหญ่ขึ้น ภายในช่องปากเป็นแผลมากขึ้น ตุ่มแดงเริ่มก็มีมากขึ้น (ไม่เป็นตุ่มใสนะ เป็นแค่จุดแดงๆ) เลยลางานมาไปหาหมอที่คลีนิคแพทย์ทั่วไป หมอคาดว่าน่าจะเป็นอีสุกอีใสก็จัดยามาให้ จขกท.ก็ไปซื้อยาเขียวมากินเพิ่ม ลางานนอนพักอยู่บ้าน กินยาเขียวไปเรื่อยๆ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย แถมจุดแดงๆเริ่มมีเพิ่มมากขึ้นตามแขนขา
วันที่4 จขกท.ตัดสินใจไปรพ.รัฐใกล้บ้าน ก่อนไปได้โทรไปสอบถามทางรพ.แล้วว่า มีแพทย์ผิวหนังหรือเปล่า แต่ทางรพ.ไม่มี มีแต่แพทย์ทั่วไป เมื่อไปถึงพบคุณหมอ คุณหมอก็วินิจฉัยว่า เป็นอีสุกอีใส (ก็อาการมันฟ้องเนอะ โทษคุณหมอไม่ได้หรอก) คุณหมอก็จัดยาฆ่าเชื้อไวรัส ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียมาให้กิน คุณหมอนัดดูอาการอีกครั้งวันที่25
จขกท.กินยาตามหมอสั่ง ร่วมกับกินยาเขียว แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย ปากที่เริมก็เริ่มเป็นแผลวงกว้างขึ้น และเริ่มรามเป็นเพิ่มอีก3จุด แผลในปากก็เจ็บมากขึ้น จุดแดงๆขยายวงใหญ่ขึ้น มีจุดเพิ่มขึ้นตามขาและฝ่าเท้า จนเจ็บเท้า จะเดินก็ลำบาก
ตอนนี้ก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่ามันจะเป็นอีสุกอีใส เพราะช่วงตั้งแต่หน้าอกขึ้นไปกับหน้าไม่ขึ้นตุ่ม ยังแอบดีใจ โชคดีจังมันไม่ขึ้นที่หน้า 555 ลืมบอก ไม่มีอาการไข้นะ แค่รู้สึกอ่อนเพลีย อยากนอนตลอดเวลา
แต่ที่เครียดมากจนจะร้องไห้ก็คือ ที่ปากเริ่มเป็นแผลมากขึ้น คือมันอักเสบและน่าเกลียดมาก ในปากก็เป็นแผลมากขึ้น กินก็ไม่ได้ แปรงฟันก็ลำบาก น้ำหนักลงเกือบ4กิโลเลย อดทนกินยาอีก2วัน รอวันพบหมอ
วันที่7 ไปหาหมออีกครั้ง แต่คุณหมอคนละคนกับวันนั้น คุณหมอแค่มาถามอาการ จขกท.ก็บอกว่าไม่ดีขึ้นเลย (แอบเคืองหมอนิดหน่อย ไม่คิดจะตรวจเลยหรอคุณหมอออออ) คุณหมอก็จัดยามาให้เหมือนเดิม
จขกท.ตัดสินใจโทรไปนัดหมอผิวหนังที่รพ.เอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ได้คิวในวันรุ่งขึ้น แล้วเช็คการใช้สิทธิประกันกลุ่มของที่ทำงานด้วย ทางจนท.ก็แนะนำว่า ต้องมาให้หมอตรวจดูก่อน ทนนอนอีกคืน รอพบหมอ
วันที่8 แค่คุณหมอดู คุณหมอบอกเลยว่า ไม่ได้เป็นอีสุกอีใสนะ แต่ติดเชื้อไวรัสในปาก มีชื่อว่า primary herpetic gingivostomatitis with....(คุณหมอจดให้มา แต่อ่านลายมือไม่ออก ขอโทษค๊าคุณหมอคนสวย-)
คุณหมออธิบายว่า ตุ่มแดงที่ขึ้นตามตัวนั้น เกิดมาจากที่ติดเชื้อไวรัส แล้วร่างกายต้องการกำจัดเชื้อไวรัสตัวนี้ออกไป จึงทำให้เกิดตุ่มแดงๆขึ้น การรักษาต้องฆ่าเชื้อไวรัสให้ได้ก่อน คุณหมอยังบอกอีกว่า ถ้ามาหาหมอเร็วกว่านี้ ได้รับยาฆ่าเชื้อภายในเวลา ก็จะไม่เป็นแบบนี้
***ข้อมูลผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยนะค่ะ เพราะตอนที่คุณหมออธิบาย มันเบลอๆ งงๆ
บอกคุณหมอเลย ว่าขอยาชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลย อยากหายมากกกกกก
คุณหมอจัดยาฆ่าเชื้อไวรัสชนิดแรงกินครั้งเดียว6เม็ด เห็นผลภายใน3วัน และยาวาสลีนรักษาแผลที่ปากให้ หมอนัดดูอาการอีก3วัน
กลับมานอนพัก ระหว่างนี้จขกท.ก็รักษาความสะอาดแผลที่ปากด้วยน้ำเกลือ ทายาบ่อยๆ ตามที่หมอแนะนำ
ผ่านไปแค่1วัน รู้สึกได้เลยว่า แผลที่ปากเริ่มดีขึ้น สังเกตจากที่เป็นเริมจุดเล็กๆ มันเริ่มหาย ส่วนแผลใหญ่ก็เริ่มดีขึ้น แต่ตามตัวยังเหมือนเดิมนะ เพราะคุณหมอบอกแล้วว่า ต้องฆ่าเชื้อไวรัสให้ตายก่อน ตุ่มตามตัวต้องรักษทีหลัง
วันที่2จากการได้ยา และทายาที่ปากอย่างสม่ำเสมอ แผลเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (ที่เป็นแผลใหญ่คือริมฝีปากบนกับด้านในค่ะ) มีปัญหานิดหน่อย คือช่วงตอนนอนหลับ เพราะปากจะแห้งมาก แห้งจนมันติดกันอย่างกับทากาว พอรู้สึกตัวขยับปากก็เลือดออก ต้องตื่นมาเช็ดทำวามสะอาดแล้วทายาบ่อยๆ
วันที่3 แผลหาย70% ไม่ต้องสะเก็ดด้วย แผลแห้งเรียบเนียน แผลในปากก็หายแล้ว เหลือแต่ด้านในริมฝีปากบนที่ยังเจ็บอยู่ เพราะเป็นเยอะ
พอถึงวันหมอนัด เริ่มการรักษาตุ่มแดง หมอให้ยาลดการอักเสบกับยาทาตุ่มตามตัว และแนะนำให้กินผักผลไม้เยอะๆ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนเยอะๆให้นอนตั้งแต่4ทุ่ม
จบแล้วค่ะ ตอนนี้จขกท.ก็ได้แต่หวังว่า ตุ่มแดงๆจะหายสนิท เพราะตอนนี้เริ่มดำและลอกแล้ว มันเป็นเยอะมากค่ะ T-T
หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
แชร์ประสบการณ์ ติดเชื้อไวรัสในปาก แต่คิดว่าเป็นอีสุกอีใส
วันแรก เริ่มจากเมื่อวันที่19ที่ผ่านมา จขกท.มีอาการเจ็บคอ และมีแผลในช่องปาก คล้ายๆอาการร้อนใน แต่เป็นหลายจุด ต่อมามีตุ่มแดงๆขึ้นตามตัว และต้นแขน แต่มีตุ่มที่เป็นน้ำใสๆแค่ไม่กี่จุดและก็แตกแล้วด้วย น่าจะเผลอเกาตอนนอน เพราะมีอาการคันร่วมด้วย จากนั้นก็เริ่มมีตุ่มใสขึ้นที่ริมฝีปาก คล้ายๆกับเริม
ตอนแรก จขกท.คิดว่าแพ้สบู่สมุนไพรที่เพิ่งซื้อมาใช้ จึงไปซื้อยาที่ร้านขายยา ทางร้านบอกว่าน่าจะเป็นอีสุกอีใสก็ให้ยาทาแก้เริมกับยาเม็ดแก้ร้อนในมากิน
วันที่2-3
อาการยังไม่ดีขึ้น ที่ปากเป็นเริมวงใหญ่ขึ้น ภายในช่องปากเป็นแผลมากขึ้น ตุ่มแดงเริ่มก็มีมากขึ้น (ไม่เป็นตุ่มใสนะ เป็นแค่จุดแดงๆ) เลยลางานมาไปหาหมอที่คลีนิคแพทย์ทั่วไป หมอคาดว่าน่าจะเป็นอีสุกอีใสก็จัดยามาให้ จขกท.ก็ไปซื้อยาเขียวมากินเพิ่ม ลางานนอนพักอยู่บ้าน กินยาเขียวไปเรื่อยๆ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย แถมจุดแดงๆเริ่มมีเพิ่มมากขึ้นตามแขนขา
วันที่4 จขกท.ตัดสินใจไปรพ.รัฐใกล้บ้าน ก่อนไปได้โทรไปสอบถามทางรพ.แล้วว่า มีแพทย์ผิวหนังหรือเปล่า แต่ทางรพ.ไม่มี มีแต่แพทย์ทั่วไป เมื่อไปถึงพบคุณหมอ คุณหมอก็วินิจฉัยว่า เป็นอีสุกอีใส (ก็อาการมันฟ้องเนอะ โทษคุณหมอไม่ได้หรอก) คุณหมอก็จัดยาฆ่าเชื้อไวรัส ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียมาให้กิน คุณหมอนัดดูอาการอีกครั้งวันที่25
จขกท.กินยาตามหมอสั่ง ร่วมกับกินยาเขียว แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย ปากที่เริมก็เริ่มเป็นแผลวงกว้างขึ้น และเริ่มรามเป็นเพิ่มอีก3จุด แผลในปากก็เจ็บมากขึ้น จุดแดงๆขยายวงใหญ่ขึ้น มีจุดเพิ่มขึ้นตามขาและฝ่าเท้า จนเจ็บเท้า จะเดินก็ลำบาก
ตอนนี้ก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่ามันจะเป็นอีสุกอีใส เพราะช่วงตั้งแต่หน้าอกขึ้นไปกับหน้าไม่ขึ้นตุ่ม ยังแอบดีใจ โชคดีจังมันไม่ขึ้นที่หน้า 555 ลืมบอก ไม่มีอาการไข้นะ แค่รู้สึกอ่อนเพลีย อยากนอนตลอดเวลา
แต่ที่เครียดมากจนจะร้องไห้ก็คือ ที่ปากเริ่มเป็นแผลมากขึ้น คือมันอักเสบและน่าเกลียดมาก ในปากก็เป็นแผลมากขึ้น กินก็ไม่ได้ แปรงฟันก็ลำบาก น้ำหนักลงเกือบ4กิโลเลย อดทนกินยาอีก2วัน รอวันพบหมอ
วันที่7 ไปหาหมออีกครั้ง แต่คุณหมอคนละคนกับวันนั้น คุณหมอแค่มาถามอาการ จขกท.ก็บอกว่าไม่ดีขึ้นเลย (แอบเคืองหมอนิดหน่อย ไม่คิดจะตรวจเลยหรอคุณหมอออออ) คุณหมอก็จัดยามาให้เหมือนเดิม
จขกท.ตัดสินใจโทรไปนัดหมอผิวหนังที่รพ.เอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ได้คิวในวันรุ่งขึ้น แล้วเช็คการใช้สิทธิประกันกลุ่มของที่ทำงานด้วย ทางจนท.ก็แนะนำว่า ต้องมาให้หมอตรวจดูก่อน ทนนอนอีกคืน รอพบหมอ
วันที่8 แค่คุณหมอดู คุณหมอบอกเลยว่า ไม่ได้เป็นอีสุกอีใสนะ แต่ติดเชื้อไวรัสในปาก มีชื่อว่า primary herpetic gingivostomatitis with....(คุณหมอจดให้มา แต่อ่านลายมือไม่ออก ขอโทษค๊าคุณหมอคนสวย-)
คุณหมออธิบายว่า ตุ่มแดงที่ขึ้นตามตัวนั้น เกิดมาจากที่ติดเชื้อไวรัส แล้วร่างกายต้องการกำจัดเชื้อไวรัสตัวนี้ออกไป จึงทำให้เกิดตุ่มแดงๆขึ้น การรักษาต้องฆ่าเชื้อไวรัสให้ได้ก่อน คุณหมอยังบอกอีกว่า ถ้ามาหาหมอเร็วกว่านี้ ได้รับยาฆ่าเชื้อภายในเวลา ก็จะไม่เป็นแบบนี้
***ข้อมูลผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยนะค่ะ เพราะตอนที่คุณหมออธิบาย มันเบลอๆ งงๆ
บอกคุณหมอเลย ว่าขอยาชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลย อยากหายมากกกกกก
คุณหมอจัดยาฆ่าเชื้อไวรัสชนิดแรงกินครั้งเดียว6เม็ด เห็นผลภายใน3วัน และยาวาสลีนรักษาแผลที่ปากให้ หมอนัดดูอาการอีก3วัน
กลับมานอนพัก ระหว่างนี้จขกท.ก็รักษาความสะอาดแผลที่ปากด้วยน้ำเกลือ ทายาบ่อยๆ ตามที่หมอแนะนำ
ผ่านไปแค่1วัน รู้สึกได้เลยว่า แผลที่ปากเริ่มดีขึ้น สังเกตจากที่เป็นเริมจุดเล็กๆ มันเริ่มหาย ส่วนแผลใหญ่ก็เริ่มดีขึ้น แต่ตามตัวยังเหมือนเดิมนะ เพราะคุณหมอบอกแล้วว่า ต้องฆ่าเชื้อไวรัสให้ตายก่อน ตุ่มตามตัวต้องรักษทีหลัง
วันที่2จากการได้ยา และทายาที่ปากอย่างสม่ำเสมอ แผลเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (ที่เป็นแผลใหญ่คือริมฝีปากบนกับด้านในค่ะ) มีปัญหานิดหน่อย คือช่วงตอนนอนหลับ เพราะปากจะแห้งมาก แห้งจนมันติดกันอย่างกับทากาว พอรู้สึกตัวขยับปากก็เลือดออก ต้องตื่นมาเช็ดทำวามสะอาดแล้วทายาบ่อยๆ
วันที่3 แผลหาย70% ไม่ต้องสะเก็ดด้วย แผลแห้งเรียบเนียน แผลในปากก็หายแล้ว เหลือแต่ด้านในริมฝีปากบนที่ยังเจ็บอยู่ เพราะเป็นเยอะ
พอถึงวันหมอนัด เริ่มการรักษาตุ่มแดง หมอให้ยาลดการอักเสบกับยาทาตุ่มตามตัว และแนะนำให้กินผักผลไม้เยอะๆ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนเยอะๆให้นอนตั้งแต่4ทุ่ม
จบแล้วค่ะ ตอนนี้จขกท.ก็ได้แต่หวังว่า ตุ่มแดงๆจะหายสนิท เพราะตอนนี้เริ่มดำและลอกแล้ว มันเป็นเยอะมากค่ะ T-T
หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ