[CR] ขับรถเที่ยวยุโรป


สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์ขับรถเที่ยวยุโรปกันค่ะ

ยุโรป มีหลาย ๆ เมืองที่น่าเที่ยว แต่ละเมืองในแต่ละฤดูกาลก็จะสวยงามแตกต่างกันไป
เราเริ่มต้นด้วยการวางแผนก่อนค่ะ ว่าเราอยากไปดูอะไรเป็นหลัก สำหรับเราทริปนี้เราต้องการไปดูทุ่งลาเวนเดอร์ แถบโพรวองซ์ ดังนั้นเราก็ต้องตรวจสอบดูจากปีที่ผ่าน ๆ มา ว่ามีเดือนไหนบ้างที่ลาเวนเดอร์บาน เมืองไหนบ้างที่จะได้เห็นทุ่งลาเวนเดอร์แบบเต็ม ๆ เผื่อเวลาว่ามันอาจจะบานช้าบานเร็ว ตามสภาพอากาศแต่ละปี เราก็เลยเลือกที่จะไปช่วงต้นเดือนกรกฏาคม ซึ่งคิดว่าน่าจะปลอดภัยสุดแล้ว เพราะปกติลาเวนเดอร์ จะบานช่วงกลางเดือน มิถุนายน ถึงต้นเดือน สิงหาคม บางปีอาจจะเร็วกว่านั้น  


เมื่อได้ช่วงเวลาที่จะไปแล้ว เราก็มาตกลงกันว่าเราต้องการจะเที่ยวทั้งหมดกี่วัน ไม่นับวันเดินทาง ทริปนี้เราไปกันสามคน และลงตัวว่าไม่ต่ำกว่าสิบสี่วันเป็นดีที่สุด มากไปก็ลางานไม่ผ่าน น้อยไปก็ไม่คุ้มค่าตั๋ว

เมื่อได้เมืองหลัก ๆ ที่เราจะไปแล้ว ก็มาดูกันว่าเราอยากไปเมืองไหนบ้าง ทำรายการออกมาตามลำดับ ความชอบมาก ชอบมากกว่า แล้วเราค่อยมาดูกันว่าเราควรเริ่มต้นจากสนามบินไหนดี และสนามบินไหนตั๋วเครื่องบินราคาถูกสุด มีรถเช่าให้เลือกหลายบริษัท และได้ราคาดีที่สุด ตรวจคนเข้าเมืองไม่มีปัญหาเรื่องมาก

เราเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินค่ะ จากสนามบินที่อยู่ในเส้นทางของเรามี สามแห่ง มิวนิค ซูริค และมิลาน เราก็ได้เมืองที่เราคิดว่าลงตัวสุด คือ มิวนิค

สายการบิน เราเปรียบเทียบราคาและเวลาในการบิน เวลาต่อเครื่อง เวลาไปถึงและเวลากลับ ได้เป็น Etihad ที่ตอบโจทย์เรา ไฟลท์จะถึงตอนเจ็ดโมงเช้า และกลับสี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งทำให้เรามีเวลาเที่ยวเต็มวันทั้งวันไปถึงและวันกลับ

ทริปนี้ จุดหลัก ๆ ที่เราจะไปก็มี Valensole, Ticino, Zermatt, Lake Bled, Dolomites  เราเลือกที่จะเดินทางไปและกลับจากสนามบินเดียวกัน เพราะจะได้ราคาดีกว่าในการเช่ารถ หลังจากนั้นแล้วเราก็เพิ่มเมืองระหว่างเส้นทางไปกลับมิวนิค เมืองระหว่างเส้นทางหลักเราเน้นเที่ยวเมืองเล็ก ๆ ที่เรายังไม่เคยไปมาก่อน  



การวางแผนการเดินทาง จุดหมายปลายทาง ที่ที่เราอยากไป เราต้องการไปไหนเป็นจุดหมายหลัก เราวางแผนคร่าว ๆ โดยใช้ google map เพื่อวางแผนโดยรวม เพื่อดูว่าจากจุดที่หนึ่งไปจุดต่อไป จนกลับมาจุดเริ่มต้นใหม่ ใช้เวลากี่ชั่วโมง ควรไปเมืองไหนก่อน และหลัง เมืองไหนควรถูกตัดออกไป ควรเพิ่มเมืองไหนเข้ามาเพื่อเป็นจุดพัก เราพยายามที่จะไม่ขับรถเกินสามร้อยกิโลเมตร ต่อวัน หรือเดินทางเกินสี่ชั่วโมง ต่อวัน

หลังจากนั้นแล้ว เราก็ทำการเลือกโรงแรม แต่ละวัน เราใช้ทั้ง Booking.com Expedia.co.th AirBnb แต่ละเว็บมีข้อดีและข้อเสีย Booking.com ราคาค่อนข้างดี สามารถเลือกโรงแรมที่ยกเลิกได้โดยไม่เสียค่ายกเลิก

Expedia.co.th มีโปรโมชั่นดี ๆ มีส่วนลดจากคะแนสะสม สามารถจ่ายเป็นเงินบาท หากใช้บัตรเครดิต ในตอนที่จอง ทำให้ไม่ถูกชาร์ตเพิ่มจากบัตรเครดิต หากเราไปรูดที่โรงแรม  AirBnb ได้ที่พักใกล้ตัวเมือง หรือในเมือง ที่ไม่แพงมากเหมือนโรงแรม แต่ก็ต้องเลือกดี ๆ เพราะส่วนมากจะมีค่าทำความสะอาด ค่าบริการอื่น ๆ บางครั้งอาจแพงกว่าจองโรงแรมเสียอีก
เราเน้นโรงแรมที่ไม่แพง เพราะเราไม่ได้ใช้เวลาในโรงแรมมากนัก มีที่จอดรถในโรงแรม ที่พักหลากหลายแบบ เช่น ปราสาทเก่าในออสเตรีย ที่สร้างตั้งแต่ประมาณปี 1500 นำมาทำเป็นโรงแรม บ้านหินอายุสามร้อยปีในฝรั่งเศส B&B ชานเมืองในอิตาลี ถ้าเป็นในเมืองใหญ่ ก็ต้องใกล้ป้ายรถประจำทาง หรือ สถานีรถไฟใต้ดิน  

พอเราได้ที่พักหมดแล้ว เราก็มาคำนวณระยะทาง และค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยใช้ เว็ป https://www.viamichelin.co.uk
เว็ปนี้จะช่วยคำนวณค่าใช้จ่ายได้ใกล้เคียงมาก ๆ โดยจะมีเส้นทางให้เราเลือก เช่นเลี่ยงทางด่วน เลี่ยงเฟอรี่ เป็นต้น เว็ปจะคำนวณ ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าสติ๊กเกอร์ทางด่วน มาให้เรา โดยจะมีสรุปมาให้ว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างในหน้า expenses note

การเช่ารถ เราต้องทำการเปรียบเทียบทั้งราคาและเงื่อนไข ของบริษัทเช่ารถแต่ละแห่งอย่างละเอียด เพราะเงื่อนไขของแต่ละบริษัทแตกต่างกันมาก บางบริษัท ราคาถูกกว่าแต่ว่าไม่สามารถนำรถออกไปนอกประเทศเยอรมันได้ บางบริษัท นำออกไปได้แต่ต้องเสียค่าข้ามแดน บวกค่าประกันเพิ่ม บางบริษัทได้แค่รถบางยี่ห้อ บางรุ่นเท่านั้น บางบริษัท จำกัดจำนวนกิโลเมตรที่สามารถขับได้ในแต่ละวัน บางเจ้ามีโปรโมชั่น ไม่คิดค่าคนขับคนที่สอง สาม เรามาได้เจ้าที่ตอบโจทย์เราได้ทุกข้อ คือ Europcar USA ที่จองผ่านมือถือ หากเป็น Europcar ที่จองผ่านเว็ปธรรมดา หรือ เป็นเว็ป ในไทย หรือเยอรมัน ก็ไม่ได้ราคาและเงื่อนไขนี้ ราคาที่เราได้คือราคาที่ไม่รวมประกันอะไรเลย ไม่จำกัดกิโลเมตรต่อวัน ได้ส่วนลดสิบเปอร์เซ็นต์จากค่าเช่ารถ แล้วเราก็ซื้อประกันที่เป็นตัวพรีเมี่ยม คือไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งเราถึอว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก ๆ เพราะเราขับเฉลี่ยแล้วเกินสามร้อยกิโลเมตร ต่อวัน รถเราจอดไว้ก็มีคนมาเฉี่ยวด้านหน้าเป็นรอยสีของรถฝ่ายตรงข้ามติดอยู่ ถึงเราจะระวังขนาดไหน บางครั้งอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่รู้ตัว เรามาเห็นรอยอีกทีก็น่าจะผ่านไปครึ่งวันแล้ว เพราะมันเป็นรอยอยู่ด้านฝั่งที่นั่งข้างคนขับ


ในการเช่ารถจะไม่รวมพวกค่าทางด่วนต่าง ๆ และ สติกเกอร์ ทางด่วนในแต่ละประเทศ เราต้องศึกษาเองว่าแต่ละประเทศที่เราจะไปมีการเก็บค่าทางด่วยอย่างไร เช่น ประเทศเยอรมัน ตอนนี้ไม่มีการเก็บค่าใช้ทางด่วน หรือ autobahn ประเทศอื่น ๆ บางประเทศเราต้องซื้อสติกเกอร์ ทางด่วน หรือ Vignette อย่างต่ำกี่วัน เช่น ประเทศออสเตรีย ขั้นต่ำ 10 วัน ราคา 8.90 ยูโร ประเทศสโลเวเนีย 7 วัน ราคา 15 ยูโร  สวิสเซอร์แลนด์ จะขายเฉพาะรายปี ไม่มีเป็นรายวัน ปีละ 40 สวิสฟรังซ์ นอกจากนี้ยังมีบางเส้นทางที่ต้องจ่ายค่าใช้ทางเพื่ม แม้ว่าจะมีสติกเกอร์แล้วก็ตาม บางประเทศเช่นฝรั่งเศสและอิตาลี ต้องจ่ายตามด่านเก็บเงิน แต่ละด่านก็จะไม่เหมือนกันอีก บางครั้งก็จ่ายก่อนใช้ทางด่วน โดยจะมีป้ายบอกอยู่ว่าต้องจ่ายกี่ยูโร สำหรับรถประเภทไหน บางเส้นทางเราต้องกดรับบัตรเมื่อเราเข้าใช้ทาง และไปเสียเงินเมื่อเราจะออกจากทางด่วน

สำหรับประเทศที่ต้องมีสติกเกอร์ ทางด่วน ก่อนที่เราจะเข้าเขตประเทศนั้น จะมีป้ายเตือน ให้เราซื้อสติกเกอร์ โดยส่วนใหญ่จะมีขายในปั๊มน้ำมันตามปั๊มน้ำมันก่อนถึงชายแดน หน้าปั๊มน้ำมันจะมีป้ายบอกเราว่า มีสติ๊กเกอร์ขาย เราก็สามารถซื้อมาติดได้เลย ในด่านตามชายแดนเช่นชายแดนสวิสเซอร์แลนด์ ก็จะมีสติ๊กเกอร์ ขายด้วย

สำหรับประเทศฝรั่งเศส และอิตาลี ที่เราต้องจ่ายค่าทางด่านเป็นครั้ง ๆ ไป เราก็ต้องดูช่องสำหรับรถยนต์ และช่องที่จ่ายเงินสด เวลาขับเข้าไปให้พยายามขับชิดซ้ายไว้ เพราะว่าเราต้องเอื้อมมือออกไปหยิบบัตร หรือเอื้อมมือออกไปจ่ายเงินค่าทางด่วน บางด่านก็จะมีพนักงานเก็บเงิน บางด่านก็จะเป็นตู้ให้เราหยอดเงินเอง บางตู้จ่ายได้เป็นเงินสดและบัตรเครดิต บางตู้รับแต่เหรียญเท่านั้น ซึ่งหากเราต้องการใบเสร็จเราก็สามารถกดปุ่มขอใบเสร็จรับเงินได้

การเติมน้ำมัน ปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่เราจะต้องเติมน้ำมันเอง จะมีแบบที่เราต้องใส่เงินในตู้ก่อน แล้วเติม โดยได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต หรือว่าเติมเสร็จแล้วไปบอกแคชเชียร์ด้านในว่าเราเติมที่หัวจ่ายเบอร์อะไรแล้วจ่ายเงินด้านใน บางปั๊มนอกเมืองก็มีคนช่วยเติมให้


การจอดรถ เราต้องศึกษาป้ายจราจรให้ดี ๆ ว่าจุดไหนสามารถจอดรถได้ หรือไม่ได้ จุดไหนจอดได้ฟรีกี่ชั่วโมงโดยใช้ Parking Disc จุดไหนต้องไปจ่ายค่าจอดรถก่อน แล้วนำใบเสร็จมาใส่ไว้หน้ารถ ซึ่งจะบอกเราว่าสามารถจอดได้ถึงเวลาไหน ในเมืองใหญ่ ๆ เราสามารถไปจอดรถได้ที่อาคารจอดรถ ซึ่งเมื่อเข้ามาในเมืองแล้วเราก็มองหาสัญลักษณ์ ที่จอด แล้วขับตามป้ายไปได้เลย เมื่อขับเข้าอาคารจอดรถ เราก็ต้องกดรับบัตรจอดก่อน และนำติดตัวไปด้วย เพื่อชำระเงินหลังจากที่เรากลับมาถึงที่จอดรถแล้ว โดยชำระเงินได้ที่ตู้ชำระเงินอัตโนมัติ ซึ่งส่วนมากจะมีติดตั้งไว้หน้าลิฟท์ ทางขึ้นที่จอดรถ หรือถ้าเป็นอาคารใหญ่ ๆ อาจมีในทุกชั้น เมื่อเราจ่ายเงินค่าจอดรถเรียบร้อยแล้ว เราก็เอาบัตรจอดเสียบที่ตู้หน้าไม้กั้นตรงทางออก


ตัวช่วยในการนำทาง เราเตรียมไปทั้ง Garmin, Google Map Offline และ Google Map online โดยใช้ Sim2Fly ของ AIS เราโหลดแผนที่ออฟไลน์ ในทุก ๆ เมืองที่เราจะไปไว้ก่อนล่วงหน้า และลองให้นำทางดู โดยออฟไลน์ เผื่อดูว่าแผนที่ที่เราโหลดไว้ มันคลอบคลุมหรือต้องโหลดเพิ่ม บอกเลยว่า Google ช่วยได้มากจริง ๆ โดยเฉพาะถ้าออนไลน์อยู่มันจะบอกได้เลยว่าเส้นไหนรถติด หรือหาเส้นทางใหม่ที่ย่นระยะเวลามาให้เราเลือก ส่วนการ์มิน ก็ช่วยได้ถ้าเรามีที่อยู่แน่นอน เพราะบางครั้งพิกัดที่เราได้มามันกว้างเกินไป พาเราเข้าป่าขึ้นเขาบ้าง เราก็เลยใช้ google map เป็นหลัก ถ้าตัวใดตัวหนึ่งพลาด เราก็ใช้อีกตัวมาช่วย

สำหรับเราแล้วขับรถเที่ยวเองดีกว่าเยอะ ทั้งสะดวกและประหยัด เราไปกันสามคน และเราเช่ารถพวก compact เลือกไปเป็น VW Golf แต่ได้มาเป็น Skoda Rapid ซึ่งเป็นรถห้าประตู ด้านหลังใส่กระเป๋าขนาด 28-30 นิ้วได้ 2 ใบ 20 นิ้ว 1 ใบ และต้องตั้งกระเป๋า 28 นิ้ว ไว้เบาะหลังอีก 1ใบ การเช่ารถและคืนรถกับบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีเคาเตอร์ในสนามบินก็เป็นอะไรที่สะดวกไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่เกินสิบนาทีในการรับและคืนรถ   

อาหารการกิน พวกเราเป็นคนกินอะไรง่าย ๆ ค่ะ เราจะจองห้องที่รวมอาหารเช้าแล้ว แต่ถ้าไม่มีก็จะหาอะไรง่าย ๆ ทานในร้านเบเกอรี่ หรือจากซุปเปอร์มาร์เก็ต อาหารเที่ยงก็จะเน้นพวกแซนด์วิช หรือร้านอะไรท้องถิ่น ได้ลองอาหารพื้นเมือง ในแต่ละเมืองที่เราไป อาหารเย็น เป็นอะไรที่เบา ๆ พวกซุป สลัด ปลาหรือไก่


ในทริปนี้ เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านชาวสวิส ในเมืองเล็ก ๆ เราลองเก็บเชอร์รี่ และชมแปลงผักสวนครัว ที่ปลูกไว้หลังบ้าน และชิมอาหารฝีมือคุณป้า

เมืองอื่น ๆ ที่เราได้ไปในทริปนี้


และ ลาเวนเดอร์

ทริปนี้เราไปกันสามคนค่ะ สองคนผลัดกันขับและเป็นนาวี่ อีกคนจะเป็นผู้จดบันทึกค่าใช้จ่ายและให้ความบันเทิงแก้ง่วงค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ
ชื่อสินค้า:   ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ อิตาลี เยอรมัน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่