สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆห้องบูลทุกท่านนะคะ คราวนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่ Tohoku จริงๆแล้วก่อนจะเกิดทริปนี้เราตั้งใจจะไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ Leh ค่ะแต่โดนเพื่อนเท อารมณ์อยากดูใบไม้เปลี่ยนสีมันยังค้างอยู่เลยเบนเข็มกลับมาญี่ปุ่นแทน ทีแรกเราตั้งใจจะไป Shirakawago แต่พอไปเห็นรูป Oiraseใน ig พี่รุจ the star กับเห็นรีวิวที่ห้องบลูเท่านั้นแหละ Shirakawagoรอพี่ไปก่อนนะ ขอไป Oirase ก่อนแล้วกัน
ตอนแรกที่เราทำแพลนไว้เราย้ายที่นอนแทบทุกวันเลยค่ะคิดว่าเออไปนอนตามเมืองที่เราจะไปดีกว่าประหยัดเวลาเดินทางไรงี้ แต่รู้ลึกว่ามันจะเหนื่อยเกินไปกับการย้ายที่ไปมาเลยเอาเซนไดเป็นจุดศูนย์กลางในการพักแทน
แพลนของเราค่ะ
23/10/2559 : BKK – Narita [พักที่ Tokyo]
24/10/2559 : Kegon waterfall,Chusenj Lake [พัก Sendai]
25/10/2559 : Naruko Gorge,Entsuin Temple [พัก Sendai]
26/10/2559 : Towada lake [พัก Towada]
27/10/2559 : Oirase Steam [พัก Sendai]
28/10/2559 : Goshikinuma Nature Trail [พัก Tokyo]
29/10/2559 : เดินชิวช้อปในโตเกียว,นอนสนามบินนาริตะ
30/10/2559 : Narita -BKK
ตอนแรกเราจะใช้พาส JR EAST PASS (Tohoku area) ค่ะ แต่หลังจากลองคำนวณค่าเดินทางต่างๆดูคิดว่าใช้ JR PASS NATIONWIDE แบบ 7 วันแล้วรู้สึกว่าคุ้มกว่า เพราะรถที่จะใช้ไปทะเลสาบ Towada เป็น JR Bus ค่ะ สามารถใช้ JR Pass ได้ จริงๆอยากไป Kamikoji ด้วย แต่วันไม่พอเสียดายไปอีกกก
24/10/2559 เราตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไป Nikko ค่ะ ตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูป Kegon waterfall จากกระเช้า แต่ในความเป็นจริงนั้นคือ… รถไฟตอนเช้าแน่นมากค่ะ แน่นจนไม่สามารถพาเรากับกระเป๋าเดินทางยัดเข้าไปได้ เรานั่งอึ้งอยู่ในสถานีนานพอสมควรกว่าจะเจอขบวนที่ว่างพอจะขึ้นไปได้ หลังจากพาตัวเองถึง Nikko แบบทุลักทุเล เราก็หาที่ฝากกระเป๋าในสถานี JR Nikko ค่ะ หลังจากฝากกระเป๋าเราก็เดินไปสถานี Tobu Nikko เพื่อซื้อ Chuzenji-onsen Free Pass 2 Days ค่ะ ราคา 2,000 เยน
คือเราก็ได้ยินมาบ้างว่านิกโก้ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเนี่ยคนเยอะมากเลยนะ รถติดมากด้วย แต่เราคิดว่าวันธรรมดาคนคงไม่เยอะหรอก พอเราออกมารอรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2 เท่านั้นแหละค่ะ แถวยาวออกไปนู้นนนนนนนเลย พอขึ้นรถมาได้ก็คิดว่าเออ ยืนไม่นานหรอก มโนไปเองอีกแล้วจ้า สรุปเรายืนขาแข็งอยู่บนรถเป็นชม.ได้ แล้วทางขึ้นเขาโค้งไปโค้งมานี่คิดเลยนะว่าถ้ายังไม่ถึงซักทีเราจะเมารถแล้วนะ 55 ตอนแรกเราตั้งใจจะลงป้าย 31 Akechidaira Ropeway เพื่อขึ้นกระเช้าไปถ่ายรูปน้ำตกมุมสูง แต่พอชะโงกหน้าไปมองที่ Ropeway เท่านั้นแหละค่ะ บายเลย คนเยอะมากกก จะกลับมาขึ้นที่หลังก็ไม่ได้ด้วย เพราะบัสผ่านป้ายนี้แล้วจะไม่ย้อนกลับมาทางเดิมค่ะ ใครจะขึ้นกระเช้าต้องลงตอนขามาเลยนะคะ เรานั่งรถยาวไป ป้าย 24 เพื่อไปทะเลสาบChuzenji เลยค่ะ แต่ก่อนไปทะเลสาบก็แวะไปน้ำตก Kegon ก่อน
ถ้าลงรถบัสแล้วให้เดินไปทางตรงข้ามกับทะเลสาบค่ะ ถ้าไปทางทะเลสาบจะเห็นโทริอิยักษ์สีแดง ให้เดินตรงข้ามกับทางนั้นค่ะ จะเจอทางไปน้ำตก ถ้าจะลงไปข้างล่างน้ำตกต้องเสียเงินนะคะ แต่เราเลือกที่จะยืนถ่ายรูปข้างบนแทน
ตอนนั้นก็บ่ายแก่ๆแล้วเรารู้สึกว่าควรกลับได้แล้วเพราะขาลงน่าจะรถติดเหมือนกันไม่อยากไปถึงเซนไดค่ำๆ กลัวเดินหาโรงแรมไม่เจอตอนดึกๆ แล้วจะมีปัญหา เราเลยเดินไปถ่ายรูปที่ทะเลสาบแว๊บนึงค่ะ เป็นอะไรที่ชะโงกทัวร์มาก คือเราพลาดเองแหละค่ะไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปซ่อมอีกแน่นอน
โทริอิยักษ์ทางไปทะเลสาบ
25/10/2559 เราตื่นแต่เช้าเพื่อจะไป Naruko Gorge อยากไปถ่ายรูปรถไฟตอนวิ่งออกจากอุโมงค์มากๆ เรานั่งรถไฟจากสถานีเซนไดมาลงที่สถานี NARUKO-ONSEN ค่ะ ที่นี่ถ้าใครลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาถ้าหาล๊อกเกอร์ไม่เจอให้ลองไปติดต่อ Information Center ได้นะคะ เราเจอพี่คนไทยฝากกระเป๋าไว้ที่นี่อยู่ค่ะ
จากสถานี NARUKO-ONSEN เรานั่งรถบัสรอบแรกสุดคือ 8 โมงกว่าๆไปลงที่ป้าย Narukokyo Nagayamadiragichi (鳴子峡中山平口前) ป้ายจะอยู่ใกล้ๆ กับสะพาน Ofugazawa ที่เราจะถ่ายรถไฟกันค่ะ จากจุดจอดรถเราต้องเดินย้อนกลับไปอีกนิดนึงก็จะเจอสะพาน ตอนไปถึงก็เกือบๆ11 โมงแล้วค่ะ มีพวกคุณลุงมายืนจับจองที่เพื่อถ่ายรูปกันเต็มเลย เราเองก็ไปเลือกๆที่ถ่ายรูปเหมือนกัน ระหว่างนั้นมีคุณลุงพยายามชวนเราคุยด้วยแต่เป็นภาษาญี่ปุ่น…คุยไม่รู้เรื่องไปตามระเบียบ 55
ตรงสะพานลมแรงมากค่ะเราไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปด้วยอาศัยวางๆกับขอบสะพานเอา รอจนหน้าชาก็ยังไม่เห็นรถไฟมา นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราพลาดเองที่ไม่ได้หาข้อมูลมาว่ารถไฟมีรอบไหนบ้าง สุดท้ายเลยหันไปถามสาวฮ่องกงข้างๆว่ารถไฟมาตอนกี่โมง เค้าก็บอกว่าน่าจะประมาณ 11 โมงครึ่ง เราก็เลยยืนเล่นมือถือรอค่ะ ระหว่างนั้นอยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัว เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ารถไฟมาแล้ว โอโห้ นาทีกดเปิดกล้องแทบไม่ทันเลยค่ะ ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 11 โมงนิดๆค่ะ
หลังจากรถไฟไปแล้วคนบางส่วนก็ทยอยออกไปจากสะพานแต่พวกคุณลุงยังคงเหนียวแน่นกันอยู่ เราเองก็นึกว่ารถไฟหมดรอบแล้วเลยเดินกลับไปทาง Rest house จุดที่ลงรถบัสนั่นแหละค่ะ เพื่อหาอะไรรองท้อง ไม่ไกลจาก Rest house จะมีจุดให้เดินชมธรรมชาติทางสั้นๆค่ะ
สะพานที่เราไปยืนถ่ายรูปรถไฟค่ะ
หลังจากจุดนี้ก็จะมีจุดเดินป่าที่อยู่อีกฝั่งนึงระยะทางยาวกว่าค่ะ จาก Rest house เราต้องข้ามถนนไปที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามก็จะเจอเข้าเหมือนหมู่บ้านให้เดินผ่านหมู่บ้านเข้าไปก็จะเจอทางเดินป่าค่ะ ถ้ารู้สึกไม่ผิดน่าจะเดินทะลุไปออกที่ Ofukazawa Promenade ได้ค่ะ ซึ่งเราเดินไปไม่ถึงเพราะกลัวกลับไปขึ้นรถเมล์ไม่ทัน เพราะถ้าพลาดรอบนี้เราต้องรอรถอีกยาวเลยค่ะ
ทางเดินและบรรยากาศก็จะประมาณนี้ตลอดทางเลยค่ะ ระหว่างทางก็จะมีเก้าอี้ให้นั่งพักด้วย
ระหว่างรอรถเมล์ก็เจอพี่คนไทยที่มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน เลยได้คุยกับเรื่องรอบรถไฟที่จะออกจากอุโมงค์ตรงสะพาน Ofukazawa พี่เค้าบอกว่าช่วง 11 โมงมีรถไฟ 2 รอบค่ะ รอบแรกคือ 11 โมงนิดๆที่เราเจอ กับอีกรอบคือเกือบ 11 โมงครึ่งที่สาวฮ่องกงบอกเราไปเมื่อตอนแรก พอได้ยินแบบนี้ก็แอบเสียดายนิดนึงค่ะที่ไม่ได้ยืนเฝ้าต่อ
หลังจากกลับจาก Naruko เราก็ไปวัด Entsuin ต่อค่ะ จากสถานี Sendai ให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Matsushima Kaigan ตอนเรามาถึงฝนก็ตกหนักพอสมควรค่ะ หนาวมากกกก แต่เอาจริงๆตอนแรกเราไม่มีความคิดที่จะมาวัด Entsuin เลยเราอยากไป วัด Yamadera มากกว่า แต่กว่าจะถึงเซนไดก็เย็นแล้ว เลยคิดว่าไปวัด Entsuin แทนแล้วกัน พอออกมาจากสถานีให้เดินไปทางขึ้นไปทางซ้ายค่ะ เดินไปไม่ไกลจะเจอซอยเล็กๆให้เดินเข้าซอยไปค่ะ ตอนแรกเราก็เกือบเดินเลยแล้ว พอดีว่ามีป้ายโฆษณา light up ติดอยู่หน้าทางเข้าซอยพอดี ตอนที่เราไปถึงยังเข้าวัดไม่ได้ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเข้าได้ตอน 6 โมงเย็น เราเลยซื้อตั๋วไว้ก่อนแล้วไปหาที่หลบฝนแถวๆนั้นค่ะ
ตอนวัดเปิดให้เข้าได้แล้วก็มีคนมาเยอะพอสมควรเลยค่ะ ถ้าเกิดฝนไม่ตกคนน่าจะเยอะมากเลยทีเดียว ที่วัดไม่ให้ใช้ขาตั้งกล้องนะคะ
แต่ตอนที่เราไปใบไม้ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสีเท่าไหร่ ถ้ามาซักต้นพ.ย. น่าจะสวยกว่านี้
คืนนั้นหลังกลับจากวัดแล้วเราก็จัดกระเป๋าเตรียมแบ่งของไว้สำหรับไปค้างที่ทะเลสาบ Towada 1 คืนค่ะ โรงแรมที่เราพักพนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้กว่าจะสื่อสารเรื่องขอฝากกระเป๋าไว้คืนนึงรู้เรื่องใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ
วันที่ 26 เราตื่นเช้าเป็นพิเศษเลยค่ะ เนื่องจากว่าเราเลือกที่จะไป Towada โดยการขึ้นรถบัสที่สถานี Hachinohe ถ้าใครอยากขึ้น Rope way ให้ไปทาง Aomori แทนนะคะ เพราะรถบัสจาก Hachinohe จะไปอีกทางนึงค่ะ แต่รถบัสทั้งสองทางจะมาเจอกันที่ป้าย Towadako-onsenkyo และวิ่งไปทางเดียวกันจนถึงทะเลสาบ เราสามารถเช็คตารางเวลารถบัสได้ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ
http://www.jrbustohoku.co.jp/towada/
และเพราะว่าที่สถานี Hachinohe มีรอบรถบัสน้อยมากคือ มีรอบ 8.00,9.35 ช่วงหน้าไฮซีซั่นจะมีรอบ 13.20 เราเลยคิดว่าอยากจะไปให้ทันรอบ 9.35 ค่ะ แต่เป็นเพราะความประมาทของเราแท้ๆ รอบรถไฟชินคันเซนที่เราเล็งเอาไว้เต็มทุกที่นั่งเลยค่ะ และรถไฟดันเป็นแบบ All reserve ทั้งขบวน ความหวังจะไปเสี่ยงดวงตู้ Non reserve พังทลายเลยค่ะ คือถ้าไปชินคันเซนรอบถัดไปเราจะไม่ทันรอบรถตอน 9.35 แน่นอน แนะนำว่าหน้าไฮจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าเลยนะคะ ไม่งั้นชีวิตเปลี่ยนแบบเราเลย ตอนแรกเราก็คิดว่าหรือจะเปลี่ยนไปทาง Aomori แทนยังไงรอบรถก็เยอะกว่า แต่ตอนนั้นก็ยังแอบมีความหวังเงียบๆว่า เหย มันหน้าไฮอะ รอบรถมันคงไม่มีแค่ 3 รอบหรอกมั้งงง เลยจองชินคันเซนขบวนถัดไปเพื่อไป Hachinohe
วิวรอบๆทะเลสาบค่ะ
พอเรามาถึงสถานี Hachinohe แล้วให้เดินไป West Exit แล้วนั่งรถบัส JR Bus Tohoku ที่ชานชาลา H16 ค่ะ ป้ายรถเดินออกมาจากสถานีไปทางขวามือนิดนึงก็จะเจอเลยค่ะ เราพยายามยืนดูรอบรถที่ป้ายปรากฎว่ารอบรถที่เหลืออยู่ก็ยังคงมีแค่รอบ 13.20 ค่ะ คือมันเป็นอะไรที่เราเสียดายเวลามาก เพราะจะเท่ากับเราต้องนั่งๆนอนๆอยู่ในสถานีนี้อีก 3 ชม.ได้ รู้สึกเหมือนเสียเวลาทั้งวัน ด้วยความไม่ยอมแพ้ เราก็เดินวนๆในสถานีจนเจอพนักงานที่น่าจะเป็นเหมือนคนโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ เค้าค่อนข้างสื่อสารอังกฤษได้ เราเลยไปถามเรื่องรอบรถ ก็สรุปว่าเหลือรอบสุดท้ายก็คือ 13.20 นั่นแหละค่ะ
ตอนนั้นพอได้ยินคำตอบก็แอบหมดแรงเลยค่ะ คิดว่าจะเอาไงดีไปทาง Aomori แทนดีมั้ย แต่คิดไปคิดมา กว่าจะไปถึง Aomori ก็คงได้ขึ้นรถเวลาไม่ต่างจากที่นี่มาก แล้วทางนั้นใช้เวลาเดินทางนานกว่า เลยตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นนอนเล่นที่นี่รอเวลาขึ้นรถแทนแล้วกัน รถที่นี่ตรงเวลาเป๊ะมากค่ะ บนรถก็ว่างมาก มีไม่กี่คนเองเดินเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ แต่ก่อนขึ้นรถเราได้แสดง JR PASS ของเราให้คนขับดูก่อนค่ะ คนขับก็มีถามๆว่าจะลงที่ไหน
มีต่อที่comment ด้านล่างเลยค่ะ
[Japan Alone Trip] เมื่อป่าเปลี่ยนสีที่Tohoku (Nikko,Sendai,Aomori,Fukushima)
ตอนแรกที่เราทำแพลนไว้เราย้ายที่นอนแทบทุกวันเลยค่ะคิดว่าเออไปนอนตามเมืองที่เราจะไปดีกว่าประหยัดเวลาเดินทางไรงี้ แต่รู้ลึกว่ามันจะเหนื่อยเกินไปกับการย้ายที่ไปมาเลยเอาเซนไดเป็นจุดศูนย์กลางในการพักแทน
แพลนของเราค่ะ
23/10/2559 : BKK – Narita [พักที่ Tokyo]
24/10/2559 : Kegon waterfall,Chusenj Lake [พัก Sendai]
25/10/2559 : Naruko Gorge,Entsuin Temple [พัก Sendai]
26/10/2559 : Towada lake [พัก Towada]
27/10/2559 : Oirase Steam [พัก Sendai]
28/10/2559 : Goshikinuma Nature Trail [พัก Tokyo]
29/10/2559 : เดินชิวช้อปในโตเกียว,นอนสนามบินนาริตะ
30/10/2559 : Narita -BKK
ตอนแรกเราจะใช้พาส JR EAST PASS (Tohoku area) ค่ะ แต่หลังจากลองคำนวณค่าเดินทางต่างๆดูคิดว่าใช้ JR PASS NATIONWIDE แบบ 7 วันแล้วรู้สึกว่าคุ้มกว่า เพราะรถที่จะใช้ไปทะเลสาบ Towada เป็น JR Bus ค่ะ สามารถใช้ JR Pass ได้ จริงๆอยากไป Kamikoji ด้วย แต่วันไม่พอเสียดายไปอีกกก
24/10/2559 เราตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไป Nikko ค่ะ ตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูป Kegon waterfall จากกระเช้า แต่ในความเป็นจริงนั้นคือ… รถไฟตอนเช้าแน่นมากค่ะ แน่นจนไม่สามารถพาเรากับกระเป๋าเดินทางยัดเข้าไปได้ เรานั่งอึ้งอยู่ในสถานีนานพอสมควรกว่าจะเจอขบวนที่ว่างพอจะขึ้นไปได้ หลังจากพาตัวเองถึง Nikko แบบทุลักทุเล เราก็หาที่ฝากกระเป๋าในสถานี JR Nikko ค่ะ หลังจากฝากกระเป๋าเราก็เดินไปสถานี Tobu Nikko เพื่อซื้อ Chuzenji-onsen Free Pass 2 Days ค่ะ ราคา 2,000 เยน
คือเราก็ได้ยินมาบ้างว่านิกโก้ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเนี่ยคนเยอะมากเลยนะ รถติดมากด้วย แต่เราคิดว่าวันธรรมดาคนคงไม่เยอะหรอก พอเราออกมารอรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2 เท่านั้นแหละค่ะ แถวยาวออกไปนู้นนนนนนนเลย พอขึ้นรถมาได้ก็คิดว่าเออ ยืนไม่นานหรอก มโนไปเองอีกแล้วจ้า สรุปเรายืนขาแข็งอยู่บนรถเป็นชม.ได้ แล้วทางขึ้นเขาโค้งไปโค้งมานี่คิดเลยนะว่าถ้ายังไม่ถึงซักทีเราจะเมารถแล้วนะ 55 ตอนแรกเราตั้งใจจะลงป้าย 31 Akechidaira Ropeway เพื่อขึ้นกระเช้าไปถ่ายรูปน้ำตกมุมสูง แต่พอชะโงกหน้าไปมองที่ Ropeway เท่านั้นแหละค่ะ บายเลย คนเยอะมากกก จะกลับมาขึ้นที่หลังก็ไม่ได้ด้วย เพราะบัสผ่านป้ายนี้แล้วจะไม่ย้อนกลับมาทางเดิมค่ะ ใครจะขึ้นกระเช้าต้องลงตอนขามาเลยนะคะ เรานั่งรถยาวไป ป้าย 24 เพื่อไปทะเลสาบChuzenji เลยค่ะ แต่ก่อนไปทะเลสาบก็แวะไปน้ำตก Kegon ก่อน
ถ้าลงรถบัสแล้วให้เดินไปทางตรงข้ามกับทะเลสาบค่ะ ถ้าไปทางทะเลสาบจะเห็นโทริอิยักษ์สีแดง ให้เดินตรงข้ามกับทางนั้นค่ะ จะเจอทางไปน้ำตก ถ้าจะลงไปข้างล่างน้ำตกต้องเสียเงินนะคะ แต่เราเลือกที่จะยืนถ่ายรูปข้างบนแทน
ตอนนั้นก็บ่ายแก่ๆแล้วเรารู้สึกว่าควรกลับได้แล้วเพราะขาลงน่าจะรถติดเหมือนกันไม่อยากไปถึงเซนไดค่ำๆ กลัวเดินหาโรงแรมไม่เจอตอนดึกๆ แล้วจะมีปัญหา เราเลยเดินไปถ่ายรูปที่ทะเลสาบแว๊บนึงค่ะ เป็นอะไรที่ชะโงกทัวร์มาก คือเราพลาดเองแหละค่ะไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปซ่อมอีกแน่นอน
โทริอิยักษ์ทางไปทะเลสาบ
25/10/2559 เราตื่นแต่เช้าเพื่อจะไป Naruko Gorge อยากไปถ่ายรูปรถไฟตอนวิ่งออกจากอุโมงค์มากๆ เรานั่งรถไฟจากสถานีเซนไดมาลงที่สถานี NARUKO-ONSEN ค่ะ ที่นี่ถ้าใครลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาถ้าหาล๊อกเกอร์ไม่เจอให้ลองไปติดต่อ Information Center ได้นะคะ เราเจอพี่คนไทยฝากกระเป๋าไว้ที่นี่อยู่ค่ะ
จากสถานี NARUKO-ONSEN เรานั่งรถบัสรอบแรกสุดคือ 8 โมงกว่าๆไปลงที่ป้าย Narukokyo Nagayamadiragichi (鳴子峡中山平口前) ป้ายจะอยู่ใกล้ๆ กับสะพาน Ofugazawa ที่เราจะถ่ายรถไฟกันค่ะ จากจุดจอดรถเราต้องเดินย้อนกลับไปอีกนิดนึงก็จะเจอสะพาน ตอนไปถึงก็เกือบๆ11 โมงแล้วค่ะ มีพวกคุณลุงมายืนจับจองที่เพื่อถ่ายรูปกันเต็มเลย เราเองก็ไปเลือกๆที่ถ่ายรูปเหมือนกัน ระหว่างนั้นมีคุณลุงพยายามชวนเราคุยด้วยแต่เป็นภาษาญี่ปุ่น…คุยไม่รู้เรื่องไปตามระเบียบ 55
ตรงสะพานลมแรงมากค่ะเราไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปด้วยอาศัยวางๆกับขอบสะพานเอา รอจนหน้าชาก็ยังไม่เห็นรถไฟมา นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราพลาดเองที่ไม่ได้หาข้อมูลมาว่ารถไฟมีรอบไหนบ้าง สุดท้ายเลยหันไปถามสาวฮ่องกงข้างๆว่ารถไฟมาตอนกี่โมง เค้าก็บอกว่าน่าจะประมาณ 11 โมงครึ่ง เราก็เลยยืนเล่นมือถือรอค่ะ ระหว่างนั้นอยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัว เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ารถไฟมาแล้ว โอโห้ นาทีกดเปิดกล้องแทบไม่ทันเลยค่ะ ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 11 โมงนิดๆค่ะ
หลังจากรถไฟไปแล้วคนบางส่วนก็ทยอยออกไปจากสะพานแต่พวกคุณลุงยังคงเหนียวแน่นกันอยู่ เราเองก็นึกว่ารถไฟหมดรอบแล้วเลยเดินกลับไปทาง Rest house จุดที่ลงรถบัสนั่นแหละค่ะ เพื่อหาอะไรรองท้อง ไม่ไกลจาก Rest house จะมีจุดให้เดินชมธรรมชาติทางสั้นๆค่ะ
สะพานที่เราไปยืนถ่ายรูปรถไฟค่ะ
หลังจากจุดนี้ก็จะมีจุดเดินป่าที่อยู่อีกฝั่งนึงระยะทางยาวกว่าค่ะ จาก Rest house เราต้องข้ามถนนไปที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามก็จะเจอเข้าเหมือนหมู่บ้านให้เดินผ่านหมู่บ้านเข้าไปก็จะเจอทางเดินป่าค่ะ ถ้ารู้สึกไม่ผิดน่าจะเดินทะลุไปออกที่ Ofukazawa Promenade ได้ค่ะ ซึ่งเราเดินไปไม่ถึงเพราะกลัวกลับไปขึ้นรถเมล์ไม่ทัน เพราะถ้าพลาดรอบนี้เราต้องรอรถอีกยาวเลยค่ะ
ทางเดินและบรรยากาศก็จะประมาณนี้ตลอดทางเลยค่ะ ระหว่างทางก็จะมีเก้าอี้ให้นั่งพักด้วย
ระหว่างรอรถเมล์ก็เจอพี่คนไทยที่มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน เลยได้คุยกับเรื่องรอบรถไฟที่จะออกจากอุโมงค์ตรงสะพาน Ofukazawa พี่เค้าบอกว่าช่วง 11 โมงมีรถไฟ 2 รอบค่ะ รอบแรกคือ 11 โมงนิดๆที่เราเจอ กับอีกรอบคือเกือบ 11 โมงครึ่งที่สาวฮ่องกงบอกเราไปเมื่อตอนแรก พอได้ยินแบบนี้ก็แอบเสียดายนิดนึงค่ะที่ไม่ได้ยืนเฝ้าต่อ
หลังจากกลับจาก Naruko เราก็ไปวัด Entsuin ต่อค่ะ จากสถานี Sendai ให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Matsushima Kaigan ตอนเรามาถึงฝนก็ตกหนักพอสมควรค่ะ หนาวมากกกก แต่เอาจริงๆตอนแรกเราไม่มีความคิดที่จะมาวัด Entsuin เลยเราอยากไป วัด Yamadera มากกว่า แต่กว่าจะถึงเซนไดก็เย็นแล้ว เลยคิดว่าไปวัด Entsuin แทนแล้วกัน พอออกมาจากสถานีให้เดินไปทางขึ้นไปทางซ้ายค่ะ เดินไปไม่ไกลจะเจอซอยเล็กๆให้เดินเข้าซอยไปค่ะ ตอนแรกเราก็เกือบเดินเลยแล้ว พอดีว่ามีป้ายโฆษณา light up ติดอยู่หน้าทางเข้าซอยพอดี ตอนที่เราไปถึงยังเข้าวัดไม่ได้ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเข้าได้ตอน 6 โมงเย็น เราเลยซื้อตั๋วไว้ก่อนแล้วไปหาที่หลบฝนแถวๆนั้นค่ะ
ตอนวัดเปิดให้เข้าได้แล้วก็มีคนมาเยอะพอสมควรเลยค่ะ ถ้าเกิดฝนไม่ตกคนน่าจะเยอะมากเลยทีเดียว ที่วัดไม่ให้ใช้ขาตั้งกล้องนะคะ
แต่ตอนที่เราไปใบไม้ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสีเท่าไหร่ ถ้ามาซักต้นพ.ย. น่าจะสวยกว่านี้
คืนนั้นหลังกลับจากวัดแล้วเราก็จัดกระเป๋าเตรียมแบ่งของไว้สำหรับไปค้างที่ทะเลสาบ Towada 1 คืนค่ะ โรงแรมที่เราพักพนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้กว่าจะสื่อสารเรื่องขอฝากกระเป๋าไว้คืนนึงรู้เรื่องใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ
วันที่ 26 เราตื่นเช้าเป็นพิเศษเลยค่ะ เนื่องจากว่าเราเลือกที่จะไป Towada โดยการขึ้นรถบัสที่สถานี Hachinohe ถ้าใครอยากขึ้น Rope way ให้ไปทาง Aomori แทนนะคะ เพราะรถบัสจาก Hachinohe จะไปอีกทางนึงค่ะ แต่รถบัสทั้งสองทางจะมาเจอกันที่ป้าย Towadako-onsenkyo และวิ่งไปทางเดียวกันจนถึงทะเลสาบ เราสามารถเช็คตารางเวลารถบัสได้ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ http://www.jrbustohoku.co.jp/towada/
และเพราะว่าที่สถานี Hachinohe มีรอบรถบัสน้อยมากคือ มีรอบ 8.00,9.35 ช่วงหน้าไฮซีซั่นจะมีรอบ 13.20 เราเลยคิดว่าอยากจะไปให้ทันรอบ 9.35 ค่ะ แต่เป็นเพราะความประมาทของเราแท้ๆ รอบรถไฟชินคันเซนที่เราเล็งเอาไว้เต็มทุกที่นั่งเลยค่ะ และรถไฟดันเป็นแบบ All reserve ทั้งขบวน ความหวังจะไปเสี่ยงดวงตู้ Non reserve พังทลายเลยค่ะ คือถ้าไปชินคันเซนรอบถัดไปเราจะไม่ทันรอบรถตอน 9.35 แน่นอน แนะนำว่าหน้าไฮจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าเลยนะคะ ไม่งั้นชีวิตเปลี่ยนแบบเราเลย ตอนแรกเราก็คิดว่าหรือจะเปลี่ยนไปทาง Aomori แทนยังไงรอบรถก็เยอะกว่า แต่ตอนนั้นก็ยังแอบมีความหวังเงียบๆว่า เหย มันหน้าไฮอะ รอบรถมันคงไม่มีแค่ 3 รอบหรอกมั้งงง เลยจองชินคันเซนขบวนถัดไปเพื่อไป Hachinohe
วิวรอบๆทะเลสาบค่ะ
พอเรามาถึงสถานี Hachinohe แล้วให้เดินไป West Exit แล้วนั่งรถบัส JR Bus Tohoku ที่ชานชาลา H16 ค่ะ ป้ายรถเดินออกมาจากสถานีไปทางขวามือนิดนึงก็จะเจอเลยค่ะ เราพยายามยืนดูรอบรถที่ป้ายปรากฎว่ารอบรถที่เหลืออยู่ก็ยังคงมีแค่รอบ 13.20 ค่ะ คือมันเป็นอะไรที่เราเสียดายเวลามาก เพราะจะเท่ากับเราต้องนั่งๆนอนๆอยู่ในสถานีนี้อีก 3 ชม.ได้ รู้สึกเหมือนเสียเวลาทั้งวัน ด้วยความไม่ยอมแพ้ เราก็เดินวนๆในสถานีจนเจอพนักงานที่น่าจะเป็นเหมือนคนโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ เค้าค่อนข้างสื่อสารอังกฤษได้ เราเลยไปถามเรื่องรอบรถ ก็สรุปว่าเหลือรอบสุดท้ายก็คือ 13.20 นั่นแหละค่ะ
ตอนนั้นพอได้ยินคำตอบก็แอบหมดแรงเลยค่ะ คิดว่าจะเอาไงดีไปทาง Aomori แทนดีมั้ย แต่คิดไปคิดมา กว่าจะไปถึง Aomori ก็คงได้ขึ้นรถเวลาไม่ต่างจากที่นี่มาก แล้วทางนั้นใช้เวลาเดินทางนานกว่า เลยตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นนอนเล่นที่นี่รอเวลาขึ้นรถแทนแล้วกัน รถที่นี่ตรงเวลาเป๊ะมากค่ะ บนรถก็ว่างมาก มีไม่กี่คนเองเดินเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ แต่ก่อนขึ้นรถเราได้แสดง JR PASS ของเราให้คนขับดูก่อนค่ะ คนขับก็มีถามๆว่าจะลงที่ไหน
มีต่อที่comment ด้านล่างเลยค่ะ