..ดิน..แยก..แตกระแหง
ต้นไม้เฉาใบแห้ง..แรงไม่มี...
ฝืนมองไร่นาน้ำตาปรี่ ไม่มีน้ำจะทำนา
โถเวรบันดาล ให้ชาวอีสานสะอื้น
กลืนกล้ำอุรา...ไร่ปอแห้งตาย
โอ้นายข้า โปรดเมตตาช่วยเหลือคนจน
..เวร..สาบ..บาป..นำ
โอ้เวรซ้ำกระหน่ำ..กรรมอีกหน...
น้ำนาบ่ารวม..ท่วมปี้ป่น
บาปเบื้องบนหนุนซ้ำประดัง..
โถเทวดา ท่านจะรู้ไหมว่าพวกข้าเซซัง
น้ำแล้งขาดนา..น้ำตาหลั่ง
กลับประดังท่วมท้นอีกที..
..ทน..อยู่..สู้..ชะตา
เพื่อนพี่น้องไทยข้า..โปรดปราณี...
ขอเพียงข้าวเกลือ..ช่วยเหลือที
ไม่มีแล้วข้าวจะกิน......
น้ำตาคนไทย นี่ชาวอีสานร้องไห้
เลือดใจหลั่งริน...แม้ชีพมลาย
นอนตายดิ้น ช่วยฝังดินนึกว่าเอาบุญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้ (29 ก.ค.) สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดบุรีรัมย์ยังขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมวลน้ำจากลำพังชู จ.มหาสารคาม ได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร และถนนหลายสายในเขตพื้นที่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะบ้านกอก หมู่ 9 ต.พุทไธสง ถูกน้ำหลากเข้าท่วมอย่างรวดเร็วในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา จนต้องพากันอพยพข้าวของหนีน้ำกันอย่างโกลาหล แต่บางครัวเรือนไม่สามารถขนของหนีน้ำได้ทันจมเปียกเสียหาย
จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร จนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ต้องไปขออาศัยกับญาติ เพื่อนบ้าน และวัดชั่วคราว นอกจากนี้กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากยังพัดบ้านเรือนราษฎรทรุดพังเสียหายอีกจำนวน 3 หลัง โดยเฉพาะบ้านของ นายพงษ์ศักดิ์ มาลาหอม อายุ44 ปี และ นางฐานิตา มาลาหอม อายุ 38 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งมีอาชีพรับตัดเย็บรองเท้าส่งขาย ได้ถูกกระแสน้ำพัดอย่างแรงจนตัวบ้านทรุดพังเกือบทั้งหลัง ทั้งไม่สามารถขนย้ายข้าวของหรือทรัพย์สินมีค่าออกมาจากบ้านได้เลย โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบอาชีพตัดเย็บรองเท้าถูกพัดหายไปกักกระแสน้ำ ซึ่งหากรวมทั้งตัวบ้าน ทรัพย์สิน และข้าวของที่เสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท
นางฐานิตา มาหอม เจ้าของบ้านที่ถูกกระแสน้ำพัดพังเสียหาย เล่าทั้งน้ำตาว่า กระแสน้ำได้ไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างรวดเร็วและเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกพากันเก็บข้าวของขึ้นที่สูงไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมถึง แต่จากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากอย่างรุนแรง ได้พัดตัวบ้านทรุดพังเกือบทั้งหลังแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ไม่สามารถขนย้ายข้าวของหนีน้ำได้ทันบางส่วนลอยหายไปกับกระแสน้ำจนไม่เหลืออะไรจากความเดือดร้อนดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเร่งช่วยเหลือด้วย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวแทบหมดตัว
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000077140
โถ...เทวดา ท่านจะรู้ไหมว่าพวกข้าเซซัง น้ำแล้งขาดนา..น้ำตาหลั่ง กลับประดังท่วมท้นอีกที.. (โจ หมี)
ต้นไม้เฉาใบแห้ง..แรงไม่มี...
ฝืนมองไร่นาน้ำตาปรี่ ไม่มีน้ำจะทำนา
โถเวรบันดาล ให้ชาวอีสานสะอื้น
กลืนกล้ำอุรา...ไร่ปอแห้งตาย
โอ้นายข้า โปรดเมตตาช่วยเหลือคนจน
..เวร..สาบ..บาป..นำ
โอ้เวรซ้ำกระหน่ำ..กรรมอีกหน...
น้ำนาบ่ารวม..ท่วมปี้ป่น
บาปเบื้องบนหนุนซ้ำประดัง..
โถเทวดา ท่านจะรู้ไหมว่าพวกข้าเซซัง
น้ำแล้งขาดนา..น้ำตาหลั่ง
กลับประดังท่วมท้นอีกที..
..ทน..อยู่..สู้..ชะตา
เพื่อนพี่น้องไทยข้า..โปรดปราณี...
ขอเพียงข้าวเกลือ..ช่วยเหลือที
ไม่มีแล้วข้าวจะกิน......
น้ำตาคนไทย นี่ชาวอีสานร้องไห้
เลือดใจหลั่งริน...แม้ชีพมลาย
นอนตายดิ้น ช่วยฝังดินนึกว่าเอาบุญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้ (29 ก.ค.) สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดบุรีรัมย์ยังขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมวลน้ำจากลำพังชู จ.มหาสารคาม ได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร และถนนหลายสายในเขตพื้นที่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะบ้านกอก หมู่ 9 ต.พุทไธสง ถูกน้ำหลากเข้าท่วมอย่างรวดเร็วในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา จนต้องพากันอพยพข้าวของหนีน้ำกันอย่างโกลาหล แต่บางครัวเรือนไม่สามารถขนของหนีน้ำได้ทันจมเปียกเสียหาย
จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร จนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ต้องไปขออาศัยกับญาติ เพื่อนบ้าน และวัดชั่วคราว นอกจากนี้กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากยังพัดบ้านเรือนราษฎรทรุดพังเสียหายอีกจำนวน 3 หลัง โดยเฉพาะบ้านของ นายพงษ์ศักดิ์ มาลาหอม อายุ44 ปี และ นางฐานิตา มาลาหอม อายุ 38 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งมีอาชีพรับตัดเย็บรองเท้าส่งขาย ได้ถูกกระแสน้ำพัดอย่างแรงจนตัวบ้านทรุดพังเกือบทั้งหลัง ทั้งไม่สามารถขนย้ายข้าวของหรือทรัพย์สินมีค่าออกมาจากบ้านได้เลย โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบอาชีพตัดเย็บรองเท้าถูกพัดหายไปกักกระแสน้ำ ซึ่งหากรวมทั้งตัวบ้าน ทรัพย์สิน และข้าวของที่เสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท
นางฐานิตา มาหอม เจ้าของบ้านที่ถูกกระแสน้ำพัดพังเสียหาย เล่าทั้งน้ำตาว่า กระแสน้ำได้ไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างรวดเร็วและเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกพากันเก็บข้าวของขึ้นที่สูงไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมถึง แต่จากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากอย่างรุนแรง ได้พัดตัวบ้านทรุดพังเกือบทั้งหลังแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ไม่สามารถขนย้ายข้าวของหนีน้ำได้ทันบางส่วนลอยหายไปกับกระแสน้ำจนไม่เหลืออะไรจากความเดือดร้อนดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเร่งช่วยเหลือด้วย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวแทบหมดตัว
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000077140