ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการตามกำหนดครับ
เมื่อวันอาทิตย์และวันจันทร์ที่ผ่านมา เราได้พบกับเทพและเทวีไอยคุปต์ที่สำคัญๆไปแล้ว 5 องค์ ได้แก่
(1) "รา (RA) " สุริยเทพ (บางคนก็เรียก "เร")
(2) อามุน (หรือ อาเมน,อามอน = AMUN (ภายหลังรวมกับ รา เป็น "อามุน รา") )
(3) เทพี "นุต" หรือ "นัต" (NUT) เทพีแห่งท้องฟ้า มเหสีของ รา หรือ อามุน รา สุริยเทพ
(4) โอสิริส (OSIRIS) เทพแห่งชีวิตหลังความตาย และวิญญาณ
(5) ไอสิส (ISIS) เทพมารดาผู้ประเสริฐ มเหสีของโอซิริส
วันนี้มาว่ากันต่ออีกซักวันกับเทพองค์สำคัญที่เหลือครับ
(6) อนูบิส (ANUBIS) ทวารบาลเทพแห่งโลกใต้พิภพ และเทพแห่งความตาย
อนูบิส เป็นเทพผู้พิทักษ์คอยเฝ้าประตูทางเข้าสู่โลกใต้พิภพ, เทพโอซิริส แต่งตั้งพระองค์แทนที่ในตำแหน่งเทพแห่งความตาย มีร่างกายเป็นชาย แต่มีหัวเป็นสุนัขไน เนื่องจากเป็นเทพแห่งชีวิตหลังความตาย จึงมีความสัมพันธ์กับการทำมัมมี่และที่ฝังมัมมี่ สุนัขไนของชาวอียิปต์ มักชอบไปยุ่งกับศพคนตาย มีคนพบเห็นพวกมันขุดศพขึ้นมากินบ่อยๆ และนี่อาจเป็นเหตุผลว่าเหตุใด อนูบิส จึงมีศีรษะเป็นสุนัขไน นักบวชในพิธีฝังมัมมี่ของฟาโรห์จะสวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดูคล้ายสุนัขไน
ชาวไอยคุปต์โบราณเชื่อว่า อนูบิส คือผู้ช่วยตัดสินชี้ชะตาคนตายในโลกหลังความตาย หัวใจของผู้ตายจะถูกชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบกับขนนกแห่งความสัตย์จริง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนเทพี มาอัต (Ma'at) ถ้าคนนั้นใช้ชีวิตเลวๆมาก่อน หัวใจนั้นจะหนักถ่วงลงมา และเขาหรือหล่อนจะถูกขย้ำกัดกินโดย อัมมิต หรือ อัมมุต จอมเขมือบ (Ammit/Ammut The Devourer) ซึ่งจะนั่งดูอยู่ข้างๆตาชั่ง
และถ้าคน ๆ นั้น ประกอบคุณงามความดีมาเมื่อตอนมีชีวิตอยู่บนโลก หัวใจของเขาหรือเธอนั้นก็จะเบาหวิว ขนนกจะหนักกว่า และเขาหรือเธอจะเป็นผู้ไร้บาป จะอยู่รอดปลอดภัยในชีวิตหลังความตาย และอาจมีโอกาสได้พบกับเทพโอซิริสต่อไป
(7) อนูเกต หรือ อนูกิต (ANUKET/ANUKIT) เทพีลำน้ำไนล์
อนูเกต คือเทพีแห่งแม่น้ำไนล์องค์แรกของชาวอียิปต์โบราณ และเป็นเทพีแห่งเกาะ เอเลฟานทีน (Elephantine) ณ จุดเริ่มต้นของแม่น้ำไนล์ไปจนทั่วอียิปต์ และลามไปถึงบริเวณข้างเคียงนูเบียบางส่วน วิหารของพระนางสร้างอยู่ที่เกาะเซไฮล (Seheil)
เนื่องจาก เทพ "คนุม" (Khnum) และเทพี ซาติส (Satis) ถูกเข้าใจว่าเป็นเทพเทวีผู้ให้กำเนิดแม่น้ำไนล์ อนูเกต ก็เลยถูกเชื่อกันว่าเป็นธิดาของเทพและเทวีทั้งสอง ชาวอียิปต์เชื่อกันว่า ลำน้ำสองสายในเขตแดนของพระนางซึ่งแยกออกไป คือแขนของพระนาง เพราะลำน้ำสองสายนั้นไหลแรงและเร็ว พระนางจึงกลายเป็นเทพีแห่งสรรพสิ่งซึ่งเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว เช่น ลูกธนู และกวางกาเซลล์ (gazelle)
ดังนั้นจึงพบภาพของพระนางในงานศิลปะเป็นรูปกวางชนิดนี้ หรือมิฉะนั้น ก็มีเศียรเป็นกวางชนิดนี้
เมื่อแม่น้ำไนล์ถึงฤดูน้ำท่วมประจำปี จะมีพิธีเฉลิมฉลองบูชาเทพีอนูเกต ผู้คนจะพากันโยนเหรียญ ทองคำ อัญญมณี และของมีค่าต่างๆลงไปในแม่น้ำ เพื่อขอบคุณพระนางที่ประทานน้ำแห่งชีวิตมาให้ และข้อห้ามอย่างหนึ่งสำหรับชาวอียิปต์ที่ยึดถือปฏิบัติกันเป็นอันมากในหลายส่วนของดินแดนไอยคุปต์คือ ห้ามกินปลา !!! เพราะถือว่าเป็นสัตว์น้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ปัจจุบันนี้ถูกยกเลิกไปมากแล้ว
(8) อาเต็น (ATEN) ดวงสุริยเทพ
อาเต็น มีรูปลักษณ์เป็นดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในตำนานเทพอียิปต์โบราณ และเป็นลักษณะหนึ่งของ "รา" นั่นเอง รูปภาพของอาเต็น มักจะมี "แขนรัศมี" กระจายออกมาจากดวงกลม และมีหัตถ์อยู่ข้างปลายใน "แขน" แต่ละข้างนั้น ในรัชสมัยฟาโรห์ อเมนโฮเทปที่ 4 ฟาโรห์องค์นี้พยายามให้ผู้คนเคารพบูชาเทพอาเต็นเพียงองค์เดียว และพระองค์เองก็ถึงกับเปลี่ยนพระนามเป็น "อัคเกนาเต็น" (Akhenaten) เพื่อเชิดชูเทพอาเต็นอย่างสุดๆ โดยทรงยกย่องไว้ในบทกวีของพระองค์อันทรงขนานนามว่า "มหาบทสวดแด่เทพอาเต็น" (Great Hymn to the Aten), ฟาโรห์อเมนโฮเทปซึ่งทรงเปลี่ยนพระนามมาเป็น "อัคเกนาเต็น" ทรงยกฐานะเทพอาเต็นขึ้นเป็น "พระผู้สร้างและผู้ประทานชีวิต" (The Creator and Giver of Life) และดังนั้น พระองค์จึงเป็นฟาโรห์องค์แรกซึ่งทรงพยายามเปลี่ยนความเชื่อคนอียิปต์ซึ่งเคารพบูชาเทพมากมายหลายองค์มานานให้มาเคารพบูชาเทพองค์เดียว
รูปฟาโรห์ตุตันคาเมนและพระมเหสี กำลังบูชาเทพอาเต็น
(9) "บาสต์ หรือ บาสเต็ด - วิฬารเทวี" (BAST/BASTED)
บาสต์ เป็นเทพีผู้พิทักษ์ และมีเศียรเป็นแมว แมวทั้งหลายจึงได้รับการเคารพว่าคือเทพีบาสต์ส่งมา พระนางเป็นธิดาองค์หนึ่งของสุริยเทพรา ในฐานะที่เป็นเทพีผู้พิทักษ์ จึงพบเห็นภาพของพระนางอยู่ใกล้ฟาโรห์ เบื้องหลังเทพสีหะผู้ช่วยสุริยเทพรานามว่า "เซคเขต" (Sekhet) บาสต์ ยังมีพระนามอื่นอีกว่า "บาสเต็ด,อูบาสติ และ พาสช์ (Bastet, Ubasti, and Pasch) พระนางได้รับการเคารพบูชามาตั้งแต่ยุคราชวงศ์ที่สองของอียิปต์โบราณเป็นอย่างน้อย ในเบื้องต้น พระนางได้รับการเคารพบูชาว่าเป็นเทพีผู้พิทักษ์อียิปต์ตอนล่าง ดังนั้นจึงมีภาพของพระนางเป็นรูปนางสิงห์ดุร้ายอีกด้วย และพระนามของพระนางมีความหมายว่า "จอมขย้ำ" (The Devourer)
บาสต์ ในรูป "นางสิงห์"
ในเวลาต่อมา บาสต์กลายเป็นเทพีผู้พิทักษ์และเทพีแห่งการอวยพร พระองค์ยังปกป้องผู้หญิง เด็กๆ และแมวบ้าน และยังเป็นเทพีแห่งรุ่งอรุณ ดนตรี การฟ้อนรำ ความยินดีให้แก่ครอบครัว ความอุดมสมบูรณ์ และการกำเนิด ในการเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อเทพอนูบิสกลายเป็นเทพแห่งสุราเมรัย บาสต์ ในฐานะที่เป็นเทพีแห่งครีม ได้ถูกยกย่องนับถือว่าเป็นเพพีผู้เป็นมารดาด้วย จนกระทั่งอนูบิสได้กลายมาเป็นโอรสของเนฟธี่
รูปลักษณ์ที่อ่อนโยนในฐานะแห่งเทวีน้ำหอม ทางฝั่งอียิปต์ล่างสูญหายไปในระหว่างเกิดสงครามกับอียิปต์บน หลังจากนั้นรูปลักษณ์ของพระนางก็เป็นแมวบ้านแต่เพียงอย่างเดียว ไม่มีรูปนางสิงห์อีกต่อไป เพราะแมวบ้านดูจะอ่อนโยนน่ารักกว่า และคอยปกป้องลูกหลานชาวอียิปต์ เธอจึงได้รับการนับถือบูชาว่า "เทพมารดาผู้ประเสริฐ" ภาพขอพระนางมักพบอยู่กับลูกแมว หญิงผู้ที่อยากจะมีลูกทั้งหลาย จะสวมเครื่องรางและพาแมวมาหลายๆตัวมาให้พระนางดูเพิ่อบูชาพระนาง โดยจำนวนของแมว จะเป็นจำนวนลูกที่ตนเองต้องการ
บาสต์ ในรูป "นางแมว"
บาสเต็ต เป็นเทวีที่ได้รับการเคารพบูชาสูงสุดในยุคอียิปต์โบราณ "ศาสนาบาสเต็ด" เริ่มต้นที่เมือง "บูบาสติส" (Bubastis) ซึ่งอยู่ทางกรุงเดลต้าตะวันออกในอียิปต์ตอนล่าง (ประมาณ 3,200 B.C.), และเมืองนั้นก็กลายเป็นเมืองสำคัญไป ตั้งแต่สมัยอาณาจักรเก่า จนถึงยุคช่วงปลาย ช่วงยุคต้นๆ เมืองถูกเรียกว่า "เพอร์บาสต์" (Per-Bast) ซึ่งถูกแปลว่าเป็น “แว่นแคว้นบาสต์ (the domain of Bast)” เลยทีเดียว ต่อมา เมืองจึงเปลี่ยนชื่อเป็น บูบาสติส ปัจจุบันนี้ ถูกเรียกว่า "เทลล์ บาสต้า" (Tell Basta) เมืองอื่นๆ ซึ่งเคารพนับถือบาสเต็ดด้วยเช่น เมมฟิส (Memphis) (ในข่วงอาณาจักรเก่า) ที่ซึ่งพระนางถูกนำไปเกี่ยวข้องกับ เทพ "เซ็คฮเหม็ด" (Sekhmet), เฮลิโอโปลิส (Heliopolis) (ช่วงยุคอาณาจักรเก่า) ที่ซึ่งพระนางถูกเรียกว่าเป็น “ธิดาแห่งเธ็ม" (Daughter of Tem) (เกี่ยวข้องกับเทพ เทฟนุ๊ต), ในเมืองเรียกกันว่า "ขุนเขาแห่งบาสต์", บริเวณเมือง มุท และ ธีบีส (ช่วงอาณาจักรใหม่) เมื่อเกี่ยวกับ มุ๊ต และในเมืองนิต (ช่วงยุคหลัง) มีงานเฉลิมฉลองบูชาเทพีบาสเต็ตกันหลายแห่งในเมืองบูบาสติส เม็มฟิส (ลักซอร์) ธีบีส และ เอสน่า (Esna)
สุริยเทพราคือพระบิดาของพระนาง ฮาเธอร์ (หรือ เซ้คเม้นท์-Sekment) เทพเศียรวัว เป็นธิดาของราด้วยเช่นกัน พระนางมีโอรสสององค์คือ คอนซู (Konshu) เทพจันทรา และ มาาเฮส (Maahes) เทพแห่งสงครามซึ่งมีเศียรเป็นราชสีห์
บาสเต็ต ไม่มีมารดา ! เพราะเทพรา ในฐานะพระผู้สร้าง ถูกเรียกว่า "จอมพระและนาง" (The Great He-She), สวามีของพระนางคือ ปตาห์ (Ptah) เทพแห่งงานช่างแกะสลัก,การเกิดใหม่ และการสร้างสรรค์ และเมื่อได้เกี่ยวข้องกับเทพีไอซิส พระนางอาจเรียกได้ว่าเป็น "จิตวิญญาณแห่งไอซิส" อีกด้วย เรื่องเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิด เพราะเทพีเหล่านี้มิได้เกี่ยวดองเป็นญาติในครอบครัวกันจริงๆ จะว่าไปแล้ว เซ็คฮเม็ต,บาสเต็ด และเทพีอื่นๆอีกเป็นโหลๆ เป็นแค่ "เนตรแห่งรา" (Eye-of-Ra) เท่านั้น! บาสเต็ตและเซคฮเม็ตเป็นคู่กัน, แต่มีลักษณะไม่เป็นตรงกันข้ามกัน ทั้งสองถูกจับคู่โดยทางภูมิศาสตร์ การเคารพบูชาบาสเต็ต ส่วนใหญ่อยู่ในอียิปต์ล่าง ในขณะที่ของเซ็ตฮเม็ตนั้นเป็นไปในอียิปต์บน บาสเต็ดถูกขนานนามต่อๆกันมาว่าเป็น "พระนางแห่งตอนเหนือ" (She of the North) และเซ็คฮเม็ตเป็น "พระนางแห่งตอนใต้" (She of the South) บางที บาสต์ก็ถูกเรียกว่า "สตรีแห่งตะวันออก" (Lady of the East) และอีกคนก็เป็น "สตรีแห่งตะวันตก" (Lady of the West) เป็นไปตามภูมิศาสตร์เช่นนี้
เครดิตจาก วิกิพีเดีย =
https://simple.wikipedia.org/wiki/List_of_Egyptian_gods_and_goddesses
เป็นภาษาอังกฤษ MC แปลเองทั้งหมด ครับ
เรื่องของ "วิฬารเทวี" หรือ "เทพีนางแมว" ยังไม่จบ และยังเหลือเทพอื่นๆอีก ไว้ว่ากันต่อวันพรุ่งนี้อีกครับ
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 29/7/2560 - เทพและเทพีไอยคุปต์ - 3
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการตามกำหนดครับ
เมื่อวันอาทิตย์และวันจันทร์ที่ผ่านมา เราได้พบกับเทพและเทวีไอยคุปต์ที่สำคัญๆไปแล้ว 5 องค์ ได้แก่
(1) "รา (RA) " สุริยเทพ (บางคนก็เรียก "เร")
(2) อามุน (หรือ อาเมน,อามอน = AMUN (ภายหลังรวมกับ รา เป็น "อามุน รา") )
(3) เทพี "นุต" หรือ "นัต" (NUT) เทพีแห่งท้องฟ้า มเหสีของ รา หรือ อามุน รา สุริยเทพ
(4) โอสิริส (OSIRIS) เทพแห่งชีวิตหลังความตาย และวิญญาณ
(5) ไอสิส (ISIS) เทพมารดาผู้ประเสริฐ มเหสีของโอซิริส
วันนี้มาว่ากันต่ออีกซักวันกับเทพองค์สำคัญที่เหลือครับ
(6) อนูบิส (ANUBIS) ทวารบาลเทพแห่งโลกใต้พิภพ และเทพแห่งความตาย
อนูบิส เป็นเทพผู้พิทักษ์คอยเฝ้าประตูทางเข้าสู่โลกใต้พิภพ, เทพโอซิริส แต่งตั้งพระองค์แทนที่ในตำแหน่งเทพแห่งความตาย มีร่างกายเป็นชาย แต่มีหัวเป็นสุนัขไน เนื่องจากเป็นเทพแห่งชีวิตหลังความตาย จึงมีความสัมพันธ์กับการทำมัมมี่และที่ฝังมัมมี่ สุนัขไนของชาวอียิปต์ มักชอบไปยุ่งกับศพคนตาย มีคนพบเห็นพวกมันขุดศพขึ้นมากินบ่อยๆ และนี่อาจเป็นเหตุผลว่าเหตุใด อนูบิส จึงมีศีรษะเป็นสุนัขไน นักบวชในพิธีฝังมัมมี่ของฟาโรห์จะสวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดูคล้ายสุนัขไน
ชาวไอยคุปต์โบราณเชื่อว่า อนูบิส คือผู้ช่วยตัดสินชี้ชะตาคนตายในโลกหลังความตาย หัวใจของผู้ตายจะถูกชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบกับขนนกแห่งความสัตย์จริง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนเทพี มาอัต (Ma'at) ถ้าคนนั้นใช้ชีวิตเลวๆมาก่อน หัวใจนั้นจะหนักถ่วงลงมา และเขาหรือหล่อนจะถูกขย้ำกัดกินโดย อัมมิต หรือ อัมมุต จอมเขมือบ (Ammit/Ammut The Devourer) ซึ่งจะนั่งดูอยู่ข้างๆตาชั่ง
และถ้าคน ๆ นั้น ประกอบคุณงามความดีมาเมื่อตอนมีชีวิตอยู่บนโลก หัวใจของเขาหรือเธอนั้นก็จะเบาหวิว ขนนกจะหนักกว่า และเขาหรือเธอจะเป็นผู้ไร้บาป จะอยู่รอดปลอดภัยในชีวิตหลังความตาย และอาจมีโอกาสได้พบกับเทพโอซิริสต่อไป
(7) อนูเกต หรือ อนูกิต (ANUKET/ANUKIT) เทพีลำน้ำไนล์
อนูเกต คือเทพีแห่งแม่น้ำไนล์องค์แรกของชาวอียิปต์โบราณ และเป็นเทพีแห่งเกาะ เอเลฟานทีน (Elephantine) ณ จุดเริ่มต้นของแม่น้ำไนล์ไปจนทั่วอียิปต์ และลามไปถึงบริเวณข้างเคียงนูเบียบางส่วน วิหารของพระนางสร้างอยู่ที่เกาะเซไฮล (Seheil)
เนื่องจาก เทพ "คนุม" (Khnum) และเทพี ซาติส (Satis) ถูกเข้าใจว่าเป็นเทพเทวีผู้ให้กำเนิดแม่น้ำไนล์ อนูเกต ก็เลยถูกเชื่อกันว่าเป็นธิดาของเทพและเทวีทั้งสอง ชาวอียิปต์เชื่อกันว่า ลำน้ำสองสายในเขตแดนของพระนางซึ่งแยกออกไป คือแขนของพระนาง เพราะลำน้ำสองสายนั้นไหลแรงและเร็ว พระนางจึงกลายเป็นเทพีแห่งสรรพสิ่งซึ่งเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว เช่น ลูกธนู และกวางกาเซลล์ (gazelle)
ดังนั้นจึงพบภาพของพระนางในงานศิลปะเป็นรูปกวางชนิดนี้ หรือมิฉะนั้น ก็มีเศียรเป็นกวางชนิดนี้
เมื่อแม่น้ำไนล์ถึงฤดูน้ำท่วมประจำปี จะมีพิธีเฉลิมฉลองบูชาเทพีอนูเกต ผู้คนจะพากันโยนเหรียญ ทองคำ อัญญมณี และของมีค่าต่างๆลงไปในแม่น้ำ เพื่อขอบคุณพระนางที่ประทานน้ำแห่งชีวิตมาให้ และข้อห้ามอย่างหนึ่งสำหรับชาวอียิปต์ที่ยึดถือปฏิบัติกันเป็นอันมากในหลายส่วนของดินแดนไอยคุปต์คือ ห้ามกินปลา !!! เพราะถือว่าเป็นสัตว์น้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ปัจจุบันนี้ถูกยกเลิกไปมากแล้ว
(8) อาเต็น (ATEN) ดวงสุริยเทพ
อาเต็น มีรูปลักษณ์เป็นดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในตำนานเทพอียิปต์โบราณ และเป็นลักษณะหนึ่งของ "รา" นั่นเอง รูปภาพของอาเต็น มักจะมี "แขนรัศมี" กระจายออกมาจากดวงกลม และมีหัตถ์อยู่ข้างปลายใน "แขน" แต่ละข้างนั้น ในรัชสมัยฟาโรห์ อเมนโฮเทปที่ 4 ฟาโรห์องค์นี้พยายามให้ผู้คนเคารพบูชาเทพอาเต็นเพียงองค์เดียว และพระองค์เองก็ถึงกับเปลี่ยนพระนามเป็น "อัคเกนาเต็น" (Akhenaten) เพื่อเชิดชูเทพอาเต็นอย่างสุดๆ โดยทรงยกย่องไว้ในบทกวีของพระองค์อันทรงขนานนามว่า "มหาบทสวดแด่เทพอาเต็น" (Great Hymn to the Aten), ฟาโรห์อเมนโฮเทปซึ่งทรงเปลี่ยนพระนามมาเป็น "อัคเกนาเต็น" ทรงยกฐานะเทพอาเต็นขึ้นเป็น "พระผู้สร้างและผู้ประทานชีวิต" (The Creator and Giver of Life) และดังนั้น พระองค์จึงเป็นฟาโรห์องค์แรกซึ่งทรงพยายามเปลี่ยนความเชื่อคนอียิปต์ซึ่งเคารพบูชาเทพมากมายหลายองค์มานานให้มาเคารพบูชาเทพองค์เดียว
รูปฟาโรห์ตุตันคาเมนและพระมเหสี กำลังบูชาเทพอาเต็น
(9) "บาสต์ หรือ บาสเต็ด - วิฬารเทวี" (BAST/BASTED)
บาสต์ เป็นเทพีผู้พิทักษ์ และมีเศียรเป็นแมว แมวทั้งหลายจึงได้รับการเคารพว่าคือเทพีบาสต์ส่งมา พระนางเป็นธิดาองค์หนึ่งของสุริยเทพรา ในฐานะที่เป็นเทพีผู้พิทักษ์ จึงพบเห็นภาพของพระนางอยู่ใกล้ฟาโรห์ เบื้องหลังเทพสีหะผู้ช่วยสุริยเทพรานามว่า "เซคเขต" (Sekhet) บาสต์ ยังมีพระนามอื่นอีกว่า "บาสเต็ด,อูบาสติ และ พาสช์ (Bastet, Ubasti, and Pasch) พระนางได้รับการเคารพบูชามาตั้งแต่ยุคราชวงศ์ที่สองของอียิปต์โบราณเป็นอย่างน้อย ในเบื้องต้น พระนางได้รับการเคารพบูชาว่าเป็นเทพีผู้พิทักษ์อียิปต์ตอนล่าง ดังนั้นจึงมีภาพของพระนางเป็นรูปนางสิงห์ดุร้ายอีกด้วย และพระนามของพระนางมีความหมายว่า "จอมขย้ำ" (The Devourer)
บาสต์ ในรูป "นางสิงห์"
ในเวลาต่อมา บาสต์กลายเป็นเทพีผู้พิทักษ์และเทพีแห่งการอวยพร พระองค์ยังปกป้องผู้หญิง เด็กๆ และแมวบ้าน และยังเป็นเทพีแห่งรุ่งอรุณ ดนตรี การฟ้อนรำ ความยินดีให้แก่ครอบครัว ความอุดมสมบูรณ์ และการกำเนิด ในการเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อเทพอนูบิสกลายเป็นเทพแห่งสุราเมรัย บาสต์ ในฐานะที่เป็นเทพีแห่งครีม ได้ถูกยกย่องนับถือว่าเป็นเพพีผู้เป็นมารดาด้วย จนกระทั่งอนูบิสได้กลายมาเป็นโอรสของเนฟธี่
รูปลักษณ์ที่อ่อนโยนในฐานะแห่งเทวีน้ำหอม ทางฝั่งอียิปต์ล่างสูญหายไปในระหว่างเกิดสงครามกับอียิปต์บน หลังจากนั้นรูปลักษณ์ของพระนางก็เป็นแมวบ้านแต่เพียงอย่างเดียว ไม่มีรูปนางสิงห์อีกต่อไป เพราะแมวบ้านดูจะอ่อนโยนน่ารักกว่า และคอยปกป้องลูกหลานชาวอียิปต์ เธอจึงได้รับการนับถือบูชาว่า "เทพมารดาผู้ประเสริฐ" ภาพขอพระนางมักพบอยู่กับลูกแมว หญิงผู้ที่อยากจะมีลูกทั้งหลาย จะสวมเครื่องรางและพาแมวมาหลายๆตัวมาให้พระนางดูเพิ่อบูชาพระนาง โดยจำนวนของแมว จะเป็นจำนวนลูกที่ตนเองต้องการ
บาสต์ ในรูป "นางแมว"
บาสเต็ต เป็นเทวีที่ได้รับการเคารพบูชาสูงสุดในยุคอียิปต์โบราณ "ศาสนาบาสเต็ด" เริ่มต้นที่เมือง "บูบาสติส" (Bubastis) ซึ่งอยู่ทางกรุงเดลต้าตะวันออกในอียิปต์ตอนล่าง (ประมาณ 3,200 B.C.), และเมืองนั้นก็กลายเป็นเมืองสำคัญไป ตั้งแต่สมัยอาณาจักรเก่า จนถึงยุคช่วงปลาย ช่วงยุคต้นๆ เมืองถูกเรียกว่า "เพอร์บาสต์" (Per-Bast) ซึ่งถูกแปลว่าเป็น “แว่นแคว้นบาสต์ (the domain of Bast)” เลยทีเดียว ต่อมา เมืองจึงเปลี่ยนชื่อเป็น บูบาสติส ปัจจุบันนี้ ถูกเรียกว่า "เทลล์ บาสต้า" (Tell Basta) เมืองอื่นๆ ซึ่งเคารพนับถือบาสเต็ดด้วยเช่น เมมฟิส (Memphis) (ในข่วงอาณาจักรเก่า) ที่ซึ่งพระนางถูกนำไปเกี่ยวข้องกับ เทพ "เซ็คฮเหม็ด" (Sekhmet), เฮลิโอโปลิส (Heliopolis) (ช่วงยุคอาณาจักรเก่า) ที่ซึ่งพระนางถูกเรียกว่าเป็น “ธิดาแห่งเธ็ม" (Daughter of Tem) (เกี่ยวข้องกับเทพ เทฟนุ๊ต), ในเมืองเรียกกันว่า "ขุนเขาแห่งบาสต์", บริเวณเมือง มุท และ ธีบีส (ช่วงอาณาจักรใหม่) เมื่อเกี่ยวกับ มุ๊ต และในเมืองนิต (ช่วงยุคหลัง) มีงานเฉลิมฉลองบูชาเทพีบาสเต็ตกันหลายแห่งในเมืองบูบาสติส เม็มฟิส (ลักซอร์) ธีบีส และ เอสน่า (Esna)
สุริยเทพราคือพระบิดาของพระนาง ฮาเธอร์ (หรือ เซ้คเม้นท์-Sekment) เทพเศียรวัว เป็นธิดาของราด้วยเช่นกัน พระนางมีโอรสสององค์คือ คอนซู (Konshu) เทพจันทรา และ มาาเฮส (Maahes) เทพแห่งสงครามซึ่งมีเศียรเป็นราชสีห์ บาสเต็ต ไม่มีมารดา ! เพราะเทพรา ในฐานะพระผู้สร้าง ถูกเรียกว่า "จอมพระและนาง" (The Great He-She), สวามีของพระนางคือ ปตาห์ (Ptah) เทพแห่งงานช่างแกะสลัก,การเกิดใหม่ และการสร้างสรรค์ และเมื่อได้เกี่ยวข้องกับเทพีไอซิส พระนางอาจเรียกได้ว่าเป็น "จิตวิญญาณแห่งไอซิส" อีกด้วย เรื่องเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิด เพราะเทพีเหล่านี้มิได้เกี่ยวดองเป็นญาติในครอบครัวกันจริงๆ จะว่าไปแล้ว เซ็คฮเม็ต,บาสเต็ด และเทพีอื่นๆอีกเป็นโหลๆ เป็นแค่ "เนตรแห่งรา" (Eye-of-Ra) เท่านั้น! บาสเต็ตและเซคฮเม็ตเป็นคู่กัน, แต่มีลักษณะไม่เป็นตรงกันข้ามกัน ทั้งสองถูกจับคู่โดยทางภูมิศาสตร์ การเคารพบูชาบาสเต็ต ส่วนใหญ่อยู่ในอียิปต์ล่าง ในขณะที่ของเซ็ตฮเม็ตนั้นเป็นไปในอียิปต์บน บาสเต็ดถูกขนานนามต่อๆกันมาว่าเป็น "พระนางแห่งตอนเหนือ" (She of the North) และเซ็คฮเม็ตเป็น "พระนางแห่งตอนใต้" (She of the South) บางที บาสต์ก็ถูกเรียกว่า "สตรีแห่งตะวันออก" (Lady of the East) และอีกคนก็เป็น "สตรีแห่งตะวันตก" (Lady of the West) เป็นไปตามภูมิศาสตร์เช่นนี้
เครดิตจาก วิกิพีเดีย = https://simple.wikipedia.org/wiki/List_of_Egyptian_gods_and_goddesses
เป็นภาษาอังกฤษ MC แปลเองทั้งหมด ครับ
เรื่องของ "วิฬารเทวี" หรือ "เทพีนางแมว" ยังไม่จบ และยังเหลือเทพอื่นๆอีก ไว้ว่ากันต่อวันพรุ่งนี้อีกครับ