มีใครเคยโดน 'เลือกปฏิบัติ' เพราะตนเองหน้าตาไม่ดีไหมคะ?

สวัสดีค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ตั้งกระทู้เพื่อหาคำปรึกษา+ระบายความในใจจากสังคมโซเชียล
(หากอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆต้องขอโทษด้วยนะคะ แหะๆ)


ต้องเกริ่นก่อนว่าตอนนี้เราอายุ20แล้ว รูปร่างหน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นคนสะโพกใหญ่แต่ดีที่ตัวสูงแขนขายาว คางเรายื่นทำให้หน้าดูหัก ที่น่าเศร้าก็คือคนในครอบครัวของเราจัดอยู่ในไทป์หน้าตาดีทั้งหมด พ่อ แม่ และพี่สาว เราเลยพยายามตั้งใจเรียนเก่งๆ ทำเกรดให้ได้เกรดดีๆ เพื่อทดแทนปมด้อยนั้นที่เราแก้ไขไม่ได้ และเราก็ทำได้ การเรียนของเราก็ดีในระดับท็อป5ของห้องมาตลอดจนจบมัธยม (พี่สาวเราก็เรียนดี แต่แม่เคยบอกว่าเราหัวเร็วกว่านิดนึง) ด้วยความที่รู้ตัวว่าเป็นคนหน้าตาไม่ดีมันเลยทำให้เราขี้อายค่ะ ไม่กล้าพูดคุยกับคนแปลกหน้า (แต่กับเพื่อนเราก็ลั้ลลาปกตินะ 5555) ภายนอกเราดูเหมือนเป็นคนเฮฮาเหมือนจะไม่คิดอะไร แต่จริงๆเราชอบเก็บความรู้สึกค่ะ


สิ่งที่เราเจ็บช้ำน้ำใจมากที่สุดคือการที่เอารูปร่างหน้าตาเราไปเปรียบเทียบกับพี่สาวเราค่ะ ยอมรับตรงๆเลยว่าเราอิจฉาพี่สาวเราที่รูปร่างหน้าตาดีกว่า มันดูงี่เง่าใช่ไหมคะ แต่เรารู้สึกน้อยใจจริงๆ เวลาไปเที่ยวด้วยกันกับที่บ้าน เราถูกแต่งตั้งให้เป็นตากล้องประจำครอบครัว เพราะเราเกลียดการโดนถ่ายรูปมากๆ ถ่ายยังไงเราก็ไม่ดูดีเลย เลยอาสาถ่ายให้คนนู้นคนนี้แทน การที่เรายกกล้องขึ้นมาถ่าย มองเห็นคนอื่นยิ้มสวยๆให้กล้องและโพสต์ท่านู้นท่านี้อย่างมั่นอกมั่นใจ เราก็ได้แต่แอบน้อยใจและอิจฉาพวกเขาอยู่ลึกๆ ได้แต่คิดว่าทำไมเราไม่สวยแบบนั้นบ้างนะ


ดูเหมือนเราวิตกไปเองใช่มั๊ยคะว่าเราหน้าตาไม่ดี ลองฟังคำพูดจากมุมมองของคนอื่นดูค่ะ


เริ่มจากคำพูด ‘ญาติพี่น้อง’ ที่ทำเราเสียใจและหน้าชาในระดับหนึ่ง เขาพูดว่า “(ชื่อพี่สาวเรา)ยิ่งโตยิ่งสวย แต่(ชื่อเรา)ทำไมไม่สวยเหมือนพ่อเหมือนแม่มันเลยเนอะ” เราไม่ได้อยู่ในบทสนทนาแต่แอบไปได้ยินพอดี ตอนที่ได้ยินรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า เก็บเอามาร้องไห้ในห้องเงียบๆคนเดียว ไม่กล้าบอกใครแม้แต่พ่อหรือแม่เพราะอับอายกลัวจะขายหน้า ได้แต่สงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องเอาเราไปเปรียบเทียบคนนั้นคนนี้ แค่เป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนแค่นี้ก็ไม่พอหรือ?


คำพูดของ ‘เพื่อนสนิท’ คนหนึ่ง มันบ้ามากที่ลึกๆแล้วเราแอบชอบเพื่อนคนนี้ เขาหน้าตาดีแต่ปากเสีย(มาก) จู่ๆก็พูดกับเรากลางวงเพื่อนๆว่า “ทำไมมุงหน้าตาไม่สวยเลยวะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีมุงไม่สวยขึ้นเลยเนอะ” ตอนนั้นเราทำได้แต่ทำตัวตลกกลบเกลื่อนไปทั้งที่ในใจอายและอยากร้องไห้มาก ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่กล้าที่จะชอบใครอีกเลย ไม่มีรุ่นพี่,รุ่นน้องที่แอบชอบ ไม่มีเลยซักคนจริงๆ


คำพูดแบบนี้วนเวียนมาทำร้ายเราตลอด จนความมั่นใจของเราเริ่มหมดลงไปเรื่อยๆ มันทำให้เรากลายเป็นคนซีเรียสเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองไปเลย แม่เราเหมือนจะดูออก ปลอบเราว่า “คนเราเขาดูกันที่จิตใจและความสามารถไม่ใช่หน้าตา” ตอนนั้นเราเชื่อ แต่พอโตมาก็ถึงได้รู้ว่ามันไม่จริงเลย


เราเรียนคณะออกแบบ มีงานงานนึงเราได้A อาจารย์และเพื่อนๆก็ยอมรับว่างานนั้นดีจริงๆ เราก็ดีใจนะแต่ไม่สุด เพราะคำพูดที่ว่า “คุณภาพงานดีตรงข้ามกับหน้าตาจังวะ(หัวเราะ)” อีกแล้ว โยงมาที่หน้าตาเราอีกแล้ว ได้แต่ยิ้มรับเพราะอย่างน้อยเขาก็ชื่นชมงานของเรา และงานชิ้นนี้ถูกเลือกโดยอาจารย์ขึ้นไปเป็นตัวเลือกการโหวตเพื่อชิงรางวัลประจำเทอมของคณะ กับเพื่อนเราอีกคนนึงที่เป็นดาวรุ่น(ยอมรับว่าหน้าตานางน่ารักจริง เรายังแอบปลื้มเลย) สุดท้ายเราแพ้โหวต เพราะเป็นการตัดสินโดยนับจากยอดไลค์ และรางวัลนั้นตกเป็นของเพื่อนเรา (ทั้งๆที่ใครๆก็บอกว่างานของเราดีกว่า) แต่มองอีกแง่ งานเราอาจจะดีสู้งานของเขาไม่ได้ ก็ได้นี่ อ่ะไม่เป็นไร รอบหน้าพยายามเอาใหม่ก็ได้


เวลาว่าง+เครียดๆเราชอบวาดรูป สำหรับเรามันช่วยสงบจิตใจได้ดี ทำให้สมองไม่ต้องคิดเรื่องอื่นได้แปปนึงเพราะจดจ่ออยู่กับการวาด พอวาดก็อัพลงเฟสนู่นนี่ไปตามประสา และมีคอมเมนต์ๆนึงจากเพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทว่า
เพื่อนคนนั้น >> “ภาพนี่เหมือนหน้าเธอจัง” ด้วยความที่เราและเขาเองก็รู้จักกันในระดับที่เรียกว่าเพื่อนได้ และเพื่อนคนนี้เองก็ชอบจิกกัดเรามาตั้งแต่เรียนด้วยกันตอนมัธยมแล้ว เราเลยพยายามทำให้มันขำๆกลับไป ทั้งที่รู้อยู่นิดๆว่า คงจะแซะเราไม่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เรา >> “จะชมว่าภาพเราสวยใช่เปล่า 555555” (อารมณ์ว่าชมตัวเองสวยงี้)
เพื่อนคนนั้น >> “โขดหินตรงนั้นมันหักๆตรงกลางเหมือนหน้าเธออ่ะ”


ตอนแรกอึ้งก่อน แล้วโกรธทีหลัง เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปอีก ทำไมต้องมาวิจารณ์หน้าตาเราผ่านผลงานของเราด้วย? รูปนั้นมันก็แค่รูปโขดหินธรรมดาๆ ไม่ได้มีส่วนที่เหมือนหน้าคนหรืออะไรเลย เขาโกรธจนร้องไห้ ความอดทนใกล้จะหมดเต็มที เลยตัดสินใจที่จะไประบายให้ครอบครัวฟังครั้งแรก เราเล่าเหตุการณ์นี้ให้ฟังก่อน ตั้งคำถามว่า หน้าตาหนูมันแย่มากขนาดนั้นเลยหรอ?? แล้วเล่าอดีตที่เกี่ยวกับปมนี้ที่ทำร้ายเราให้พ่อกับแม่ฟังทีละเรื่อง บอกหมดว่ารู้สึกน้อยใจยังไง ทั้งเรื่องที่อิจฉาพี่สาวและน้อยใจที่ตัวเองเป็นลูกเป็ดขี้เหร่คนเดียวในบ้าน โดนคำพูดไหนทำร้ายมาบ้าง เราเลยร่ำว่าอยากจะไปศัลยกรรมให้สวย คนอื่นๆเขาจะได้เลิกดูถูกเราเสียที (อันนี้พูดไปเพราะความโมโห จริงๆเรากลัวมาก ไม่กล้าเท่าไหร่ 55555) พ่อได้แต่รับฟังแล้วปลอบอยู่ห่างๆ ส่วนแม่ฟังจากเสียงแล้วร้องไห้ตามเรา (คุยกันทางโทรศัพท์) ทั้งๆที่แม่เป็นคนร้องไห้ไม่บ่อยนัก ปลอบกันไปมาจนเราหยุดร้องไห้ แม่บอก+สอนเราว่า


“คนๆนั้นเขามีค่าพอที่หนูจะเปลี่ยนตัวเอง(หมายถึงศัลยกรรม)เพื่อเขาหรือลูก? ถ้าไม่มีค่าพอขนาดนั้นหนูก็ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ แม่เองก็รู้สึกผิด มันเหมือนความผิดของแม่ที่ทำให้หนูเกิดมาหน้าตาไม่ดี...” และอื่นๆอีกยาว


เราเลยรู้ว่าการที่เอาปรึกษาครอบครัวนั้น ตัวเองคิดผิด เรารู้สึกแย่ลงไปอีกที่ทำให้แม่รู้สึกผิดและโทษตัวเอง ทั้งๆที่พวกเขารักเรามาตลอด และเราเองก็รักพวกเขามากๆเช่นกัน เราเจ็บปวดที่ทำให้แม่พูดออกมาแบบนั้น เลยพยายามเหมือนเดิม พยายามกลบปมด้อยตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้มันยากและแย่ลงเรื่อยๆ ไอ้การที่เราพยายามกลบมันมันเหมือนยิ่งตอกย้ำตัวเองว่าเรามันขี้เหร่ เรามันไม่สวย เรามันไม่ได้เรื่อง


จนตอนนี้เรากลายเป็นคนกลัวการเข้าสังคมไปแล้ว เราเฟดตัวออกห่างจากเพื่อนลองอยู่คนเดียว เรากลัวอะไรที่คนจำนวนมากมุ่งความสนใจมาที่เรา ตอนเราพรีเซนต์งาน เราพูดสิ่งที่เราคิดไม่ออก เรารู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็น คือเดี๋ยวนี้เราร้องไห้ออกมาทั้งๆที่จุดนั้นไม่ได้มีอะไรเศร้า อะไรที่เราทำแล้วมีความสุขมันเริ่มไม่มีความสุข เราเริ่มนอนไม่หลับ นอนหลับยากมาก พอจะนอน กลับนอนได้แค่2-3ชั่วโมง/วัน เราท้อแท้มาก บางทีก็ไม่อยากจะสู้แล้ว เป็นอาการของโรคซึมเศร้าหรือเปล่าเราไม่แน่ใจ แต่เรากำลังจะตัดสินใจจะเข้าไปหาจิตแพทย์ เพราะเรากลัวตัวเองคิดสั้น เราไม่อยากตายตอนนี้ เรายังไม่ได้ใช้ชีวิต ยังตอบแทนคุณพ่อแม่เลย


สุดท้ายแล้ว เราขอบคุณด้วยใจจริง ที่อ่านเรื่องของเราจนจบ ไม่ต้องเข้าใจความรู้สึกของเราทั้งหมดก็ได้ แค่เข้าใจว่ามีเด็กคนนึงเศร้าและเจ็บปวดจากคำพูดคนอื่นก็พอ เราต้องการกำลังใจบ้าง เราอยากลุกขึ้นไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนคนอื่นๆ แต่ตอนนี้เราไม่มีแรงเหลือที่จะทำแบบนั้นแล้ว เราท้อแท้มากจริงๆ




ปล. เรารู้สึกดีขึ้นที่ได้เรียบเรียงความรู้สึกเป็นข้อความแบบนี้ มันทำให้เราได้พูดในสิ่งที่เราไม่กล้าพูดมาตลอด ขอบคุณอีกรอบนึงค่ะ ^^
ปล2. ถ้าแท็กผิดห้อง ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
อืม เราเห็นใจคุณนะคะ และเรามองว่าถ้าคุณเก็บมาเครียดขนาดนี้ ศัลยกรรมเป็นทางออกที่ดีค่ะ

ไม่ได้ทำเพื่อลบคำสบประมาท คำดูถูกของใคร แต่ทำเพื่อให้ตัวเองมีความสุขและมั่นใจขึ้นค่ะ

การที่คุณปล่อยไว้แบบนี้ มันทำให้คุณหมดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความสามารถคุณไม่สามารถเปล่งประกายได้เต็มที่ เราเชื่อค่ะว่าคุณเรียนดี มีความสามารถ แต่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรนะคะ ถ้าคุณไม่สามารถแสดงให้ทุกคนเห็นได้ในศักยภาพของคุณ คุณไม่สามารถคาดหวังให้คนอื่นๆ มองข้ามรูปลักษณ์ของคุณได้ค่ะ ถ้าสังคมที่คุณอยู่ มันเป็นแบบนั้น ชอบล้อปมด้อยชาวบ้านแบบนั้น คุณต้องแก้ที่คุณค่ะ เพราะคุณคอนโทรลคนอื่นไม่ได้ ฉะนั้นมีทางเลือกเพียง ปล่อยวาง ไม่ก็สร้างความมั่นใจให้ตัวเองค่ะ

เราเป็นกำลังใจให้นะคะ
ความคิดเห็นที่ 16
เราก็เป็นคนนึงที่โดนปฏิบัติมาอย่างไม่เท่าเทียมค่ะ
เราอ้วน เราหน้าตาไม่ดี
เราเหมือนเจ้าของกระทู้ คือพยายามเรียนให้ดีเพื่อกลบปมด้อย
เคยไหมที่ พอเดินมากับเพื่อนที่หน้าตาดี คนจะทักแค่เพื่อนที่หน้าตาดีก่อนค่ะ จนบางทีไม่ทักเราเลยก็มี
แต่เราก็เข้าใจนะ โลกใบนี้ ใครก็ชอบของสวยงามทั้งนั้น รวมทั้งตัวเราเอง ขนาดละครยังชอบดูพระนางสวยหล่อเลยค่ะ
เราทึ่งทุกครั้งเวลาเห็นใครสวย/หล่อ สมองดีฉลาด แล้วยังจิตใจดีอีก โครตเพอร์เฟคอ่ะ
แต่เราก็อยู่อย่างเข้าใจโลกนะคะ ชีวิตเราโดนล้อเรื่องรูปร่างหน้าตามาทั้งชีวิต
ถามว่ารู้สึกแย่ไหม ก็แค่เสียดายที่เราเกิดมาได้แค่นี้ แต่ไม่ได้แย่ค่ะ คนแย่กว่าเรามีอีกเยอะค่ะ
และเราไม่เคยเอาเรื่องนี้มาเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตค่ะ คนมองเราไม่สวย นั่นเป็นเรื่องความคิดของเค้าค่ะ เราห้ามไม่ได้ แต่เราทำใจให้อยู่ร่วมกับความคิดของคนในสังคมได้ค่ะ
ในบางครั้ง ความสวย/หล่ออาจเป็นใบเบิกทางที่ดีในบางเรื่อง
แต่คนหน้าตาไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในสังคมนี้ไม่ได้นะคะ
ตอนนี้ เราอยากให้เจ้าของกระทู้เข้มแข็ง และมองโลกแบบความเป็นจริง ไม่ใช่โลกแบบติดลบค่ะ
ใครจะพูดอะไรนั่นคือความคิดของเขา เราอย่าใส่ใจมาก
เราคิดว่าเจ้าของกระทู้คงเก็บมาเรื่อยๆตั้งแต่เด็ก สะสมมาตลอด แต่เพิ่งมาส่งผลต่อร่างกายและจิตใจมากๆในช่วงนี้
เราสนับสนุนให้เจ้าของกระทู้ไปหาจิตแพทย์ค่ะ
เพราะความหดหู่ที่เจ้าของกระทู้มี เราว่ามันมากกว่าปกติของคนทั่วไป
ศัลยกรรมก็เป็นทางออกที่ดีค่ะ เราสนับสนุน แต่หากเจ้าของกระทู้ยังนอด์ยกับคำพูดที่คิดลบอยู่ และยังเปรียบเทียบกับตัวเองแบบนี้ ถึงศัลยกรรมไป แล้วเกิดไม่พอใจหรือคนมาติว่ายังไม่ดีพอ (ซึ่งบุคคลประเภทนี้ในสังคมยังมีมาก) เราว่าจะยิ่งไปกันใหญ่
เราอยากให้เจ้าของกระทู้เข้มแข็งก่อนค่ะ
เพราะถ้าจิตใจเราเข้มแข็ง อะไรจะสาดเข้ามา มันจะทำอะไรเราไม่ได้ค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะคะ
ความคิดเห็นที่ 10
You're beautiful, no matter what they say, words can't bring you down..
อยากให้ฟังเพลงนี้ของคริสตีน่า อากิเลร่า ค่ะ
ถ้าจิตใจคุณหนักแน่นและมั่นคงพอ เราเชื่อว่าศัลยกรรมไม่จำเป็นค่ะ
คำพูดของคนรอบข้างจะเป็นแค่ลมพัดผ่าน แต่เข้ามาทำร้ายคุณไม่ได้ เพราะคุณไม่ยอมให้มันมาทำร้ายคุณ
ความคิดเห็นที่ 5
แล้วทำไมไม่ทำศัลยกรรมล่ะครับ
สมัยนี้แล้ว ยังจะไปคิดว่า จำเป็นด้วยเหรอ ๆ

หน้าตามันคือบุคลิกภาพอย่างหนึ่ง คนที่เขาล้อคุณเขาก็พูดความจริงให้คุณได้เห็น ได้เข้าใจ
เพียงแต่คุณเอง ไม่ยอมรับความจริงต่างหาก คุณคิดแต่เพียงว่า คุณค่าคนอยู่ที่ความสามารถ
มันก็แค่ใช่  แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มันก็เป็นอย่างที่คุณล่ามาทั้งหมดนั่นแหละ

ทางแก้วิธีเดียวคือ ศัลยกรรมเท่านั้น ทำงานเก็บเงิน แล้วคุณจรู้ว่าเวลาหน้าตาดี มันดีอย่างไรกับชีวิต

ขออวยพรให้เจอแต่สิ่งที่ดีๆ นะครับ
ความคิดเห็นที่ 7
ทำศัลยกรรมก็ต้องใช้เงินนะคะ และไม่ใช่ว่าพูดๆอยู่จะไปทำได้เลย  ถ้ายังไม่พร้อม ก็ต้องเก็บเงิน ศึกษาข้อมูลของร.พ./หมอ ราคา ผลข้างเคียง ฯลฯ ให้ดีก่อน
   แล้วระหว่างนี้ ลองใช้วิธีอื่นช่วย เช่น ปรับการแต่งกาย เปลี่ยนทรงผม หัดแต่งหน้า ฝึกบุคลิกภาพให้ดี  
เป็นกำลังใจให้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่