สวัสดีครับวันนี้มีจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้แอพแต่งภาพที่ชื่อว่า Affinity Photo เวอร์ชั่นที่รันบนระบบปฏิบัติการ ios หากกล่าวถึง Affinity Photo หลายๆคนอาจจะคุ้นชื่อเป็นอย่างดีกับ software ชื่อเดียวกันบนเครื่องตั้งโต๊ะ ทั้ง PC และ MAC และตอนนี้ทางผู้พัฒนาได้นำมาพัฒนาเพื่อรันบนระบบปฏิบัติการ ios ซึ่งระบุว่าเป็นแอพแต่งภาพระดับมืออาชีพที่ถอดเครื่องมือออกมาจากเวอร์ชั่น desktop ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังคงความสะดวกในการใช้งานบนจอสัมผัสด้วย สำหรับตัวแอพเองรองรับไอแพดรุ่นใหม่ๆเท่านั้นโดย
รองรับเฉพาะไอแพดโปรและแอร์2 รุ่นอื่นๆหมดสิทธิ์ครับผม ส่วนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 700 บาทได้ (ผมซื้อมาที่ 2400 Yen) ก่อนหน้านั้นราคาอยู่ที่ 3800 Yen ตอนนั้ผนมยังจดจ้องๆ พอเห็นราคาลงเลยรีบสอยอย่างไวเลย
User interface
พื้นที่ทำงานจะเห็นหน้าตาของแอพมีการจัดวางค่อนข้างคล้ายกับเวอร์ชั่น desktop อาจจะรู้สึกว่าปุ่มต่างๆเล็กกว่าแอพแต่งภาพทั่วไป แต่ก็ไม่ได้เล็กจนน่าเกลียด การสั่งงานด้วยการใช้นิ้วสัมผัสยังทำงานได้ดีอยู่ แต่ถ้าสั่งการด้วย stylus หรือ apple pencil จะใช้งานได้สะดวกมาก ทำให้การใช้งานสนุกและรวดเร็วดีครับ เมนูแต่ละอันสามารถกดค้างเพื่อเลือกแปรงหรือตัวเลือกต่างๆภายในได้อีก หากงงกับสัญลักษณ์ว่าเมนูนี้คืออะไร ก็สามารถกดปุ่มเครื่องหมายคำถามที่ด้านล่างขวาของจอ คำบรรยายจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอตามภาพด้านล่างครับ โดยส่วนตัวถ้าผู้ใช้เคยใช้งานแอพแต่งภาพทั้ง Affinity หรือ Photoshop มาก่อนจะสามารถเดาสัญลักษณ์ได้ไม่ยากนักครับ
ประสิทธิภาพในการทำงาน
ตอนแรกผมเองดูเดโมในเว็บผู้พัฒนาก็ยังไม่ปักใจเชื่อมากนักเนื่องจากคิดว่ามันคือโฆษณา ต้องหารูปที่ optimize มาระดับนึงแล้ว แต่หลังจากที่ได้ใช้งานแล้ว ผมพบว่าที่แสดงไว้ในเดโมนั้นไม่ได้เกินจริง อุปกรณ์ต่างๆที่ให้มาใช้งานได้สะดวกดี ทำงานรวดเร็วแต่ก็ควรระวังว่าถ้าเปิดแอพอื่นๆหลายตัวค้างไว้ อาจทำให้การประมวลผลช้าหรือหรือมีค้างบ้าง แต่ไม่บ่อย นานๆจะเจอสักหนนึง ทางที่ดีก่อนทำงานควรปิดแอพที่ไม่จำเป็นก่อนจะดีมากครับ การทำงานที่ผมประทับใจมากคือ selection tool (lasso หรืออื่นๆ) ที่ทำมาได้ค่อนข้างดี แม้แต่ในภาพที่ค่อนข้างซับซ้อนเช่นภาพ landscape ที่มีต้นไม้เยอะๆ บริเวณผมของนางแบบ ยังทำงานได้น่าประทับใจ ผมลองใช้ภาพที่ตัวเองถ่ายบ้าง ผลที่ได้ถือว่าน่าดีครับ ไม่ค่อยมีหลุดหรือตัดภาพแบบประหลาดให้ปวดหัว รวมทั้งสามารถซ้อนเลเยอร์ภาพได้ทำให้แต่งภาพได้ยืดหยุ่นและคล่องตัวมากนอกจากนี้ยังสามารถสร้างภาพ Panorama, Focusing stack, ซ้อนภาพได้สบายๆ ผมอัพโหลดวีดีโอการใช้ทูลในการตัดเปลี่ยนท้องฟ้าและปรับแต่ภาพเอามาให้ดูกันครับว่าการทำงานดูราบลื่นแค่ไหน ลองรับชมได้ตามวีดีโอข้างล่างเลยครับ
อุปกรณ์แก้ไขภาพก็ให้มาเหลือเฟือเรียกว่ามีเกือบทุกอย่างที่คุณเคยใช้บน version desktop ครับ จะให้เขียนตรงนี้ก็ไม่ไหวมันเยอะจริงๆครับ ผมตัดภาพเครื่องมือบางส่วนมาให้ชมกันครับมาครบจริงๆ ทั้ง auto exposure, color, contrast ฯลฯ
ตัวแอพสามารถเปิดไฟล์ Raw ได้และมีการปรับแต่งได้หลากหลาย สามารถเลือก split view เพื่อดูภาพ before/after ได้ด้วย เท่าที่ลองดูตัวแอพอ่านไฟล์ Raw มาตรฐานของกล้องทั่วไป เช่น CR2 ของ Canon และ RAF ของ Fuji ได้โดยไม่ติดขัด
อย่างไรก็ตามปัญหาหนึ่งที่ผมพบคือการใส่ตัวอักษรนั้น สำหรับภาษาไทยจะมีปัญหาเรื่องสระลอย แต่ปัญหานี้ตอนหลังผมเจอวิธีแก้ก็คือลง Font ภาษาไทยเองครับ โดยใช้แอพลง font เช่น Anyfont หรือ Fonteer แล้วจัดการโหลด Font ภาษาไทยมาลง แล้วปัญหาจะหมดไปครับตามภาพด้านล่างที่ผมเปรียบเทียบให้ดูครับ ด้านบนเป็น Font ที่ผมโหลดมาลง (Font Waffle ฟรี:
http://www.f0nt.com/release/waffle/) และบรรทัดล่างเป็น Font เดิมๆในแอพครับ
เมนูช่วยเหลือและติวเตอร์
จุดเด่นของแอพนี้ที่ผมชอบอย่างหนึ่งคือเมนูช่วยเหลือและสอนการใช้งานที่อยู่ในตัวแอพเอง ทำให้สามารถเข้ามาดูวิธีการใช้งานเครื่องมือต่างๆแบบออฟไลน์ คือไม่จำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตก็สามารถรับชมได้ ทำให้สะดวกเวลาอยู่นอกสถานที่หรืออยู่ในที่ที่เน็ตไม่แรง หรือว่าเน็ตหมด
ซึ่งวีดีโอแนะนำในแต่ละหัวข้อค่อนข้างละเอียดและเข้าใจง่ายดีครับ
สรุป
โดยรวมแล้ว Affinity Photo จัดเป็นแอพแต่งภาพที่ยกเอาฟังก์ชั่นการใช้งานของ desktop version มาเยอะมาก ทำให้การใช้งานได้ความรู้สึกเหมือนกำลังทำงานบนเครื่องตั้งโต๊ะ แต่ได้ความสะดวกในการทำงานด้วยปากกา เช่น apple pencil ทำให้การแก้ไขหรือแต่งภาพนั้นสะดวกมากเหมือนกำลังวาดบนกระดาษหรือบนภาพนั้นโดยตรง ข้อเสียของแอพก็มีอยู่เหมือนกันตรงที่ราคาค่อนข้างสูงและกินทรัพยากรเยอะใช้ได้ ทำให้เกิดอาการค้างได้ในบางที
แอพนี้เหมาะกับใคร?
เหมาะกับ: ผู้ใช้งานที่ต้องการแอพแต่งภาพหรือแก้ไขภาพแบบจริงจัง ตากล้องที่ต้องการรีทัชภาพนอกสถานที่หรือแก้งานด่วน
ไม่เหมาะกับ: ตากล้องสายแบ๊วหรือผู้ที่ต้องการใส่ฟิลเตอร์วินเทจ ฮิปสเตอร์อะไรทำนองนั้นตัวแอพไม่มีฟิลเตอร์หรือ preset แต่งหน้าเนียน ฟิล์มสีประหลาดๆแต่อย่างใด
สำหรับวันนี้ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ สวัสดีครับ
[CR] Affinity Photo for iPad:แอพรีทัชภาพระดับมืออาชีพบนไอแพด
สวัสดีครับวันนี้มีจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้แอพแต่งภาพที่ชื่อว่า Affinity Photo เวอร์ชั่นที่รันบนระบบปฏิบัติการ ios หากกล่าวถึง Affinity Photo หลายๆคนอาจจะคุ้นชื่อเป็นอย่างดีกับ software ชื่อเดียวกันบนเครื่องตั้งโต๊ะ ทั้ง PC และ MAC และตอนนี้ทางผู้พัฒนาได้นำมาพัฒนาเพื่อรันบนระบบปฏิบัติการ ios ซึ่งระบุว่าเป็นแอพแต่งภาพระดับมืออาชีพที่ถอดเครื่องมือออกมาจากเวอร์ชั่น desktop ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังคงความสะดวกในการใช้งานบนจอสัมผัสด้วย สำหรับตัวแอพเองรองรับไอแพดรุ่นใหม่ๆเท่านั้นโดยรองรับเฉพาะไอแพดโปรและแอร์2 รุ่นอื่นๆหมดสิทธิ์ครับผม ส่วนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 700 บาทได้ (ผมซื้อมาที่ 2400 Yen) ก่อนหน้านั้นราคาอยู่ที่ 3800 Yen ตอนนั้ผนมยังจดจ้องๆ พอเห็นราคาลงเลยรีบสอยอย่างไวเลย
User interface
พื้นที่ทำงานจะเห็นหน้าตาของแอพมีการจัดวางค่อนข้างคล้ายกับเวอร์ชั่น desktop อาจจะรู้สึกว่าปุ่มต่างๆเล็กกว่าแอพแต่งภาพทั่วไป แต่ก็ไม่ได้เล็กจนน่าเกลียด การสั่งงานด้วยการใช้นิ้วสัมผัสยังทำงานได้ดีอยู่ แต่ถ้าสั่งการด้วย stylus หรือ apple pencil จะใช้งานได้สะดวกมาก ทำให้การใช้งานสนุกและรวดเร็วดีครับ เมนูแต่ละอันสามารถกดค้างเพื่อเลือกแปรงหรือตัวเลือกต่างๆภายในได้อีก หากงงกับสัญลักษณ์ว่าเมนูนี้คืออะไร ก็สามารถกดปุ่มเครื่องหมายคำถามที่ด้านล่างขวาของจอ คำบรรยายจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอตามภาพด้านล่างครับ โดยส่วนตัวถ้าผู้ใช้เคยใช้งานแอพแต่งภาพทั้ง Affinity หรือ Photoshop มาก่อนจะสามารถเดาสัญลักษณ์ได้ไม่ยากนักครับ
ประสิทธิภาพในการทำงาน
ตอนแรกผมเองดูเดโมในเว็บผู้พัฒนาก็ยังไม่ปักใจเชื่อมากนักเนื่องจากคิดว่ามันคือโฆษณา ต้องหารูปที่ optimize มาระดับนึงแล้ว แต่หลังจากที่ได้ใช้งานแล้ว ผมพบว่าที่แสดงไว้ในเดโมนั้นไม่ได้เกินจริง อุปกรณ์ต่างๆที่ให้มาใช้งานได้สะดวกดี ทำงานรวดเร็วแต่ก็ควรระวังว่าถ้าเปิดแอพอื่นๆหลายตัวค้างไว้ อาจทำให้การประมวลผลช้าหรือหรือมีค้างบ้าง แต่ไม่บ่อย นานๆจะเจอสักหนนึง ทางที่ดีก่อนทำงานควรปิดแอพที่ไม่จำเป็นก่อนจะดีมากครับ การทำงานที่ผมประทับใจมากคือ selection tool (lasso หรืออื่นๆ) ที่ทำมาได้ค่อนข้างดี แม้แต่ในภาพที่ค่อนข้างซับซ้อนเช่นภาพ landscape ที่มีต้นไม้เยอะๆ บริเวณผมของนางแบบ ยังทำงานได้น่าประทับใจ ผมลองใช้ภาพที่ตัวเองถ่ายบ้าง ผลที่ได้ถือว่าน่าดีครับ ไม่ค่อยมีหลุดหรือตัดภาพแบบประหลาดให้ปวดหัว รวมทั้งสามารถซ้อนเลเยอร์ภาพได้ทำให้แต่งภาพได้ยืดหยุ่นและคล่องตัวมากนอกจากนี้ยังสามารถสร้างภาพ Panorama, Focusing stack, ซ้อนภาพได้สบายๆ ผมอัพโหลดวีดีโอการใช้ทูลในการตัดเปลี่ยนท้องฟ้าและปรับแต่ภาพเอามาให้ดูกันครับว่าการทำงานดูราบลื่นแค่ไหน ลองรับชมได้ตามวีดีโอข้างล่างเลยครับ
อุปกรณ์แก้ไขภาพก็ให้มาเหลือเฟือเรียกว่ามีเกือบทุกอย่างที่คุณเคยใช้บน version desktop ครับ จะให้เขียนตรงนี้ก็ไม่ไหวมันเยอะจริงๆครับ ผมตัดภาพเครื่องมือบางส่วนมาให้ชมกันครับมาครบจริงๆ ทั้ง auto exposure, color, contrast ฯลฯ
ตัวแอพสามารถเปิดไฟล์ Raw ได้และมีการปรับแต่งได้หลากหลาย สามารถเลือก split view เพื่อดูภาพ before/after ได้ด้วย เท่าที่ลองดูตัวแอพอ่านไฟล์ Raw มาตรฐานของกล้องทั่วไป เช่น CR2 ของ Canon และ RAF ของ Fuji ได้โดยไม่ติดขัด
อย่างไรก็ตามปัญหาหนึ่งที่ผมพบคือการใส่ตัวอักษรนั้น สำหรับภาษาไทยจะมีปัญหาเรื่องสระลอย แต่ปัญหานี้ตอนหลังผมเจอวิธีแก้ก็คือลง Font ภาษาไทยเองครับ โดยใช้แอพลง font เช่น Anyfont หรือ Fonteer แล้วจัดการโหลด Font ภาษาไทยมาลง แล้วปัญหาจะหมดไปครับตามภาพด้านล่างที่ผมเปรียบเทียบให้ดูครับ ด้านบนเป็น Font ที่ผมโหลดมาลง (Font Waffle ฟรี: http://www.f0nt.com/release/waffle/) และบรรทัดล่างเป็น Font เดิมๆในแอพครับ
เมนูช่วยเหลือและติวเตอร์
จุดเด่นของแอพนี้ที่ผมชอบอย่างหนึ่งคือเมนูช่วยเหลือและสอนการใช้งานที่อยู่ในตัวแอพเอง ทำให้สามารถเข้ามาดูวิธีการใช้งานเครื่องมือต่างๆแบบออฟไลน์ คือไม่จำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตก็สามารถรับชมได้ ทำให้สะดวกเวลาอยู่นอกสถานที่หรืออยู่ในที่ที่เน็ตไม่แรง หรือว่าเน็ตหมด ซึ่งวีดีโอแนะนำในแต่ละหัวข้อค่อนข้างละเอียดและเข้าใจง่ายดีครับ
สรุป
โดยรวมแล้ว Affinity Photo จัดเป็นแอพแต่งภาพที่ยกเอาฟังก์ชั่นการใช้งานของ desktop version มาเยอะมาก ทำให้การใช้งานได้ความรู้สึกเหมือนกำลังทำงานบนเครื่องตั้งโต๊ะ แต่ได้ความสะดวกในการทำงานด้วยปากกา เช่น apple pencil ทำให้การแก้ไขหรือแต่งภาพนั้นสะดวกมากเหมือนกำลังวาดบนกระดาษหรือบนภาพนั้นโดยตรง ข้อเสียของแอพก็มีอยู่เหมือนกันตรงที่ราคาค่อนข้างสูงและกินทรัพยากรเยอะใช้ได้ ทำให้เกิดอาการค้างได้ในบางที
แอพนี้เหมาะกับใคร?
เหมาะกับ: ผู้ใช้งานที่ต้องการแอพแต่งภาพหรือแก้ไขภาพแบบจริงจัง ตากล้องที่ต้องการรีทัชภาพนอกสถานที่หรือแก้งานด่วน
ไม่เหมาะกับ: ตากล้องสายแบ๊วหรือผู้ที่ต้องการใส่ฟิลเตอร์วินเทจ ฮิปสเตอร์อะไรทำนองนั้นตัวแอพไม่มีฟิลเตอร์หรือ preset แต่งหน้าเนียน ฟิล์มสีประหลาดๆแต่อย่างใด
สำหรับวันนี้ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ สวัสดีครับ