หลังจากผ่านไป 1 ฤดูกาล กับความสำเร็จชนิดเกิดคาดของเหล่าสาวกเชลซี
ที่เมื่อตอนเริ่มฤดูกาล 2016-2017 ใหม่ๆ ไม่มีใครคิดว่าคอนเต้จะพาทีมเชลซีเป็นแชมป์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรกที่คุมทีม
โดยเฉพาะผลงาน 6 นัดแรก บางคนคิดว่าคอนเต้ ไม่น่าจะอยู่รอดแล้วด้วยซ้ำ
คอนเต้ปรับแผนการเล่นของทีม ใช้หลัง 3 และวิงแบค ตามที่ตัวเองถนัด
ก่อนจะใช้แนวรุก 3 คนในแดนหน้าตามที่ทีมอย่างเชลซีถนัด เพราะใช้มาเป็น 10 ปีแล้ว
ทุกอย่างมันลงตัว ก่อนจะเสกแชมป์ลีกให้คอนเต้ได้สำเร็จ
จนทำให้แผนกองหลัง 3 ตัวนี้กลายเป็นแผนฮิต ใช้กันหลากหลายทีมในยุคนี้
เชลซีนอกจากได้แชมป์ยังได้กลับขึ้นไปเล่นใน UCL หลังจากที่ต้องนั่งดูทีมอื่นเล่นในฤดูกาลที่แล้ว
สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างแรกคือขุมกำลังของทีม เพราะฤดูกาลที่ผ่านมาเชลซีโชคดี พอตัดถ้วยยุโรปไปแล้ว
แถมตกรอบ EFL Cup ตั้งแต่หัววัน ทำให้โปรแกรมเตะน้อยมากๆ
คอนเต้ เลยสามารถใช้ผู้เล่นเพียง 24 คนเท่านั้นเอง
และช่วงที่ชนะติดต่อกันยาวนานที่สุด 13 เกม นั้น คอนเต้ ใช้ผู้เล่นเพียง 20 คน
แต่สำหรับฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มต้นนั้น โปรแกรมเตะ เพิ่มขึ้น
และแน่นอนถ้วยที่แฟนเชลซีทุกคนอยากเห็นทีมกลับขึ้นไปเล่นอีกครั้งคือ UCL
ด้วยผู้เล่นที่เริ่มมีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะแผงหลังของทีม และการจากลาไปของจอร์น เทอรี่
ทำให้เชลซีต้องหาผู้เล่นเพิ่ม และต้องมีขุมกำลังทั้งตัวจริง และสำรอง ที่สามารถทดแทนกันได้มากขึ้น
แน่นอนผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกอังกฤษทุกคนรู้กันดี คุณไม่สามารถใช้ผู้เล่นชุดเดิมเล่น 3-4 เกมต่อสัปดาห์ได้
สำหรับช่วงซัมเมอร์นี้ ถ้าไม่นับ อีธาน อัมปาดู วันเดอร์คิตหัวกุลลิท ที่ซื้อมาปั้น
เชลซีเสริมผู้เล่นไปแล้วทั้งสิ้น 4 คน ไล่เรียงจาก ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า
เรียกได้ว่าเสริมเข้ามาทุกตำแหน่งกันเลยทีเดียว แถมยังมีข่าวลืออีกว่าจะมีเข้ามาเพิ่ม
นับเป็นข่าวดีที่ว่าทีมสิงห์บลูเองก็มองว่าผู้เล่นที่มีอยู่ อาจจะไม่พอลุยศึก UCL
อย่างไรก็ตาม ผมเป็นห่วงก็แต่ที่ผู้เล่นโควต้า non-homegrown ตามกฏ Homegrown ของ UCL
ที่สามารถส่งผู้เล่นที่อายุเกิน 21 ปี ได้เพียง 17 คนเท่านั้น
ถึงแม้เชลซีจะปล่อยผู้เล่นออกจากทีมไปบ้างแล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เช่น ออสก้า มิเกล อิวาโนวิช
และช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาอย่าง ซูม่า ทำให้มีพื้นที่ว่างสำหรับ นักเตะ non-homegrown ก็ตามที
แต่ถ้ามานับเฉพาะนักเตะที่ได้เบอร์เสื้อกันแล้ว จะพบว่า สิงห์บลูมีนักเตะ non-homegrown อยู่ถึง 17 คน ครบพอดี
ดังนั้นการจะเสริมทัพต่อจากนี้ หรือการปล่อยผู้เล่นที่เป็น HG ออกจากทีมต้องคิดได้ดีๆ แล้ว
เพราะนั้นหมายถึงกำลังสำรองของทีมก็จะลดลงไปด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะ non-homegrown ทั้ง 17 คน ถ้าดูรายชื่อจะพบว่าทั้ง 17 คน คือตัวหลักของทีมในชุดแชมป์ที่ผ่านมาทั้งนั้น
แค่คิดว่าจะเอา โลอิค เรมี หรือ บาบ้า ราห์มาน กลับมาสู่ทีม หรือแม้แต่จะเซ็นสัญญาใครมาเพิ่ม
แล้วต้องปล่อย 2-3 คนจาก 17 คนนี้ ออกจากทีม คอนเต้ก็ต้องคิดให้หนักแล้ว
ทางออกแรกที่ง่ายสุดคือ คอสต้า เพราะถ้าไม่นับโปรเถือนคนนี้แล้ว เชลซียังมีที่ว่างสำหรับโควต้านี้เหลืออีก 1
แถมเชลซียังได้ โมราต้า เจ้าของสถิติค่าตัวของสโมสร มาเป็นกองหน้าตัวหลักตัวใหม่ของทีมแล้ว
น่าจะเป็นที่ว่างที่ คอนเต้ สามารถเลือกนักเตะ non-homegrown คนอื่นเข้าทีม
เพราะข่าวที่ไม่กินเส้นกันระหว่างคอสต้า และคอนเต้ รวมกับข่าวที่คอสต้าใส่เสื้อทีมอื่น ด้วยแล้ว
โควต้านี้น่าจะว่างแน่นอน 1 ที่
อีกโควต้าหนึ่งที่มีข่าวลือว่าจะไปคือ เนมานย่า มาติช เจ้าตัวเองไม่ได้ร่วมทัวเอเชียกับทีม
และไม่ได้ไปซ้อมที่สนามซ้อมคอปแฮม จึงเป็นไปได้สูงว่าจะถูกปล่อยตัวไปอีกคนเพื่อเคลียที่ว่างสำหรับโควต้านี้
เชลซีอาจจะมีปัญหาในการเสริมทัพ และจัดตัวผู้เล่น
ให้มีทรัพยากร ขุมกำลัง ที่เหมาะสำหรับหมุนเวียนในการแข่งขันทั้ง 4 รายการ
และจะต้องเป็นผู้เล่นที่สามารถทดแทนกันได้ด้วย
เพราะเพียงแค่ขาด อาซา เปโดร ก็ดูเหมือนเกมบุกจะลดประสิทธิภาพลงไปเยอะทีเดียว
อย่าลืมว่าฤดูกาล 2016-2017 ที่ผ่านมา ทีมของคอนเต้โชคดีมากๆ ที่ไม่มีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือติดโทษแบนยาวๆ
แถมทีมก็ดูจะพึ่ง อาซา มากเกินไป นัดไหนที่เล่นไม่ออก อย่างนัดที่เจอกับ แมนยู โดนไล่ตามปะกบเป็นเงาตามตัว
เชลซีก็ถึงกับไปม่เป็นกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปยังอนาคต ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง
เพราะซัมเมอร์นี้เชลซีปล่อยนักเตะ HG ออกจากทีมเยอะมากๆ เช่น อาเก้ ตราโอเล่ ชาโลบาห์ และรวมถึงเทอรี่
ถึงแม้ว่าคอนเต้ จะออกมายืนยันว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับทีม ก็ตาม
แต่อย่าลืมว่าในโควต้า HG 8 คนนั้น 4 ใน 8 จะต้องเป็น Club-trained player
หรือนักเตะอยู่กับสโมสรมากกว่า 3 ปี ในช่วงอายุ 15-21 ตามนิยามของ UEFA
นั้นหมายถึงต่อให้ไปซื้อนักเตะที่เป็น HG จากทีมอื่นในอังกฤษ ก็ใส่ชื่อลงสู้ศึก UCL ได้ 4 คนเท่านั้นเอง
และดูจากกฏตรงนี้ เชลซี มีผู้เล่นที่ได้เบอร์เสื้อ และเป็น HG แต่มาจากทีมอื่นแล้วถึง 3 คน
แล้วถ้ายิ่งดูลึกลงไปจากรายชื่อนักเตะที่มีเบอร์แล้ว ทีมสิงห์บลูเหลือผู้เล่นที่เป็น Club-trained player
เหลือ 2 คนเท่านั้นคือ คริสเตนเซ่น และ มูซอนด้า แค่นั้นเอง (แต่ปีนี้น่าจะใช้สิทธิ U21 ไปก่อน)
ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะมาเป็นกำลังหลักหรือทดแทนตัวจริงในทีมได้แค่ไหน
อนาคตถ้าคอนเต้ไม่ถูกไล่ไปซะก่อน ก็คงต้องมีเริ่มมีการวางแผนระยะยาว
ไม่งั้นจะมีงานหนัก ที่ทีมไม่มีนักเตะหรือขุมกำลังมากพอที่จะเล่นสัปดาห์ละ 3-4 นัด แน่นอน
เพราะ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ FA มันบ้า
คอนเต้กับการวางแผนผู้เล่น UCL
ที่เมื่อตอนเริ่มฤดูกาล 2016-2017 ใหม่ๆ ไม่มีใครคิดว่าคอนเต้จะพาทีมเชลซีเป็นแชมป์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรกที่คุมทีม
โดยเฉพาะผลงาน 6 นัดแรก บางคนคิดว่าคอนเต้ ไม่น่าจะอยู่รอดแล้วด้วยซ้ำ
คอนเต้ปรับแผนการเล่นของทีม ใช้หลัง 3 และวิงแบค ตามที่ตัวเองถนัด
ก่อนจะใช้แนวรุก 3 คนในแดนหน้าตามที่ทีมอย่างเชลซีถนัด เพราะใช้มาเป็น 10 ปีแล้ว
ทุกอย่างมันลงตัว ก่อนจะเสกแชมป์ลีกให้คอนเต้ได้สำเร็จ
จนทำให้แผนกองหลัง 3 ตัวนี้กลายเป็นแผนฮิต ใช้กันหลากหลายทีมในยุคนี้
เชลซีนอกจากได้แชมป์ยังได้กลับขึ้นไปเล่นใน UCL หลังจากที่ต้องนั่งดูทีมอื่นเล่นในฤดูกาลที่แล้ว
สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างแรกคือขุมกำลังของทีม เพราะฤดูกาลที่ผ่านมาเชลซีโชคดี พอตัดถ้วยยุโรปไปแล้ว
แถมตกรอบ EFL Cup ตั้งแต่หัววัน ทำให้โปรแกรมเตะน้อยมากๆ
คอนเต้ เลยสามารถใช้ผู้เล่นเพียง 24 คนเท่านั้นเอง
และช่วงที่ชนะติดต่อกันยาวนานที่สุด 13 เกม นั้น คอนเต้ ใช้ผู้เล่นเพียง 20 คน
แต่สำหรับฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มต้นนั้น โปรแกรมเตะ เพิ่มขึ้น
และแน่นอนถ้วยที่แฟนเชลซีทุกคนอยากเห็นทีมกลับขึ้นไปเล่นอีกครั้งคือ UCL
ด้วยผู้เล่นที่เริ่มมีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะแผงหลังของทีม และการจากลาไปของจอร์น เทอรี่
ทำให้เชลซีต้องหาผู้เล่นเพิ่ม และต้องมีขุมกำลังทั้งตัวจริง และสำรอง ที่สามารถทดแทนกันได้มากขึ้น
แน่นอนผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกอังกฤษทุกคนรู้กันดี คุณไม่สามารถใช้ผู้เล่นชุดเดิมเล่น 3-4 เกมต่อสัปดาห์ได้
สำหรับช่วงซัมเมอร์นี้ ถ้าไม่นับ อีธาน อัมปาดู วันเดอร์คิตหัวกุลลิท ที่ซื้อมาปั้น
เชลซีเสริมผู้เล่นไปแล้วทั้งสิ้น 4 คน ไล่เรียงจาก ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า
เรียกได้ว่าเสริมเข้ามาทุกตำแหน่งกันเลยทีเดียว แถมยังมีข่าวลืออีกว่าจะมีเข้ามาเพิ่ม
นับเป็นข่าวดีที่ว่าทีมสิงห์บลูเองก็มองว่าผู้เล่นที่มีอยู่ อาจจะไม่พอลุยศึก UCL
อย่างไรก็ตาม ผมเป็นห่วงก็แต่ที่ผู้เล่นโควต้า non-homegrown ตามกฏ Homegrown ของ UCL
ที่สามารถส่งผู้เล่นที่อายุเกิน 21 ปี ได้เพียง 17 คนเท่านั้น
ถึงแม้เชลซีจะปล่อยผู้เล่นออกจากทีมไปบ้างแล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เช่น ออสก้า มิเกล อิวาโนวิช
และช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาอย่าง ซูม่า ทำให้มีพื้นที่ว่างสำหรับ นักเตะ non-homegrown ก็ตามที
แต่ถ้ามานับเฉพาะนักเตะที่ได้เบอร์เสื้อกันแล้ว จะพบว่า สิงห์บลูมีนักเตะ non-homegrown อยู่ถึง 17 คน ครบพอดี
ดังนั้นการจะเสริมทัพต่อจากนี้ หรือการปล่อยผู้เล่นที่เป็น HG ออกจากทีมต้องคิดได้ดีๆ แล้ว
เพราะนั้นหมายถึงกำลังสำรองของทีมก็จะลดลงไปด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะ non-homegrown ทั้ง 17 คน ถ้าดูรายชื่อจะพบว่าทั้ง 17 คน คือตัวหลักของทีมในชุดแชมป์ที่ผ่านมาทั้งนั้น
แค่คิดว่าจะเอา โลอิค เรมี หรือ บาบ้า ราห์มาน กลับมาสู่ทีม หรือแม้แต่จะเซ็นสัญญาใครมาเพิ่ม
แล้วต้องปล่อย 2-3 คนจาก 17 คนนี้ ออกจากทีม คอนเต้ก็ต้องคิดให้หนักแล้ว
ทางออกแรกที่ง่ายสุดคือ คอสต้า เพราะถ้าไม่นับโปรเถือนคนนี้แล้ว เชลซียังมีที่ว่างสำหรับโควต้านี้เหลืออีก 1
แถมเชลซียังได้ โมราต้า เจ้าของสถิติค่าตัวของสโมสร มาเป็นกองหน้าตัวหลักตัวใหม่ของทีมแล้ว
น่าจะเป็นที่ว่างที่ คอนเต้ สามารถเลือกนักเตะ non-homegrown คนอื่นเข้าทีม
เพราะข่าวที่ไม่กินเส้นกันระหว่างคอสต้า และคอนเต้ รวมกับข่าวที่คอสต้าใส่เสื้อทีมอื่น ด้วยแล้ว
โควต้านี้น่าจะว่างแน่นอน 1 ที่
อีกโควต้าหนึ่งที่มีข่าวลือว่าจะไปคือ เนมานย่า มาติช เจ้าตัวเองไม่ได้ร่วมทัวเอเชียกับทีม
และไม่ได้ไปซ้อมที่สนามซ้อมคอปแฮม จึงเป็นไปได้สูงว่าจะถูกปล่อยตัวไปอีกคนเพื่อเคลียที่ว่างสำหรับโควต้านี้
เชลซีอาจจะมีปัญหาในการเสริมทัพ และจัดตัวผู้เล่น
ให้มีทรัพยากร ขุมกำลัง ที่เหมาะสำหรับหมุนเวียนในการแข่งขันทั้ง 4 รายการ
และจะต้องเป็นผู้เล่นที่สามารถทดแทนกันได้ด้วย
เพราะเพียงแค่ขาด อาซา เปโดร ก็ดูเหมือนเกมบุกจะลดประสิทธิภาพลงไปเยอะทีเดียว
อย่าลืมว่าฤดูกาล 2016-2017 ที่ผ่านมา ทีมของคอนเต้โชคดีมากๆ ที่ไม่มีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือติดโทษแบนยาวๆ
แถมทีมก็ดูจะพึ่ง อาซา มากเกินไป นัดไหนที่เล่นไม่ออก อย่างนัดที่เจอกับ แมนยู โดนไล่ตามปะกบเป็นเงาตามตัว
เชลซีก็ถึงกับไปม่เป็นกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปยังอนาคต ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง
เพราะซัมเมอร์นี้เชลซีปล่อยนักเตะ HG ออกจากทีมเยอะมากๆ เช่น อาเก้ ตราโอเล่ ชาโลบาห์ และรวมถึงเทอรี่
ถึงแม้ว่าคอนเต้ จะออกมายืนยันว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับทีม ก็ตาม
แต่อย่าลืมว่าในโควต้า HG 8 คนนั้น 4 ใน 8 จะต้องเป็น Club-trained player
หรือนักเตะอยู่กับสโมสรมากกว่า 3 ปี ในช่วงอายุ 15-21 ตามนิยามของ UEFA
นั้นหมายถึงต่อให้ไปซื้อนักเตะที่เป็น HG จากทีมอื่นในอังกฤษ ก็ใส่ชื่อลงสู้ศึก UCL ได้ 4 คนเท่านั้นเอง
และดูจากกฏตรงนี้ เชลซี มีผู้เล่นที่ได้เบอร์เสื้อ และเป็น HG แต่มาจากทีมอื่นแล้วถึง 3 คน
แล้วถ้ายิ่งดูลึกลงไปจากรายชื่อนักเตะที่มีเบอร์แล้ว ทีมสิงห์บลูเหลือผู้เล่นที่เป็น Club-trained player
เหลือ 2 คนเท่านั้นคือ คริสเตนเซ่น และ มูซอนด้า แค่นั้นเอง (แต่ปีนี้น่าจะใช้สิทธิ U21 ไปก่อน)
ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะมาเป็นกำลังหลักหรือทดแทนตัวจริงในทีมได้แค่ไหน
อนาคตถ้าคอนเต้ไม่ถูกไล่ไปซะก่อน ก็คงต้องมีเริ่มมีการวางแผนระยะยาว
ไม่งั้นจะมีงานหนัก ที่ทีมไม่มีนักเตะหรือขุมกำลังมากพอที่จะเล่นสัปดาห์ละ 3-4 นัด แน่นอน
เพราะ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ FA มันบ้า