สวัสดีครับ เป็นกระทู้แรกของผม ที่เขียนเกี่ยวกับการ backpack ท่องเที่ยว
เป้าหมายครั้งนี้ คือ สำรวจเส้นทางไปตาดเซียงลือ + ถ้ำน้ำลอดเซบั้งไฟ
- ตาดเซียงลือ อยู่บริเวณเมืองบัวละพา ห่างจากเมืองบัวละพาประมาณ  10km  
- ถ้ำน้ำลอดเซบั้งไฟ ก็อยู่ในเขตบ้านหนองปิง ห่างจากเมืองบัวละพาประมาณ 15km เส้นทางเดียวกันกับตาดเซียงลือ
ผมกับรุ่นพี่(เฮียจัง) อยากไปเห็นเส้นทางที่เขาเล่าว่า ถ้าช่วงฤดูฝนนั้น ไม่น่าไป ทางลำบาก รถมอเตอร์ไซด์ไปไม่ได้
เราจึงคุยกันไว้ก่อนว่าต้องไปเห็นกับตาดีกว่า เรามีแพลนไว้ 3-4 วันในการไปเที่ยวครั้งนี้ โดยที่เราจะไปเช่ารถมอเตอร์ไซด์
ที่เมืองท่าแขก สปป.ลาว ในส่วนของการเดินทาง เราตกลงกันคือ ถ้าเส้นทางไปไม่ได้ก็กลับ จะไม่ฝืน เพราะเดี๋ยวรถพัง ซวยแน่ๆ
หากมีไรสอบถามข้อมูลที่เฟสส่วนตัวได้ครับ  https://www.facebook.com/angkhanphotograph
หรือติดตามที่เพจ page : https://www.facebook.com/isanculturetour/

วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 - เริ่มเลยแล้วกันนะครับ
เฮียจังคุง มารอที่นครพนมแต่เช้า เดินทางมาจาก กทม. โดยรถทัวร์นครชัยแอร์ ส่วนผมเดินทางจากหนองคาย
มาถึงนครพนมประมาณ 15.00 น. แพลนวันแรก ก็คือ นอนที่ท่าแขกก่อน และพรุ่งนี้ก็ค่อยเดินทางไปเมืองบัวละพา
เมื่อมาถึงด่าน ตม. เราก็ทำเรื่องผ่านแดนกันครับ จะเสียค่าเรือข้ามฝาก 60 บาท
เรานั่งเรือประมาณ  5 นาที ก็ถึงด่านท่าแขก สปป.ลาว  และก็ต้องเสียค่าทำเนียมเหยียบแผ่นดินอีก 60 บาท
เมื่อถึงเมืองท่าแขก สปป.ลาว แล้ว ผมจะลำดับเป็นขั้นตอนตามนี้นะครับ

** สิ่งที่แรก :  การแลกเงิน
จะมีร้านโทรศัพท์ติดอยู่กับด่าน สปป.ลาว เราเข้าไปแลกเงินได้เลยครับ ควรใช้เงิน kip นะครับ เพราะถ้าเราใช้เงินบาท
เมื่อเดินทางไปโซนนอกๆ จะโดนการปัดขึ้นแบบเกินจริงหน่อย ผมก็แลกมา 2,000 บาท ได้เงินมา 500.000kip

** สิ่งที่สอง : การสื่อสาร และ internet  
หากอยากได้ซิมเน็ต หรือซิมโทรก็สามารถหาซื้อร้านเดิมนี้ได้  ซึ่งตัวผมเองก็เดินทางเข้าออกไป สปป.ลาว อยู่เป็นประจำ
จึงมีซิมเน็ต(หลัก9)และเบอร์ลาว(หลัก5) ติดตัวอยู่เสมอครับ ผมเติมแค่เงินเข้าซิมอย่างเดียว ผมเติมอย่างละ  10.000kip
และก็สมัครโปรโมชั่นซิมเน็ต 5 วันครับ เมื่อเราเติมเงินแล้ว กดตามที่ผมแนบไว้ ก็สามารถใช้อินเตอร์เน็ต Unlimited ได้ 5 วัน
ตรงนี้สามารถใช้ได้ทั้งหมดใน สปป.ลาว ไม่ว่าจะอยู่เวียงจันทร์ หลวงพระบาง ปากเซ หรือ คำม่วน
เราจัดการเรื่องการสื่อสารเสร็จ internet ก็ใช้ได้ เบอร์โทรก็ใช้ได้ ถือว่าเสร็จ พร้อมที่จะไปต่อแล้วแบบเต็มรูปแบบแล้ว


** สิ่งที่สาม : ม้าสีหมอก
มีร้านเช่ารถ อยู่ 2 ร้านบริเวณแยกน้ำพุ เมืองท่าแขก ถือว่าม้าสีหมอกจะพาเราไปในทุกๆ ที่เราต้องการ เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ
ในการเที่ยวครั้งนี้เราจะใช้ม้าสีหมอกตลอดการเดินทางครับ เราจึงต้องพิถีพิถัน สำหรับการเลือกม้าสีหมอก

ร้านเช่ารถร้านแรก : ราคาเช่าจะสูงกว่า ราคาเริ่มต้น Zoomer X  - 100.000kip/day
ถ้ารถดีกว่านี้ราคาก็แพงกว่านี้นะครับ เจ้าของร้านคุยดี สภาพรถดีกว่า แต่ราคาแพงครับ เราขอผ่านก่อน
ร้านเช่ารถร้านสอง : ร้านเจ้าของเป็นคนจีน ราคาเช่าจะถูกกว่ามากครับ แต่สภาพรถก็ไม่ดีเท่าร้านแรก
ถ้าเป็นคนไทยเจ้าของร้านจะให้รถจีนแทนครับ
ซึ่งผมก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ราคาเช่า 50.000kip/day  แต่เหมือนผมโชคดี รถมอเตอร์ไซด์จีนคันแรก สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด
เจ้าของร้านเลยหารถใหม่ให้ เป็น Click 125i  แต่ต้องเพิ่มเงินอีกนิด ราคา 90.000kip/day เราตกลงพอใจคันนี้
ทำสัญญาเช่า เจ้าของร้านจะขอเก็บ Passport ไว้นะครับ ในการเช่ารถ หากมีปัญหาอะไรในการเดินทาง หรือเราโดนตำรวจจับ
ให้ติดต่อเบอร์หน้ารถจะมีแปะสติ๊กเกอร์ไว้ เดี๋ยวทางร้านเช่ารถจะเป็นคนเครียร์กับตำรวจทุกอย่างให้เราเองครับ

พอเราได้ม้าสีหมอกแล้ว เราก็จะไปหาที่พักครับ เราหาที่พักจากเวป Booking แต่เหมือนรถมีปัญหา
พวกเราขี่มาได้ประมาณ 3km ผ่อนรถและรถดับ เลยต้องโทรกลับไปที่ร้านเช่ารถ
ขอเปลี่ยนรถใหม่ ทางร้านก็จะส่งคนมารับ พวกเราก็รอประมาณ 1 ชม. (ข้อดีของการซื้อซิมโทรติดไว้)
ก็รอแล้ว รอไม่ไหว เล่นกับหมาก็แล้ว เวลาก็เดินไปเรื่อยๆ เริ่มเย็นแล้วครับ ข้าวก็หิว เลยพยายามสตาร์ท จนสตาร์ทติด
เลยเอารถกลับไปส่งที่ร้าน ทางร้านเปลี่ยนรถให้เราใหม่ เป็นรุ่นเดิม คราวนี้คงไม่มีปัญหาแล้ว
แต่ด้วยความหิว เราเลยเดินหาอะไรทานกันแถวแยกน้ำพุ
จนมาเจอร้านปิ้งเป็ดริมโขง เราเลยได้ฝากท้องไว้ตรงนี้ครับ เจ้าของร้านเป็นกันเอง บริการดี อาหารอร่อยเลยครับ
ผมสั่ง ปิ้งเป็ด + ตำหมี่ + ซิ้นทอด + เบยลาว  ....
เมื่อเราอิ่ม เราก็ไปที่พักครับ เราจองที่ไว้ชื่อ Mindy J guesthouse
ห้องค่อนข้างดีเลยครับ ราคา 600 บาท เราจ่ายเป็นเงินบาท และก็เข้าพักเลย เหน็ดเหนื่อยทั้งวันครับ
วันนี้ขอพักผ่อนเต็มๆแล้วกันวันนี้

วันที่ 22 กรกฎาคม 2560 - การเดินทาง
พวกเราตื่นมาช่วงสายๆ หลับกันเพลิน นอนกันเต็มที่ พวกเราก็เก็บของพร้อมออกจากโรงแรมเพื่อไปต่อที่เมืองบัวละพา
ก่อนไปเราก็ หาอาหารเช้ากินก่อนครับ ไปเจอร้านข้าวเปียก เลยจัดไปคนละถ้วย คิดราคารวมกันตก 100 บาท รสชาติอร่อยเลยครับ
เมื่อท้องอิ่มแล้ว พวกเราก็พร้อมเดินทางจริงๆซะที่  หวังว่า click 125i จะไม่ทำให้ผิดหวัง
เราเริ่มออกเดินทางช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. ผมเติมน้ำมันมา 30.000kip เต็มถัง ลุยเลยทีนี้

ระยะทางจากท่าแขก ไปเมืองบัวละพา ประมาณ 127km   โดยผมจะแบ่งเป็น 2 ช่วงการเดินทาง
1.จากเมืองท่าแขกไป เมืองมหาไซ (Thakhek - Mahaxay)  - 51km เส้นทางเป็นราดยาง ถนนค่อนข้างดี แทบไม่เจอหลุมเลยครับ
วิวสวยงาม อลังการงานภูเขาตลอดสองข้างทาง ฟินครับ ถนนเส้นนี้จะถ้ำเป็นสถานที่เที่ยวตลอดสองข้างทางเลยครับ
2.จากเมืองมหาไซไป เมืองบัวละพา(Mahaxay - Bualapha) - 76km เส้นทางดินตลอดสาย ฝุ่น หลุม โคลน
ส่วนใหญ่จะเป็นป่าครับ ธรรมชาติจริงๆ  วิวก็สวยเหมือนกันครับ แต่จะมีวิถีชีวิตชาวบ้านจริงๆเข้ามาผสมด้วย  

เราขี่รถไปบนถนนหมายเลข 12 ก็แค่เริ่มต้นจากในเมืองท่าแขกเราก็จะเริ่มเห็นวิวธรรมชาติแล้วครับ
เมื่อเราขี่มาสักระยะประมาณ 10 km เราก็จะได้เห็นวิวที่เป็นธรรมชาติแบบอลังๆจริงๆครับ
เราจะเห็นแบบนี้ตลอดสองข้างทาง เป็นระยะทางกว่า 51km
พอเราเจอตรงไหนสวยๆ ก็จอดพัก ถ่ายรูปกันในช่วงแรก ตรงนี้ก็ถือว่าสวยนะ จอดเลยละกัน
ผมก็อยากมีรูปบ้าง ก่อนข้ามถนนก็ระมัดระวังกันนิดๆนะครับ เพราะจะสับสนการวิ่งรถของบ้านเรา
เราก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงเมืองมหาไซ เราก็ได้แวะพักที่ร้านขายของที่ติดถนน
สังเกตจากมีตู้แช่ ผมก็แวะเลย เพื่อเช็คว่าไม่ผิดเส้นทาง ได้พักดื่มน้ำเย็นๆ
และก็ได้เจอชาวบ้านกำลังนั่งปลอกอะไรสักอย่าง พวกเราก็เลยเข้าไปสอบถาม  พูดคุย
ก็รู้ว่าที่กำลังปลอก คือ หน่อไม้ป่า เพื่อเอามาแกงกินกันทั้งบ้าน ทางชาวบ้านเลยให้เราชิมดู
ก็เลยลองชิมดู รสชาติ อร่อยมากๆครับ หน่อไม้กรอบๆดีครับ เราชิมเสร็จก็เดินทางต่อครับ
เฮียจังคุงมีความเนียนอยู่แล้ว ผมให้เปิดก่อน เดี๋ยวผมตาม อิอิ

พอเราออกจากเมืองมหาไซ ให้วิ่งเส้น 122 เราก็พบว่า ชีวิตจริงของการไปเมืองบัวละพาเป็นแบบนี้
เรามองหน้ากันสักพัก ผมถามเฮียจังว่า เอาไง ลุยไหม เฮียบอกลุย งั้นก็ลุย
ส่วนเฮียจัง ก็คงต้องเดินไปรอข้างหน้าแทนครับ ช่วงนี้พร้อมที่จะเจออะไรสนุกๆแล้ว
ทำใจไว้แล้วว่าเละแน่ๆ รถก็สามารถขี่ไปได้ แต่ก็ต้องประคองช้าๆไปนะครับ ไม่งั้นมีล้มแน่
พอเราผ่านเส้นนั้นมาได้ ก็ขี่ไปเรื่อยๆ ทางดินตลอดเส้นทางนี่แหละ
บางทีก็เจออะไรสวยๆ ก็แวะหน่อย เป็นการให้กำลังใจสำหรับการเดินทางของตัวเอง
โดยถนนส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยเจอรถเลยครับ เจอแต่ป่า และสัตว์ต่างๆ เช่น ควาย วัว แพะ
เราขี่รถมาได้สักพัก ก็เจอรถแก๊งคันนี้ติดโคลนจริงๆแล้ว เฮียจังกำลังเดินไปดู แต่รถก็ออกมาได้
ผมก็ขี่ลุยโคลนเหมือนเดิม ก็ยังผ่านมาได้ครับ เหงือตกนิดหน่อย แฮร่ๆ
ชีวิตยังคงต้องสู้ต่อ .. เราก็พบหมู่บ้านเล็ก ก็เลยแวะเช็ค GPS หน่อย มาถูกทางไหม (มันก็มีทางเดียว)
แต่เช็คระยะทาง พักรถ พักคน ก็บอบช้ำเล็กน้อย รถตกหลุมที ก็จุกทีครับ แต่คนหลังน่าจะอาหารหนัก
เพราะต้องแบกเป้ไว้ด้วย
ขี่มาเรื่อยๆ เจอหมู่บ้านใหญ่ ถ้าเจอป้ายนี้ เรามาถูกทางแล้ว
ก็ยังใช้เวลากับการขี่รถ ตกหลุม ติดโคลน พอเจอร้านขายของ พวกเราก็จะแวะพักรถ และคน
บอบช้ำดีครับ
เฮียเราก็เริ่ม หมดเหมือนกัน นี่เราขี่กันมาประมาณ 3 ชม. แล้วครับ ตามหมู่บ้านก็จะมีปั้มน้ำมันหลอด
ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมันนะครับ เต็มถังก็สามาถขี่ไปกลับได้
ตลอดสองข้างทางก็จะมีวิวสวยๆ ให้เราได้ชมตลอด แต่บางทีเราก็ไม่ได้แวะ ทำเวลานิด
เหนื่อยแค่ไหน เวลาถ่ายรูปก็ต้องยิ้มม
เหมือนเราใกล้จะถึงแล้ว  ดูจากท่าเดินคือเริ่มเดินเซแล้ว ตกหลุมเข่าเริ่มพัง
หลังก็ปวด  สู้ๆครับเฮียจัง ลงเดินหน่อย ตอนนี้ผมเองร่างก็จะพังเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ
อีกไม่ไกล ราวๆ 10km ตอนนี้เวลาประมาณ 16.00 น.
เรายังมีทาง ที่ต้องไปต่อ  เหมือนฝนจะตก
เอาแล้วไง ฝนตกจริงๆครับ เจอหมู่บ้านพอดี