เพื่อนรัก

กระทู้สนทนา
.


              ว่ากันว่าคนเราคล้ายมีเพื่อนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ความจริงนับถ้วนและนับไปนับมา อาจจะเหลือเพื่อนแท้ในชีวิตนี้ไม่กี่คนเอง และบางคนพอมองหาเพื่อนแท้แล้วอาจจะพบว่า  ตัวเองกำลังยืนเคว้งคว้างโดดเดี่ยวอยู่บนความเปลี่ยวเหงาเวิ้งว้าง เพราะเพื่อนดีๆ ไม่ใช่สิ่งร้องขออ้อนวอนบังคับจากใครได้

             เพื่อนแท้...ในความหมายใครอื่น ฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉันคือคนที่พึ่งพาอาศัยช่วยเหลือกันอย่างจริงใจ  ไม่ทอดทิ้งในยามลำบาก  อภัยให้เราได้เมื่อเราทำผิดพลาดโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ

            ฉันโชคดีกับการมี น้อยหน่า เป็นเพื่อนรักเพื่อนแท้ เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันและคบหากันมาตั้งแต่วันแรกเมื่อเจอหน้าเจอตากันเลยทีเดียว    ถ้าจะเทียบฐานะทางบ้าน ครอบครัวของน้อยหน่าออกจะยากจน เสื้อผ้าของเธอดูเก่าเพราะมักมีคนบริจาคให้แต่สะอาดสะอ้านจากการรักษาดูแลใส่ใจ  

             เราสองคนเกิดปีเดียวกัน แต่ในความรู้สึกของฉันน้อยหน่าเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งพี่สาว   เวลามีปัญหาอะไรเธอมักจะช่วยเหลือฉันได้เสมอ เวลาเดินทางกลับบ้านเจอหมาตัวใหญ่เห่ากระโชกข่มขู่ น้อยหน่าจะมองหาไม้และถือขวางหน้าระหว่างฉันกับเจ้าหมาดุ   เวลาเพื่อนผู้ชายเกเรมาแกล้ง น้อยหน่าไม่เคยยอมเลยสักครั้ง เธอจะสู้แบบขาดใจถวายชีวิตชนิดตายเป็นตาย จนไม่มีเด็กชายเกเรคนไหนมาคอยแกล้ง  เวลาฉันโดนพ่อแม่แม่ดุหรือตีด้วยไม้เรียว คนแรกที่มาปลอบใจฉันคือน้อยหน่า  เธอจะหาอะไรต่อมิอะไรมาให้เสมอ เป็นต้นว่าผลไม้ในสวน หรือเล่าอะไรตลกๆ ให้ฉันหัวเราะออกมาได้ในที่สุด เวลาฉันป่วยไข้จะมานั่งนอนเฝ้า คอยดูแลใส่ใจ หลายครั้งฉันออกอาการพาลโยเยอารมณ์เสีย แต่น้อยหน่าไม่เคยถือสาหาความ จะเป็นฝ่ายตามง้อฉันทุกครั้งไม่ว่าตัวเองจะถูกหรือผิดก็ตาม

             หลายครั้งฉันเองก็เสียใจเหมือนกันว่านิสัยเอาแต่ใจตัวเองไม่ควรทำกับเพื่อนขนาดนั้น  และก็ไม่ได้เคยเอ่ยปากขอโทษเลย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

             แล้วฉันล่ะ... ทำอะไรให้น้อยหน่าบ้าง สำหรับความเป็นเพื่อน ฉันเป็นคนมักจะขอลอกการบ้านเธอเป็นประจำ วางตัวคล้ายเป็นหัวหน้าทั้งที่อ่อนแอกว่าในแทบทุกเรื่อง แบ่งปันสิ่งของเครื่องใช้ให้เสมอเพราะฐานะทางบ้านดีกว่า ชอบเห็นแววตาเป็นประกายและรอยยิ้มของเธอ  เมื่อได้รับสิ่งของเล็กๆน้อยๆ ที่ฉันมอบให้

             ฉันรู้ใจตัวเองว่ารักเป็นห่วงเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน เมื่อตอนน้อยหน่าไม่สบายจนต้องลาป่วย  โลกที่ขาดเธอไปมันเงียบเหงาอย่างน่าใจหาย เลิกเรียนฉันรีบตรงไปยังบ้านของน้อยหน่าพร้อมด้วยขนมนมเนยที่เธอชอบนำไปเยี่ยมถึงบ้าน   น้อยหน่านอนซมเพราะพิษไข้ แต่พอเห็นฉันไปเยี่ยมก็มีสีหน้าแววตาดีใจอย่างเห็นได้ชัด จนฉันแอบรู้สึกผิดในใจกับเรื่องราวและพฤติกรรมที่ผ่านมาของตัวเอง วันนั้นฉันตั้งใจทำหน้าที่ของคำว่าเพื่อนให้ดีที่สุด  ดูแลเอาใจใส่เพื่อนคนสำคัญอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นล่ะเป็นวันแรกที่ฉันรู้จักตัวเองและความหมายของคำว่าเพื่อน

             คำว่าเพื่อนรัก.... ออกมาจากหัวใจมากกว่าจะออกมาทางคำพูด

             แตงโม...   กับน้อยหน่า.....   จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป

             เราช่วยกันสลักชื่อของเราลงบนต้นไม้ใหญ่ท้ายสวน เป็นคำมั่นสัญญาจากหัวใจ   เราจะไม่ลืมกัน

             พอเรียนจบมัธยมต้น ฉันถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนดังในกรุงเทพ ตามนโยบายของพ่อและแม่  น้อยหน่าไม่ได้เรียนต่อเพราะต้องออกมาทำงานช่วยเหลือครอบครัว  พ่อแม่ความหวังไว้กับน้องชายคนเดียวของน้อยหน่า โดยหวังส่งเสียให้เรียนสูงๆ จบมาจะได้มีงานทำ พึ่งพาอาศัยได้  แต่นั่นเป็นความผิดพลาดเพราะน้องชายของน้อยหน่า  ซึ่งเป็นความหวังของครอบครัวเรียนไม่จบมัธยมปลายเสียด้วยซ้ำ  คบเพื่อนไม่ดี ติดยาติดเหล้า เสียอนาคตอย่างน่าผิดหวัง     

             ใครว่าเพื่อนไม่สำคัญ นั่นเป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุด

             พอเรียนจบ ฉันทำงานที่กรุงเทพ แต่ยังเขียนจดหมายติดต่อกับน้อยหน่าอยู่เสมอ เล่าสารทุกข์สุขดิบให้กันฟังทุกเรื่อง  เราสองคนไม่เคยมีความลับต่อกัน   ฉันกลับไปเยี่ยมบ้านปีละสองครั้ง  แน่นอนว่าทุกครั้งต้องไปหาเพื่อนรักหนึ่งเดียวในดวงใจเสมอ ฉันมีความภูมิใจและมีความสุขกับการมีเพื่อนแสนดีอย่างน้อยหน่า   เป็นเพื่อนที่ไม่มีใครมาแย่งช่วงชิงเอาไปได้

             ครั้งนี้ก็เช่นกัน สงกรานต์ฉันกลับมาเยี่ยมบ้านอย่างเช่นทุกปี

             จากวันนั้นถึงวันนี้ เด็กสาวรูปร่างผอมคล้ำสมัยเป็นเด็ก กลายเป็นสาวน่ารักน่าชังน่าหยิกแก้มเล่น  น้อยหน่าโตเป็นผู้ใหญ่และได้ข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกับหนุ่มบ้านเดียวกัน ฉันดีใจกับเธอเพราะจะได้มีคนมาดูแลช่วยงานร้านอาหารของเธอให้มั่นคงขึ้นอีก

             ฉันไปถึงบ้านของน้อยหน่าตอนพลบค่ำพอดี เธอกำลังทำอะไรง่วนอยู่บนชานเรือน  เรื่องความขยันขันแข็งเธอไม่เป็นรองใคร

             “น้อยหน่า”

             ฉันแกล้งร้องทักเสียงดังเกินความจำเป็น คนถูกเรียกสะดุ้งหันมามองแล้วก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ

             “อ้าว แตงโม  ขึ้นเรือนมาเลย กำลังทำอาหารไว้รอเธอพอดี”

             นั่นไง...   นึกแล้วไม่มีผิด เราสองคนใจสื่อถึงกันได้เสมอ

             “พ่อแม่ไม่อยู่เหรอ”   ฉันถามเมื่อสังเกตเห็นว่าบนเรือนทรงโบราณเงียบผิดปกติ

             “อ้อ พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาจากวัด  มากินข้าวด้วยกันเร็ว  น้อยหน่าทำอาหารที่แตงโมชอบทั้งนั้น”

             ว่าพลางเธอชี้ให้ดูข้าวปลาอาหาร เมื่อฉันขึ้นไปบนเรือนนั่งพับเพียบเรียบร้อยบนเสื่อผืนใหญ่ เราสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะไม่ต่างจากสมัยเป็นเด็กที่ชอบทำกันแบบนั้น บางทีไม่มีอะไรทำเราจะจ้องมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกันได้เสมอ ทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ตลกขบขันก็ตาม

             “แหม..ขยันทำอาหาร สงสัยข่าวลือว่ากำลังจะออกเรือนเป็นจริงมั้งนี่”   ฉันแกล้งแซว

             “ยังหรอกจ้ะ น้อยหน่ายังไม่ได้ตกลงรับปากอะไร คนก็พูดๆไปงั้นเอง แล้วนี่แตงโมแวะบ้านพ่อแม่มาหรือยัง”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะความเขิน ฉันแอบยิ้มในใจ ความรักมันไม่เข้าใครออกใคร และดีใจเมื่อรู้ข่าวมาว่า คนรักของน้อยหน่าเป็นคนดีและขยันขันแข็ง ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเด็กชายจอมแสบสมัยเด็กผู้ชอบแกล้งฉันบ่อยๆนั่นเอง

            “ยังหรอกจ้า”  ฉันตอบเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด “ฉันแวะมาหาน้อยหน่าก่อน คิดถึ้งคิดถึง”

             “เอาไว้ปากหวานกับหนุ่มชาวกรุงเถอะ”   น้อยหน่าว่าขณะยื่นขันน้ำมาให้ เป็นน้ำฝนจากตุ่มรองน้ำฝนจากข้างบ้าน ชื่นใจกว่าน้ำประปาในกรุงหลายเท่า   ฝีมือทำอาหารของน้อยหน่า ถ้าเข้าไปอยู่กรุงเทพรับรองลูกค้าติดตรึมแน่นอน  เพราะอร่อยแบบเป็นธรรมชาติ ไม่มีการใช้ผงชูรส แต่มาจากฝีมือล้วน ๆ  ความจริงฉันเคยชักชวนให้ไปเปิดร้านอาหารในกรุงเทพ แต่เธอปฏิเสธทุกครั้ง และนั่นเป็นการตัดสินใจถูกต้องที่สุดแล้ว อะไรเล่าจะสู้การอยู่กับธรรมชาติสะอาดปราศจากมลพิษ สภาพสังคมไม่มีความเร่งร้อนวุ่นวาย

             “คืนนี้นอนค้างกับน้อยหน่าที่นี่ก่อนนะ ยังไม่ได้คุยกันให้หายคิดถึงเลย”

             เธอเอ่ยปากชวนหลังอาหารมื้อเย็นผ่านไป ไม่ต้องเสียเวลาคิดเพราะฉันมีคำตอบในใจไว้เรียบร้อยแล้ว  ไว้คืนพรุ่งนี้ค่อยไปบ้านพ่อแม่ก็ได้ เพราะเวลานี้กลับบ้านไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะเข้าบ้านไม่ได้  

             บางทีชีวิตในกรุงเทพก็ไม่ได้ดีเลิศอย่างหลายคนคิด ผู้ร้ายโจรขโมยมากมายทุกหัวระแหง รถราก็เยอะแยะแถมยังมีพวกเมากร่างอำนาจขับชนแหลกจับไม่ได้ ต่อให้ชนตำรวจตายก็ตามเถอะ  เพราะเป็นลูกคุณท่านหลานเธอหรือผู้มีเงินทองอิทธิพล ฉันไม่เคยเชื่อในระบบความยุติธรรมเลยสักนิด ไม่เคยเชื่อความเท่าเทียมกันของมนุษย์ เราจึงเห็นหลายคนทำผิดแล้วลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ตราบเท่าที่มีอำนาจบารมี

             น้อยหน่าก็คงไม่ได้ดูข่าวจากหนังสือพิมพ์หรือทางโทรทัศน์   ข่าวเกี่ยวกับเหตุสยองกลางกรุงคืนวานนี้ หลานคนดังขับรถชนเสาไฟฟ้าไฟลุกท่วมซากรถย่างสดตายคาที่ หลายคนคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ  มีเพียงฉันรู้ว่านั่นเป็นฝีมือของฉันเอง  สาเหตุเพราะมันขับรถชนฉันตายเมื่อสามวันก่อน

             ความยุติธรรมบางทีต้องแสวงหาด้วยมือของตัวเอง

             แต่น้อยหน่ารับปากแล้วว่า  พรุ่งนี้จะแอบไปตัดด้ายสายสิญจน์ที่พันรอบบ้านออกให้ ฉันจะได้เข้าไปไปสั่งลาพ่อแม่เสียที
ยังไม่ครบเจ็ดวัน เหลือเวลาสำหรับฉันจะได้อยู่กับเพื่อนรักเพื่อนแท้อีกหลายวัน ก่อนที่เราจะจากกันตลอดกาล






จบแล้วครับท่าน
ขอบคุณ ที่แวะมาเยือนครับป๋ม^^
ความรักความผูกพัน มิตรภาพที่ดี จงยั่งยืนนาน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่