คนดูไบ ไม่ค่อยทำงานกันหรอค่ะ แล้วมีรายได้จากอะไรค่ะ

พอดีรู้จักหนุ่มดูไบคนนึงคะค่ะ
เห็นเขาบอกว่าคนดูไบส่วนใหญ่ไม่ทำงาน
คนที่ทำงานจะมาจากที่อื่น
เลย งงๆ ว่าแล้วได้เงินจากไหน

ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะคะ งง มาก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
จริงมั่ง ไม่จริงมั่ง ไม่ต้อง งง หรอกหนู




***เรียนคุณ คห 1 ข้างบน สวัสดิการจากรัฐเป็นส่วนหนึ่ง แต่รายได้หลักๆ ของดูไบมาจากหลายแหล่ง เช่นจาก การเก็บภาษี
จากบริษัทต่างชาติต่างๆ สูง โดยเฉพาะบริษัทที่ทำเกี่ยวกับด้านพลังงานทางธรรมชาติ (ก๊าซ หรือ น้ำมัน) และ บริษัททางด้านการเงิน
การธนาคาร

จากภาษีที่มากับบิลต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่ผู้อยู่อาศัยจ่าย (ค่าครองชีพที่ดูไบสูงมาก ค่าอาหารแพง ค่าโรงแรม ค่าเช่าที่พักแพง),  
จากการท่องเที่ยว จากบิลที่ผู้คนจากทั่วโลกมาจับจ่ายใช้สอย กิน ดื่ม เที่ยว ช้อปปิ้ง,
จากภาษีบิลค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ซ,  จากภาษีแอลกอฮอร์, จากบิลค่าบริการในด้านต่างๆ ของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล,
จากบิลค่าปรับต่างๆ




***เรียนคุณ คห 2 ข้างบน ที่ดูไบ คนต่างชาติที่ทำงานไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้นะ แต่คนที่บริษัทของสามีของคุณที่ทำอยู่สาขาดูไบ
อาจจะต้องจ่ายภาษีเงินได้ที่ประเทศของเขาเอง ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็อ่าน คห ของเราดู ว่าคนดูไบอยู่กันได้อย่างไร โดยที่หลายๆ คนไม่ทำงาน
โดยเฉพาะพวกลูกคนรวย คุณหนู คุณชาย ชีวิตของเขาแทบจะไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย หรือ บางคนที่รวยมากๆ ไม่เคยไปโรงเรียนธรรมดาๆ
แม้แต่โรงเรียนอินเตอร์ หรือ แม้แต่ไปเรียนเมืองนอก ก็ไม่ต้องไป แต่เขาเรียนหนังสือที่บ้านเท่านั้น เรียนจบก็ดูแลกิจการของครอบครัวตนเอง
แบบนั่งอยู่บนยอด เก็บเกี่ยวรายได้ ชีวิตสบายๆ ไม่ต้องดิ้นรนมาก






**ตรงนี้ตอบหนูเจ้าของกระทู้ จริง ก็คือ คนรวยๆ เยอะแยะที่ดูไบเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของกิจการต่างๆ นาๆ ร่วมกับคนต่างชาติ
แต่คนดูไบไม่ต้องทำเอง จ้างคนอื่นทำ หรือ หุ้นส่วนต่างชาติทำ อินเดียทำ ไทยทำ ปากีสถานทำ ฝรั่งทำ คนชาติอื่นๆ ทำ
คนดูไบนั่งอยู่บนยอดเป็นเจ้าของ

แต่ก็มีคนดูไบอีกมากมายที่เป็นเจ้าของกิจการเอง หรือ บางคนก็ทำงานราชการในหน่วยงานต่างๆ
ทำงานที่สนามบินก็มี ทำงานบริษัทก็มี

แต่คนดูไบไม่ทำงานระดับล่าง ไม่ทำงานสาขาด้านการบริการ จ้างต่างชาติทำ คนอินเดียเยอะสุด มีเกือบ 3 ล้านคน หย่อนไปไม่กี่แสน
รองลงมาก็ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน เนปาล คนจาก ยุโรปตะวันออกทุกประเทศ ฝรั่งแทบจะทุกสัญชาติ คนเวียตนาม พม่า
คนแอฟริกาเหนือ-กลาง-ใต้มีหมด คนแคริบเบี้ยน คนละตินอเมริกัน มีหมด

ในดูไบ มีคนอยู่อาศัยรวมกันมากกว่า 120 สัญชาติ จากสัญชาติที่มีทั้งหมดทั่วโลกราวๆ 200 สัญชาติ

หรือ คนดูไบผู้อาวุโสสูงอายุ 60 กว่า 70 กว่า โดยเฉพาะผู้ชายที่เกษียนแล้ว ไม่ต้องทำงานแล้ว กินเงินบำเน็จบำนาญ มีเยอะแยะ
บางคนเห็นมาเที่ยวเมืองไทยกันทุกๆ 2 เดือน มาอยู่ทีนึง 15 วันบ้าง เดือนนึงบ้าง ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ชิลล์ๆ

หรือ ที่เห็นๆ มารักษาตัวตาม รพ เอกชนที่เมืองไทย รัฐบาลจ่ายทั้งนั้น รวมถึงครอบครัวผู้ติดตามด้วย
บางครอบครัวมาอยู่ที่ไทยเป็นเดือนๆ เป็นปีก็มี


ที่ดูไบ มีทั้งคนรวยมากกกกกกก คนรวย คนไม่ค่อยรวย แต่คนที่จนแบบแร้นแค้นไม่มี คนจรจัดคนไร้บ้านไม่มี อย่างน้อยทุกคนมีที่อยู่
ไม่อดอยาก มีการรักษาพยาบาล สวัสดิการดี รัฐบาลดูแลดี ถือเป็นหน้าเป็นตาของเขา

ใครอยากดูรถซุปเปอร์คาร์ระดับลิมิเต็ด เอดิชั่น ประเภทที่มักจะมีคันเดียว หรือ สีแบบสั่งทำพิเศษไม่ซ้ำใครในโลกนี้ ไปดูได้ที่ดูไบ
ส่วนใหญ่ทะเบียนดูไบ โดยเฉพาะรถที่ทะเบียนตัวเลขหลักน้อยๆ ประเภทเลขหลักเดียว เลขสองหลัก มีบ้างที่เป็นรถลิมิเต็ด เอดิชั่น
ทะเบียนรถจากซาอุดิอารเบีย หรือ จากโอมาน (นอกเหนือจากรถลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่สามารถพบเห็นได้บ่อยที่กัวลาลัมเปอร์)



ดูไบเน้นสร้างบ้านเมือง เน้นทำอะไรต่างๆ นานา เพื่อที่จะพัฒนาบ้านเมืองในทุกๆ ด้านให้เป็นอันดับ 1 ของโลก
ประชาชนมีความภาคภูมิใจในบ้านเมือง ในสัญชาติของตนเอง ใส่ชุดประจำชาติเดินกันทั้งใน และ นอก ปท
หรือ ใส่นั่งกินอาหารตามร้านหรูๆ ร้านฝรั่ง นั่งกันอย่างโก้ องอาจ สง่าผ่าเผย

คนดูไบไปไหนคนก็ทึ่ง คนก็ต้อนรับ เป็นที่ยอมรับ มีบารมีในระดับนานาชาติ ฝรั่งยังไม่กล้ารังแก เพราะเขาเคารพตัวเอง
และ เขาสามารถเอาชนะธรรมชาติ สร้างตำนานโลกได้

บ้านเมืองดูเผินๆ เหมือนมีแต่ตึก มีแต่ทะเลทราย ต้นไม้น้อย แต่ทุกวันนี้ก็อยู่แถวหน้าของโลกแล้ว ในหลายๆ ด้าน
โดยเฉพาะในเรื่องของความสะดวกสบาย ความทันสมัย และ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน


หนุ่มๆ ที่ดูไบ มีลูกคนรวยเยอะแยะ บางคนเขาไม่ต้องทำงานกันหรอก ถ้าไม่ออกเที่ยว ตปท กลางวันก็ใส่ชุดประจำชาติ ลากอิแตะหนัง
ขับซุปเป้อร์คาร์ออกไปกินข้าว ไปช้อปปิ้ง ไปฟิตเนส ถ้าจะให้ครบชุด เวลาขับรถแดดจัดๆ ต้องใส่แว่นเรย์แบนด้วย

(ลองนึกภาพตามนะ ผู้ชายหล่อ ตาคม มีหนวดมีเคราตัดเล็มอย่างเป็นระเบียบเป๊ะ ชุดประจำชาติ ผ้าโพกศีรษะ รองเท้าแตะหนัง
แว่นเรย์แบน ซุปเป้อร์คาร์ )

ตกค่ำแต่งตัวแบบตะวันตกโชว์หุ่นดีๆ กล้ามล่ำๆ ซิกแพ็ค เคราสวยๆ ตาโศกๆ โตๆ คมๆ ขนตาดำยาวเช้ง-งอนวับ ขับบิ๊กไบค์แพงๆ เทพๆ กินลมชมวิว
ออกกิน เที่ยว ยามราตรี  หรือ นั่งตามร้านกาแฟ สังสรรค์กับเพื่อนฝูง

(บิ๊กไบ๊ค์ที่ดูไบหลายๆ คัน เป็นแบบลิมิเต็ด เอดิชั่นเช่นกัน บางคันติดเครื่องเสียงกระหึ่ม หรือ มีแอร์คอนดิชั่นด้วยซ้ำไป)

คนดูไบชอบมาเที่ยวเมืองไทย ชอบเมืองไทย บางคนไปๆ มาๆ 20 กว่าปี เกือบ 30 ปีแล้ว บางคนเข้าๆ ออกๆ เมืองไทย มา 40, 50, 60 ครั้ง
หรือ เป็นร้อยครั้งขึ้นไป หลายๆ คนพูดภาษาไทยได้

คนชาตินี้ ใจกว้าง ใจใหญ่ ใจป้ำ ตรงไปตรงมา เป็นอย่างไร แสดงอย่างนั้น พูดอย่างนั้น
ชอบความสะดวกสบาย ความทันสมัย แต่ไม่ทิ้งอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี ของตนเอง







***ถ้าใครนึกไม่ออกว่า "รองเท้าแตะหนัง" ที่หนุ่มดูไบส่วนใหญ่ใส่กับชุดประจำชาตินั้น คืออิแตะแบบไหน
ก็ให้นึกถึงรองเท้าแตะหนังของพระสงฆ์ไทยเอาไว้ แบบนั้นแหละ

ใครบินเข้าดูไบ ด่านแรกเลย ให้สังเกตุรองเท้าของ ต.ม. ผู้ชายเอาไว้ คือ เขาจะใส่ชุดประจำชาติเป็นเครื่องแบบ
ให้มองที่เท้าเอาไว้ จะเห็นรองเท้าแตะหนัง คนไหนวัยรุ่นหน่อยก็จะใส่ยี่ห้อ Birkenstock ของเยอรมัน


หนูเจ้าของกระทู้รู้จักหนุ่มดูไบที่ไหน เจอตัวจริง หรือ รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต ให้เขาใส่ชุดประจำชาติให้ดูสิ
แล้วบอกให้เขาสะบัด ตวัดผ้าโพกศีรษะให้ดูด้วย ท่านี้เวลาที่ผู้ชายดูไบใส่ชุดประจำชาติทำแล้วเท่ห์ฝุดๆ เลย
ถ้าเห็นแล้วสาวๆ ใจไม่ละลายก็ให้รู้กันไปเลย 😄

แถวๆ ตะวันออกกลางเนี่ย ผู้ชายดูไบ กับ ผู้ชายอิหร่าน หน้าตาดีสุด หล่อสุดแล้ว ตาสวยทุกคน





***ใครแวะไปสนามบินดูไบ โดยเฉพาะเทอร์มินั่ล 3 ที่เป็นฮับของสายการบินอีมิเรทส์ ให้สังเกตุขนาดของลิฟท์ในสนามบินนะ
โดยเฉพาะลิฟท์ที่ขนคนไปตรง ต.ม.

ว่า ใหญ่ขนาดที่สามารถเอาโต๊ะปิงปองเข้าไปตั้งเล่นได้แบบคับๆ เลยแหละ ในขณะที่ในหลายๆ ประเทศนั้น
ลิฟท์ที่สนามบินนานาชาติแค่เอารถเข็นกระเป๋าเข้าไปคันเดียว สองคัน ก็เต็มลิฟท์แล้ว

หรือ ในบริเวณที่เป็นส่วนของด่าน ต.ม. ที่สนามบินดูไบ ไม่ว่าจะที่เทอร์มินั่ลไหน ก็จะมีพื้นที่สำหรับรองรับผู้โดยสารกว้างขวางมากกกกก
ขนาดที่ว่าตั้งสนามเตะฟุตบอลได้เลยก็ละกัน


และ เมืองทันสมัยอย่างดูไบในปัจจุบันนี้ เมื่อ 15, 20, 30, 40 ปีที่แล้ว คือ ทุ่งทะเลทรายอันแห้งแล้ง เวิ้งว้าง ที่ไม่มีอะไรเลยนั่นเอง
คล้ายๆ กับสิงคโปร์ เมื่อ 30, 40, 50 ปีที่แล้วนั่นเอง ที่ไม่มีอะไรเลย (แต่สิงคโปร์เขามีต้นไม้เยอะเป็นทุนทรัพย์ทางธรรมชาติที่ดี)


นี่คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ดีของการมีวิสัยทัศน์ ในการบริหารจัดการ พัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งนั่นเอง


จะว่า อวยดูไบ อวยสิงคโปร์ก็ได้ แต่นับถือเขา ตรงที่สามารถสร้างชาติให้มาอยู่แถวหน้าของโลกได้จากแทบจะไม่มีอะไรเลย
โดยที่ใช้อีโก้ ใช้ความมุมานะ ใช้ความรักชาติ ใช้วิสัยทัศน์ ใช้อะไรต่างๆ นาๆ รวมทั้งเงินที่เอามาเนรมิตสิ่งต่างๆ นานาๆ
ส่งเสริมการลงทุน อำนวยความสะดวกให้คนต่างชาติที่อยู่อาศัย ทำงาน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ และ ศักดิ์ศรี
อีกทั้งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในหลายด้าน






***ดูไบ กับ สิงคโปร์ เขาวางตัวเมืองของเขา ประเทศของเขาเอาไว้ ให้ชาวโลกนึกถึง คีย์เวิร์ดเหล่านี้ และ เขาทำได้จริงๆ เช่น
เมื่อนึกถึงเมือง นึกถึงประเทศของเขา ก็จะต้องนึกถึง ยกตัวอย่าง


"ความมั่งคั่ง ความปลอดภัย ความทันสมัย ความสะอาด สภาพแวดล้อมที่ดีในการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ
ความมีระเบียบ ความไฮเทค

ศูนย์กลางธุรกิจ การเงิน การธนาคาร การลงทุน
ความมั่นคงทางการเมือง การปราศจากคอรัปชั่น

พิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างด้วยน้ำมือมนุษย์ แหล่งธรรมชาติที่มีอยู่ดั้งเดิม หรือ ที่สร้างด้วยน้ำมือมนุษย์
ช้อปปิ้ง อาหาร ศูนย์กลางการเดินทางทางอากาศ สนามบินระดับโลก
สายการบินแห่งชาติอันดับต้นๆ ของโลก ความอินเตอร์"  เหล่านี้เป็นต้น





***ถึงหนู จขกท ที่ข้างล่าง คนปากีสถาน กับ คนดูไบ ไม่เหมือนกัน ปากีสถานเป็นประเทศ
ส่วนดูไบ เป็นนครรัฐ ของ ปท ยูเออี

อ่านจนตาเยิ้มเลยเหรอสาวน้อย ตาเยิ้มได้ แต่ไม่ต้องฝันหวานมาก
ของบางอย่าง แค่เอาไว้ชื่นชมอยู่ห่างๆ แค่นั้นพอ

เมื่อฝันพอแล้ว ก็ตื่นจากความฝันนะ

นอกจากนี้แนะนำให้อ่านข่าว ดูข่าว ฟังข่าว หาความรู้รอบตัวเกี่ยวกับเรื่องการต่างประเทศ หาเอาในเน็ตที่ใช้อยู่เนี่ย มีเยอะแยะ
ให้เยอะๆ เพื่อเปิดหู เปิดตา ทางด้านข้อมูล หรือ ถามเพื่อนต่างชาติถึงบ้านเมือง วัฒนธรรมของเขา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่