แชร์ประสบการณ์แลกเปลี่ยนที่นิวซีแลนด์...ดินแดนแห่งความฟิน >//<

เคยเป็นกันมั้ยคะว่าพอเราอายุมากขึ้นบางทีเราก็ชอบกลับไปดูเรื่องราวในอดีตของตัวเอง จขกท.มีเรื่องราวของตัวเองสมัยเป็นวัยแรกรุ่นที่เคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศนิวซีแลนด์ ตอนนั้นจขกท.อายุ 14 ค่ะ 55555 ปัจจุบันเรื่องราวทั้งหมดได้ผ่านมากว่า 15 ปีแล้วค่ะ (กรี๊ด! สลด!) อย่าเพิ่งด่านะคะว่าอินี่ทำไมไม่รอให้ประจำเดือนหมดก่อนเลยล่ะคะค่อยมาเล่า ประเด็นคือตอนนี้ชีวิตจขกท.กำลังถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้งค่ะเนื่องจากต้นปีหน้าจขกท.จะย้ายไปทำงานที่ออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ต้องทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทย เพื่อไปทำสิ่งที่เราฝันค่ะ ซึ่งการไปในครั้งนี้ก็ทำให้จขกท.คิดถึงครั้งแรกตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นิวซีแลนด์ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งแรกและสำคัญในชีวิตจขกท.และหล่อหลอมให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ค่ะ

                ก่อนทุกคนจะอ่านไปยืดยาวกว่านี้ขอบอกก่อนเลยนะคะว่ากระทู้นี้สาระน้อยมากค่ะ เพราะส่วนใหญ่ 99.99% จะเน้นไปที่เรื่องของผู้ฝรั่งและเรื่องราวป๊อบปี้เลิฟของจขกท.กับผู้ฝรั่งคนนี้ค่ะ 55555

                แต่   แต่  แต่ ใช่ว่าสาระจะไม่มีนะคะ! จขกท.อยากจะบอกว่าเพราะความบ้าคลั่งผู้ชายฝรั่งของจขกท.ในครั้งนั้นได้ผลักดันให้เด็กผู้หญิงที่มีระดับภาษาอังกฤษที่กากถึงกากมากที่สุด ชนิดที่ว่าตอนอยู่นิวลืมกล้องไว้ในรถโฮสมัมไม่มีปัญญาจะเรียงแกรมม่าแล้วพูดว่า “Mum, I forgot my camera in your car.” ได้แต่บื้อใบ้ใช้ภาษากายชี้ไม้ชี้มือไปที่รถโฮสมัมแล้วบอกว่า “Mum, my camera, car , car” โอ๊ยคิดแล้วอุบาวท์ตัวเองในตอนนั้นมากค่ะ แต่เราจะไม่ซ้ำเติมอดีตอันทุเรศทุรังของตัวเองนะคะ เพราะหลังจากกลับมาจากนิวซีแลนด์จขกท.ค้นพบว่าเห้ย เราอยากไปเที่ยวทั่วโลกว่ะ แต่ถ้าภาษาอังกฤษเราอุบาทว์ขนาดนี้ไปแค่แม่สายพอแล้วนั่งรถทัวร์กลับมากรุงเทพ 5555555555 อีกอย่างเราค้นพบว่าเราชอบฝ.ค่ะ เรามาสายนี้ เราตกหลุมรักผมบรอนด์ ตาฟ้า ซิกแพคของเค้าก็ทำให้เราสงสัยว่าเห้ย! พ่อแม่ให้แดรกเวย์โปรตีนแทนข้าวตั้งแต่เกิดหรอวะ ทำไมมันแน่น มันตึง..ตั้งแต่เด็กเยี่ยงนี้ (นี่คือความรู้สึกหื่นๆ ของคุณน้าวัยใกล้ 30 ในวันนี้ค่ะ แต่ณ.ตอนนั้นคือเขิน หน้าแดง แบบอารายอ่ะค่ะ ทำไมต้องนอนเปลือยท่อนบน อากาศก็หนาวนะคะ ทำไมไม่ใส่เสื้อนอน อร๊ายยยยยยยยยย 555555)

                 ร่ำยาวมาก เอาเป็นว่าจากคนสกิลอิ๊งกากมากในตอนนั้นกลายเป็นชะนีในวันนี้ที่ผลักดันตัวเองได้ IELTS Speaking 7.5 (แต่สกิล reading กับ writing คือปานกลาง...ไม่ต้องถาม นี่ก็ถือว่ามาไกลมากแล้วนะ 5555) แบกเป้ไปเที่ยวคนเดียวมาหลายประเทศแระ ทั้งอเมริกา อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี บรูไน ญี่ปุ่น จนพ่อบอกว่ากลัวอะไรบ้างก็ได้มั้ย 555

                ** ใครที่สงสัยว่าเวลาผ่านมา 15 ปีดีดักทำไมนางชะนีนี่เพ้อได้เป็นหน้าๆ ขอบอกว่าตอนเราไปอยู่ที่นู่นอาจารย์คนไทยที่ไปด้วยกันมีการบ้านให้นักเรียนเขียนไดอารี่ส่งทุกวันค่ะ ซึ่งทำให้เราจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในแต่ละวันบ้าง อีกอย่างเราคือชะนีที่น่าจะเป็นอัจฉริยด้านจินตภาพค่ะ (อันนี้พูดจริง...ไปตามหาหนังสือของหนูดีมาอ่านนะคะ) คือคนประเภทนี้จะจำได้ทุกคำพูด บรรยากาศ รูป รส กลิ่น เสียง เรียกได้ว่าเคยกอดหมาครั้งแรกรู้สึกยังไง โดนน้ำมันทอดไข่เจียวกระเด็นใส่ครั้งแรกตอนไหน มนุษย์พวกนี้จะสามารถจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้หมด แถมไม่ได้จำได้ธรรมดาแต่แค่หลับตาแล้วเห็นภาพ รูป รส กลิ่นเสียงมาเต็มเลยค่ะ

               ** สำนวนที่เขียนค่อนข้างมีความแรด คืออยากจะบอกว่าความแรดเหล่านี้เป็นความรู้สึกณ.นาวของชะนีอายุใกล้ 30 แต่ณ.เวลานั้นชะนีเด็กขี้อายมากค่ะ คืออินเนอร์ในใจมีความแรดแต่ก็ไม่กล้าเท่าณ.ปัจจุบัน 555 ดังนั้นบางเหตุการณ์อาจจะอ่านแล้วแบบทำไมอายุ 14 นอยาวขนาดนี้คือจะบอกว่าไม่ใช่นะคะ มีนอแต่ไม่ยาว 55555555555555  เป็นอารมณ์ของชะนีแก่ในยามนี้นึกเหตุการณ์แล้วเขียนบรรยายลงไปค่ะ

                 *** หมายเหตุสุดท้าย ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่านักสืบพันทิปอีกแล้ว 55555 ชื่อที่บอกเราขอบอกเป็นชื่อสมมุตินะคะ จุดประสงค์ที่เรามาโพสเรื่องราวในครั้งนี้ไม่ได้อยากให้ชาวพันทิปทุกท่านไปล้วง แคะ แกะ เกา บุคคลในเหตุการณ์เหล่านี้ (รวมถึงชีวิตของเราด้วยค่ะ ชะนีขอที่ยืนเงียบๆในสังคมด้วย) ถือซะว่าชะนีคนนึงอยากจะมาอวดว่าครั้งนึงถึงเราหน้าตาไม่สวย เราก็ก็ทำให้ฝ.มาตกหลุมพรางเราได้ด้วยเสน่ห์ของเรา (อันนี้อวยตัวเองสุดฤทธิ์ กร๊ากกกกก) ครั้งนึงคนที่เคยมีปมโอลิมปุดเรื่องภาษาวันนี้ผงาดมาเป็นชะนีที่บุกตะลุยไปทั่วโลกคนเดียวได้อย่างไม่อายใคร ทุกอย่างที่มาโพสล้วนเป็นความบันเทิงล้วนๆ ใครจะได้สาระแง่คิดอะไรมากน้อยจากกระทู้นี่สุดแล้วแต่ทุกท่านเลยค่ะ

                  เอาล่ะค่ะ...พร้อมจะนั่งเครื่องไปหาฝ.แดนกีวี่กับเรารึยังคะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                ตอนนั้นเป็นปิดเทอมเล็กเดือนตุลาคมค่ะ เราได้มีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ UCE (ขอบอกชื่อโครงการเรยแล้วกันเผื่อมีคนมาถามหลังไมค์ขี้เกียจตอบ) ประเทศนิวซีแลนด์เป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยในกลุ่มที่ไปด้วยกันมีเด็กไทยประมาณ 15 คน และอาจารย์คนไทยอีกคนนึงคะ คนที่ไปอายุระหว่าง 13-16 ปี ใครที่อายุต่ำกว่า 15 เค้าจะจัดให้อยู่กับโฮสแฟมมิลี่กับเด็กไทยอีกคนนึงค่ะ ซึ่งก่อนจะไปที่นิวโครงการก็มีให้เราเลือกนะคะว่างานอดิเรกเราคืออะไร เราก็เลือกไปว่าเราชอบอ่านหนังสือ และว่ายน้ำ (ไม่เคยคิดเลยค่ะว่างานอดิเรกที่เลือกนี้จะทำให้เราฟินได้ในภายหลัง...รอติดตามชมนะคะ 55555555)
    
                สุดท้ายเราก็ถูกจัดให้อยู่บ้านกับเด็กไทยอีกคนนึง โดยโฮสแฟมมิลี่ของเรามีโฮสมัม โฮสบราเทอร์ที่อายุน้อยกว่าเราปีนึงชื่อเดวิด และโฮสซิสเตอร์ที่อ่อนกว่าเราสามปีชื่อคริสตี้ค่ะ (ครอบครัวนี้โฮสมัมกับโฮสแด๊ดหย่ากันค่ะ) ขอบอกว่าตอนเห็นรูปโฮสครั้งแรกแบบใจเต้น โฮสบราเทอร์คือดูเด็กแต่แบบ...น่ารักว่ะ 55555555555555 ผมบรอนด์ตาฟ้าสเป็คชะนีเรยค่า 5555 ปรากฏว่าวันที่เดินทางไปถึงคือรถบัสโรงเรียนมารับพวกเราที่สนามบิน กว่าจะถึงโรงเรียนคือดึกแล้วสามสี่ทุ่ม พวกบรรดาโฮสแฟมมิลี่ก็มาคอยรับเราที่โรงเรียนค่ะ ตอนแรกถึงโรงเรียนคือเหนื่อย ล้าจากการเดินทางอันยาวนาน แต่ก็มีความตื่นเต้นที่จะได้เจอโฮสครั้งแรก คริสตี้วิ่งมาทักทายชะนีอย่างไว คือนางเป็นสาวกว่าในรูปเยอะมากค่ะเราก็ใช้ภาษางูๆปลาๆทักทายเค้าไปค่ะ มัมเข้ามาทักทายต่อ แต่ใจแรดๆของชะนีมองหาโฮสบราเทอร์ค่ะ 55555555  นางอยู่ไหนอยากเห็น...ชะนีอยากเห็นผู้ 555555 มัมก็ถามเดินทางเป็นยังไง หิวมั้ย เราก็บอกไม่หิวค่ะ สบายมาก พอมัมนำเดินไปที่รถเราก็เห็นเด็กผู้ชายผมบรอนด์ตาฟ้าโคตรหล่อคนนึงยืนแบบเอามือใส่กระเป๋ากางเกงพิงรถมัมอยู่...นั่นคือเดวิดค่ะ คือแบบ อีห่านรากกกก มันไม่เหมือนในรูปค่ะ! คุณพระ! นี่ไม่ใช่เด็กอายุ 13 แล้วค่ะ มันคือหนุ่มวันฉกรรจ์ที่พร้อมไปรบในสงครามกรุงทรอยแล้วค่ะทั่นผู้ชมมมมมมมมมมมมม 555555555555555555555555555   ราวกับเดวิดรู้ว่ากำลังโดนชะนีเด็กจดจ้องอยู่ นางหันมายักคิ้วให้ แล้วแบบเอามือข้างหนึ่งออกจากกระเป๋าแบบเท่ๆ แล้วบอก “Hi”

                โอ๊ยยยยยย!!! ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยย..ชะนีเด็กที่ขี้อายมาก (ในตอนนั้น) ละลายลงไปกองกับพื้นเลยค่ะท่านผู้ชม 555555  สุดท้ายเราเลยได้มารู้ค่ะว่ารูปที่มัมส่งมาให้ทางโครงการเป็นรูปถ่ายเกือบปีแล้วค่ะ แล้วก็พวกฝรั่งคือไม่กี่เดือนหน้าเปลี่ยนเร็วมากค่ะ คืนนั้นก็กลับบ้านพร้อมทุกคนในครอบครัวใหม่แบบฟินๆ เรากับเด็กไทยอีกคนได้นอนด้วยกันในห้องนอนของเดวิด (ชั้นได้นอนบนเตียงผู้...ชั้นชนะ 555555555555555) มัมนอนห้องเดียวกับคริสตี้ค่ะเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนเดวิดนอนห้องคริสตี้ค่ะ บ้านของมัมน่ารักค่ะหลังเล็กๆ มีชั้นเดียว (ส่วนใหญ่บ้านฝรั่งจะชั้นเดียวและหลังไม่ใหญ่เหมือนบ้านคนไทยนะคะ) คืนนั้นตื่นเต้นแต่ก็สลบหลับไปค่ะ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า

                 วันต่อมาเราตื่นเองอัตโนมัติตอนเจ็ดโมงเช้า คือจะบอกว่าตอนไปนิวระบบร่างกายเราโคตรจะดี เราตื่นเองทุกวันตอนเจ็ดโมงตรงมาขรี้ค่ะ 555555555555 ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกแบบตอนอยู่เมืองไทย วันแรกตื่นมาคือห้องนอนที่เรานอนเดินตรงมาเป็นห้องครัว..มองเห็นเค้าเตอร์ครัวเลยตอนเปิดประตูห้องพอดีค่ะ วินาทีแรกที่เราเปิดประตูห้องนอนออกมาแบบงัวเงียจะไปแปรงฟันเสียงเพลง Just lose yourself ของ Eminem ก็ดังกระหึ่มออกมาจากห้องนั่งเล่นเลยค่ะ และคุณพระ!!!!!!  เดวิดกำลังยืนทำแซนวิชในครัวโดยใส่บ็อกเซอร์แค่ตัวเดียวพร้อมกับโยกตัวเบาๆไปตามเพลงฮิปฮอปค่ะ!!!!   กรี๊ดดดดดดดดด! แม่เจ้า!! คือวินาทีแรกที่เห็นเราแบบกรี๊ดดดดดด อยากลากเข้าห้อง!!!! 5555555555 ไม่ใช่ค่ะ!  คือเราอายมากๆ แบบไม่เคยเห็น แล้วแบบทำไมซิกแพคต้องแน่นขนาดนี้ ยิ้มโกงอายุใช่มั้ยบอกมานะ!!!! 555555 พอเค้าหันมาเห็นเราก็แบบยิ้มๆ แล้วบอกว่า Good Morning ให้กับหน้าแดงๆของเราค่ะ เราก็พูดตอบกลับไปว่า Good Morning เสียงเบาหวิวมากๆ แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ (ไปเช็ดเลือดกำเดา 555555555 ไม่ใช่ละ) อีกอย่างที่เราระแวงมากคือบ้านหลังนี้ทุกห้องไม่มีล็อคค่ะ ห้องน้ำก็ไม่มี ส่วนใหญ่บ้านฝรั่งจะไม่มีการล็อคห้องไหนนะคะ เราแบบกลัวมากเวลาจะเข้าห้องน้ำ เช็คแล้วเช็คอีกว่าไม่มีคนอยู่นะ กลัวมากๆว่าจะเผลอเปิดประตูเข้าไปตอนเดวิดอาบน้ำอยู่...ไม่ใช่อะไรกลัววิ่งเข้าไปข่มขืนเค้าค่ะ 555555555555

              นี่ค่ะห้องครัว...สวรรค์ยามเช้าของชะนีค่ะ (รูปเก่ามาก...ตอนนั้นกล้องยังเป็นกล้องฟิลม์อยู่เลยค่ะ Kodak ที่เจ๊งไปแล้วอ่ะค่ะทั่นผู้ชมมมมม 5555555)


                บ้านเล็กๆ อันแสนสุขตลอดเวลา 3 สัปดาห์ของเราค่ะ ดูข้างนอกหลอนๆแต่ข้างในอบอุ่นน่ารัก

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่