แชร์ประสบการณ์การใช้บริการ รพ.รัฐ vs เอกชน ต่างกันจริงเหรอ?
เอ่อ...มันก็ต้องต่างดิวะ ยังจะโง่ถาม ทุกประเทศทั่วโลกเป็นเหมือนกันทุกที่ ไม่งั้นจะมีไปทำไม
คำว่าคนรวย คนจน คนจ๊นจน rich billionaire poor ง่ายๆโคตะระง่ายๆ เลยก็คือ
1. จำนวนเงินในกระเป๋า VS เวลา
รพ.รัฐ คุณจะเสียเวลาไปอย่างยาวนานในแต่ละครั้งที่ไปรอการรักษา แต่เงินในกระเป๋าจะเสียไปน้อยนิด เก็บตังค์ไปซื้อประกันซะ
รพ.เอกชน คุณจะเสียเวลาน้อยนิดในการรอ แต่เงินในกระเป๋าก็จะสูญหายไปประนึงโดนปล้นแบบจำยอม แล้วก็เอาเวลาไปหาเงินมาจ่ายหมอต่อไป I don't care
สิ่งเหล่านี้พวกเราทุกคนรู้ตั้งแต่จะก้าวเข้าไปแล้ว (ยกเว้นกรณี คุณถูกคนลากเข้าไปนะ) ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง งานรพ.รัฐไม่ใช่งานบริการ กรุณาอย่ามาเรียกร้องการเอาใจใส่ประนึงการบินไทยในราคาการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่ถ้าเสียเงินประนึง first class แต่การบริการเข้าขั้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เชิญจัดการได้เต็มที่เพราะเราไม่ควรเสียทั้งคู่ไปพร้อมๆกัน แต่ถ้าคุณได้มันมาทั้งคู่คุณก็ควรจะขอบคุณพวกเค้าให้มากๆ ไม่ใช่สะบัดตูดเชิดใส่ประนึง แล้วไงฉันเสียภาษีให้เป็นเงินเดือนพวกแก เจอเยอะเลยกับความคิดเห็นแบบนี้ ทำไมเสียภาษีแล้วจะไม่ตายใช่ไหม? เสียภาษีแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?
2. พูดจาหวานหู VS .......ทะเลาะกับเมียมาใช่ไหมหมอ
3. การบริการสุดเทพ VS การบริการ????? ก็บอกอยู่ไง มันเป็นการบริบาล ไม่ใช่บริการ
4. อธิบายการรักษายันวิธีนอน VS ...................................จ๊ะ ก็ตามนั้น
และอื่นๆ อีกมากมายที่เราก็รู้ๆอยู่ ดูเหมือนจะชะเลีย รพ.เอกชนยังไงไม่รู้เนอะ แต่ด้วยมีประสบการณ์จากตัวเองและญาติพี่น้อง
ทั้งเอกชนและรัฐ จะขอเล่าแบบเป็นกล๊างกลางเลย
เราบาดเจ็บที่นิ้วเพราะแก้วบาดตอนกลางคืน ซึ่งบ้านอยู่ห่างไกลจากรพ.เอกชน (เรามีประกัน) ถ้าไปรพ.รัฐ เรารู้ชะตากรรมตัวเองเลยว่า
ต้องโดนเย็บสด ไร้การเรียกร้องใดๆได้ เลยทำไงคะ? ไปซื้ออุปกรณ์ล้างแผลมาล้างเอง รอไปรพ.เอกชนวันรุ่งขึ้น (ยังจะเสียเวลา) เพราะสำหรับเราคำว่าเวลาไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่วิธีเย็บนี่สิ พี่จะไม่ยอมเย็บสดค่ะ เมื่อรู้ว่ามีประกัน รพ.เอกชนก็เอกชนเถอะ พี่เห็นสั่ง everything เป็นของใหม่หมดเลย น้ำเกลือขวดเบิ้ม
ที่เทลงมา รู้สึกดีจริงๆ รับรู้ได้ถึงความสะอาดยันซอกกระดูก ที่ตอนนี้กระดิกเองไม่ต้องสั่ง การตะโกนบอกหมอให้ฉีดยาชาก่อนการแหกแผลดู จากนั้นก็ได้อุปกรณ์ครบชุดให้เอาไป รพ.รัฐแถวบ้านล้างให้
เมื่อไปรพ.รัฐเพื่อล้างแผล แค่คุณพยาบาลแกะผ้าพันแผลก็เรียกเลือดแล้วคร้าบบบพี่น้อง เป็นการล้างแผลที่เจ็บพอๆกับตอนเย็บเลยฮับ แล้วพี่เค้าก็ยกก้านสำลีมาอันนึง แล้วจุ่มไปที่น้ำเกลือ แล้วก็...แปะๆ เสร็จค่ะ มองบนไม่พอซ้ายขวาก็ตามมา อะไรจะประหยัดน้ำเกลือขนาดนั้น อันนี้ไม่ได้ใช้บัตรทองนะจ้ายูว์ เผื่อมีคนสงสัย ดังนั้นบัตรทองสบายใจได้ เราเสมอภาคกันอย่าไปบอกนะว่า ที่ให้รอหรือรักษาแบบนี้เป็นเพราะบัตรทองใช่ไหม? = ไม่ใช่
เรื่องของตัวเองจบไป มาเรื่องคุณพ่อที่ก็มีเหตุที่ต้องให้ใช้บริการรพ.รัฐกับเอกชนใกล้ๆกันอีก คุณพ่อเราเป็นคนไข้ประจำของคุณหมอท่านนึงที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความโหดทางด้านปาก ท่านเองเคยโดนเอามาพูดในพันทิปนี้ด้วยนะ เพียงแค่ตั้งกระทู้ชื่อรพ.มา แล้วอธิบายนิสัยนิดหน่อยทายถูกเลย เพราะทั้งรพ.ก็กลัวแก แต่แกเก่งไงแถมคิดค่ายาถูกมาก เพราะแกไปดูงานเมืองนอกบ่อยแกก็หิ้วยามาให้ถูกกว่ารพ.รัฐด้วยกันอีกอ่ะ คุณพ่อเราอาการกำเริบเพราะลืมกินยาแต่ไม่กล้าไปหาหมอเพราะกลัวโดนด่า เลยไปรพ.เอกชนที่เพิ่งมาเปิดใกล้ๆกัน โอ้ย!คุณหมอน่ารัก พูดเพราะ หมอดี อุปกรณ์ดี เตียงดี อาหารดี แต่ไหงอาการคุณพ่อฉันไม่ดีขึ้นคะ? จากที่พูดจาสื่อสารกันได้ ก็กลายเป็นอยากจะหลับตลอดเวลา ตัวบวมมาก ไร้การตอบสนอง
พี่เขยเราเลยให้คุณหมอทำการอธิบายการรักษาทุกขั้นตอนเลย และมีตัวนึงที่เค้าสงสัยว่าทำไมต้องฉีด และฉีดทำไมต้อง 2 ครั้ง คุณหมออธิบายไม่เคลียร์ค่ะ คือที่เราฟัง เหมือนลองฉีดเพื่อดูอาการว่าร่างกายจะตอบสนองยังไง แนวทางรักษาคือ รอดูอาการ มันไม่ได้การแล้วนะหมอ เลยขอเอกสารทั้งหมดเอาไปให้หมอคนเก่า แกนั่งดูแป๊บเดียว แป๊บเดียวจริงๆ แกรู้อาการเลย สั่งให้ย้ายคุณพ่อเราไปโดยไม่ต้องแจ้งใดๆทั้งสิ้น ใบส่งตัวของเราคือบอกพยาบาลไปซะว่าหมอสั่ง (เอากับแกสิ) จากนั้นก็นั่นฟังแกเทศน์ไปคิดดูว่าลูกๆ 4-5 คนนั่งก้มหน้าให้หมอบ่น แล้วโดนบ่นยาวเพราะครอบครัวคุ้นเคยกับหมอ
วันรุ่งขึ้นเป็นไปตามคาด รพ.รัฐที่หมอประจำการต้องวุ่นเพราะใบส่งตัวไม่มี ทางพยาบาลไม่กล้ารับ จนหมอต้องโทรมาเอง (แอบเห็นพยาบาลช็อคเบา คงโดนเยอะอ่ะ ขอโทษคุณพยาบาลมา ณ ที่นี้) นี่แค่ทางโทรศัพท์นะ พอเจ้าตัวเดินมารับรู้ออร่าความโหดได้เลย พยาบาลบอกว่าปรกติวันนี้ไม่ใช่เวรหมอ แต่หมอมาวันนี้เพื่อเคสคุณพ่อเราเพราะอาการเริ่มหนักขึ้น แล้วเห็นว่าอยู่ยาวเพื่อดูเคสอื่นต่อเลย นี่ขนาดนัดอะไรเรียบร้อย มีแนวทางรักษาแล้วนะก็ยังต้องรอ 3-4 ชั่วโมงเลย กว่าจะได้รักษา แต่เพียงแค่ 2 วัน คุณพ่อก็กลับมาพูดจาพอรู้เรื่องได้ ตัวหายบวม ไม่กี่วันออกจากห้องไอซียูได้ คือต่อให้โดนหมอด่ามากกว่านี้เราก็ยอมนะ
คือเราก็ต้องเข้าใจด้วยว่ารพ.รัฐ คนไข้เยอะจริงๆ บุคลากรก็น้อย มานั่งตามใจญาติไม่ได้หรอก บางคนได้หนึ่งจะเอาสอง บางคนเห็นคนนี้ได้จะเอาบ้าง เค้าก็ต้องตัดปัญหาไปเลย ไม่ได้คือไม่ได้ ตามคิวคือตามคิว แล้วถ้าต้องรอดูอาการก็คือต้องรออ่ะ เรายังรอดูอาการน้าชัก 3-4 ชั่วโมง ถ้าจะบ่นต้องบ่นคนที่กินเหล้าแล้วชัก ไม่ใช่คนที่มารักษาให้ จะมาด่าแล้วบอกไม่พร้อมไม่พอใจก็ไม่ต้องมารักษา มันใช่เหรอ? คือคุณไม่พอใจแต่คนที่รอคิวต่อจากคุณละ? แล้วคนที่มาก่อนคุณละ? ทุกคนก็รอเหมือนกัน หมอเค้าเลือกไม่ได้ว่าจะรักษาใครไม่รักษาใคร คุณไม่พอใจก็พาไปรพ.อื่นได้ มันอยู่ที่ตัวคุณเอง ถ้าหมอพูดไม่ดีจำชื่อแล้วไปร้องเรียน ช่องทางเยอะแยะแต่ไม่ควรคุกคามหมอ หรือพยาบาลนะคะ ขอร้องทุกคนเลยที่ไปต่อว่าหมอ พยาบาลเรื่องความชักช้า คิดถึงใจเค้าใจเราเนอะ
ปล. ขอแก้ตัวให้คุณหมอหน่อยนึง หมอฝากมาบอกว่า เวลาญาติคนไข้มาถามนั่นนู่นนี่แล้วแกไม่ค่อยตอบ แกบอกว่า หากมัวแต่มานั่งตอบทุกคำถามของญาติผมก็คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ถามกันไม่จบ ผมอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวผมถามเอง แล้วไม่ต้องมาบอกหมอว่าหมอต้องทำอะไร ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่รักษาแบบนี้ ผมเป็นหมอผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร จบนะ
ปล.2 จากน้องพยาบาล อยากให้ญาติคนไข้หรือตัวไข้เองเห็นใจบ้าง บางคนออนติดต่อกันเกือบ 20 ชม. ลูกผัวจะจำหน้าไม่ได้อยู่แล้ว เงินตกเบิกก็ช้า การที่พวกคุณเห็นเราแชทไลน์บ้าง เพราะเราไม่ได้เจอหน้าลูกเลย บางครั้งวันหยุดก็ไม่ได้หยุด เราก็คน ธุรงธุระก็มีบ้าง
ปล.3 อันนี้เออ...จากใจของรุ่นน้องสมัยเรียน ถามนาง นางบอกว่าไอ้เหนื่อยก็เหนื่อยนะแต่ก็ทนได้ ขออยู่อย่าง เวลาจะมาหาหมอสูติ สาวๆจ๊ะ อาบน้ำให้น้องสาวกันด้วยนะ บางคนพี่พยาบาลก็ไม่ไหวเจงๆ จะพูดก็ไม่ได้เห็นใจกันหน่อย
ส่งท้าย เป็นคำถามที่สงสัยมาตลอด อยากถามคนที่เคยไปรักษารพ.ที่เมืองนอกค่ะ คือเพื่อนร่วมงานเราเคยปวดท้องหนักมาก หน้าซีด ดูท่าจะทำงานต่อไม่ไหวเลยให้นางไปหาหมอค่ะ ปรากฎว่าคุณเธอกลับมาเร็วมาก เราเสร็จงานกลับมาเจอพอดีเลยถามนาง นางว่านางไม่ได้นัดต้องไปใหม่ตามนัด เราก็เฮ้ยนี่ปวดท้องจะตายอยู่แล้วนะ แล้วนางหน้าซีดมากทำไมถึงต้องรอไปพบหมอพรุ่งนี้แทนอ่ะ เราเลยถามนางไปว่าหากเราป่วยฉุกเฉินเราต้องนัดหมอก่อนงั้นเหรอ นางว่านางก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วจะไปซื้อยากินเองก็ไม่ได้ด้วยนะ โชคดีที่ดั๊นเตรียมมาสารพัดโรคแต่ไม่ได้ให้เพื่อนร่วมงานไปนะ กลัว! เกิดแพ้ยาเราขึ้นมาได้ติดคุกหัวโตอ่ะจิ ทนปวดท้องไปแล้วกันนะเธอ (อ้อ! พวกเรารักษาฟรีนะ ไม่เสียตังค์)
แชร์ประสบการณ์การใช้บริการ รพ.รัฐ vs เอกชน ต่างกันจริงเหรอ?
เอ่อ...มันก็ต้องต่างดิวะ ยังจะโง่ถาม ทุกประเทศทั่วโลกเป็นเหมือนกันทุกที่ ไม่งั้นจะมีไปทำไม
คำว่าคนรวย คนจน คนจ๊นจน rich billionaire poor ง่ายๆโคตะระง่ายๆ เลยก็คือ
1. จำนวนเงินในกระเป๋า VS เวลา
รพ.รัฐ คุณจะเสียเวลาไปอย่างยาวนานในแต่ละครั้งที่ไปรอการรักษา แต่เงินในกระเป๋าจะเสียไปน้อยนิด เก็บตังค์ไปซื้อประกันซะ
รพ.เอกชน คุณจะเสียเวลาน้อยนิดในการรอ แต่เงินในกระเป๋าก็จะสูญหายไปประนึงโดนปล้นแบบจำยอม แล้วก็เอาเวลาไปหาเงินมาจ่ายหมอต่อไป I don't care
สิ่งเหล่านี้พวกเราทุกคนรู้ตั้งแต่จะก้าวเข้าไปแล้ว (ยกเว้นกรณี คุณถูกคนลากเข้าไปนะ) ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง งานรพ.รัฐไม่ใช่งานบริการ กรุณาอย่ามาเรียกร้องการเอาใจใส่ประนึงการบินไทยในราคาการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่ถ้าเสียเงินประนึง first class แต่การบริการเข้าขั้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เชิญจัดการได้เต็มที่เพราะเราไม่ควรเสียทั้งคู่ไปพร้อมๆกัน แต่ถ้าคุณได้มันมาทั้งคู่คุณก็ควรจะขอบคุณพวกเค้าให้มากๆ ไม่ใช่สะบัดตูดเชิดใส่ประนึง แล้วไงฉันเสียภาษีให้เป็นเงินเดือนพวกแก เจอเยอะเลยกับความคิดเห็นแบบนี้ ทำไมเสียภาษีแล้วจะไม่ตายใช่ไหม? เสียภาษีแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?
2. พูดจาหวานหู VS .......ทะเลาะกับเมียมาใช่ไหมหมอ
3. การบริการสุดเทพ VS การบริการ????? ก็บอกอยู่ไง มันเป็นการบริบาล ไม่ใช่บริการ
4. อธิบายการรักษายันวิธีนอน VS ...................................จ๊ะ ก็ตามนั้น
และอื่นๆ อีกมากมายที่เราก็รู้ๆอยู่ ดูเหมือนจะชะเลีย รพ.เอกชนยังไงไม่รู้เนอะ แต่ด้วยมีประสบการณ์จากตัวเองและญาติพี่น้อง
ทั้งเอกชนและรัฐ จะขอเล่าแบบเป็นกล๊างกลางเลย
เราบาดเจ็บที่นิ้วเพราะแก้วบาดตอนกลางคืน ซึ่งบ้านอยู่ห่างไกลจากรพ.เอกชน (เรามีประกัน) ถ้าไปรพ.รัฐ เรารู้ชะตากรรมตัวเองเลยว่า
ต้องโดนเย็บสด ไร้การเรียกร้องใดๆได้ เลยทำไงคะ? ไปซื้ออุปกรณ์ล้างแผลมาล้างเอง รอไปรพ.เอกชนวันรุ่งขึ้น (ยังจะเสียเวลา) เพราะสำหรับเราคำว่าเวลาไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่วิธีเย็บนี่สิ พี่จะไม่ยอมเย็บสดค่ะ เมื่อรู้ว่ามีประกัน รพ.เอกชนก็เอกชนเถอะ พี่เห็นสั่ง everything เป็นของใหม่หมดเลย น้ำเกลือขวดเบิ้ม
ที่เทลงมา รู้สึกดีจริงๆ รับรู้ได้ถึงความสะอาดยันซอกกระดูก ที่ตอนนี้กระดิกเองไม่ต้องสั่ง การตะโกนบอกหมอให้ฉีดยาชาก่อนการแหกแผลดู จากนั้นก็ได้อุปกรณ์ครบชุดให้เอาไป รพ.รัฐแถวบ้านล้างให้
เมื่อไปรพ.รัฐเพื่อล้างแผล แค่คุณพยาบาลแกะผ้าพันแผลก็เรียกเลือดแล้วคร้าบบบพี่น้อง เป็นการล้างแผลที่เจ็บพอๆกับตอนเย็บเลยฮับ แล้วพี่เค้าก็ยกก้านสำลีมาอันนึง แล้วจุ่มไปที่น้ำเกลือ แล้วก็...แปะๆ เสร็จค่ะ มองบนไม่พอซ้ายขวาก็ตามมา อะไรจะประหยัดน้ำเกลือขนาดนั้น อันนี้ไม่ได้ใช้บัตรทองนะจ้ายูว์ เผื่อมีคนสงสัย ดังนั้นบัตรทองสบายใจได้ เราเสมอภาคกันอย่าไปบอกนะว่า ที่ให้รอหรือรักษาแบบนี้เป็นเพราะบัตรทองใช่ไหม? = ไม่ใช่
เรื่องของตัวเองจบไป มาเรื่องคุณพ่อที่ก็มีเหตุที่ต้องให้ใช้บริการรพ.รัฐกับเอกชนใกล้ๆกันอีก คุณพ่อเราเป็นคนไข้ประจำของคุณหมอท่านนึงที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความโหดทางด้านปาก ท่านเองเคยโดนเอามาพูดในพันทิปนี้ด้วยนะ เพียงแค่ตั้งกระทู้ชื่อรพ.มา แล้วอธิบายนิสัยนิดหน่อยทายถูกเลย เพราะทั้งรพ.ก็กลัวแก แต่แกเก่งไงแถมคิดค่ายาถูกมาก เพราะแกไปดูงานเมืองนอกบ่อยแกก็หิ้วยามาให้ถูกกว่ารพ.รัฐด้วยกันอีกอ่ะ คุณพ่อเราอาการกำเริบเพราะลืมกินยาแต่ไม่กล้าไปหาหมอเพราะกลัวโดนด่า เลยไปรพ.เอกชนที่เพิ่งมาเปิดใกล้ๆกัน โอ้ย!คุณหมอน่ารัก พูดเพราะ หมอดี อุปกรณ์ดี เตียงดี อาหารดี แต่ไหงอาการคุณพ่อฉันไม่ดีขึ้นคะ? จากที่พูดจาสื่อสารกันได้ ก็กลายเป็นอยากจะหลับตลอดเวลา ตัวบวมมาก ไร้การตอบสนอง
พี่เขยเราเลยให้คุณหมอทำการอธิบายการรักษาทุกขั้นตอนเลย และมีตัวนึงที่เค้าสงสัยว่าทำไมต้องฉีด และฉีดทำไมต้อง 2 ครั้ง คุณหมออธิบายไม่เคลียร์ค่ะ คือที่เราฟัง เหมือนลองฉีดเพื่อดูอาการว่าร่างกายจะตอบสนองยังไง แนวทางรักษาคือ รอดูอาการ มันไม่ได้การแล้วนะหมอ เลยขอเอกสารทั้งหมดเอาไปให้หมอคนเก่า แกนั่งดูแป๊บเดียว แป๊บเดียวจริงๆ แกรู้อาการเลย สั่งให้ย้ายคุณพ่อเราไปโดยไม่ต้องแจ้งใดๆทั้งสิ้น ใบส่งตัวของเราคือบอกพยาบาลไปซะว่าหมอสั่ง (เอากับแกสิ) จากนั้นก็นั่นฟังแกเทศน์ไปคิดดูว่าลูกๆ 4-5 คนนั่งก้มหน้าให้หมอบ่น แล้วโดนบ่นยาวเพราะครอบครัวคุ้นเคยกับหมอ
วันรุ่งขึ้นเป็นไปตามคาด รพ.รัฐที่หมอประจำการต้องวุ่นเพราะใบส่งตัวไม่มี ทางพยาบาลไม่กล้ารับ จนหมอต้องโทรมาเอง (แอบเห็นพยาบาลช็อคเบา คงโดนเยอะอ่ะ ขอโทษคุณพยาบาลมา ณ ที่นี้) นี่แค่ทางโทรศัพท์นะ พอเจ้าตัวเดินมารับรู้ออร่าความโหดได้เลย พยาบาลบอกว่าปรกติวันนี้ไม่ใช่เวรหมอ แต่หมอมาวันนี้เพื่อเคสคุณพ่อเราเพราะอาการเริ่มหนักขึ้น แล้วเห็นว่าอยู่ยาวเพื่อดูเคสอื่นต่อเลย นี่ขนาดนัดอะไรเรียบร้อย มีแนวทางรักษาแล้วนะก็ยังต้องรอ 3-4 ชั่วโมงเลย กว่าจะได้รักษา แต่เพียงแค่ 2 วัน คุณพ่อก็กลับมาพูดจาพอรู้เรื่องได้ ตัวหายบวม ไม่กี่วันออกจากห้องไอซียูได้ คือต่อให้โดนหมอด่ามากกว่านี้เราก็ยอมนะ
คือเราก็ต้องเข้าใจด้วยว่ารพ.รัฐ คนไข้เยอะจริงๆ บุคลากรก็น้อย มานั่งตามใจญาติไม่ได้หรอก บางคนได้หนึ่งจะเอาสอง บางคนเห็นคนนี้ได้จะเอาบ้าง เค้าก็ต้องตัดปัญหาไปเลย ไม่ได้คือไม่ได้ ตามคิวคือตามคิว แล้วถ้าต้องรอดูอาการก็คือต้องรออ่ะ เรายังรอดูอาการน้าชัก 3-4 ชั่วโมง ถ้าจะบ่นต้องบ่นคนที่กินเหล้าแล้วชัก ไม่ใช่คนที่มารักษาให้ จะมาด่าแล้วบอกไม่พร้อมไม่พอใจก็ไม่ต้องมารักษา มันใช่เหรอ? คือคุณไม่พอใจแต่คนที่รอคิวต่อจากคุณละ? แล้วคนที่มาก่อนคุณละ? ทุกคนก็รอเหมือนกัน หมอเค้าเลือกไม่ได้ว่าจะรักษาใครไม่รักษาใคร คุณไม่พอใจก็พาไปรพ.อื่นได้ มันอยู่ที่ตัวคุณเอง ถ้าหมอพูดไม่ดีจำชื่อแล้วไปร้องเรียน ช่องทางเยอะแยะแต่ไม่ควรคุกคามหมอ หรือพยาบาลนะคะ ขอร้องทุกคนเลยที่ไปต่อว่าหมอ พยาบาลเรื่องความชักช้า คิดถึงใจเค้าใจเราเนอะ
ปล. ขอแก้ตัวให้คุณหมอหน่อยนึง หมอฝากมาบอกว่า เวลาญาติคนไข้มาถามนั่นนู่นนี่แล้วแกไม่ค่อยตอบ แกบอกว่า หากมัวแต่มานั่งตอบทุกคำถามของญาติผมก็คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ถามกันไม่จบ ผมอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวผมถามเอง แล้วไม่ต้องมาบอกหมอว่าหมอต้องทำอะไร ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่รักษาแบบนี้ ผมเป็นหมอผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร จบนะ
ปล.2 จากน้องพยาบาล อยากให้ญาติคนไข้หรือตัวไข้เองเห็นใจบ้าง บางคนออนติดต่อกันเกือบ 20 ชม. ลูกผัวจะจำหน้าไม่ได้อยู่แล้ว เงินตกเบิกก็ช้า การที่พวกคุณเห็นเราแชทไลน์บ้าง เพราะเราไม่ได้เจอหน้าลูกเลย บางครั้งวันหยุดก็ไม่ได้หยุด เราก็คน ธุรงธุระก็มีบ้าง
ปล.3 อันนี้เออ...จากใจของรุ่นน้องสมัยเรียน ถามนาง นางบอกว่าไอ้เหนื่อยก็เหนื่อยนะแต่ก็ทนได้ ขออยู่อย่าง เวลาจะมาหาหมอสูติ สาวๆจ๊ะ อาบน้ำให้น้องสาวกันด้วยนะ บางคนพี่พยาบาลก็ไม่ไหวเจงๆ จะพูดก็ไม่ได้เห็นใจกันหน่อย
ส่งท้าย เป็นคำถามที่สงสัยมาตลอด อยากถามคนที่เคยไปรักษารพ.ที่เมืองนอกค่ะ คือเพื่อนร่วมงานเราเคยปวดท้องหนักมาก หน้าซีด ดูท่าจะทำงานต่อไม่ไหวเลยให้นางไปหาหมอค่ะ ปรากฎว่าคุณเธอกลับมาเร็วมาก เราเสร็จงานกลับมาเจอพอดีเลยถามนาง นางว่านางไม่ได้นัดต้องไปใหม่ตามนัด เราก็เฮ้ยนี่ปวดท้องจะตายอยู่แล้วนะ แล้วนางหน้าซีดมากทำไมถึงต้องรอไปพบหมอพรุ่งนี้แทนอ่ะ เราเลยถามนางไปว่าหากเราป่วยฉุกเฉินเราต้องนัดหมอก่อนงั้นเหรอ นางว่านางก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วจะไปซื้อยากินเองก็ไม่ได้ด้วยนะ โชคดีที่ดั๊นเตรียมมาสารพัดโรคแต่ไม่ได้ให้เพื่อนร่วมงานไปนะ กลัว! เกิดแพ้ยาเราขึ้นมาได้ติดคุกหัวโตอ่ะจิ ทนปวดท้องไปแล้วกันนะเธอ (อ้อ! พวกเรารักษาฟรีนะ ไม่เสียตังค์)