ดีจ้าาาา เข้าเรื่องเลยแล้วกันเนาะ ทริปนี้ไปกันที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี
เดี๋ยวเราจะเขียนสรุปค่าใช้จ่ายไว้ข้างล่างเนาะ มีสงสัยอะไร ที่รีวิวมาถามเราได้เลยน้า
#นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกน้า ผิดถูกยังไงขอโทษด้วยนะคะ
เรากับเพื่อนคนนึงวางแพลนจะไปเขื่อนเชี่ยวหลาน โดยเราเดินทางโดยรถไฟทั้งไปแล้วกลับ กทม-สุราษฎร์ธานี
เราออกเดินทางวันที่ 19 กค.เวลาประมาณ 17.30 รถไฟออก ขาไปเรานั่งรถไฟนั่งชั้น 3 ตั๋วราคา 217 บาท/คน ถึง จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 06.10
- ความเห็นส่วนตัวนี่คิดว่าโอเคในระดับนึงนะ นั่งๆนอนๆ ชิลดีแต่นอนไม่ค่อยหลับเพราะรถไฟจอดบ่อย สำหรับคนไม่ชอบนั่งนานแนะนำให้ไปเครื่องจะสะดวกกว่า
พอถึงสถานีรถไฟสุราษ ก็รีบล้างหน้าล้างตัวแล้วไปขึ้นรถตู้ต่อไปท่าเรือที่เขื่อนราคา 200 บาท/คน แบบนี้เค้าจะไปส่งที่ท่าเรือเลย
และมีอีกทางคือนั่งรถทัวร์ของจังหวัดอื่น จะส่งตรงหน้าทางเข้า ละต้องต่อรถตุ๊กๆเข้าไปคนละ 50 บาท หรือคนน้อยต้องเหมาไปราคาประมาณ 300 บาท
พี่พนักงานนัดเราไว้ 10โมง พอเรามาถึงท่าเรือเขื่อนรัชประภาคนของแพก็จะมารับลงเรือ
เรากับเพื่อนซื้อแพคเกต 3 วัน 2 คืนของแพภูตะวัน หัวละ 4,000 บาท โดยที่พักมี 2 แบบคือบ้านทรงไทย กับ แคปซูล ราคานี้รวมทุกอย่างแล้วทั้งค่าเรือไป-กลับ,อาหาร 6 มื้อ,กิจกรรมต่างๆ. อ่อ ละเรื่องไฟฟ้าที่นี่เปิดแค่ตอนเย็นประมาณ 18.00 - 7.00 โมงนะ
- ตอนกลางวันอากาศร้อนนะ แนะนำให้เอาพัดรึพัดลมเล็กไปด้วย (หรือไม่ก็โดดน้ำ แก้ร้อนได้ดีมากๆ)
- เราคิดว่าบ้านแบบทรงไทยน่าจะเย็นกว่าแคปซูล
- ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ตัดขาดโลก social
ให้ดูบรรกาศรอบๆที่พักก่อนเนาะ เราเลือกพักแบบบ้านแคปซูล
มีอาหารให้ 6 มื้อ อาหารโครตดี ทุกมื้อ อร่อย รสชาติอาหารกลางๆแบบคนต่างชาติกินได้ แต่ละมื้อจะมีอาหารใต้ด้วย นี่เพิ่งเคยกิน แกงกะทิปลากรด อร่อยแปลกๆดี
- ทุกมื้อสามารถเติมข้าวและกับข้าวได้เรื่อย *ยกเว้นอาหารประเภท ปลาทอด,ไก่ทอด
- อาหารเช้าเหมือนกัน 2 วันเลย เป็นคล้ายๆ american buffet
กิจกรรมในแต่ละวัน
วันที่ 1 : พักผ่อนตามอัธยาศัย
- พายเรือคายัค *มัดจำไม้พาย ไม้ละ 200.-เล่นได้ทั้งวัน จนถึง 5 โมงเย็น
ไอดอลแพภูตะวัน หนีไม่พ้น "ดอลล่าร์" โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุ 2 เดือน แต่ตัวยังกะหมี มาถึงวันแรกนั่งเล่นอยู่ มันมาเลยจ้า มาแย่งรองเท้าจากเท้าเลย พี่เค้าดุมันฟัง เชื่องมาก ถ้ามีถุงน้ำแข็งวางไว้มันจะไปนอนทับ แล้วก็จะนอนนิ่ง หายซ่าเลย
วันที่ 2 : ออกเรือตั้งแต่เช้าเพื่อไปดูกุ้ยหลินเมืองไทย(เขาสามเกลอ) / เดินป่า 3 กิโล / นั่งแพไปดูถ้ำปะการัง
- ตอนนั่งเรือ เดินป่า ได้ไปรวมกับพี่ๆ อีก 4 คน พี่เค้ามาจากโคราช ตลกมาก พูดเก่ง เป็นกันเอง ร้องเพลงด้วยนะ ชวนกินนั่นกินนี่ แกขนเบียร์กับสปายมาอย่างละ 1 ลัง 5555 ทำให้เวลาไปด้วยกันมันสนุกจริงๆ ขำตลอดทาง
วันที่ 3 : ส่องสัตว์ตอนเช้า แล้วแต่สภาพอากาศ แต่นี่พี่เค้าพาไปเกาะกลางเขื่อน ถ่ายรูปเล่น นั่งเรือวนรอบเกาะ
- ขอพูดถึงพี่พร หนุ่มใต้หน้านิ่งใจใหญ่ โชคดีที่ได้พี่เค้าขับเรือให้ คือ คอยดูแลเราตลอด 3 วัน 2 คืน เรียกเราๆ ว่า "ลูกสาวผม" ตอนเดินป่า 3 กิโล แกทำหมวกให้ใส่จากใบไม้ข้างทาง เอามาสวมให้ด้วย น่ารักจริงๆอะ 5555
- ขากลับพวกพี่4คน เค้าเหมารถตู้ แล้วชวนเราไปเที่ยวต่ออีก แต่นี่ก็นัดเพื่อนไว้ในตัวเมืองเลยไม่ได้ไปด้วย เสียดายมากๆ แล้วเรามากันแค่ 2 คน แต่มีคนเอ็นดู ก็คุ้มแล้ว
- ยังไม่จบเท่านั้นค่า ตอนขึ้นฝั่งมันต้องต่อรถจากเขื่อนออกไปตัวเมือง กำลังหารถกัน บังเอิญเจอพี่ๆที่พักอยู่แพเดียวกัน ก็อาสาไปส่งให้ถึงตัวเมือง เกรงใจพี่เค้ามาก แต่พี่เค้าบอกจะผ่านไปตัวเมืองพอดี ก่อนจะไปส่งพี่ๆก็พาไปถ่ายรูปสันเขื่อนกับสะพานแขวน ไปดูภูเขารูปหัวใจอีก😊
พี่ๆเค้ามาส่งเราที่ตลาดเกษตร2 เพื่อนเราก็นัดเพื่อนของนางที่อยู่ในจังหวัดสุราษไปหาอะไรกินกัน และร้านที่เพื่อนพาไปนั้น คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวบุญชู ต่อด้วยของหวาน คือ ไอติมโบราณ
- ร้านก๋วยเตี๋ยวทะเลที่ดังร้านนึงในสุราษ ทำให้คนค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญอร่อยและให้ครื่องเยอะมากกกก และอีกหนึ่งร้านไอติมโบราณ เป็นไอติมที่ไม่เคยกินมาก่อน อร่อยดี
จบทริปโดยการนั่งรถไฟนอนชั้น2 กลับ กทม. ราคาอยู่ที่ 650-750/คน (แล้วแต่ว่าเตียงล่างหรือบน) ออกเดินทางกลับจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี 16.30 ถึงกทม.เวลาประมาณ 05.30
-สำหรับเรารถไฟนอนชั้น2นี่ ดีมากนะ เหมาะกับคนเดินทางชิลๆสะดวกสบาย ที่นั่งกว้าง นอนสบาย แอร์หนาวมาก5555
ค่าใช้จ่าย
- ค่าแพ หัวละ 4,000 บาท
- ค่าเดินทางไป-กลับ กทม-สุราษ
อันนี้แล้วแต่สะดวกค่ะ นี่ไปอย่างชิว
ขาไปรถไฟพัดลม(217 บาท)
ขากลับรถไฟตู้นอน (650-750 บาท)
รวมไปกลับ หัวละ ~1000 บาท
ค่ารถตู้ไป-กลับ ตัวเมืองสุราษ-เขื่อน (200+200 = 400 บาท)
สรุป ค่าใช้จ่ายโดยรวม
**ของที่เขื่อนค่อนข้างแพง ถ้าไม่กินจุกจิก**
ตกคนละ
6,000 อยู่ค่ะ (เราโชคดีที่เสียค่าเดินทางน้อยมาก)
- ส่วนตัวนี่ตอนแรกคิดว่าแพงเหมือนกันแต่พอมาจริงๆ คุ้มนะ แบบบรรยากาศ ที่พัก ที่เที่ยว อาหาร คือดีอะ555555555
- เรากับเพื่อนประทับใจพนักงานของแพภูตะวันสุดๆเพราะ พวกพี่เค้าต้อนรับดี พูดจาดี น่ารัก ชวนคุย เอาใจใส่ทุกคน ถามตลอดว่า
เอาอะไรเพิ่มมั้ย มีหยอก มีแกล้ง และผู้คนที่เราได้พบเจอในทริปนี้มีแต่คนน่ารักและใจดี
- จริงๆน้ำสีเขียวฟ้า แต่ถ่ายออกมาไม่ค่อยเห็น สถานที่จริงสวยกว่าในรูปเยอะ (รูปนี่แทบไม่ได้แต่ง)
[CR] Review..เขื่อนเชี่ยวหลาน 3วัน2คืน กับแพภูตะวัน สวรรค์ของเรา
เดี๋ยวเราจะเขียนสรุปค่าใช้จ่ายไว้ข้างล่างเนาะ มีสงสัยอะไร ที่รีวิวมาถามเราได้เลยน้า
#นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกน้า ผิดถูกยังไงขอโทษด้วยนะคะ
เราออกเดินทางวันที่ 19 กค.เวลาประมาณ 17.30 รถไฟออก ขาไปเรานั่งรถไฟนั่งชั้น 3 ตั๋วราคา 217 บาท/คน ถึง จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 06.10
- ความเห็นส่วนตัวนี่คิดว่าโอเคในระดับนึงนะ นั่งๆนอนๆ ชิลดีแต่นอนไม่ค่อยหลับเพราะรถไฟจอดบ่อย สำหรับคนไม่ชอบนั่งนานแนะนำให้ไปเครื่องจะสะดวกกว่า
และมีอีกทางคือนั่งรถทัวร์ของจังหวัดอื่น จะส่งตรงหน้าทางเข้า ละต้องต่อรถตุ๊กๆเข้าไปคนละ 50 บาท หรือคนน้อยต้องเหมาไปราคาประมาณ 300 บาท
- ตอนกลางวันอากาศร้อนนะ แนะนำให้เอาพัดรึพัดลมเล็กไปด้วย (หรือไม่ก็โดดน้ำ แก้ร้อนได้ดีมากๆ)
- เราคิดว่าบ้านแบบทรงไทยน่าจะเย็นกว่าแคปซูล
- ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ตัดขาดโลก social
- ทุกมื้อสามารถเติมข้าวและกับข้าวได้เรื่อย *ยกเว้นอาหารประเภท ปลาทอด,ไก่ทอด
- อาหารเช้าเหมือนกัน 2 วันเลย เป็นคล้ายๆ american buffet
วันที่ 1 : พักผ่อนตามอัธยาศัย
- พายเรือคายัค *มัดจำไม้พาย ไม้ละ 200.-เล่นได้ทั้งวัน จนถึง 5 โมงเย็น
วันที่ 2 : ออกเรือตั้งแต่เช้าเพื่อไปดูกุ้ยหลินเมืองไทย(เขาสามเกลอ) / เดินป่า 3 กิโล / นั่งแพไปดูถ้ำปะการัง
- ตอนนั่งเรือ เดินป่า ได้ไปรวมกับพี่ๆ อีก 4 คน พี่เค้ามาจากโคราช ตลกมาก พูดเก่ง เป็นกันเอง ร้องเพลงด้วยนะ ชวนกินนั่นกินนี่ แกขนเบียร์กับสปายมาอย่างละ 1 ลัง 5555 ทำให้เวลาไปด้วยกันมันสนุกจริงๆ ขำตลอดทาง
วันที่ 3 : ส่องสัตว์ตอนเช้า แล้วแต่สภาพอากาศ แต่นี่พี่เค้าพาไปเกาะกลางเขื่อน ถ่ายรูปเล่น นั่งเรือวนรอบเกาะ
- ขอพูดถึงพี่พร หนุ่มใต้หน้านิ่งใจใหญ่ โชคดีที่ได้พี่เค้าขับเรือให้ คือ คอยดูแลเราตลอด 3 วัน 2 คืน เรียกเราๆ ว่า "ลูกสาวผม" ตอนเดินป่า 3 กิโล แกทำหมวกให้ใส่จากใบไม้ข้างทาง เอามาสวมให้ด้วย น่ารักจริงๆอะ 5555
- ขากลับพวกพี่4คน เค้าเหมารถตู้ แล้วชวนเราไปเที่ยวต่ออีก แต่นี่ก็นัดเพื่อนไว้ในตัวเมืองเลยไม่ได้ไปด้วย เสียดายมากๆ แล้วเรามากันแค่ 2 คน แต่มีคนเอ็นดู ก็คุ้มแล้ว
- ยังไม่จบเท่านั้นค่า ตอนขึ้นฝั่งมันต้องต่อรถจากเขื่อนออกไปตัวเมือง กำลังหารถกัน บังเอิญเจอพี่ๆที่พักอยู่แพเดียวกัน ก็อาสาไปส่งให้ถึงตัวเมือง เกรงใจพี่เค้ามาก แต่พี่เค้าบอกจะผ่านไปตัวเมืองพอดี ก่อนจะไปส่งพี่ๆก็พาไปถ่ายรูปสันเขื่อนกับสะพานแขวน ไปดูภูเขารูปหัวใจอีก😊
- ร้านก๋วยเตี๋ยวทะเลที่ดังร้านนึงในสุราษ ทำให้คนค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญอร่อยและให้ครื่องเยอะมากกกก และอีกหนึ่งร้านไอติมโบราณ เป็นไอติมที่ไม่เคยกินมาก่อน อร่อยดี
-สำหรับเรารถไฟนอนชั้น2นี่ ดีมากนะ เหมาะกับคนเดินทางชิลๆสะดวกสบาย ที่นั่งกว้าง นอนสบาย แอร์หนาวมาก5555
- ค่าแพ หัวละ 4,000 บาท
- ค่าเดินทางไป-กลับ กทม-สุราษ
อันนี้แล้วแต่สะดวกค่ะ นี่ไปอย่างชิว
ขาไปรถไฟพัดลม(217 บาท)
ขากลับรถไฟตู้นอน (650-750 บาท)
รวมไปกลับ หัวละ ~1000 บาท
ค่ารถตู้ไป-กลับ ตัวเมืองสุราษ-เขื่อน (200+200 = 400 บาท)
สรุป ค่าใช้จ่ายโดยรวม
**ของที่เขื่อนค่อนข้างแพง ถ้าไม่กินจุกจิก**
ตกคนละ 6,000 อยู่ค่ะ (เราโชคดีที่เสียค่าเดินทางน้อยมาก)
- ส่วนตัวนี่ตอนแรกคิดว่าแพงเหมือนกันแต่พอมาจริงๆ คุ้มนะ แบบบรรยากาศ ที่พัก ที่เที่ยว อาหาร คือดีอะ555555555
- เรากับเพื่อนประทับใจพนักงานของแพภูตะวันสุดๆเพราะ พวกพี่เค้าต้อนรับดี พูดจาดี น่ารัก ชวนคุย เอาใจใส่ทุกคน ถามตลอดว่า
เอาอะไรเพิ่มมั้ย มีหยอก มีแกล้ง และผู้คนที่เราได้พบเจอในทริปนี้มีแต่คนน่ารักและใจดี
- จริงๆน้ำสีเขียวฟ้า แต่ถ่ายออกมาไม่ค่อยเห็น สถานที่จริงสวยกว่าในรูปเยอะ (รูปนี่แทบไม่ได้แต่ง)