Oscarwatch2018#2 / Call Me By Your Name / หรือนี้จะเป็นหนังเกย์ที่คว้าออสการ์หนังยอดเยี่ยมอีกครา, พาคนไทยเข้าชิงออสการ์

กระทู้เก่า
Oscarwatch2018#1 / The Shape of Water / หรือนี้จะเป็นหนังแฟนตาซีที่คว้าออสการ์หนังยอดเยี่ยมในรอบหลายปี - https://ppantip.com/topic/36683803



Call Me By Your Name : Luca Guadagnino
ROMANCE / DRAMA
US DATE: January 22, 2017 (Sundance), November 24, 2017 (United States)
Distributed by Sony Pictures Classics
CAST: Timothée Chalamet, Armie Hammer, Michael Stuhlbarg, Amira Casar



Call Me by Your Name เล่าเรื่องหน้าร้อนในอิตาลีช่วงยุค80ของElio หนุ่มน้อยลูกครึ่งอเมริกัน-อิตาลีวัย 17 ปี รับบทโดย Timothee Chalamet ได้พบเจอกับOliver นักศึกษาหนุ่มวัย 24 ปีรับบทโดย Armie Hammer ที่ได้มาพักในวิลล่าของครอบครัวของElio ระหว่างมาช่วยเหลืองานพ่อของหนุ่มน้อย ซึ่งรับบทโดย Michael Stuhlbarg

คลิป บางส่วนจากหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


สาขาที่น่าสนใจว่าจะลุ้นเข้าชิงออสการ์
# คือลำดับที่คาดการณ์ที่ผมจัดไว้ในแต่ละสาขา ลำดับอาจจะเปลี่ยนแปลตามช่วงเวลา
Best Picture #top3
     หนังเปิดตัวตั้งแต่เดือนมกราคมที่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ หนังได้รับคำวิจารณ์ที่ดีเยี่ยม โดยหนังเป็นหนังที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีที่สุดในเทศกาลและในปีนี้ มากกว่าหนังเต็งหนึ่งออสการ์อย่าง Dunkirk โดยในเว็บไซต์ rottentomatoes มีคะแนน 100%เต็ม คะแนนเฉลี่ย 9.7/10 จากนักวิจารณ์ 33 คนและในเว็บไซต์ metacritic มีคะแนน 98 เต็ม 100 จากนักวิจารณ์ 11 คน ทำให้หนังเรื่องนี้มีสิทธิลุ้นเป็นหนังเกย์เรื่องที่สองที่คว้าออสการ์สาขาภาพยนตร์เป็นเรื่องที่สอง ต่อจาก Moonlight (2016) ในปีที่แล้ว แต่เหตุผลที่เรื่องนี้ไม่เป็นเต็งนี้ในตอนนี้ เพราะโอกาสค่อนข้างยากที่จะมีหนังเกย์หรือLBGTQ คว้าออสการ์หนังยอดเยี่ยม 2 ปีติด ฝั่งด้านผู้จัดจำหน่ายของหนังคือ Sony Pictures Classics ซึ่งค่อนข้างที่ถนัดจะพาหนังอินดี้และหนังนอกอเมริdาเข้าชิงออสการ์

Best Director #top3 - Luca Guadagnino
     หนังกำกับโดยผู้กำกับชาวอิตาลีมากฝีมืออย่าง Luca Guadagnino ที่เคยกำกับหนังอย่าง I Am Love (2009) (เข้าชิงออสการ์สาขาเครื่องแต่งกาย และเข้าชิงGolden Globeสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ) และ A Bigger Splash (2015) โดยในปีนี้เขายังมีผลงานหนังที่เป็นผลงานรีเมคหนังผีสุดคลาสสิกของอิตาลีอย่าง Suspiria (2017) เจ้าตัวเปิดเผยตัวเองว่าเป็นเกย์ ออสการ์ไม่ได้ปิดกันผู้กำกับที่เปิดเผยตัวว่าเป็นเกย์หรือ LGBTQ เข้าชิงออสการ์ โดยมีผู้กำกับเข้าชิงออสการ์ที่เปิดเผยตัวว่าเป็น LGBTQ ค่อนข้างสม่ำเสมอและเคยคว้าออสการ์ไปหลายคน ซึ่งผู้กำกับที่เป็นเกย์หรือ LGBTQเข้าชิงออสการ์คนล่าสุดคือ Lee Daniels จาก Precious (2009) แต่คนล่าสุดที่คว้าออสการ์กลับบ้านไปได้ คือ John Schlesinger จาก หนังกลิ่นฮอมอ อย่าง Midnight Cowboy (1969) ด้วยการเป็นที่ตัวหนังเป็นหนังดราม่าที่มีคำวิจารณ์ดีมาก ทำให้มีโอกาสลุ้นเข้าชิงออสกาณ์ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะช่วงหลังออสการ์มักจะมีผู้กำกับแนว narrative เข้าชิงค่อนข้างบ่อย แต่โอกาสในการลุ้นรางวัลของเจ้าตัวในสาขานี้ในปีนี้ค่อนข้างน้อยลงมาหน่อย เมื่อในปีนี้เจอหนังที่มีความโดดเด่นทางด้านงานสร้างสูง อย่าง Dunkirk หรือ The Shape of Water เป็นต้น เพราะระยะหลัง ผู้กำกับที่กำกับหนังที่โดดเด่นในแง่งานสร้างหรือproduction มักจะคว้าออสการ์กลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็น Damien Chazelle จาก La La Land (2016), Alejandro G. I??rritu จาก Birdman (2014)และ The Revenant (2013), Alfonso Cuar?n จาก Gravity (2013) หรือ Ang Lee จาก Life of Pi (2012) เป็นต้น

Best (Adapted) Screenplay #1 - Luca Guadagnino, James Ivory, Walter Fasano
     สาขานี้มีความน่าสนใจคือ หนังเป็นการกลับมาของ James Ivory ผู้กำกับมากฝีมือในวัย 89 ปีที่เคยกำกับหนังอย่าง A Room with a View (1985), Howards End (1992),  The Remains of the Day (1993)และ Maurice (1987) หนังเกย์สุดคลาสิก ในฐานะของผู้อำนวยการสร้างและคนเขียนบท ซึ่งลุง James เคยเข้าชิงออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์ ซึ่งนี้เป็นการกลับมาที่มีลุ้นเลย  นี้คงเป็น 1 เหตุผลที่ส่งให้ในตอนนี้หนังเรื่องนี้เป็นเต็งหนึ่งสาขาบทดัดแปลงยอดเยี่ยม นอกจากนี้แล้วหนังมีมือเขียนบทอีกสองคนคือ ผู้กำกับเองและมือตัดต่อของหนัง หนังดัดแปลงจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Andr? Aciman นักเขียนชาวอียิปต์

Best Actor #6 - Timothée Chalamet
    Timothée Chalamet รับบทนำ ซึ่งเจ้าตัวมีลุ้นเข้าชิงออสการ์ แต่ด้วยอายุเพียง 21 ปีและในสาขานำชาย มักจะมีการแข่งขันสูงทำให้นักแสดงที่อายุน้อย มักจะไม่ได้รับโอกาสเข้าชิง ทำให้หนังอาจจะส่ง Armie Hammer ซึ่งรับบทนำร่วม เข้าชิงนำชายแทน เพราะจากสถิติที่ผ่านมา มีนักแสดงอายุน้อยกว่า 25 ปี เข้าชิงออสการ์สาขานำชายเพียงแค่ 3 คน ซึ่งค่อนข้างนานมาแล้วที่มีเข้าชิง และคนที่อายุน้อยที่สุด ที่คว้ารางวัลกลับบ้านไปได้คือ Adrien Brody จาก The Pianist (2002) วึ่งตอนนั้นอายุ 29 ปี แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะช่วงปลายปีน้องอาจจะเป็นขวัญใจนักวิจารณ์ที่คว้ารางวัลจำนวนมากก็เป็นไปได้

Best Supporting Actor #1, #outtop10 - Michael Stuhlbarg, Armie Hammer
     เต็งหนึ่งในขณะนี้กับ Michael Stuhlbarg กับบทบาทพ่อของ Elio นักแสดงมากฝีมือที่เกือบจะได้ชิงออสการ์จากบทนำในหนังตลกร้ายของพี่น้องCoen เรื่อง A Serious Man (2009) ผลงานที่น่าสนใจอีกหลายอย่างในปีนี้ทั้งรับบทสมทบใน Fargo (2017) ซีซั่น 3, รับบทสมทบในหนังแฟนตาซีของผู้กำกับสายแฟนตาซีอย่าง Guillermo del Toro ใน The Shape of Water (2017) และรับบทสมทบในหนังดราม่าเต็งออสการ์ของ Steven Spielberg ใน The Papers (2017)
     Armie Hammer อาจะเพราะเจ้าตัวไม่ใช่บทนำหลักของเรื่อง แต่ด้วยนี้คือบทบาทที่ดีที่สุดของเจ้าตัวทำให้เจ้าตัวอาจมีลุ้นเข้าชิงออสการ์ก็เป็นไปได้

Best Cinematography #6 - Sayombhu Mukdeeprom
    นี้คือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของหนัง หนังมีผู้กำกับภาพชาวไทยอย่าง Sayombhu Mukdeepromหรือ สยมภูมิ มุกดีพร้อม ที่เคยกำกับภาพหนังหลายเรื่องของอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล รวมถึงลุงบุญมีระลึกชาติ (2553) นอกจากนี้เจ้าตัวเคยกำกับภาพหนังอาหรับราตีฉบับของผู้กำกับชาวโปรตุเกสมากความสามารถอย่าง Miguel Gomesในเรื่อง Arabian Nights (2015) ถ้าหนังได้รับกระแสที่ดีในเวทีรางวัล เจ้าตัวก็อาจจะมีลุ้น เพราะนักวิจารณ์หลายคนชมถึงงานภาพของหนัง นอกจากนี้เจ้าตัวยังได้กลับมาร่วมงานกันกับผู้กำกับในหนังเรื่อง Suspiria (2017) ด้วยความที่เป็นหนังดราม่า ที่มีอะไรให้เล่นน้อยกว่าหนังแฟนตาซีหรือไซไฟ ทำให้โอกาสลุ้นอาจจะน้อยกว่าเรื่องอื่น ปีนี้สาขานี้มีตัวเต็งค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ Roger Deakins ที่เข้าชิงบ่อยจนถึง 13 ครั้ง แต่ไม่เคยได้รางวัล มากับเรื่อง Blade Runner 2049, งานภาพสงครามกับฟิลม์ 65 ม.ม. ใน Dunkirk ของ Hoyte van Hoytema ที่เคยเกือบเข้าชิงกับ     Interstellar (2014), งานภาพย้อนยุคในหนังแฟนตาซี The Shape of Waterของ Dan Laustsen ที่เคยกำกับภาพงานสุดสวยอย่าง Crimson Peak (2015), งานขาวดำของเมืองนิวยอร์กใน Wonderstruck ที่เคยเข้าชิงมาแล้ว 2 ครั้ง ล่าสุดกับ Carol (2015) เป็นต้น แต่ความเป็นชาวเอเชียของสยมภูมิอาจเป็นการสร้างความได้เปรียบของตัวเขา

Best Film Editing
#top10 - Walter Fasano
    หนังเล่าเรื่องเรื่อยๆทั่วไปสไตล์ narrative ทำให้การตัดต่อมีโอกาสในการลุ้นเข้าชิงค่อนข้างน้อย

Best Original Score #No - Sufjan Stevens
    ดนตรีโดย Sufjan Stevens หนุ่มนักร้องอินดี้หน้าร้องกับการประพันธ์ดนตรีให้กับหนังเป็นครั้งแรก

*สาขาเสียงขอยังไม่เดา เพราะเดายาก รวมถึงสาขาแต่งหน้าและทำผมเพราะมี 3 ที่นั่งทำให้เดายากเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่