สวัสดีคะทุกคน เนื่องจากเป็นทริปอยากเที่ยวแบบสุดเหวี่ยงไม่ได้เตรียมตัวมากมาย เราเลือกที่จะไป ปิล๊อก สถานที่ที่หลายๆคนบอกว่าอากาศดี้ดี และที่พักที่เราเลือกก็คือ บ้านป้าเกล็น (เหมืองแร่สมศักดิ์) ที่พักที่ไกล และ ลึกเข้าไปอีกเส้นทางยากลำบากพอตัวแต่เชื่อเถอะว่า เข้าไปแล้วจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  
        
         " อยากสัมผัสอากาศเย็น อยากเห็นหมอก อยากสงบ ปิล๊อก ( อีต่อง ) บ้านเล็กในป่าใหญ่ เหมืองแร่สมศักดิ์ ''

  หมู่บ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก ถือเป็นหมู่บ้านอากาศดีที่กำลังได้รับความนิยม หากใครที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบ

      เริ่มเดินทาง 22 กรกฎาคม 2560 ในหน้าฝนที่ชุ่มช่ำตลอดการเดินทาง...................................
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับมาประมาณ 9 กม.จะพบสะพาน ลอยข้ามไปทาง จ.กาญจนบุรี ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ขับมาประมาณ 7 กม. ท่านจะพบสี่แยกให้เลี้ยว ขวา ( แยกซ้ายไปบ้านโป่ง ตรงไปคือถ้ำค้างคาว) เพื่อไปยัง อ.เมืองกาญจนบุรี จากนั้นมุ่งหน้าสู่สี่แยก แก่งเสี้ยน ให้ขับ ไปทาง อ. ทองผาภูมิ ซึ่งจะผ่านทั้ง ไทรโยคน้อย และไทรโยคใหญ่ ( หลักกม.ที่ 125 ทางหลวงหมายเลข 323 ) จะพบสามแยก ( ตรงไปไปอำเภอทองผาภูมิ + เขื่อนเขาแหลม ถ้าเลี้ยวขวาไปอำเภอสังขละบุรี) ให้ขับตรง ไปเพื่อมุ่งหน้าสู่อ.ทองผาภูมิ ประมาณ 25 กิโลเมตร เส้นทางเป็นทางลัดเลาะ ตามไหล่เขา ถนนค่อนข้างแคบ โค้ง เยอะ จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ  ขับไป 2.5 กิโลเมตร ทางขวามือมีทางแยกไปน้ำตก จ๊อกกระดิ่น ขับตรงไปอีกนิดทางซ้ายมือจะมีเส้นทางลงเขาปากทางปักป้ายไว้ว่า เหมืองสมศักดิ์ (บ้านป้าเกล็น) สู่เหมืองสมศักดิ์นั้น สมบุกสมบันเอาเรื่อง เพราะเส้นทางเป็นลูกรังลาดชันคดเคี้ยว ต้องนั่งรถโฟร์วีลขึ้นไป หากนำรถตู้ หรือรถเก๋งขึ้นมาส่วนใหญ่จะ นัดหมาย กับรถที่บ้านป้าเกล็นให้มารับที่ส.ภ.ต. ปิล๊อก ซึ่งอยู่ไม่ไกล จากปากทางเข้าเหมืองสมศักดิ์ หรืออาจจะนัดให้มารับที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิก็ได้
       ทางเข้าไปปิล๊อก หมอกที่ปกคลุมไปทั่ว
พอถึง สภอ.ปิล็อก ก็จอดรถ ลงไปลงชื่อฝากรถ บนสถานีตำรวจ ตำรวจบริการดีมาก น่ารักค่ะ แล้วก็มีรถที่เราจองไว้เป็นแพคเก็ต พาเราชมรอบๆหมู่บ้าน อากาศดี ผู้คนน่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นหมู่บ้านที่สงบจริงๆคะ เหมาะกับการพักผ่อน
Package ที่เรามาเป็น 1600 ต่อวันต่อคน พัก 2 วัน 1 คืน ติดต่อจองห้องพักที่คุณชาลี ในการจ่ายมัดจำ จ่ายกับคุณชาลีแค่ 10-15% เท่านั้นนะคะ เพราะที่เหลือเราต้องไปจ่ายที่ป้าเกล็นเองตอนเราเข้าพัก เนื่องจากในรีสอร์ท ไม่มีสัญญาณใดๆเลยแม้แต่อินเตอเน็ต คุณชาลีจึงทำหน้าที่แค่รับจองและมัดจำแค่บางส่วนคะ สำหรับใครที่ไม่ได้จอง สามารถมาได้เลยและติดต่อ สถานีตำรวจว่าจะเข้าพัก บ้านป้าเกล็น จะมีรถเข้าไปส่งข้างในเราขอเบอร์มาให้ด้วยนะ ( 086-009-3406) ขึ้นลง เหมืองจะมี วันละ 2-3 รอบ แล้วแต่จำนวนนักท่องเที่ยว พี่เฉลิม แกเป็นตำรวจ ที่ทำอาชีพเสริมรับส่งนักท่องเที่ยวอยู่ที่นั่น ไว้ใจพี่แกได้ พี่แกพาไปหมด บอกพี่เฉลิมแกได้เลยคะ
       ระหว่างทางไปเนินช้างศึก หน้าฝนแบบนี้ก็จะมีฝนกับหมอกสลับกันไป ไม่ค่อยได้เห็นภูเขาเท่าไหร่
ในที่สุดก็มาถึงค่ะ คุณชาลีบอกว่า 5 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที แล้วแต่ว่าจะมีรถสวนเยอะไม๊ ถ้าสวนเยอะ ก็ช้า เพราะทางแคบมว๊าก ขรุขระมว๊าก นี่เป็นภาพแรกที่เห็นนะ มันก็เป็นแบบรีวิวอื่นๆค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายไรมาก ส่วนทางบริเวณนี้ก็ขรุขระใช้ได้คะ ช่วงนี้หน้าฝนก็จะหนักหน่อย
ในที่สุดเราก็ถึงที่พักกันแล้วคะ เรามาทำความรู้จักกับเจ้าของบ้านกันดีกว่า รอยยิ้มของป้าเกล็น     ตำนานรักบทนี้ เริ่มขึ้นเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว เมื่อ สมศักดิ์ เสตะพันธุ เดินทางไปเรียนปริญญาโทด้าน วิศวกรรมเหมืองแร่ที่ เมืองแคลคูรี ประเทศออสเตรเลีย  ที่นั่นคุณสมศักดิ์ได้พบรักกับสาวชาวออสซี่ คือ"เกล็นนิส เจอร์เมน ไวท์" (ป้าเกล็น) ก่อนทั้งคู่จูงมือเดิน เข้าสู่ประตูวิวาห์ แล้วพากันเหินลัดฟ้ากลับมาก่อร่าง สร้างครอบครัวที่ี่ เมืองไทย คุณสมศักดิ์มาสานต่อกิจการงานเหมืองด้วย การเปิด เหมืองใหม่ที่ทองผาภูมิ ในชื่อ"เหมืองสมศักดิ์" ส่วนป้าเกล็น เป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ในกรุงเทพฯ ควบคู่ไปกับการเป็นแม่บ้านอยู่ใน เหมืองสมศักดิ์ดินแดนดงดิบอันห่างจากแสงสี โดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากทั้งหลาย ทั้งคู่มี"ความรัก"ส่องนำชีวิต ก่อนที่เมืองเหมือง ในปิล๊อกจะเข้าสู่ยุคเสื่อมดังที่ได้เล่ามา ทำให้เหมืองสมศักดิ์ที่เคยรุ่งโรจน์ต้องปิดตัวลงใน ปี พ.ศ.2529 จากนั้น 2 ปีถัดมาลุงสมศักดิ์ ป่วยหนักด้วยความตรอมใจ ก่อนเสียชีวิตในอีก 8 ปีต่อมาตำนานเหมืองสมศักดิ์ปิดฉากลง แต่ตำนานรักอมตะกลับถูกเปิดขึ้นมา เมื่อป้าเกล็นนำพลังรักที่มีต่อสามี ดัดแปลงอดีตเหมืองให้เป็นที่พักในลักษณะบ้านเล็กในป่าใหญ่ ในสไตล์เกสเฮาส์-โฮมสเตย์อันสงบงาม และยอดเยี่ยม ไปด้วยสภาพแวดล้อมทั้ง แมกไม้ สายธาร น้ำตก บรรยากาศร่มรื่นน่าสัมผัส บ้านหลังแรกที่เราเห็นคือ เรือนพักรับรอง ซึ่งปรับปรุงมาจากโรงเก็บพัสดุเก่าของเหมืองแร่และกลายเป็นห้องรับรองของแขกและบ้านพักของป้าเกล็น ภายในเรือนพักรับรอง ตกแต่งแบบเรียบง่ายและสะอาดเป็นระเบียบมีรสนิยม โดยเฉพาะบรรดาของเล็กๆน้อยๆกระจุกกระจิกที่ตกแต่งได้ อย่างกิ๊บเก๋น่ารัก สวยงาม นอกจากนี้เราจะ ได้เห็นรูปภาพและเรื่องราวต่างๆ ของป้าเกล็นและครอบครัว รวมถึงภาพของคุณสมศักดิ์ กับคนงานใน เหมืองแร่ ภาพข่าวจากสื่อต่างๆ อีกด้วย บรรยากาศภายนอกอากาศเย็นสบายร่มรื่นด้วยแมกไม้สาย น้ำตกเล็กๆไหลรินสร้างความ ชุ่มฉ่ำทางตาและทางใจแก่ผู้พบเห็น


ต่อไปเรามาดูห้องพักของเรากันดีกว่า มันจะมืดๆนิดหน่อยเพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้นะคะ บอกแล้วมันธรรมชาติมาก ที่นี่ใช้เครื่องปั่นไฟ ต้องอาบน้ำให้เสร็จภายใน 21.00 น. แต่หายห่วงเรื่องอากาศ ที่นี่เย็นสบาย โดยไม่มีแอร์และพัดลมใดๆทั้งสิ้น ใช้ความเย็นจากลำธารที่อยู่หลังรีสอร์ทเรานี่แหละ นอนฟังเสียงน้ำไหลทั้งคืนเลย
ห้องนอนก็จะมีแบบกลุ่ม 4 คน ตามในรูปเลยคะ

          นอกจากตำนานรักอันมีชื่อเสียงโด่งดังของป้าเกล็นแล้ว ขนมเค้กฝีมือป้าเกล็นที่โด่งดังในเรื่องของรสชาติเป็นสูตรจากออสเตเลียทำให้ นักเดินทางหลาย ต่อหลายคนติดใจและพูดถึงความอร่อยและหอมหวานของกันมานักต่อนัก เค้กบ้านป้าเกล็นเป็นสูตรดั้งเดิมที่คุณป้าลงมือทำ ด้วยตัวเอง เค้กมีหลากรส ทั้ง รสช้อกโกเล็ต  แครอท  โรยหน้าด้วยอัลมอนด์ เค้กกาแฟ ให้เราเลือกตักทาน กันได้ตลอด แถมมีกาแฟ น้ำชา โอวัลติน ดื่มให้ชุ่มคอคู่กันไปอีกด้วย มื้อเย็นนอกจากจะมีอาหารพื้นบ้าน ตามปกติแล้ว เมนูเด็ดอีก 1 เมนู คือ บาร์บีคิวย่าง  ติดเตาถ่านที่ระเบียงข้าง ๆ ห้องพัก มีบาบีคิวไก่ และซี่โครงหมูถาดโต เฉลี่ยแล้ว ไม่น้อยกว่าคนละ 3 ไม้ ไม้โต ๆ หมักมาได้ที่เปื่อย นุ่ม รสอร่อยมาก อร่อยกับบาร์บีคิวจนลืมอาหารกิน กับข้าวสวย เพราะเพลินกับ การกินบาบีคิวอย่างน้อยคนละ 2 ไม้เป็นกับแกล้มชั้นยอดเลยที่เดียว ส่วนอาหารเช้ามีข้าวต้ม อาหารฝรั่ง มีขนมปังปิ้ง มี ใส้กรอก ไข่ดาว เนยและแจม วางไว้ให้พร้อมลุกไปตักเอามาเอง กี่รอบก็มีวางไว้ให้อย่างเหลือเฟือ
  ก่อนกลับเราก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปกับป้าเกล็น และสัญญาว่าจะกลับมาเที่ยวอีก


  และสถานที่ ที่พลาดไม่ได้เช่นกัน น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกที่มีความโดดเด่นสวยงามแปลกตา เป็นน้ำตกอยู่ท่ามกลางหุบเขา ยังเป็นน้ำตกที่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก เหมาะกับคนที่ชอบสไตล์ลุยๆ แบบไม่ลำบากมาก เพียงการเดินทางเข้าไปตัวน้ำตกยังเป็นเส้นทางที่ขรุขระ แบบออฟโร้ด และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณน้ำตก  ถ้าเป็นช่วงน้ำน้อยจะสามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ช่วงนี้ฝนตกก็จะมีพี่ทหารคอยดูแลเราไม่ให้ลงไปเล่นคะ น้ำแรงมาก อาจเกิดอันตรายได้
[img]https://f.ptcdn.info/650/052/