ช่วงนี้ ผมได้ตั้งกระทู้ถามแทบทุกวัน เพราะพึ่งได้ Iphone 7 มาใหม่ และก็มีเรื่องที่กังวล และสงสัย ได้เข้ามาสอบถามท่าน สมช..ในนี้ และ ก็นั่งหาข้อมูลใน internet ด้วย ทั้ง สองทาง และเน้นไปเรื่องของแบตเพราะว่า มีข้อสงสัยหลายประการอยู่เหมือนกัน ผมขอสรุปเท่าทีหามาได้นะครับ
...........ส่วนจะจริงแท้ มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่การพิจารณาของท่าน และยินดีรับข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์สำหรับท่านอื่นๆ ที่เข้ามามาดูกระทู้นี้..........
ถ้าท่านไหนได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ผมได้หาข้อมูลมาประกอบด้วยครับ คือ เรื่องแบตเต็ม 100 หรือ ไม่เต็ม 100 ไม่เกี่ยวกับแบตมีปัญหานะครับ เป็นเรื่องปกติ (อันนี้หมายถึงแบตปกติจริงๆ ไม่ได้เสื่อม หรือ ใช้มานาน นะครับ) ตามหลักการก็คือ
1.ถ้าเราชาร์ตไว้จนกระทั่งเต็ม 100 แล้ว แต่เรายังไม่เลิกชาร์ต ยังคงชาร์ตต่อไป ตัวเครื่อง จะตัดการทำงานในเรื่องของแบตที่ถูกชาร์ตออกไป ไม่ให้มีการทำงาน นั่นหมายความว่า ถ้าเราดูเครื่องว่ามันชาร์ตเต็ม 100 แล้ว เรายังไม่ถึงสายชาร์ตออก แต่โทรศัพท์ไม่ได้ถูกชาร์ตแล้วนะครับ มันตัดการทำงานไปแล้ว แต่ยังคงสถานะเปอร์เซ็นต์ไว้ ที่ 100 เพื่อป้องกันการสับสนของผู้ใช้ว่าทำไม ชาร์ตไม่เต็มเสียที
2.จากข้อ 1 เมื่อเรา เห็นว่า เต็ม100 แล้ว แล้วเราพึ่งปิดเครื่อง แต่พอเช้ามา เราเปิดเคร่ื่อง ทำไมมันกลายเป็น 98-99% ก็เพราะว่า มันมีแอพ หรือการทำงานของเครื่องใช้งานไปแล้ว ก่อนที่เราจะปิดเครื่อง และเปิดใหม่ ทำให้แบตลดลง ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
3.จากทั้งข้อ 1 และ 2 สรุปได้ว่า เมื่อชาร์ตเต็ม 100 แล้ว ก็ควรดึงปลั๊ก หรือ สายชาร์ตออก ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียบคาไว้ เพราะไม่มีผลต่อการชาร์ตอีกต่อไป เพราะเครื่องตัดการทำงานไปแล้ว และไม่มีเหตุผลที่จะทำให้แบตเสื่อมเร็วกว่าปกติ ถ้าเรายังชาร์ตต่อไป
4.มีหลายท่านๆ สงสัยว่า เครื่องที่ใช้งานอยู่ ว่า ปัจจุบัน แบตเสื่อม หรือยัง ต้องเปลี่ยนเลยมั้ย หรือใช้งานต่อไปได้อีก แค่ไหน ผมก็สรุปให้ดังนี้นะครับ
แบต iphone เค้าจะมีวิธี เช็คนับตามรอบของการชาร์ต หรือที่เรียกว่า cycle 1 cycle คือ 100% ยกตัวอย่างเช่น
วันนี้ ท่าน สมช.ใช้แบตที่มีอยู่ 100% ใช้หมดไป 50 คงเหลือ50% แล้วชาร์ตให้เต็ม 100% แล้วนำมาใช้ใหม่ เหลือ 50 เหมือนเดิม ก็ชาร์ตให้เต็ม 100 % แบบนี้ เรียกว่า 1 cycle ครับ ไม่ใช่ 2 cycle นะครับ .........แบต iphone มีวงรอบการชาร์ต 500 cycle .......Ipad 1000 cycle ครับ
5.จากข้อ 4 พอมองเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ ว่า แบตของ ท่าน สมช. ที่ใช้อยุ่ สมควร เปลี่ยน หรือ ใกล้เสื่อม แล้วหรือยัง อาจจะมีบางท่าน อาจจะแย้งว่า ...โอ๊ย !! ใครจะจำได้ว่า มันชาร์ตไปกี่ครั้งแล้ว แล้ว จะถึงกี่ cycle ......555 ผมมีตัวช่วยครับ ใช้เวลาไม่นาน ก็จะเห็นเลยทีเดียวว่า แบตของท่าน สมช.ไปถึงไหนกันแล้ว
6.นั่นก็คือ ใช้โปรแกรมช่วย ครับ ไม่ใช่แอพ นะครับ เป็นโปรแกรมที่ต้องติดตั้งลงในเครื่องคอมฯเรา แล้วถึงเอา iphone มาเสียบสาย เช็คดูครับ โปรแกรมทีว่า ก็คือ ....ibackupbot..... (อันนี้ต้องไปหาใน google เองนะครับ ซึ่งหาไม่ยาก และก็มีวิธีใช้ด้วย ง่ายมากๆ)ตัวโปรแกรมนี้ ทำให้เรารู้เลยว่า เครื่องนี้ มันเป็นเครื่องใหม่ หรือ เครื่องมือสอง ที่หลอกขายเราเป็นมือหนึ่ง เพราะเราเช็คจากตรงนี้ได้ (อันนี้ คงไม่รวมถึงการเปลี่ยนแบตมาใหม่นะครับ)
ทั้งหมด ทั้งมวล ที่พยายามหาข้อมุลตลอด 2-3 วันนี้ เลยคิดว่า น่าจะมาบอกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาถามไถ่กันเป็นแบบซ้ำๆคำถามเดิม (เหมือนตัวผม 555) ..... สุดท้าย ท่าน สมช. ท่านไหนคิดว่าผมพลาด หรือผิด ตรงไหน แย้งได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะอยากได้ข้อมูลที่ตรงกับความจริงมากที่สุดครับ .......ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน
เรื่องเกี่ยวกับ"แบต Iphone" ท้งเรื่อง ...แบตเสื่อม หรือ แบต มีปัญหา หรือเปล่า!!
...........ส่วนจะจริงแท้ มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่การพิจารณาของท่าน และยินดีรับข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์สำหรับท่านอื่นๆ ที่เข้ามามาดูกระทู้นี้..........
ถ้าท่านไหนได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ผมได้หาข้อมูลมาประกอบด้วยครับ คือ เรื่องแบตเต็ม 100 หรือ ไม่เต็ม 100 ไม่เกี่ยวกับแบตมีปัญหานะครับ เป็นเรื่องปกติ (อันนี้หมายถึงแบตปกติจริงๆ ไม่ได้เสื่อม หรือ ใช้มานาน นะครับ) ตามหลักการก็คือ
1.ถ้าเราชาร์ตไว้จนกระทั่งเต็ม 100 แล้ว แต่เรายังไม่เลิกชาร์ต ยังคงชาร์ตต่อไป ตัวเครื่อง จะตัดการทำงานในเรื่องของแบตที่ถูกชาร์ตออกไป ไม่ให้มีการทำงาน นั่นหมายความว่า ถ้าเราดูเครื่องว่ามันชาร์ตเต็ม 100 แล้ว เรายังไม่ถึงสายชาร์ตออก แต่โทรศัพท์ไม่ได้ถูกชาร์ตแล้วนะครับ มันตัดการทำงานไปแล้ว แต่ยังคงสถานะเปอร์เซ็นต์ไว้ ที่ 100 เพื่อป้องกันการสับสนของผู้ใช้ว่าทำไม ชาร์ตไม่เต็มเสียที
2.จากข้อ 1 เมื่อเรา เห็นว่า เต็ม100 แล้ว แล้วเราพึ่งปิดเครื่อง แต่พอเช้ามา เราเปิดเคร่ื่อง ทำไมมันกลายเป็น 98-99% ก็เพราะว่า มันมีแอพ หรือการทำงานของเครื่องใช้งานไปแล้ว ก่อนที่เราจะปิดเครื่อง และเปิดใหม่ ทำให้แบตลดลง ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
3.จากทั้งข้อ 1 และ 2 สรุปได้ว่า เมื่อชาร์ตเต็ม 100 แล้ว ก็ควรดึงปลั๊ก หรือ สายชาร์ตออก ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียบคาไว้ เพราะไม่มีผลต่อการชาร์ตอีกต่อไป เพราะเครื่องตัดการทำงานไปแล้ว และไม่มีเหตุผลที่จะทำให้แบตเสื่อมเร็วกว่าปกติ ถ้าเรายังชาร์ตต่อไป
4.มีหลายท่านๆ สงสัยว่า เครื่องที่ใช้งานอยู่ ว่า ปัจจุบัน แบตเสื่อม หรือยัง ต้องเปลี่ยนเลยมั้ย หรือใช้งานต่อไปได้อีก แค่ไหน ผมก็สรุปให้ดังนี้นะครับ
แบต iphone เค้าจะมีวิธี เช็คนับตามรอบของการชาร์ต หรือที่เรียกว่า cycle 1 cycle คือ 100% ยกตัวอย่างเช่น
วันนี้ ท่าน สมช.ใช้แบตที่มีอยู่ 100% ใช้หมดไป 50 คงเหลือ50% แล้วชาร์ตให้เต็ม 100% แล้วนำมาใช้ใหม่ เหลือ 50 เหมือนเดิม ก็ชาร์ตให้เต็ม 100 % แบบนี้ เรียกว่า 1 cycle ครับ ไม่ใช่ 2 cycle นะครับ .........แบต iphone มีวงรอบการชาร์ต 500 cycle .......Ipad 1000 cycle ครับ
5.จากข้อ 4 พอมองเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ ว่า แบตของ ท่าน สมช. ที่ใช้อยุ่ สมควร เปลี่ยน หรือ ใกล้เสื่อม แล้วหรือยัง อาจจะมีบางท่าน อาจจะแย้งว่า ...โอ๊ย !! ใครจะจำได้ว่า มันชาร์ตไปกี่ครั้งแล้ว แล้ว จะถึงกี่ cycle ......555 ผมมีตัวช่วยครับ ใช้เวลาไม่นาน ก็จะเห็นเลยทีเดียวว่า แบตของท่าน สมช.ไปถึงไหนกันแล้ว
6.นั่นก็คือ ใช้โปรแกรมช่วย ครับ ไม่ใช่แอพ นะครับ เป็นโปรแกรมที่ต้องติดตั้งลงในเครื่องคอมฯเรา แล้วถึงเอา iphone มาเสียบสาย เช็คดูครับ โปรแกรมทีว่า ก็คือ ....ibackupbot..... (อันนี้ต้องไปหาใน google เองนะครับ ซึ่งหาไม่ยาก และก็มีวิธีใช้ด้วย ง่ายมากๆ)ตัวโปรแกรมนี้ ทำให้เรารู้เลยว่า เครื่องนี้ มันเป็นเครื่องใหม่ หรือ เครื่องมือสอง ที่หลอกขายเราเป็นมือหนึ่ง เพราะเราเช็คจากตรงนี้ได้ (อันนี้ คงไม่รวมถึงการเปลี่ยนแบตมาใหม่นะครับ)
ทั้งหมด ทั้งมวล ที่พยายามหาข้อมุลตลอด 2-3 วันนี้ เลยคิดว่า น่าจะมาบอกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาถามไถ่กันเป็นแบบซ้ำๆคำถามเดิม (เหมือนตัวผม 555) ..... สุดท้าย ท่าน สมช. ท่านไหนคิดว่าผมพลาด หรือผิด ตรงไหน แย้งได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะอยากได้ข้อมูลที่ตรงกับความจริงมากที่สุดครับ .......ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน