สวัสดีค่าาาาา เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน
นี่เป็นครั้งแรกในการเขียนรีวิวของเราเองค่า
ปกติเคยตามอ่านแต่ของเพื่อนๆ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยนะค่า ♥️
อันตัวทริปเริ่มจากเพื่อนตัวดีที่อยู่ กทม. (ส่วนตัวเรานั้น ประจำถิ่นฐานที่กระบี่และหาดใหญ่)
คันมือคันเท้าอยากเที่ยวใต้ จนไปเดินงานไทยเที่ยวไทย แล้วสอยทริปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานกันมา ช่วงหยุดยาวในเดือน ก.ค.
ปรึกษาหารือเรื่องเดินทางกันแล้ว จึงสรุปว่า นั่งพี่หางแดงมาลงที่กระบี่ แล้วค่อยขับรถชิลๆไปที่เขื่อนเชี่ยวหลานกัน
คิดกันไว้แค่นั้น จบภารกิจ...แล้วก็ปล่อยยาวเลยเถิดจนใกล้ถึงวัน
พ่าม พาม พ้ามมมมม น้องแจ๊สคันเก่งของ จขกท.ดันติดภารกิจที่หาดใหญ่
เลยเสียหลักต้องเช่ารถเพิ่มอีก 1 คันในการเดินทาง
เกริ่นซะเวิ่นเว้อ ยืดยาว เสียสติ
เอาเป็นว่าทริปนี้เป็น road trip มินิๆ จากกระบี่-เชี่ยวหลาน-กระบี่ กันค่ะ
ว่าแล้วก็ไปเริ่มกันเลยดีกว่า
Day1: Krabi land นอนเกสเฮ้าในตัวเมือง
เริ่มจากเพื่อนและพี่ทั้ง 2 นางลงเครื่องที่สนามบินกระบี่ และเนื่องจากนัดรับรถเช่าไว้ตอนหกโมงเย็น 5555
(ส่วนเราเองก็ต้องนั่งรถตู้กลับมาจากหาดใหญ่) ความทุลักทุเลก็บังเกิด พวกนางจึงต้องนั่งรถ shutter bus ของสนามบินออกมา
ตีตั๋วลงในตัวเมือง สนนราคาที่ 90 บาท/คน หลังจากนั้นหาอะไรรองท้องกันก่อนเช็คอินเข้าที่พัก
โดยที่ซุกหัวนอนในครานี้นั้น เราพักเกสเฮ้ากันเนื่องจากเบี้ยน้อย หอยน้อย และอยากได้ฟีลลิ่งงงงงงง เดินเล่นในตัวเมืองตามที่พวกนาง 2 คนปรารถนา
ก็เลยจัดไป ได้ที่พักเล็กๆ น่ารัก กลิ่นอายทะเล๊ ทะเล แต่อยู่ใจกลางเมือง คือ The i Talay Room & Souvenir -Guesthouse
ส่วนรูปห้องพักนั้นนนนน ไม่ทันได้แชะภาพ เราทั้ง 3 คนได้ทิ้งตัวลงไปเกลือกกลิ้งกันก่อน
แต่รับรองว่าเหมาะกับพวกback packer แน่นอนจ้าาา
ลืมบอกไปว่า ทริปนี้รวมเงินกองกลางไว้ที่ 3000 บาท เป็นค่ากิน และจิปาถะตลอดทริปเด้อค่าาา
ถึงเวลารับรถ 6โมงเย็น อันนี้เราได้ทำการจองและชำระผ่านเว็บไซต์มาก่อนแล้ว โดยเลือกรถขนาดเล็ก เหมาะกับสาวแคระอย่างพวกเรา ได้น้องสวิฟต์สีแดงปริ๊บๆมา ราคาตกที่วันละ 800 บาท
ขั้นตอนการรับรถก็จะซับซ้อนนิ๊ดดดดดดดดดนึง โดยตอนแรกเราคุยกับเพื่อนว่า ตอนที่เช็ครถกัน ให้เพื่อนคุยกับคนที่มาส่งรถ แล้วเราจะเดินถ่ายรูปไว้
แต่ปรากฎว่า คนส่งรถละเอียดทุกกระบวนการ เด็ดดวงถึงขั้นถ่ายวิดิโอรอบรถทั้งหมด อันความเยอะของพวกเราจึงยอมพ่ายแพ้
แต่ก็นั่นแหละค่ะคุณผู้ชม ยังไงก็ต้องเช็คให้ดีอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของเราเองเนอะ
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องน้องวิฟต์สีแดง ตะวันก็ตกทะเลจนมองไม่เห็นอะไรที่ผ่อนคลายใจแล้ว
เลยตัดสินใจหาอะไรลงท้องกันดีกว่า คุณเพื่อนรีเควสอาหารทะเล ปลาหมึกย่าง ก็จัดไปเลยค่า
ซิ่งน้องวิฟต์มุ่งหน้าตรงไปทางสวนสาธารณะธารา และเราเลือกร้าน"น้องโจ๊ก" เป็นที่ยึดเหนี่ยวท้องในครั้งนี้ บรรยากาศร้านมุ้งมิ้งมากกกก มีทั้งโซนห้องแอร์ และเอาท์ดอร์เลยค่า ตกแต่งได้น่ารัก และดูสะอาดตาดี รสชาติอาหารก็ถูกปากและราคาสบายกระเป๋า
ยำสาหร่าย
โป๊ะแตกรวมมิตร
อิ่มของคาว ก็ต้องต่อด้วยของหวาน โรตีหน้าโวคชื่อดังคือจุดหมายปลายทางต่อไป
แต่ก่อนหน้าจะไป ขอเดินย่อยที่ตลาดปูดำกันก่อน คล้ายๆกับถนนคนเดินเหมือนกัน
ขายของกิน ของเล่น เสื้อผ้า บลาๆๆ ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศมา แหะๆ มัวแต่ส่องของกินอยู่ค่าาาา
หลังจากนั้นก็เช็คอินโรตีกันโลดดด ร้านเป็นโต๊ะนั่งริมฟุตบาท โชคดีวันนี้ที่ไม่ต้องต่อคิวรอโต๊ะ ไปถึงก็สวาปามได้เลย
มาถึงร้านนี้ชาเย็นจัดว่าเด็ด ซึ่งเด็ดจริงๆ จน 2 นางซูฮกว่า เป็นชาเย็นที่อร่อยมากที่สุดเท่าที่ต่อมรับรสนางเคยสัมผัสมา จนอยากขนผงชาไปไว้ที่กรุงเต๊บ
โรตีก็อร่อยสมคำรีวิวที่ต้องมาลองอยู่แล้ว ยังไงก็แวะมาลองกันนะค่าาาา
โรตีกรอบกรุบกริบ ราดนมข้น หื้มมมมมม
โรตีกล้วย+ไข่
ชาเย็น เย็นใจ
จบวันที่ 1 อิ่มถึงคอจะทะลุออกหู ก็อาบน้ำ รีบเข้านอน เพราะพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางกันแต่เช้ามุ่งหน้าสู่การนอนเขื่อนที่รอคอยจ้าา
**แก้ไขรูปภาพ
ทริปนอนเขื่อน แต่เหมือนไปเดินป่า 4 วัน 3 คืน กระบี่-เชี่ยวหลาน เดี๋ยวเปียกเดี๋ยวแห้ง
นี่เป็นครั้งแรกในการเขียนรีวิวของเราเองค่า
ปกติเคยตามอ่านแต่ของเพื่อนๆ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยนะค่า ♥️
อันตัวทริปเริ่มจากเพื่อนตัวดีที่อยู่ กทม. (ส่วนตัวเรานั้น ประจำถิ่นฐานที่กระบี่และหาดใหญ่)
คันมือคันเท้าอยากเที่ยวใต้ จนไปเดินงานไทยเที่ยวไทย แล้วสอยทริปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานกันมา ช่วงหยุดยาวในเดือน ก.ค.
ปรึกษาหารือเรื่องเดินทางกันแล้ว จึงสรุปว่า นั่งพี่หางแดงมาลงที่กระบี่ แล้วค่อยขับรถชิลๆไปที่เขื่อนเชี่ยวหลานกัน
คิดกันไว้แค่นั้น จบภารกิจ...แล้วก็ปล่อยยาวเลยเถิดจนใกล้ถึงวัน
พ่าม พาม พ้ามมมมม น้องแจ๊สคันเก่งของ จขกท.ดันติดภารกิจที่หาดใหญ่
เลยเสียหลักต้องเช่ารถเพิ่มอีก 1 คันในการเดินทาง
เกริ่นซะเวิ่นเว้อ ยืดยาว เสียสติ เอาเป็นว่าทริปนี้เป็น road trip มินิๆ จากกระบี่-เชี่ยวหลาน-กระบี่ กันค่ะ
ว่าแล้วก็ไปเริ่มกันเลยดีกว่า
Day1: Krabi land นอนเกสเฮ้าในตัวเมือง
เริ่มจากเพื่อนและพี่ทั้ง 2 นางลงเครื่องที่สนามบินกระบี่ และเนื่องจากนัดรับรถเช่าไว้ตอนหกโมงเย็น 5555
(ส่วนเราเองก็ต้องนั่งรถตู้กลับมาจากหาดใหญ่) ความทุลักทุเลก็บังเกิด พวกนางจึงต้องนั่งรถ shutter bus ของสนามบินออกมา
ตีตั๋วลงในตัวเมือง สนนราคาที่ 90 บาท/คน หลังจากนั้นหาอะไรรองท้องกันก่อนเช็คอินเข้าที่พัก
โดยที่ซุกหัวนอนในครานี้นั้น เราพักเกสเฮ้ากันเนื่องจากเบี้ยน้อย หอยน้อย และอยากได้ฟีลลิ่งงงงงงง เดินเล่นในตัวเมืองตามที่พวกนาง 2 คนปรารถนา
ก็เลยจัดไป ได้ที่พักเล็กๆ น่ารัก กลิ่นอายทะเล๊ ทะเล แต่อยู่ใจกลางเมือง คือ The i Talay Room & Souvenir -Guesthouse
ส่วนรูปห้องพักนั้นนนนน ไม่ทันได้แชะภาพ เราทั้ง 3 คนได้ทิ้งตัวลงไปเกลือกกลิ้งกันก่อน
แต่รับรองว่าเหมาะกับพวกback packer แน่นอนจ้าาา
ลืมบอกไปว่า ทริปนี้รวมเงินกองกลางไว้ที่ 3000 บาท เป็นค่ากิน และจิปาถะตลอดทริปเด้อค่าาา
ถึงเวลารับรถ 6โมงเย็น อันนี้เราได้ทำการจองและชำระผ่านเว็บไซต์มาก่อนแล้ว โดยเลือกรถขนาดเล็ก เหมาะกับสาวแคระอย่างพวกเรา ได้น้องสวิฟต์สีแดงปริ๊บๆมา ราคาตกที่วันละ 800 บาท
ขั้นตอนการรับรถก็จะซับซ้อนนิ๊ดดดดดดดดดนึง โดยตอนแรกเราคุยกับเพื่อนว่า ตอนที่เช็ครถกัน ให้เพื่อนคุยกับคนที่มาส่งรถ แล้วเราจะเดินถ่ายรูปไว้
แต่ปรากฎว่า คนส่งรถละเอียดทุกกระบวนการ เด็ดดวงถึงขั้นถ่ายวิดิโอรอบรถทั้งหมด อันความเยอะของพวกเราจึงยอมพ่ายแพ้
แต่ก็นั่นแหละค่ะคุณผู้ชม ยังไงก็ต้องเช็คให้ดีอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของเราเองเนอะ
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องน้องวิฟต์สีแดง ตะวันก็ตกทะเลจนมองไม่เห็นอะไรที่ผ่อนคลายใจแล้ว
เลยตัดสินใจหาอะไรลงท้องกันดีกว่า คุณเพื่อนรีเควสอาหารทะเล ปลาหมึกย่าง ก็จัดไปเลยค่า
ซิ่งน้องวิฟต์มุ่งหน้าตรงไปทางสวนสาธารณะธารา และเราเลือกร้าน"น้องโจ๊ก" เป็นที่ยึดเหนี่ยวท้องในครั้งนี้ บรรยากาศร้านมุ้งมิ้งมากกกก มีทั้งโซนห้องแอร์ และเอาท์ดอร์เลยค่า ตกแต่งได้น่ารัก และดูสะอาดตาดี รสชาติอาหารก็ถูกปากและราคาสบายกระเป๋า
ยำสาหร่าย
โป๊ะแตกรวมมิตร
อิ่มของคาว ก็ต้องต่อด้วยของหวาน โรตีหน้าโวคชื่อดังคือจุดหมายปลายทางต่อไป
แต่ก่อนหน้าจะไป ขอเดินย่อยที่ตลาดปูดำกันก่อน คล้ายๆกับถนนคนเดินเหมือนกัน
ขายของกิน ของเล่น เสื้อผ้า บลาๆๆ ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศมา แหะๆ มัวแต่ส่องของกินอยู่ค่าาาา
หลังจากนั้นก็เช็คอินโรตีกันโลดดด ร้านเป็นโต๊ะนั่งริมฟุตบาท โชคดีวันนี้ที่ไม่ต้องต่อคิวรอโต๊ะ ไปถึงก็สวาปามได้เลย
มาถึงร้านนี้ชาเย็นจัดว่าเด็ด ซึ่งเด็ดจริงๆ จน 2 นางซูฮกว่า เป็นชาเย็นที่อร่อยมากที่สุดเท่าที่ต่อมรับรสนางเคยสัมผัสมา จนอยากขนผงชาไปไว้ที่กรุงเต๊บ
โรตีก็อร่อยสมคำรีวิวที่ต้องมาลองอยู่แล้ว ยังไงก็แวะมาลองกันนะค่าาาา
โรตีกรอบกรุบกริบ ราดนมข้น หื้มมมมมม
โรตีกล้วย+ไข่
ชาเย็น เย็นใจ
จบวันที่ 1 อิ่มถึงคอจะทะลุออกหู ก็อาบน้ำ รีบเข้านอน เพราะพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางกันแต่เช้ามุ่งหน้าสู่การนอนเขื่อนที่รอคอยจ้าา
**แก้ไขรูปภาพ