โพสนี้ไว้ย้ำเตือนตัวเอง ถึงวันที่ควรจดจำในชีวิตอีกวันหนึ่ง
บอกเล่าและบรรยาย ถึงสิ่งหนึ่งที่ผมรักและตั้งใจจะอยู่ไปทั้งชีวิต
#ถ้ายาวไปขออภัยและข้ามไปได้นะครับ
จำได้ว่าครั้งหนึ่งมีเพื่อนสนิทในวัยเด็กได้แนะนำบทเพลงของ Linkin Park ผ่านเทปคัทเซ็ทเน่าๆ
และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มหัวทองกับรอยสักเปลงเพลิง ชนะใจผมไปตั้งแต่วันแรกๆที่ได้รู้จักเขา
เป็นเรื่องน่าตลกในวัยที่คิดว่าจุดชีวิตมืดมิดที่สุดมักจะโดนเพื่อนๆล้อ ว่าลิงกิ้นป้ากแต่หาได้แคร์
แม้กระทั่งโดนแซวว่าเชสเตอร์เป็นพ่อเหรอก็ยิ้มรับด้วยความยินดี
ในช่วงเวลานั้น มี2อย่างในไม่กี่สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขได้คือ Hybrid TheoryและMeteora
จนเมื่อปี2004 มีข่าวการมาของเขา โดยในวัยนั้นที่ได้เงินไปเรียนแค่หลักสิบ สามารถเก็บเงินซื้อบัตรคอนเสิร์ตในราคาถูกที่สุด 600 บาทในวัยอายุ14ปี
ความทรงจำที่ไม่จางนับจากวันนั้น
จำได้แม่นว่า พอจบ 20 มิย 2004เหมือนชีวิตขาดหายอะไรไปอย่างเลย
ใช่ครับ ในชีวิตตอนนั้นใฝ่ฝันจะได้เจอกับพวกเขา พอได้เจอแล้วเหมือนเป้าหมายในชีวิตหายไปเลย ในตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ค่อยได้ด้วยมั้งจริงๆนะ
จนสภาวะโตขึ้นมาอีกนิด ได้เข้าเรียนปวช แน่นอนว่าต้องมีการฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนๆ แน่นอนว่าเล่นIn The EndและเพลงของLinkin Parkกัน
แตกต่างจากวงอื่นใน ร.รที่เน้นเล่นเพลงตลาด กันในช่วงนั้น (เห็นไหม LPเข้ามาในชีวิตอีกช่วงเวลาแล้ว)
เวลาผ่านไปจน11 พ.ย 2007 ปีนี้เป็นปีที่พิเศษหน่อยที่LPมาเล่นครั้งที่2และผมได้Meet&Greetด้วย (รูปอยู่ในคอมเมนต์)
ข่าวร้ายก็คือว่าเชสเตอร์แขนหัก ก่อนวันเล่นเพียงไม่กี่วัน จนกลัวว่ายกเลิกด้วย แต่ถึงเวลาสามารถ "แอบ" การ์ดที่เข้มงวดอย่างมากกกกถ่ายรูปกับไมค์และฟีนิกส์ได้
ความดีใจนี้จำได้ดีกว่าฟีนิกส์ได้ถามว่า What your name? เราได้ยินนะแต่สติเราไม่มีแล้ว และไม่สามารถแอบถ่ายกับเชสเตอร์ได้เพราะการ์ดผลักออกแล้ว
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่าจนLPได้ออกอัลบัมเพิ่มอีกชุด จนมีการประกาศวันแสดงอีกที ในช่วงวัยมหาลัย
ครั้งนี้ก็ได้มีทอีกครั้ง และตั้งใจจะพยายามแอบถ่ายรูปกับเชสเตอร์ไห้ได้
แต่มาตอนนี้การ์ดเข้มกว่าเดิมและทำให้เรา อด การถ่ายรุปไปตลอดกาล
แต่โมเม้นในชีวิตที่จำได้จนวันที่หมดลมหายใจคือ
เราได้คุยกับเชสเตอร์ว่า
Hi Chester Youare my god my hero my t4dfdrtbrttd (ลืมแล้วว่าพูดอะไร ลิ้นพันกัน กับสมองตายไปแล้ว)
และเชสเตอร์ยิ้มให้ และพูดว่า No No Dude I'm Just a guy แล้วก็ขอชกมือ
มันฟังเหมือนเรื่องจริงใช่ไหมครับ แต่มันเป็นเรื่องจริงในความทรงจำ
หลังจากวันนั้นโม้ให้เพื่อนฟังหลายคนเลย คนล่ะหลายรอบด้วย
แต่ไม่คิดว่าจะเป็นการพบกันที่ใกล้ที่สุดครั้งสุดท้าย
และเหตุการ์ณวันนั้น 23/9/2011เหมือนจะทำให้ผมเป็นคน โรคจิต อย่างหนึ่งเลย เพราะผมมักจำฝันซ้ำซาก ถึงโอกาสใก้ลเอื้อม ที่ไม่มีวันเอื้อมถึง
ผมมักจำบ่นถึงเพื่อน แฟน และคนใกล้ตัว ว่า เฮ้ย ฝันอีกแล้วว่ะ อย่างงั้นอย่างงี้ (เฉพาะเดือนนี้ฝัน3-4รอบแล้วครับ ฝันก่อนเหตุการ์ณเสียชีวิตด้วยดูรูปในคอมเมนต์ได้เช่นกัน)
คือมันเป็นอารมณ์ สุขใจปนเจ็บใจและเสียดายจริงๆ ที่มันฝังลงในจิตใต้สำนึกแล้ว ถ้าจะเอามันออกไปคงต้องทำให้สมหวัง แต่มันก็ทำไม่ได้แล้วเช่นกัน
คิดอยู่เสมอว่า ถ้าเรามีสักวันได้นั่งกินข้าวด้วยกัน หรือเขาชวนกินเบียร์ที่ผมไม่ได้กินจะลองฝืนกินดูสักแก้ว
พอเสร็จจาก มื้อที่แสนพิเศษวันนั้น ถ้าเกิดเขาจะจากโลกนี้ไปหรือจะเดินทางไปยังดินแดนไหนก็พาผมไปอยู่ด้วยเลยก็ได้นะ ผมคิดแบบนี้จริงๆ
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า จนวัยทำงานที่พอมีเงินซื้อบัตรซื้อของสะสม หายากต่างๆ ได้เฝ้ารอเวลามีข่าววงใน
ซึ่งหลังๆรู้สึกว่าLPมาเล่นยากขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยสภาวะระดับของวงและอีโกของวงที่จะไม่เล่นงานขายแอลกอฮอล์จนเกิดความคิดขึ้นมาแทบจะทุกวันว่า
สักวันจะบินไปดู
และมักจะถามถึงเพื่อนๆพี่ๆที่สนิทกับเพราะLPถึงค่าใช้จ่ายว่า ถ้าไปดูนั่น แล้วได้มีทไหม ค่าใช้จ่ายเท่าไร
ขนาดผมเจออุบติเหตุรถชนที่ขา ผมยังห่วงมากว่าจะเดินทางไปหาLPไม่ได้ เพราะมีเหล็กอยู่ในขา
จนเวลาผ่านมาช่วงกลางปีนี้ที่LPได้ออกอัลบัม ชุดที่ 7 One More Light ผมมักจะมีลางสังหรณ์แปลกๆว่านี้แหละคือชุดสุดท้ายแล้ว และได้เขียนไปในรีวิวอีก
จนกระทั่งวันนี้ 20.กค
มีเรื่องแปลกอย่างหนึ่งที่กดสั่ง CD Single The Catalyst กับ Final Masquerade เข้ามาประดับในรวมของสะสมอีกสองชิ้น น่าแปลกมากที่มาถึงวันนี้พอดี
เมื่อหัวค่ำมีเพจหนึ่งได้ใบ้ถึงวงที่จะมาเล่น แว่บแรกเลย LPป่าววะอย่างงั้นอย่างงี้ ไปๆมาๆไม่ใช่จ้า แต่แปลกที่ตัวเองทำไมไม่เสียดายวะ
น่าแปลกอีกที่ช่วงนี้ 1-2อาทิตย์ผมมักจะนอนเร็ว2-3ทุ่ม แต่วันนี้เหมือนจะมีข่าวที่ควรต้องรู้โดยด่วนที่สุด
.
.
.
.
.
เราอาจจะหานักร้องที่สครีมเสียงได้ทรงพลัง และนักร้องที่ร้องเมโลดีได้เพราะที่สุดได้ไม่ยากนะ
แต่เราหานักร้องที่มีข้อสองอย่างนี่ไม่ง่าย และมักจำโม้ให้กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในกลุ่มถึงความสามารถด้านต่างๆของเขาอยู่เสมอ
และนอกจากความสามารถที่เปี่ยมล้นสวนทางกับวัยเลข4 ยังมีอีกด้านที่สวยงาม ในความเป็นคุณพ่อที่น่านักที่สุดคนหนึ่งในโลก (แม้ว่าความเป็นสามีอาจจะทำไม่ดีเท่าที่ควร)
ส่วนอีกข้อคือ ความเป็นHeroนอกจอ ที่เคยเดินทางมายังภูเก็ตบ้านเรา มาทาสีบ้าน มาบริจาคเงินที่ไทยของเราด้วยตัวเองไม่ได้ผ่านสื่อหรืองค์กรใดๆ
ขอย้ำอีกทีว่าเชสเตอร์คือบุคคลหนึ่งที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มากว่าครึ่งชีวิต
เป็นหนึ่งคนที่เป็นมากกว่านักร้อง นักดนตรี และรู้สึกชีวิตน้อยๆดวงนี้ได้หลายสิ่งที่มีค่ามากเหลือเกินมาจากเค้า
ไม่ว่าจะเป็นด้าน บทเพลง แรงบันดาลใจชีวิต พลัง กำลังใจ แม้กระทั่งมิตรสหายหลายคนที่เข้ามาในชีวิตก็น่าจะเป็นเพราะเชสเตอร์และ Linkin Park
ไม่ใช่แค่1คนในชีวิตที่จากไป ไม่ไช่แค่บทเพลงหลายๆเพลงที่จบเลง แต่นับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนอกจากอวัยวะในร่างกายได้หายไป ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ไม่ได้เกิดพร้อมกัน แต่เติบโตด้วยกัน เสียดายไม่ได้ตายด้วยกัน
ขอบคุณมากครับสำรับทุกสิ่งทุกอย่างหลับให้สบายครับ "พ่อ" ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว
เราคงได้พบกันอีกครั้ง หลังจากที่พบกันมาแล้ว2ครั้งนะ สักวันเราจะได้ชกมือกันอีกครั้ง
แด่ เชสเตอร์ เบนนิงตัน
บอกเล่าและบรรยาย ถึงสิ่งหนึ่งที่ผมรักและตั้งใจจะอยู่ไปทั้งชีวิต
#ถ้ายาวไปขออภัยและข้ามไปได้นะครับ
จำได้ว่าครั้งหนึ่งมีเพื่อนสนิทในวัยเด็กได้แนะนำบทเพลงของ Linkin Park ผ่านเทปคัทเซ็ทเน่าๆ
และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มหัวทองกับรอยสักเปลงเพลิง ชนะใจผมไปตั้งแต่วันแรกๆที่ได้รู้จักเขา
เป็นเรื่องน่าตลกในวัยที่คิดว่าจุดชีวิตมืดมิดที่สุดมักจะโดนเพื่อนๆล้อ ว่าลิงกิ้นป้ากแต่หาได้แคร์
แม้กระทั่งโดนแซวว่าเชสเตอร์เป็นพ่อเหรอก็ยิ้มรับด้วยความยินดี
ในช่วงเวลานั้น มี2อย่างในไม่กี่สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขได้คือ Hybrid TheoryและMeteora
จนเมื่อปี2004 มีข่าวการมาของเขา โดยในวัยนั้นที่ได้เงินไปเรียนแค่หลักสิบ สามารถเก็บเงินซื้อบัตรคอนเสิร์ตในราคาถูกที่สุด 600 บาทในวัยอายุ14ปี
ความทรงจำที่ไม่จางนับจากวันนั้น
จำได้แม่นว่า พอจบ 20 มิย 2004เหมือนชีวิตขาดหายอะไรไปอย่างเลย
ใช่ครับ ในชีวิตตอนนั้นใฝ่ฝันจะได้เจอกับพวกเขา พอได้เจอแล้วเหมือนเป้าหมายในชีวิตหายไปเลย ในตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ค่อยได้ด้วยมั้งจริงๆนะ
จนสภาวะโตขึ้นมาอีกนิด ได้เข้าเรียนปวช แน่นอนว่าต้องมีการฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนๆ แน่นอนว่าเล่นIn The EndและเพลงของLinkin Parkกัน
แตกต่างจากวงอื่นใน ร.รที่เน้นเล่นเพลงตลาด กันในช่วงนั้น (เห็นไหม LPเข้ามาในชีวิตอีกช่วงเวลาแล้ว)
เวลาผ่านไปจน11 พ.ย 2007 ปีนี้เป็นปีที่พิเศษหน่อยที่LPมาเล่นครั้งที่2และผมได้Meet&Greetด้วย (รูปอยู่ในคอมเมนต์)
ข่าวร้ายก็คือว่าเชสเตอร์แขนหัก ก่อนวันเล่นเพียงไม่กี่วัน จนกลัวว่ายกเลิกด้วย แต่ถึงเวลาสามารถ "แอบ" การ์ดที่เข้มงวดอย่างมากกกกถ่ายรูปกับไมค์และฟีนิกส์ได้
ความดีใจนี้จำได้ดีกว่าฟีนิกส์ได้ถามว่า What your name? เราได้ยินนะแต่สติเราไม่มีแล้ว และไม่สามารถแอบถ่ายกับเชสเตอร์ได้เพราะการ์ดผลักออกแล้ว
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่าจนLPได้ออกอัลบัมเพิ่มอีกชุด จนมีการประกาศวันแสดงอีกที ในช่วงวัยมหาลัย
ครั้งนี้ก็ได้มีทอีกครั้ง และตั้งใจจะพยายามแอบถ่ายรูปกับเชสเตอร์ไห้ได้
แต่มาตอนนี้การ์ดเข้มกว่าเดิมและทำให้เรา อด การถ่ายรุปไปตลอดกาล
แต่โมเม้นในชีวิตที่จำได้จนวันที่หมดลมหายใจคือ
เราได้คุยกับเชสเตอร์ว่า
Hi Chester Youare my god my hero my t4dfdrtbrttd (ลืมแล้วว่าพูดอะไร ลิ้นพันกัน กับสมองตายไปแล้ว)
และเชสเตอร์ยิ้มให้ และพูดว่า No No Dude I'm Just a guy แล้วก็ขอชกมือ
มันฟังเหมือนเรื่องจริงใช่ไหมครับ แต่มันเป็นเรื่องจริงในความทรงจำ
หลังจากวันนั้นโม้ให้เพื่อนฟังหลายคนเลย คนล่ะหลายรอบด้วย
แต่ไม่คิดว่าจะเป็นการพบกันที่ใกล้ที่สุดครั้งสุดท้าย
และเหตุการ์ณวันนั้น 23/9/2011เหมือนจะทำให้ผมเป็นคน โรคจิต อย่างหนึ่งเลย เพราะผมมักจำฝันซ้ำซาก ถึงโอกาสใก้ลเอื้อม ที่ไม่มีวันเอื้อมถึง
ผมมักจำบ่นถึงเพื่อน แฟน และคนใกล้ตัว ว่า เฮ้ย ฝันอีกแล้วว่ะ อย่างงั้นอย่างงี้ (เฉพาะเดือนนี้ฝัน3-4รอบแล้วครับ ฝันก่อนเหตุการ์ณเสียชีวิตด้วยดูรูปในคอมเมนต์ได้เช่นกัน)
คือมันเป็นอารมณ์ สุขใจปนเจ็บใจและเสียดายจริงๆ ที่มันฝังลงในจิตใต้สำนึกแล้ว ถ้าจะเอามันออกไปคงต้องทำให้สมหวัง แต่มันก็ทำไม่ได้แล้วเช่นกัน
คิดอยู่เสมอว่า ถ้าเรามีสักวันได้นั่งกินข้าวด้วยกัน หรือเขาชวนกินเบียร์ที่ผมไม่ได้กินจะลองฝืนกินดูสักแก้ว
พอเสร็จจาก มื้อที่แสนพิเศษวันนั้น ถ้าเกิดเขาจะจากโลกนี้ไปหรือจะเดินทางไปยังดินแดนไหนก็พาผมไปอยู่ด้วยเลยก็ได้นะ ผมคิดแบบนี้จริงๆ
หลังจากนั้นเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า จนวัยทำงานที่พอมีเงินซื้อบัตรซื้อของสะสม หายากต่างๆ ได้เฝ้ารอเวลามีข่าววงใน
ซึ่งหลังๆรู้สึกว่าLPมาเล่นยากขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยสภาวะระดับของวงและอีโกของวงที่จะไม่เล่นงานขายแอลกอฮอล์จนเกิดความคิดขึ้นมาแทบจะทุกวันว่า
สักวันจะบินไปดู
และมักจะถามถึงเพื่อนๆพี่ๆที่สนิทกับเพราะLPถึงค่าใช้จ่ายว่า ถ้าไปดูนั่น แล้วได้มีทไหม ค่าใช้จ่ายเท่าไร
ขนาดผมเจออุบติเหตุรถชนที่ขา ผมยังห่วงมากว่าจะเดินทางไปหาLPไม่ได้ เพราะมีเหล็กอยู่ในขา
จนเวลาผ่านมาช่วงกลางปีนี้ที่LPได้ออกอัลบัม ชุดที่ 7 One More Light ผมมักจะมีลางสังหรณ์แปลกๆว่านี้แหละคือชุดสุดท้ายแล้ว และได้เขียนไปในรีวิวอีก
จนกระทั่งวันนี้ 20.กค
มีเรื่องแปลกอย่างหนึ่งที่กดสั่ง CD Single The Catalyst กับ Final Masquerade เข้ามาประดับในรวมของสะสมอีกสองชิ้น น่าแปลกมากที่มาถึงวันนี้พอดี
เมื่อหัวค่ำมีเพจหนึ่งได้ใบ้ถึงวงที่จะมาเล่น แว่บแรกเลย LPป่าววะอย่างงั้นอย่างงี้ ไปๆมาๆไม่ใช่จ้า แต่แปลกที่ตัวเองทำไมไม่เสียดายวะ
น่าแปลกอีกที่ช่วงนี้ 1-2อาทิตย์ผมมักจะนอนเร็ว2-3ทุ่ม แต่วันนี้เหมือนจะมีข่าวที่ควรต้องรู้โดยด่วนที่สุด
.
.
.
.
.
เราอาจจะหานักร้องที่สครีมเสียงได้ทรงพลัง และนักร้องที่ร้องเมโลดีได้เพราะที่สุดได้ไม่ยากนะ
แต่เราหานักร้องที่มีข้อสองอย่างนี่ไม่ง่าย และมักจำโม้ให้กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในกลุ่มถึงความสามารถด้านต่างๆของเขาอยู่เสมอ
และนอกจากความสามารถที่เปี่ยมล้นสวนทางกับวัยเลข4 ยังมีอีกด้านที่สวยงาม ในความเป็นคุณพ่อที่น่านักที่สุดคนหนึ่งในโลก (แม้ว่าความเป็นสามีอาจจะทำไม่ดีเท่าที่ควร)
ส่วนอีกข้อคือ ความเป็นHeroนอกจอ ที่เคยเดินทางมายังภูเก็ตบ้านเรา มาทาสีบ้าน มาบริจาคเงินที่ไทยของเราด้วยตัวเองไม่ได้ผ่านสื่อหรืองค์กรใดๆ
ขอย้ำอีกทีว่าเชสเตอร์คือบุคคลหนึ่งที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มากว่าครึ่งชีวิต
เป็นหนึ่งคนที่เป็นมากกว่านักร้อง นักดนตรี และรู้สึกชีวิตน้อยๆดวงนี้ได้หลายสิ่งที่มีค่ามากเหลือเกินมาจากเค้า
ไม่ว่าจะเป็นด้าน บทเพลง แรงบันดาลใจชีวิต พลัง กำลังใจ แม้กระทั่งมิตรสหายหลายคนที่เข้ามาในชีวิตก็น่าจะเป็นเพราะเชสเตอร์และ Linkin Park
ไม่ใช่แค่1คนในชีวิตที่จากไป ไม่ไช่แค่บทเพลงหลายๆเพลงที่จบเลง แต่นับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนอกจากอวัยวะในร่างกายได้หายไป ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ไม่ได้เกิดพร้อมกัน แต่เติบโตด้วยกัน เสียดายไม่ได้ตายด้วยกัน
ขอบคุณมากครับสำรับทุกสิ่งทุกอย่างหลับให้สบายครับ "พ่อ" ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว
เราคงได้พบกันอีกครั้ง หลังจากที่พบกันมาแล้ว2ครั้งนะ สักวันเราจะได้ชกมือกันอีกครั้ง