หยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่รู้จะไปไหน เกิดใจง่าย ใครชวนไปไหนก็ไป ทริปนี้เพื่อนฟลุ๊คชวนไปสัมผัสบรรยากาศที่แดนสวรรค์น้ำงึมรีสอร์ท ด้วยความที่ยังไม่เคยไป เลยตอบรับแบบไม่ลังเล
ทริปนี้ไปแบบ 3 วัน 2 คืน โปรแกรมคร่าวๆ คือเดินทางช่วงเย็นหลังเลิกงานบินลงที่อุดรธานี แล้วตีรถเข้าเวียงจันทน์ นอนค้างเวียงจันทน์ เช้าตะเวนเที่ยวเวียงจันทน์ บ่ายตีไปนอนที่แดนสวรรค์น้ำงึมรีสอร์ท เช้าวันสุดท้ายเดินทางกลับครับ
จริงๆ แล้วแอร์เอเชียมีบินตรงสู่เวียงจันทน์ วันละ 1 ไฟล์ท แต่เนื่องจากช่วงเวลาไม่ค่อยดีสักเท่าไร คือจะถึงเวียงจันทน์ในเวลา 13.15 น. ทำให้มีเวลาอยู่ในเวียงจันทน์ประมาณ 25 ชั่วโมงเท่านั้น ไหนๆ จะไปเที่ยวทั้งที ขอใช้เวลาเที่ยวให้คุ้มค่ากว่า 25 ชั่วโมงเถอะ เลยเลือกเดินทางในช่วงเย็นวันศุกร์ เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวในช่วงเช้าวันเสาร์ด้วยครับ
นานๆ จะได้เห็น 3 สายการบินมาป๊ะกันแบบนี้
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ผมเลือกเดินทางกับสายการบินแอร์เอเชียครับ
หลังจากถึงสนามบิน ฟลุ๊คได้ติดต่อให้คนขับรถตู้ฝั่งลาวมารับพวกผมที่สนามบินอุดรธานี เมื่อสมาชิกแต่ละคนรับสัมภาระกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่เวียงจันทน์
ปกติเวลามาเที่ยวเวียงจันทน์ในช่วงเช้า จะมีคนมาติดต่อเพื่ออำนวยความสะดวกในการข้ามแดน เพียงแค่ส่งรูปถ่าย กรอกรายละเอียดในใบผ่านแดนชั่วคราวและค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ แล้วเราก็นั่งรอหล่อๆ สวยๆ เพียงไม่นานก็ผ่านกรรมวิธีตรวจคนเข้าเมืองไปอย่างง่ายดาย แต่ครั้งนี้ต้องดำเนินการเองทุกอย่าง และถือเป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางเข้าลาวแบบใช้ Passport ติดๆ ขัดๆ บ้างเล็กน้อย มีการขอค่าล่วงเวลาจากเจ้าหน้าที่นิดๆ หน่อยๆ กว่าจะผ่านได้ก็ใช้เวลากันพอสมควรครับ
เมื่อผ่านกรรมวิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ผมมุ่งหน้าสู่ที่พักในทันที เพราะมืดขนาดนี้ก็ไม่รู้จะแวะเที่ยวที่ไหนแล้ว เก็บแรงไว้เริ่มเที่ยวกันแต่เช้าในวันรุ่งขึ้นครับ
ค่ำนี้ผมเข้าพักที่โรงแรมแสงตะวัน ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำโขงเลยครับ
บริเวณ Lobby ครับ
มีพื้นที่ให้แขกได้นั่งพักผ่อนครับ
ไปดูห้องพักกันบ้างครับ
จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกเมื่อเปิดห้องเข้ามาจะเป็นห้องโถงกว้าง สำหรับนั่งเล่นครับ
พื้นที่ในส่วนห้องนั่งเล่นจะมีห้องน้ำด้วย ขนาดห้องไม่ใหญ่นัก ไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำ มีเพียงอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ครับ
ติดกับพื้นที่ในส่วนนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนครับ
ในห้องนอนจะมีห้องน้ำอีก 1 ห้อง สำหรับอาบน้ำครับ
บรรยากาศยามค่ำคืนหน้าโรงแรม มองเห็นลำน้ำโขงทอดยาวสุดลูกหูลูกตา บริเวณตลิ่งมีร้านอาหารมากมาย
ผมเองก็มาฝากท้องที่ร้านอาหารหน้าโรงแรมเหมือนกัน บริเวณนี้มีร้านให้เลือกมากมาย คึกคักเชียวครับ
ระหว่างที่รออาหาร ผมดอดไปเดินเล่นบริเวณถนนคนเดิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก แต่เนื่องจากไปถึงค่อนข้างดึกแล้ว ร้านรวงทยอยปิดร้านเยอะแล้ว ผมไปได้กระเป๋าผ้าเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับมาหลายใบ ต่อราคาแทบเป็นแทบตายแต่พ่อค้าไม่ได้ลดราคาให้ แต่เป็นราคาที่รับได้ เลยตกลงซื้อมาครับ
ทานมื้อค่ำเสร็จก็เดินข้ามถนนเข้าที่พักเลย สะดวกดีครับ ถ้าใครมาเที่ยวเวียงจันทน์แล้วหาที่พัก ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ราคาต่อห้องประมาณ 1,500 บาทรวมอาหารเช้าครับ
ผมว่าค่าครองชีพที่ลาวสูงกว่าเมืองไทยนิดหน่อยครับ ทั้งอาหารและที่พักครับ
[CR] จากเวียงจันทน์...สู่แดนสวรรค์น้ำงึม
หยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่รู้จะไปไหน เกิดใจง่าย ใครชวนไปไหนก็ไป ทริปนี้เพื่อนฟลุ๊คชวนไปสัมผัสบรรยากาศที่แดนสวรรค์น้ำงึมรีสอร์ท ด้วยความที่ยังไม่เคยไป เลยตอบรับแบบไม่ลังเล
ทริปนี้ไปแบบ 3 วัน 2 คืน โปรแกรมคร่าวๆ คือเดินทางช่วงเย็นหลังเลิกงานบินลงที่อุดรธานี แล้วตีรถเข้าเวียงจันทน์ นอนค้างเวียงจันทน์ เช้าตะเวนเที่ยวเวียงจันทน์ บ่ายตีไปนอนที่แดนสวรรค์น้ำงึมรีสอร์ท เช้าวันสุดท้ายเดินทางกลับครับ
จริงๆ แล้วแอร์เอเชียมีบินตรงสู่เวียงจันทน์ วันละ 1 ไฟล์ท แต่เนื่องจากช่วงเวลาไม่ค่อยดีสักเท่าไร คือจะถึงเวียงจันทน์ในเวลา 13.15 น. ทำให้มีเวลาอยู่ในเวียงจันทน์ประมาณ 25 ชั่วโมงเท่านั้น ไหนๆ จะไปเที่ยวทั้งที ขอใช้เวลาเที่ยวให้คุ้มค่ากว่า 25 ชั่วโมงเถอะ เลยเลือกเดินทางในช่วงเย็นวันศุกร์ เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวในช่วงเช้าวันเสาร์ด้วยครับ
นานๆ จะได้เห็น 3 สายการบินมาป๊ะกันแบบนี้
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ผมเลือกเดินทางกับสายการบินแอร์เอเชียครับ
หลังจากถึงสนามบิน ฟลุ๊คได้ติดต่อให้คนขับรถตู้ฝั่งลาวมารับพวกผมที่สนามบินอุดรธานี เมื่อสมาชิกแต่ละคนรับสัมภาระกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่เวียงจันทน์
ปกติเวลามาเที่ยวเวียงจันทน์ในช่วงเช้า จะมีคนมาติดต่อเพื่ออำนวยความสะดวกในการข้ามแดน เพียงแค่ส่งรูปถ่าย กรอกรายละเอียดในใบผ่านแดนชั่วคราวและค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ แล้วเราก็นั่งรอหล่อๆ สวยๆ เพียงไม่นานก็ผ่านกรรมวิธีตรวจคนเข้าเมืองไปอย่างง่ายดาย แต่ครั้งนี้ต้องดำเนินการเองทุกอย่าง และถือเป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางเข้าลาวแบบใช้ Passport ติดๆ ขัดๆ บ้างเล็กน้อย มีการขอค่าล่วงเวลาจากเจ้าหน้าที่นิดๆ หน่อยๆ กว่าจะผ่านได้ก็ใช้เวลากันพอสมควรครับ
เมื่อผ่านกรรมวิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ผมมุ่งหน้าสู่ที่พักในทันที เพราะมืดขนาดนี้ก็ไม่รู้จะแวะเที่ยวที่ไหนแล้ว เก็บแรงไว้เริ่มเที่ยวกันแต่เช้าในวันรุ่งขึ้นครับ
ค่ำนี้ผมเข้าพักที่โรงแรมแสงตะวัน ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำโขงเลยครับ
บริเวณ Lobby ครับ
มีพื้นที่ให้แขกได้นั่งพักผ่อนครับ
ไปดูห้องพักกันบ้างครับ
จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกเมื่อเปิดห้องเข้ามาจะเป็นห้องโถงกว้าง สำหรับนั่งเล่นครับ
พื้นที่ในส่วนห้องนั่งเล่นจะมีห้องน้ำด้วย ขนาดห้องไม่ใหญ่นัก ไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำ มีเพียงอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ครับ
ติดกับพื้นที่ในส่วนนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนครับ
ในห้องนอนจะมีห้องน้ำอีก 1 ห้อง สำหรับอาบน้ำครับ
บรรยากาศยามค่ำคืนหน้าโรงแรม มองเห็นลำน้ำโขงทอดยาวสุดลูกหูลูกตา บริเวณตลิ่งมีร้านอาหารมากมาย
ผมเองก็มาฝากท้องที่ร้านอาหารหน้าโรงแรมเหมือนกัน บริเวณนี้มีร้านให้เลือกมากมาย คึกคักเชียวครับ
ระหว่างที่รออาหาร ผมดอดไปเดินเล่นบริเวณถนนคนเดิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก แต่เนื่องจากไปถึงค่อนข้างดึกแล้ว ร้านรวงทยอยปิดร้านเยอะแล้ว ผมไปได้กระเป๋าผ้าเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับมาหลายใบ ต่อราคาแทบเป็นแทบตายแต่พ่อค้าไม่ได้ลดราคาให้ แต่เป็นราคาที่รับได้ เลยตกลงซื้อมาครับ
ทานมื้อค่ำเสร็จก็เดินข้ามถนนเข้าที่พักเลย สะดวกดีครับ ถ้าใครมาเที่ยวเวียงจันทน์แล้วหาที่พัก ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ราคาต่อห้องประมาณ 1,500 บาทรวมอาหารเช้าครับ
ผมว่าค่าครองชีพที่ลาวสูงกว่าเมืองไทยนิดหน่อยครับ ทั้งอาหารและที่พักครับ