บาปกรรมทุกวันนี้ พัฒนา และวิ่งตามตูดมนุษย์ แทบจะเรียกว่า ทุกฝีก้าว ที่บอกว่า พัฒนาการของบาปกรรม คือทุกวันนี้ มีทั้งบาปที่ ได้กระทำโดยทุจริตจริงๆ และบาปกรรมที่ ถูกปรุงแต่งขึ้น ตามจริตแห่งความเกลียดชัง
คนที่ถูกบาปกรรม เล่นงาน เพราะได้กระทำความผิดนั้นจริงๆ ก็สมควรจะต้องยอมรับ และปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ส่วนบาปกรรม ที่ถูกปรุงแต่ง หรือยัดเยียดให้ หากใครประสบพบเจอแล้ว ยากยิ่งที่คนเรานั้น จะทำใจได้
เพราะในสันดานของมนุษย์ คงไม่มีใครชอบ ความอยุติธรรม หรือความไม่เป็นธรรมต่างๆ ถ้าไม่เจอะเจอ ไม่ประสบกับตัวเอง ยากยิ่งที่จะเข้าใจ หรือรับรู้ ถึงความรู้สึก กัปอยุติธรรมเหล่านั้น แต่สำหรับ คนที่ถูกอยุธยามเล่นงาน หรือ กรรมที่ถูก ปรุงแต่ง ให้นั้น ยากยิ่งที่จะทำใจ ได้
สังคมทุกวันนี้ น่าเป็นห่วงที่สุด ตรงที่ คนเราคิดว่า บาปกรรม สามารถปรุงแต่ง หรือเสกสรรปั้นแต่ง ให้ตามจริตของตัวเอง ที่อยากเห็น อยากให้เป็นได้
ทุกคน อยากเป็นผู้ชนะ เพื่อเขียนประวัติศาสตร์ ที่สวยหรู ให้แก่ตัวเอง และเป็นประวัติศาสตร์ ที่น่ายกย่องชื่นชม แก่ผู้ได้อ่าน หรือชนรุ่นหลัง ในคุณงามความดี ของตัวเอง ที่ได้บันทึกไว้
แม้การบันทึกนั้น จะเต็มไปด้วย กลเกม การฉ้อฉล ทุจริตต่างๆก็ตาม คนพวกนี้ หาได้กลัวแต่อย่างไร เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่า บาปบุญ หรือเวรกรรม จะสามารถส่งผล ให้เกิดแก่ทุจริต ที่ตัวเองได้กระทำไปในชาตินี้ได้ หรือในทางพุทธเรียกว่า ไม่เชื่อว่าบาปกรรมมีจริง
จริงๆแล้ว คนพวกนี้ต่างหาก ที่เป็นผู้ได้รับบาปกรรมนั้น ตั้งแต่การทำทุจริต การปรุงแต่งบาปกรรมแก่บุคคลอื่น เพราะ จิตใจของคนพวกนี้ ก็ย่อมรู้ดีว่า สิ่งที่ตัวเองปรุงแต่งนั้น มันเป็นไปโดยทุจริต แม้ความจริงเราไม่สามรถสัมผัสได้จากกรรมที่คนพวกนี้ได้รับการลงโทษ จะไม่ได้เห็นไม่ได้เกิดขึ้น หรือไม่ได้รับ แต่ในทางจิตใจ คนพวกนี้ ก็ต้องร้อนรุ่ม กลัดกลุ้ม กลัว ข้อเท็จจริง ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน กลัวเสียหน้า เสียราคาค่างวด ในสิ่งที่ตัวเอง ได้กระทำทุจริตไป
ผลที่จะตามมาคือ การทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ความเชื่อเหล่านั้น หมดไป แต่แท้จริงแล้ว ความเชื่อไม่ได้หมดไป แต่อย่างไร แต่เป็นความเสื่อม ที่จะนำมา สู้การกระทำโดยทุจริตนั้น นี่ก็คือบาปตัวนึง ที่ผู้กระทำโดยทุจริต ได้รับตั้งแต่ต้น
การมุ่งจะชนะคะคานกันอย่างเดียว จะทำการทุกอย่าง โดยทุจริต และไม่รู้จักการอภัย ความสงบสุขของสังคม ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือ ความเกลียดชัง ความแตกแยกแตกสามัคคี เพราะมนุษย์ทุกคน โดยสามัญสำนึกแล้ว เกลียดอยุติธรรมทุกคน แต่ก็มีมนุษย์บางพวก มีความเชื่อว่า เมื่อใช้อยุติธรรมเล่นงาน คนอื่นแล้ว อยุติธรรมนั้น จะไม่กลับมาเล่นกันตัวเองได้
กรรมดีกรรมชั่ว ที่แต่ละคนได้กระทำไปนั้น จะส่งผลแน่นอน ส่วนจะช้าหรือเร็วนั้น ล้วนขึ้นอยู่ บนเหตุแห่งปัจจัย บางคนเชื่อว่า เวรกรรมบาปบุญไม่มีหรอก กรรมชั่วกรรมดีไม่มีหรอก แต่ขอให้รับรู้รับทราบไว้ว่า การที่เราทำอะไรแล้ว มันเป็นทุกข์ใจ แม้จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ หรือชื่นชม นั่นคือกรรมชั่ว ที่ตกแก่จิตใจเรา และเราเป็นคนสัมผัส กับสิ่งที่เราได้กระทำไป หรือ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า หน้าชื่นอกตรม ได้ชัยชนะ บนความพ่ายแพ้ของตัวเอง แบบนี้ถึงเรียกว่า เป็นคนโง่
ถ้าสังคมนี้ แค่รักษาศีล 5 ได้ สังคมคงไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้ กฎหมายหรือกฎบังคับใช้ คุกตะราง คงไม่มีก็ได้ เพราะเมื่อทุกคน เกรงกลัวต่อการทำบาป ความผิดต่างๆเรานั้น ก็จะไม่เกิดขึ้น
ศีล 5 ข้อ ศีลข้อที่ 4 มุสาทาเวรมณีสิกขา ศีลข้อที่บาปหนักที่สุด พ่อการพูดโกหก บิดเบือน ให้ร้าย สามารถทำให้ประเทศ แตกแยกหรือล่มจมได้เลย
สังคม pantip ก็เช่นกัน ควรจะพูด จะแสดงออก ในข้อเท็จจริง ข้อสนับสนุนที่เป็นเหตุเป็นผล มิใช่เอาความเท็จ มาใส่ร้ายป้ายสีกัน เพื่อจะเป็นผู้ชนะ การให้ร้ายส่อเสียดนินทา ไม่ควรจะมีขึ้น ในสังคมปันอุดมปัญญาแบบนี้ ควรจะถูกแย้ง หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยข้อเท็จจริงที่เป็นจริง เพราะความจริง จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่ถูกต้อง และขอให้ยึดมั่นในความจริง ที่ได้สังเคราะห์ และถือเป็นข้อยุติแล้ว
แต่ถ้าหากเอาชนะ การด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ความคิดเหล่านั้น ก็ยังเป็นความคิดอยู่ดี แม้จะเป็นผู้ชนะ แต่ก็เป็นผู้ชนะ ในแบบอย่างที่ไม่ดี ความไม่ดีเหล่านี้ คงจะไม่จีรังยั่งยืนสถาพรเป็นแน่แท้ ความจริง ความถูกต้องเท่านั้น ที่จะยืนหยัด อยู่ชั่วฟ้าดินสลาย
ไม่มีใครหนีบาปกรรมพ้น ได้สักคนหรอก แค่นั้น การจะทำอะไรก็แล้วแต่ ไม่รู้สึก นึกคิด บาปกรรม หรือผลที่จะตามมาด้วย อย่าเอาความสะใจ เป็นที่ตั้ง ขอให้เอาความถูกต้อง ศีลธรรมอันดีงามเป็นที่ตั้ง แล้วเราจะเจอความสุขที่แท้จริง
ทานที่ให้ กุศลผลบุญ หรืออานิสงส์มากที่สุด รองจากธรรมทานคือ อภัยทาน ให้รู้จักการให้อภัย จะเป็นกุศลผลบุญสูงสุด ให้อภัย กับความโง่เขลา ที่คนไม่ชอบขี้หน้าเรา หรือเกลียดชังเรา ให้อภัยกับคนที่ เขาเหยียบย้ำซ้ำเติม คนที่เรารักเราหวงแหน ถือเป็นกุศลผลบุญ อันสูงส่ง และไม่ต้องจ่ายค่างวดอะไรเลย
+++ หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีบาปกรรมไม่ได้ +++
คนที่ถูกบาปกรรม เล่นงาน เพราะได้กระทำความผิดนั้นจริงๆ ก็สมควรจะต้องยอมรับ และปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ส่วนบาปกรรม ที่ถูกปรุงแต่ง หรือยัดเยียดให้ หากใครประสบพบเจอแล้ว ยากยิ่งที่คนเรานั้น จะทำใจได้
เพราะในสันดานของมนุษย์ คงไม่มีใครชอบ ความอยุติธรรม หรือความไม่เป็นธรรมต่างๆ ถ้าไม่เจอะเจอ ไม่ประสบกับตัวเอง ยากยิ่งที่จะเข้าใจ หรือรับรู้ ถึงความรู้สึก กัปอยุติธรรมเหล่านั้น แต่สำหรับ คนที่ถูกอยุธยามเล่นงาน หรือ กรรมที่ถูก ปรุงแต่ง ให้นั้น ยากยิ่งที่จะทำใจ ได้
สังคมทุกวันนี้ น่าเป็นห่วงที่สุด ตรงที่ คนเราคิดว่า บาปกรรม สามารถปรุงแต่ง หรือเสกสรรปั้นแต่ง ให้ตามจริตของตัวเอง ที่อยากเห็น อยากให้เป็นได้
ทุกคน อยากเป็นผู้ชนะ เพื่อเขียนประวัติศาสตร์ ที่สวยหรู ให้แก่ตัวเอง และเป็นประวัติศาสตร์ ที่น่ายกย่องชื่นชม แก่ผู้ได้อ่าน หรือชนรุ่นหลัง ในคุณงามความดี ของตัวเอง ที่ได้บันทึกไว้
แม้การบันทึกนั้น จะเต็มไปด้วย กลเกม การฉ้อฉล ทุจริตต่างๆก็ตาม คนพวกนี้ หาได้กลัวแต่อย่างไร เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่า บาปบุญ หรือเวรกรรม จะสามารถส่งผล ให้เกิดแก่ทุจริต ที่ตัวเองได้กระทำไปในชาตินี้ได้ หรือในทางพุทธเรียกว่า ไม่เชื่อว่าบาปกรรมมีจริง
จริงๆแล้ว คนพวกนี้ต่างหาก ที่เป็นผู้ได้รับบาปกรรมนั้น ตั้งแต่การทำทุจริต การปรุงแต่งบาปกรรมแก่บุคคลอื่น เพราะ จิตใจของคนพวกนี้ ก็ย่อมรู้ดีว่า สิ่งที่ตัวเองปรุงแต่งนั้น มันเป็นไปโดยทุจริต แม้ความจริงเราไม่สามรถสัมผัสได้จากกรรมที่คนพวกนี้ได้รับการลงโทษ จะไม่ได้เห็นไม่ได้เกิดขึ้น หรือไม่ได้รับ แต่ในทางจิตใจ คนพวกนี้ ก็ต้องร้อนรุ่ม กลัดกลุ้ม กลัว ข้อเท็จจริง ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน กลัวเสียหน้า เสียราคาค่างวด ในสิ่งที่ตัวเอง ได้กระทำทุจริตไป
ผลที่จะตามมาคือ การทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ความเชื่อเหล่านั้น หมดไป แต่แท้จริงแล้ว ความเชื่อไม่ได้หมดไป แต่อย่างไร แต่เป็นความเสื่อม ที่จะนำมา สู้การกระทำโดยทุจริตนั้น นี่ก็คือบาปตัวนึง ที่ผู้กระทำโดยทุจริต ได้รับตั้งแต่ต้น
การมุ่งจะชนะคะคานกันอย่างเดียว จะทำการทุกอย่าง โดยทุจริต และไม่รู้จักการอภัย ความสงบสุขของสังคม ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่จะตามมาคือ ความเกลียดชัง ความแตกแยกแตกสามัคคี เพราะมนุษย์ทุกคน โดยสามัญสำนึกแล้ว เกลียดอยุติธรรมทุกคน แต่ก็มีมนุษย์บางพวก มีความเชื่อว่า เมื่อใช้อยุติธรรมเล่นงาน คนอื่นแล้ว อยุติธรรมนั้น จะไม่กลับมาเล่นกันตัวเองได้
กรรมดีกรรมชั่ว ที่แต่ละคนได้กระทำไปนั้น จะส่งผลแน่นอน ส่วนจะช้าหรือเร็วนั้น ล้วนขึ้นอยู่ บนเหตุแห่งปัจจัย บางคนเชื่อว่า เวรกรรมบาปบุญไม่มีหรอก กรรมชั่วกรรมดีไม่มีหรอก แต่ขอให้รับรู้รับทราบไว้ว่า การที่เราทำอะไรแล้ว มันเป็นทุกข์ใจ แม้จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ หรือชื่นชม นั่นคือกรรมชั่ว ที่ตกแก่จิตใจเรา และเราเป็นคนสัมผัส กับสิ่งที่เราได้กระทำไป หรือ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า หน้าชื่นอกตรม ได้ชัยชนะ บนความพ่ายแพ้ของตัวเอง แบบนี้ถึงเรียกว่า เป็นคนโง่
ถ้าสังคมนี้ แค่รักษาศีล 5 ได้ สังคมคงไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้ กฎหมายหรือกฎบังคับใช้ คุกตะราง คงไม่มีก็ได้ เพราะเมื่อทุกคน เกรงกลัวต่อการทำบาป ความผิดต่างๆเรานั้น ก็จะไม่เกิดขึ้น
ศีล 5 ข้อ ศีลข้อที่ 4 มุสาทาเวรมณีสิกขา ศีลข้อที่บาปหนักที่สุด พ่อการพูดโกหก บิดเบือน ให้ร้าย สามารถทำให้ประเทศ แตกแยกหรือล่มจมได้เลย
สังคม pantip ก็เช่นกัน ควรจะพูด จะแสดงออก ในข้อเท็จจริง ข้อสนับสนุนที่เป็นเหตุเป็นผล มิใช่เอาความเท็จ มาใส่ร้ายป้ายสีกัน เพื่อจะเป็นผู้ชนะ การให้ร้ายส่อเสียดนินทา ไม่ควรจะมีขึ้น ในสังคมปันอุดมปัญญาแบบนี้ ควรจะถูกแย้ง หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยข้อเท็จจริงที่เป็นจริง เพราะความจริง จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่ถูกต้อง และขอให้ยึดมั่นในความจริง ที่ได้สังเคราะห์ และถือเป็นข้อยุติแล้ว
แต่ถ้าหากเอาชนะ การด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ความคิดเหล่านั้น ก็ยังเป็นความคิดอยู่ดี แม้จะเป็นผู้ชนะ แต่ก็เป็นผู้ชนะ ในแบบอย่างที่ไม่ดี ความไม่ดีเหล่านี้ คงจะไม่จีรังยั่งยืนสถาพรเป็นแน่แท้ ความจริง ความถูกต้องเท่านั้น ที่จะยืนหยัด อยู่ชั่วฟ้าดินสลาย
ไม่มีใครหนีบาปกรรมพ้น ได้สักคนหรอก แค่นั้น การจะทำอะไรก็แล้วแต่ ไม่รู้สึก นึกคิด บาปกรรม หรือผลที่จะตามมาด้วย อย่าเอาความสะใจ เป็นที่ตั้ง ขอให้เอาความถูกต้อง ศีลธรรมอันดีงามเป็นที่ตั้ง แล้วเราจะเจอความสุขที่แท้จริง
ทานที่ให้ กุศลผลบุญ หรืออานิสงส์มากที่สุด รองจากธรรมทานคือ อภัยทาน ให้รู้จักการให้อภัย จะเป็นกุศลผลบุญสูงสุด ให้อภัย กับความโง่เขลา ที่คนไม่ชอบขี้หน้าเรา หรือเกลียดชังเรา ให้อภัยกับคนที่ เขาเหยียบย้ำซ้ำเติม คนที่เรารักเราหวงแหน ถือเป็นกุศลผลบุญ อันสูงส่ง และไม่ต้องจ่ายค่างวดอะไรเลย