คือเรื่องมันมีอยู่ว่า
ญาติของดิฉันมีอาการ ตัวเหลือง ตาเหลือง คลื่นไส้ และเบื่ออาหารค่ะ
ทางญาติเลยส่งเข้าไปรักษาที่ รพ. แห่งนี้ค่ะ
และแพทย์ก็ให้นอนพักรักษาตัวที่ รพ. เพื่อดูอาการค่ะ
หลังจากที่ทำการอัลตราซาวน์แล้วแพทย์ก็มาแจ้งผลว่า เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีค่ะ
และเพียงไม่กี่วันก็ให้กลับบ้านได้ค่ะ
แต่...เรื่องมันไม่ได้จบเพียงแค่นั้นคะ
ปรากฏว่าอาการได้ทรุดหนักลงค่ะ และได้กลับไปที่ รพ. อีกรอบค่ะ
และแพทย์ก็ให้เพียงแค่ยาและวิตามินกลับมาทานค่ะ
แต่ว่าอาการก็ไม่ได้ดีขึ้น ทางญาติเลยส่งตัวไปที่ รพ.จุฬาฯค่ะ
ในตอนแรกทาง รพ. จะไม่รับค่ะ เพราะคนที่จะได้รับการรักษาจะต้องจองคิวเป็นปี
แต่ว่าแพทย์ใหญ่ได้มาพบเข้า และให้รับการรักษาทันที
ผลตรวจปรากฏว่าเป็นโรคตับแข็งค่ะ
และตอนนี้ก็ได้รับการรักษาจนดีขึ้นแล้วค่ะจากทาง "รพ.จุฬาฯ"
โดยทำการ "ผ่าตัดเปลี่ยนตับค่ะ"
ซึ่งมันต่างจากการให้เพียงแค่ยาแก้อาเจียนและวิตามินมาทานมากเลยใช่ไหมคะ
คือสงสัยว่า "แพทย์ที่รพ.สิริกิตติ์ไม่ทำการวินิจฉัย หรือว่าเครื่องมือแพทย์มันเสื่อมคะ???"
ดิฉันก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่าหากอัลตราซาวน์แล้วจะพบว่าเป็นตับแข็งเลยหรือไม่(ดิฉันสันนิษฐานว่าน่าจะเห็น) /หากผิดพลาดก็ขออภัยค่ะ
และในที่นี้ก็ขอขอบคุณและขอชื่นชมแพทย์ที่รพ.จุฬามากๆค่ะ
ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นก็เพื่อจะแสดงให้เห็นอีกด้านหนึ่งของความรู้สึก ของบุคคลที่ได้เข้าไปรับการรักษาค่ะ
เราเข้าใจว่าพวกคุณเหนื่อยค่ะ แต่ลองคิดในทางเดียวกัน หากเป็นญาติของคุณบ้างหล่ะคะ??
ขอโทษที่ก้าวร้าวค่ะ แต่ไม่ไหวกับการทำงานแล้วจริงๆค่ะ
ทางรพ.การจัดการเหมือนจะเป็นระบบนะคะ แต่ก็ไม่เลยค่ะ ช้าและนานเกินไปมากจริงๆค่ะ
ปล.1 ต้องขอโทษแพทย์บางท่านในรพ.สิริกิตติ์ที่ทำงานหนักด้วยนะคะ
ปล.2 ที่ตั้งกระทู้ขึ้นแค่อยากให้ท่านได้เห็นใจทางคนที่เข้ารับการรักษาด้วยค่ะ การวินิจฉัยครั้งนี้มันแย่มากนะคะ
และขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
ทำไมรพ.สิริกิตติ์การทำงานถึงเป็นแบบนี้คะ
ญาติของดิฉันมีอาการ ตัวเหลือง ตาเหลือง คลื่นไส้ และเบื่ออาหารค่ะ
ทางญาติเลยส่งเข้าไปรักษาที่ รพ. แห่งนี้ค่ะ
และแพทย์ก็ให้นอนพักรักษาตัวที่ รพ. เพื่อดูอาการค่ะ
หลังจากที่ทำการอัลตราซาวน์แล้วแพทย์ก็มาแจ้งผลว่า เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีค่ะ
และเพียงไม่กี่วันก็ให้กลับบ้านได้ค่ะ
แต่...เรื่องมันไม่ได้จบเพียงแค่นั้นคะ
ปรากฏว่าอาการได้ทรุดหนักลงค่ะ และได้กลับไปที่ รพ. อีกรอบค่ะ
และแพทย์ก็ให้เพียงแค่ยาและวิตามินกลับมาทานค่ะ
แต่ว่าอาการก็ไม่ได้ดีขึ้น ทางญาติเลยส่งตัวไปที่ รพ.จุฬาฯค่ะ
ในตอนแรกทาง รพ. จะไม่รับค่ะ เพราะคนที่จะได้รับการรักษาจะต้องจองคิวเป็นปี
แต่ว่าแพทย์ใหญ่ได้มาพบเข้า และให้รับการรักษาทันที
ผลตรวจปรากฏว่าเป็นโรคตับแข็งค่ะ
และตอนนี้ก็ได้รับการรักษาจนดีขึ้นแล้วค่ะจากทาง "รพ.จุฬาฯ"
โดยทำการ "ผ่าตัดเปลี่ยนตับค่ะ"
ซึ่งมันต่างจากการให้เพียงแค่ยาแก้อาเจียนและวิตามินมาทานมากเลยใช่ไหมคะ
คือสงสัยว่า "แพทย์ที่รพ.สิริกิตติ์ไม่ทำการวินิจฉัย หรือว่าเครื่องมือแพทย์มันเสื่อมคะ???"
ดิฉันก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่าหากอัลตราซาวน์แล้วจะพบว่าเป็นตับแข็งเลยหรือไม่(ดิฉันสันนิษฐานว่าน่าจะเห็น) /หากผิดพลาดก็ขออภัยค่ะ
และในที่นี้ก็ขอขอบคุณและขอชื่นชมแพทย์ที่รพ.จุฬามากๆค่ะ
ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นก็เพื่อจะแสดงให้เห็นอีกด้านหนึ่งของความรู้สึก ของบุคคลที่ได้เข้าไปรับการรักษาค่ะ
เราเข้าใจว่าพวกคุณเหนื่อยค่ะ แต่ลองคิดในทางเดียวกัน หากเป็นญาติของคุณบ้างหล่ะคะ??
ขอโทษที่ก้าวร้าวค่ะ แต่ไม่ไหวกับการทำงานแล้วจริงๆค่ะ
ทางรพ.การจัดการเหมือนจะเป็นระบบนะคะ แต่ก็ไม่เลยค่ะ ช้าและนานเกินไปมากจริงๆค่ะ
ปล.1 ต้องขอโทษแพทย์บางท่านในรพ.สิริกิตติ์ที่ทำงานหนักด้วยนะคะ
ปล.2 ที่ตั้งกระทู้ขึ้นแค่อยากให้ท่านได้เห็นใจทางคนที่เข้ารับการรักษาด้วยค่ะ การวินิจฉัยครั้งนี้มันแย่มากนะคะ
และขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ