เคยสงสัยกันบ้างไหมครับ
ทำไมวิชาที่เราเรียน เรียนไปไม่เคยเข้าใจเลย แต่ไปให้เพื่อนที่ห้องสอน หรือ ไปเรียนกับติวเตอร์ดันเข้าใจ
แปลกแต่จริง...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉัน (อันนี้มุกนะ ใครไม่เก็ตข้ามไป)
สรุปว่าปัญหาข้างต้น ใครควรพิจารณาตัวเอง ?
( ก่อนอื่นขออภัยอาจารย์ที่สอนดี ๆ บางท่านด้วยนะครับคำพูดที่ผมใช้อาจจะรุนแรงไปหน่อยแต่ก็อยากอ่านให้จบนะแล้วมาถกประเด็นกันครับผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยจริง ๆ ครับ )
อารัมภบทมาพอแล้วขอเข้าประเด็นสำคัญละกันครับ
ถ้าคุณ(ที่เป็นอาจารย์)คิดว่าเด็กโง่ ทำให้คุณสอนแล้วเด็กไม่เข้าใจ แล้วถ้าเด็กทั้งประเทศโง่หมดทุกคนเลยล่ะ
ก็จะกลายเป็นว่าจะไม่มีใครเข้าใจวิชาที่คุณสอนเลยใช่ไหมครับ ?
ผมคิดแบบนี้นะ นิยามของคำว่า " โง่ " สำหรับผม คือการที่ไม่รู้
แล้วไอ้การที่ไม่รู้เนี่ยคนทุกคนที่เกิดมามันก็เริ่มมาจากความว่างเปล่าหมด (เกิดมาคุณก็โง่เลยพูดตรง ๆ)
ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก (นอกจากอัจฉริยะ IQ200 พวกแบบ2ปี พูดได้ 3-4ภาษา)
แต่ที่คนมันเก่งขึ้นมาได้เนี่ยมันมาจาก 2เหตุการณ์หลัก ๆ (ตามความคิดของผมนะ)
1. เด็กมีความสนใจใฝ่รู้เอง ก็อย่างเช่น เปิดตำรา คู่มือการเรียนเอง หรือแม้กระทั่งไปขวนขวายด้วยการไปนั่งเรียนกับติวเตอร์
2. อาจารย์สอนเก่งสอนแล้วเข้าใจ อันนี้มันขึ้นกับเทคนิคการสอนของอาจารย์ในแต่ละวิชานั้น ๆ คุณต้องหาวิธีมาสอนแล้วให้เด็กเข้าใจให้ได้
นอกเหนือจากนี้ล่ะ ก็คือนักเรียนส่วนใหญ่ของประเทศครับ สังเกตได้จากค่าเฉลี่ยของแต่ละรายวิชายิ่งเนื้อหาเข้มข้น หรือระดับที่สูงขึ้นค่าเฉลี่ยโดยเฉพาะการสอบระดับชาติต่าง ๆ เช่น O-net รวมไปถึงการสอบโควตาของมหาลัยต่าง ๆ และ พวก Gat Pat จะเห็นว่าส่วนใหญ่ได้ต่ำกว่าครึ่ง โดยเฉพาะพวกวิชาคำนวณบางครั้งยังได้ไม่เกิน 25% เลยก็มี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมต้องขอโทษนักเรียนนักศึกษาทุกคนนะครับ ถ้าไปทำให้เข้าใจผิดว่าผมไปว่าพวกคุณโง่ เปล่าเลยครับ
ผมเข้าข้างคุณทุกคนพวกคุณไม่โง่ครับแต่เจออาจารย์ที่สอนไม่เก่ง เพราะผมก็ผ่านประสบการณ์เรื่องพวกนี้มาเหมือนกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมขอยกคะแนน O-net เป็นเกณฑ์ตั้งละกันนะครับ 50% ถือว่าสอนให้นักเรียนได้สุดยอดครับ
แต่ที่ต่ำลงมากว่านั้นขอใช้คำว่าห่วยละกัน
มันยากขนาดนั้นเลยหรือ คนหนึ่งคนถ้าเรียนจนถึงมปลายใช้เวลาตั้ง 15ปี (อนุบาล3 ประถม6 มัธยม6)
แต่ไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้...ไรเลย
หน้าที่ของอาจารย์ คือ ผู้ถ่ายทอดความรู้นะครับ
ไม่ใช่ปล่อยเด็กไปตามความขยันของเขา
ก็อย่างที่บอก ถ้าเด็กรุ่นใหม่เกิดมาไม่มีใครเก่งเลยล่ะ คุณสอนแบบเดิม ๆ สอนในแบบของคุณ
แต่ไม่มีนักเรียนคนไหนเข้าใจเลยสักคน มันเป็นความผิดของเด็กนักเรียนเหรอ ? ขอตอบตรงนี้เลย ไม่ครับความผิดของคุณ และ อาจารย์ท่านก่อนที่สอนเด็กเหล่านี้มา
(ผมมีตัวอย่างในการอธิบาย 2แบบถ้าอ่านแบบที่1ไม่เข้าใจก็ลองไปอ่านแบบที่2ดู)
การศึกษายิ่งระดับสูง ยิ่งเหมือนการเรียงโดมิโนครับ ลองคิดภาพตามผมนะ
ตัวเลข 1,2,3,... คือตัวโดมิโน คือความรู้ในแต่ละอย่างที่จำเป็นต่อจุดหมาย
เป้าหมายของการเข้าใจคือไปให้ถึงจุดหมาย ผมแทนเป้าหมายเป็น X ละกัน
คุณผลักที่ตรงนี้ ---> 1-2-3-4-5-X
ถ้าเด็กที่เข้าใจคือมีโดมิโนครับทั้งหมด ครบทั้ง5ตัว
พอเด็กจะแก้ปัญหาอย่างนึง เด็กมีความรู้ มีโดมิโนครบทั้ง 5ตัว ก็ไปถึง X (จุดหมาย)
แต่ถ้าเด็กขาดอย่างใดอย่างนึงไปล่ะ เช่น เด็กขาดโดมิโนตัวที่ 3
ถ้าปัญหายังไม่ซับซ้อน ระยะห่างจากโดมิโนไม่ไกลมาก ตัวที่2ยังพอไปหาถึงตัวที่ 4ได้
แต่ถ้านักเรียนเจอปัญหาที่ยากขึ้นไปอีกล่ะ
เช่น 1-2-3-4-5-6-7-8-9-X
แต่นักเรียนของคุณพอมีพื้นฐาน 1 2 3 อยู่บ้างแต่พอเลื่อนระดับชั้นขึ้นมา 4 5 6 7 มันไม่เข้าใจเลย
มันจะส่งต่อไปถึง 8 9 เพื่อไปถึงจุดหมายได้ยังไง
ตัวอย่างที่ 2 ผมขออธิบายในแบบคณิตศาสตร์แล้วกัน
ตั้งแต่ประถมคุณเรียนเรื่องง่าย ๆ แบบ +(บวก) -(ลบ) x(คูณ) /(หาร)
ช่วงนี้ยังถือว่าไม่ยากจนเกินไป
แต่พอขึ้นมัธยมมา ไปเจอ เลขยกกำลัง สมการ การแยกตัวประกอบ expo-log ตรีโกณมิติ เรขาคณิตวิเคราะห์ จำนวนเชิงซ้อน แคลคูลัส
ขอยกตัวอย่างก่อน
ครูสอนเด็กเรื่องการบวก คือการรวมกันเช่นให้นับผลไม้(o = ผลไม้1ลูก)
o = 1
oo = 2
ooo = 3
ครูก็จะสอนว่า o + oo = ooo เป็นต้น
หลังจากบวกคล่องแล้วก็ไปลบซึ่งไม่ต่างกันมากเลย ขอข้ามไปคูณเลยนะ
การคูณก็ต้องอาศัยพื้นฐานจากการบวก เช่น
2x2 คืออะไร ก็คือการที่นำ 2 มาบวกกัน 2ครั้ง 2x2 = 2+2
3x3 = 3+3+3
5x6 = 5+5+5+5+5+5(มี5อยู่6ตัว) = 6+6+6+6+6(มี6อยู่5ตัว)
แต่พอถึงเลขยกกำลัง ถ้าคุณไม่เข้าใจการคูณคุณจะเริ่มงงแล้ว
เพราะเลขยกกำลังก็ประกอบขึ้นจากการคูณ
2^3 = การเอา2มาคูณกัน3ครั้ง = 2x2x2
6^4 = การเอา6มาคูณกัน4ครั้ง = 6x6x6x6
คุณจะสังเกตว่าวิชาคณิตศาสตร์ มันเป็นการเชื่อมความรู้จาก 1->X (จากเริ่มต้นไปสู่จุดหมาย)
ซึ่งโดยเฉพาะอันหลัง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเชิงซ้อน แคลคูลัส expo-log
มันก็เรียงกันมาเป็นสเต็บ ๆ ไล่ทีละลำดับจาก บวก ไป คูณ ไป เลขยกกำลัง และอื่น ๆ อีกมาก
ซึ่งนี่แหละพอคุณสอนไม่รู้เรื่อง มันจะกลายเป็นปัญหาให้ครูระดับที่สูงกว่าคุณ
และถ้าตัวนักเรียนไม่แก้ไขมันก็จะกลายเป็นว่านักเรียนจะเริ่มไม่เข้าใจวิชานั้น ๆ
หน้าที่ของอาจารย์ในแต่ละระดับชั้นควรทำให้แน่ใจว่าเด็กเข้าใจเราจริง
ไม่จำเป็นต้องสอนยากออกข้อสอบซาดิสม์หรอก ออกมันง่าย ๆ " เสียเวลาสอนเรื่องพื้นฐาน แล้วยกตัวอย่างที่พวกเขาน่าจะเข้าใจได้ "
เอาล่ะหลังจากที่อธิบายไปแล้วว่าทำไมนักเรียนถึงไม่เข้าใจวิชานั้น ๆ
ก็มาดูว่าอาจารย์สอนห่วยยังไง
ปัญหาหลักของอาจารย์เลยคือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างหลักสูตรขึ้นมาให้ครูสอนและครูต้องสอนให้ครบ
ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไหร่หรอกแต่ว่า เราชินกับการสอนกันแบบนี้
ขอยกวิชาที่เด็กส่วนใหญ่ไม่เข้าใจที่สุด คือพวกวิชาคำนวณ => " คณิตศาสตร์ "
ในเมื่อกระทรวงศึกษาบังคับมาให้สอนให้ครบ
ประสบการณ์ที่เคยเรียนมา ครูคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่ที่สอนให้ผมเล่นสอนกันแบบนี้เลย
อธิบายเนื้อหาพื้นฐาน (องค์ความร้ 1 2 3 ... สำหรับการไปถึงจุดหมาย X) ไม่เข้าใจเลยสักนิด !!!
แต่อยากให้นักเรียนเข้าใจ ก็เลยยกตัวอย่างที่เป็นโจทย์มาอย่างเดียว แล้วพอคิดว่านักเรียนน่าจะเข้าใจแล้วก็สั่งการบ้านที่ยากกว่าที่สอน
ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่า ซาดิสม์ หรืออะไร การสั่งการบ้านไม่ได้ช่วยให้นักเรียนเข้าใจขึ้น
คือท่านอาจารย์ที่เคารพ ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น
1. ถ้ามีเด็กเก่ง-->ที่เรียนมาก่อน หาความรู้มาก่อนละ การบ้านจะมาจากคน ๆ นั้นโดยปริยาย 5555
2. ผลลัพธ์ที่เกิดจากข้อหนึ่ง คุณคงมองออกสินะว่า คนที่เก่งมันก็จะเก่งต่อไป คนที่ลอกก็ได้คะแนนก็พอใจ ความรู้มันเลยไม่เพิ่มมาเท่าไหร่
3. แทนที่คุณจะเอาเวลาไปตรวจการบ้าน ไปสร้างพื้นฐานให้เด็กด้วยการอธิบายภาพรวมง่าย ๆ แต่เข้าใจไม่ดีกว่าหรือ
แต่ ๆๆ คุณอย่าไปโทษเด็กฝ่ายเดียวที่ไปลอกคนที่เรียนมาก่อน
เพราะคนที่ลอก มันไม่เข้าใจที่คุณสอนมันเลยจำเป็นต้องลอกเพื่อรักษาคะแนนเก็บที่พึงจะได้
และคงจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยหลายท่านกล่าวว่า
" ก็ถ้าเด็กมันไม่เข้าใจ ทำไมมันไม่พยายามหาความรู้เพิ่มเติมแล้วมาทำการบ้านเอง "
ในส่วนนี้ผมก็เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
เพราะอย่างที่บอก นั่นจะกลายเป็นหน้าที่ของเด็ก ไม่ใช่หน้าที่ของผู้สอน
ซ้ำร้ายกลายเป็นผู้สอนผลักภาระความรับผิดชอบการเข้าถึงความรู้โดยให้ผู้เรียนเข้าหาความรู้ด้วยตนเอง
ครูที่สอนดีสอนเก่ง ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งระดับขั้นปรมาจารย์แก้สมการหรือตอบปัญหาได้ทุกข้อ
แต่ควรจะเป็นคนที่ทำให้ภาพรวมของเด็กมันเปิดกว้างแล้วเข้าใจความรู้ได้
ไม่จำเป็นต้องสอนยาก สอนความรู้พื้นฐานให้ครบ สอนให้เข้าใจทุกคน
อ้าวแล้วเด็กที่จะสอบแข่งขันกันล่ะ ?
คือในส่วนนี้ ครูส่วนใหญ่ในปัจจุบันคุณได้ผลักภาระไปให้เด็กหมดแล้ว
โดยเฉพาะการสอบที่มีการแข่งขันสูง สอบแพทย์ สอบวิศวะ หรือสอบชิงทุนต่างประเทศ
ถ้าเขามีความสนใจจริง เขาก็จะผลักดันตัวเองเหมือนทุกวันนี้ ถ้าเขาอยากเก่งก็เหมือนปัจจุบันไปเรียนกับติวเตอร์ อ่านหนังสือเอง หรือมาถามความรู้ที่ยาก ๆ กับคุณให้คุณสอนเองครับ
สรุปนะครับ
ทำไมในความเห็นผม อาจารย์ถึงสอนห่วย
ก็เพราะปัจจุบันคุณผลักภาระทั้งหมดในการเข้าถึงข้อมูลที่ใช้สอบให้กับเด็กทั่วไปอยู่แล้วนี่
เช่น กลับบ้านไปก็ไปทบทวนความรู้ด้วย ไปเรียนพิเศษด้วย อ่านตำราหนังสือหนังหาเองด้วย
เด็กที่ประสบความสำเร็จในการสอบส่วนใหญ่ มันมาจากตัวเด็กเองครับ
และคุณก็สอบตกในการให้ความรู้แก่ลูกศิษย์ทั้งหมดในการสอนของคุณ
เพราะอะไร เพราะว่ายังไงคุณก็ผลักภาระให้เด็กที่ต้องการสอบติดไปแล้ว
คุณสอนก็ไม่เหมือนไม่สอนอะไรมากอะครับ ยังไงเด็กก็ต้องไปหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเอง / ติวเตอร์ และอื่น ๆ
และผมขอฝากคำแนะนำถึงอาจารย์โดยเฉพาะภาคคณิตศาสตร์ทุกท่านด้วยนะครับ
อย่าเลยครับ ให้การบ้านเด็กน่ะ ให้ไปโดยที่ความรู้เด็กทั้งห้องยังไม่แน่น
ก็เป็นการผลักดันให้เด็กต้องการรักษาคะแนนเก็บ ถ้าเด็กใฝ่รู้ ก็ถือว่าโชคดีกับตัวเด็ก แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนั้น 90% ลอกกันมา
แล้วต้นฉบับมันก็มีแค่ 10% หรือก็คือคุณอาจจะส่งความรู้ได้แค่ 1/10 และมันไม่จำเป็นแล้วในยุคที่ใครอยากเก่ง เด็กก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้
คุณแค่สอนพื้นฐาน สอนให้เขาเข้าใจวิชาของคุณ แล้วแนะนำให้เขาไปศึกษาต่อ
1เทอมมันคิดเป็นเวลาได้หลายชั่วโมง แบ่งเวลาดี ๆ
10% เช็กพื้นฐานของเด็กแต่ละคน
30% ปรับพื้นฐานให้เด็กแต่ละคน โดยเฉพาะคนที่ไม่เข้าใจ
10% ปรับทัศนคติต่อวิชาให้ดีขึ้น
30% คุณก็สอนโดยทำให้เด็กเข้าใจมากที่สุด
10% ทดสอบความรู้ของเด็ก
10% แก้ไขจุดที่เด็กไม่เข้าใจ
แล้วส่งไม้ต่อให้ครูที่จะสอนในระดับชั้นต่อ ๆ ไป
ถ้าระบบตรงนี้ พื้นฐานเด็กก็มั่นคง และสามารถไปได้เรื่อย ๆ
รวมถึงชอบวิชานี้มากขึ้น เปลี่ยนความคิดกับวิชานี้มากขึ้น
ไม่จำเป็นต้องสอนแค่ในตำรา เอาเรื่องตลกโปกฮามาช่วยคลายบรรยากาศก็ได้
เช่นเรื่อง อาร์คิมิดีส โดยสั่งให้หาวิธีพิสูจน์ว่าทองมันบริสุทธิ์ไหม
อาร์คิมิดิส นั่งคิดนอนคิดตีลังกาคิดแล้วก็คิดไม่ออกสักที
ลองไปแช่น้ำดูบ้าง เฮ้ยยยย guได้คำตอบแล้วว วิ่งออกมาจากห้องน้ำไม่ใส่เสื้อผ้าแล้วตะโกนยูเรก้าลั่นบ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่แนะนำเรื่องตลก เพราะคนชอบเรื่องเฮฮาฟังแล้วตลกชอบใจก็ตั้งใจฟัง ใครมันจะไปฟังบรรยายจืดชืดแล้วรู้เรื่องคุณต้องหาเทคนิคในการดึงดูดความสนใจเอง เรื่องนี้มันหน้าที่ของคุณไม่ใช่ของผม
และสุดท้ายที่ผมแนะนำถึงอาจารย์คณิตศาสตร์
เพราะผมชอบในวิชานี้ และผมบอกตรง ๆ ว่ามีความโชคดีไม่น้อยเพราะได้เจออาจารย์ที่ดีสำหรับตัวผม เป็นพี่ของผมเอง ทำให้ผมเรียนรู้เรื่องและเข้าใจเรื่องที่อาจารย์สอน แต่เพื่อนผมน่ะสิหลายคนโชคร้าย ถึงกลับเกลียดวิชานี้เข้าไส้ แค่ชื่อก็ไม่เอาแล้ว
และมีอีกหลายอย่างที่ผมไม่ได้เขียน พวกทำไมทัศนคติของนักเรียนจึงแย่ต่อวิชาคณิตศาสตร์
เอาง่าย ๆ เช่น เด็ก ๆ คุณโดนสั่งให้ไปเขียนหน้ากระดาน แต่ครูสอนไม่เข้าใจ ก็กลายเป็นไปยืนโง่ ๆ อยู่หน้ากระดาน
ซ้ำร้ายเพื่อนด้วยกันหัวเราะชอบใจ กลายเป็นปมด้อย เกลียดวิชานี้ไปเลย
ดังนั้นในฐานะที่ผมชอบคณิตศาสตร์ ผมอยากให้คุณเปลี่ยนครับเพื่อตัวเด็กด้วย ถึงมันจะลำบากเพราะต้องปรับการสอนใหม่
แต่ไม่มีอะไรยากเกินไป ลองผิดลองถูก ทำให้เด็กสนุกให้ได้แล้วคุณจะสอนให้เขาเข้าใจได้ครับ
รวมถึงวิชาอื่น ๆ มันก็ไม่ต่างจากคณิตศาสตร์มากหรอก วิชาท่องจำเช่นชีวะ ผมไม่ได้อ่านไปล่วงหน้า ไม่ได้เรียนพิเศษ
แต่เพื่อนมันอ่านไง ก็กลายเป็นว่าผมเป็นไอ้บื้ออยู่หลังห้องมีอคติต่อวิชานี้ไม่ต่างจากที่เพื่อนหลาย ๆ คนเกลียดวิชาที่ผมชอบ
ไม่ใช่เพราะคนเราชอบต่างกัน แต่เป็นเพราะระบบที่พวกคุณสั่งสมมาตั้งแต่ประถมมันทำให้เกิดผลลัพธ์แย่ ๆ
ปล. ผมก็ไม่ได้เก่งอะไร ไม่ได้เป็นครูด้วย แต่ในฐานะนักเรียนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจในบางวิชาจึงอยากมาบอกเล่า
อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณไม่ลดการบ้านผมไม่ว่าหรอก คุณสอนให้มันเข้าใจก่อนจะสั่งเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าคุณสอนให้เด็กเข้าใจทุกคนหรือยัง แล้วมันจะเป็นปัญหาต่อไปอย่างที่ผมว่าไหม ?
ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ
เด็กไม่เข้าใจวิชาที่เรียน เพราะ " โง่ " หรือ " อาจารย์สอนห่วย "
ทำไมวิชาที่เราเรียน เรียนไปไม่เคยเข้าใจเลย แต่ไปให้เพื่อนที่ห้องสอน หรือ ไปเรียนกับติวเตอร์ดันเข้าใจ
แปลกแต่จริง... [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปว่าปัญหาข้างต้น ใครควรพิจารณาตัวเอง ?
( ก่อนอื่นขออภัยอาจารย์ที่สอนดี ๆ บางท่านด้วยนะครับคำพูดที่ผมใช้อาจจะรุนแรงไปหน่อยแต่ก็อยากอ่านให้จบนะแล้วมาถกประเด็นกันครับผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยจริง ๆ ครับ )
อารัมภบทมาพอแล้วขอเข้าประเด็นสำคัญละกันครับ
ถ้าคุณ(ที่เป็นอาจารย์)คิดว่าเด็กโง่ ทำให้คุณสอนแล้วเด็กไม่เข้าใจ แล้วถ้าเด็กทั้งประเทศโง่หมดทุกคนเลยล่ะ
ก็จะกลายเป็นว่าจะไม่มีใครเข้าใจวิชาที่คุณสอนเลยใช่ไหมครับ ?
ผมคิดแบบนี้นะ นิยามของคำว่า " โง่ " สำหรับผม คือการที่ไม่รู้
แล้วไอ้การที่ไม่รู้เนี่ยคนทุกคนที่เกิดมามันก็เริ่มมาจากความว่างเปล่าหมด (เกิดมาคุณก็โง่เลยพูดตรง ๆ)
ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก (นอกจากอัจฉริยะ IQ200 พวกแบบ2ปี พูดได้ 3-4ภาษา)
แต่ที่คนมันเก่งขึ้นมาได้เนี่ยมันมาจาก 2เหตุการณ์หลัก ๆ (ตามความคิดของผมนะ)
1. เด็กมีความสนใจใฝ่รู้เอง ก็อย่างเช่น เปิดตำรา คู่มือการเรียนเอง หรือแม้กระทั่งไปขวนขวายด้วยการไปนั่งเรียนกับติวเตอร์
2. อาจารย์สอนเก่งสอนแล้วเข้าใจ อันนี้มันขึ้นกับเทคนิคการสอนของอาจารย์ในแต่ละวิชานั้น ๆ คุณต้องหาวิธีมาสอนแล้วให้เด็กเข้าใจให้ได้
นอกเหนือจากนี้ล่ะ ก็คือนักเรียนส่วนใหญ่ของประเทศครับ สังเกตได้จากค่าเฉลี่ยของแต่ละรายวิชายิ่งเนื้อหาเข้มข้น หรือระดับที่สูงขึ้นค่าเฉลี่ยโดยเฉพาะการสอบระดับชาติต่าง ๆ เช่น O-net รวมไปถึงการสอบโควตาของมหาลัยต่าง ๆ และ พวก Gat Pat จะเห็นว่าส่วนใหญ่ได้ต่ำกว่าครึ่ง โดยเฉพาะพวกวิชาคำนวณบางครั้งยังได้ไม่เกิน 25% เลยก็มี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มันยากขนาดนั้นเลยหรือ คนหนึ่งคนถ้าเรียนจนถึงมปลายใช้เวลาตั้ง 15ปี (อนุบาล3 ประถม6 มัธยม6)
แต่ไม่ได้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ไรเลย
หน้าที่ของอาจารย์ คือ ผู้ถ่ายทอดความรู้นะครับ
ไม่ใช่ปล่อยเด็กไปตามความขยันของเขา
ก็อย่างที่บอก ถ้าเด็กรุ่นใหม่เกิดมาไม่มีใครเก่งเลยล่ะ คุณสอนแบบเดิม ๆ สอนในแบบของคุณ
แต่ไม่มีนักเรียนคนไหนเข้าใจเลยสักคน มันเป็นความผิดของเด็กนักเรียนเหรอ ? ขอตอบตรงนี้เลย ไม่ครับความผิดของคุณ และ อาจารย์ท่านก่อนที่สอนเด็กเหล่านี้มา
(ผมมีตัวอย่างในการอธิบาย 2แบบถ้าอ่านแบบที่1ไม่เข้าใจก็ลองไปอ่านแบบที่2ดู)
การศึกษายิ่งระดับสูง ยิ่งเหมือนการเรียงโดมิโนครับ ลองคิดภาพตามผมนะ
ตัวเลข 1,2,3,... คือตัวโดมิโน คือความรู้ในแต่ละอย่างที่จำเป็นต่อจุดหมาย
เป้าหมายของการเข้าใจคือไปให้ถึงจุดหมาย ผมแทนเป้าหมายเป็น X ละกัน
คุณผลักที่ตรงนี้ ---> 1-2-3-4-5-X
ถ้าเด็กที่เข้าใจคือมีโดมิโนครับทั้งหมด ครบทั้ง5ตัว
พอเด็กจะแก้ปัญหาอย่างนึง เด็กมีความรู้ มีโดมิโนครบทั้ง 5ตัว ก็ไปถึง X (จุดหมาย)
แต่ถ้าเด็กขาดอย่างใดอย่างนึงไปล่ะ เช่น เด็กขาดโดมิโนตัวที่ 3
ถ้าปัญหายังไม่ซับซ้อน ระยะห่างจากโดมิโนไม่ไกลมาก ตัวที่2ยังพอไปหาถึงตัวที่ 4ได้
แต่ถ้านักเรียนเจอปัญหาที่ยากขึ้นไปอีกล่ะ
เช่น 1-2-3-4-5-6-7-8-9-X
แต่นักเรียนของคุณพอมีพื้นฐาน 1 2 3 อยู่บ้างแต่พอเลื่อนระดับชั้นขึ้นมา 4 5 6 7 มันไม่เข้าใจเลย
มันจะส่งต่อไปถึง 8 9 เพื่อไปถึงจุดหมายได้ยังไง
ตัวอย่างที่ 2 ผมขออธิบายในแบบคณิตศาสตร์แล้วกัน
ตั้งแต่ประถมคุณเรียนเรื่องง่าย ๆ แบบ +(บวก) -(ลบ) x(คูณ) /(หาร)
ช่วงนี้ยังถือว่าไม่ยากจนเกินไป
แต่พอขึ้นมัธยมมา ไปเจอ เลขยกกำลัง สมการ การแยกตัวประกอบ expo-log ตรีโกณมิติ เรขาคณิตวิเคราะห์ จำนวนเชิงซ้อน แคลคูลัส
ขอยกตัวอย่างก่อน
ครูสอนเด็กเรื่องการบวก คือการรวมกันเช่นให้นับผลไม้(o = ผลไม้1ลูก)
o = 1
oo = 2
ooo = 3
ครูก็จะสอนว่า o + oo = ooo เป็นต้น
หลังจากบวกคล่องแล้วก็ไปลบซึ่งไม่ต่างกันมากเลย ขอข้ามไปคูณเลยนะ
การคูณก็ต้องอาศัยพื้นฐานจากการบวก เช่น
2x2 คืออะไร ก็คือการที่นำ 2 มาบวกกัน 2ครั้ง 2x2 = 2+2
3x3 = 3+3+3
5x6 = 5+5+5+5+5+5(มี5อยู่6ตัว) = 6+6+6+6+6(มี6อยู่5ตัว)
แต่พอถึงเลขยกกำลัง ถ้าคุณไม่เข้าใจการคูณคุณจะเริ่มงงแล้ว
เพราะเลขยกกำลังก็ประกอบขึ้นจากการคูณ
2^3 = การเอา2มาคูณกัน3ครั้ง = 2x2x2
6^4 = การเอา6มาคูณกัน4ครั้ง = 6x6x6x6
คุณจะสังเกตว่าวิชาคณิตศาสตร์ มันเป็นการเชื่อมความรู้จาก 1->X (จากเริ่มต้นไปสู่จุดหมาย)
ซึ่งโดยเฉพาะอันหลัง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเชิงซ้อน แคลคูลัส expo-log
มันก็เรียงกันมาเป็นสเต็บ ๆ ไล่ทีละลำดับจาก บวก ไป คูณ ไป เลขยกกำลัง และอื่น ๆ อีกมาก
ซึ่งนี่แหละพอคุณสอนไม่รู้เรื่อง มันจะกลายเป็นปัญหาให้ครูระดับที่สูงกว่าคุณ
และถ้าตัวนักเรียนไม่แก้ไขมันก็จะกลายเป็นว่านักเรียนจะเริ่มไม่เข้าใจวิชานั้น ๆ
หน้าที่ของอาจารย์ในแต่ละระดับชั้นควรทำให้แน่ใจว่าเด็กเข้าใจเราจริง
ไม่จำเป็นต้องสอนยากออกข้อสอบซาดิสม์หรอก ออกมันง่าย ๆ " เสียเวลาสอนเรื่องพื้นฐาน แล้วยกตัวอย่างที่พวกเขาน่าจะเข้าใจได้ "
เอาล่ะหลังจากที่อธิบายไปแล้วว่าทำไมนักเรียนถึงไม่เข้าใจวิชานั้น ๆ
ก็มาดูว่าอาจารย์สอนห่วยยังไง
ปัญหาหลักของอาจารย์เลยคือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างหลักสูตรขึ้นมาให้ครูสอนและครูต้องสอนให้ครบ
ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไหร่หรอกแต่ว่า เราชินกับการสอนกันแบบนี้
ขอยกวิชาที่เด็กส่วนใหญ่ไม่เข้าใจที่สุด คือพวกวิชาคำนวณ => " คณิตศาสตร์ "
ในเมื่อกระทรวงศึกษาบังคับมาให้สอนให้ครบ
ประสบการณ์ที่เคยเรียนมา ครูคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่ที่สอนให้ผมเล่นสอนกันแบบนี้เลย
อธิบายเนื้อหาพื้นฐาน (องค์ความร้ 1 2 3 ... สำหรับการไปถึงจุดหมาย X) ไม่เข้าใจเลยสักนิด !!!
แต่อยากให้นักเรียนเข้าใจ ก็เลยยกตัวอย่างที่เป็นโจทย์มาอย่างเดียว แล้วพอคิดว่านักเรียนน่าจะเข้าใจแล้วก็สั่งการบ้านที่ยากกว่าที่สอน
ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่า ซาดิสม์ หรืออะไร การสั่งการบ้านไม่ได้ช่วยให้นักเรียนเข้าใจขึ้น
คือท่านอาจารย์ที่เคารพ ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น
1. ถ้ามีเด็กเก่ง-->ที่เรียนมาก่อน หาความรู้มาก่อนละ การบ้านจะมาจากคน ๆ นั้นโดยปริยาย 5555
2. ผลลัพธ์ที่เกิดจากข้อหนึ่ง คุณคงมองออกสินะว่า คนที่เก่งมันก็จะเก่งต่อไป คนที่ลอกก็ได้คะแนนก็พอใจ ความรู้มันเลยไม่เพิ่มมาเท่าไหร่
3. แทนที่คุณจะเอาเวลาไปตรวจการบ้าน ไปสร้างพื้นฐานให้เด็กด้วยการอธิบายภาพรวมง่าย ๆ แต่เข้าใจไม่ดีกว่าหรือ
แต่ ๆๆ คุณอย่าไปโทษเด็กฝ่ายเดียวที่ไปลอกคนที่เรียนมาก่อน
เพราะคนที่ลอก มันไม่เข้าใจที่คุณสอนมันเลยจำเป็นต้องลอกเพื่อรักษาคะแนนเก็บที่พึงจะได้
และคงจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยหลายท่านกล่าวว่า
" ก็ถ้าเด็กมันไม่เข้าใจ ทำไมมันไม่พยายามหาความรู้เพิ่มเติมแล้วมาทำการบ้านเอง "
ในส่วนนี้ผมก็เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
เพราะอย่างที่บอก นั่นจะกลายเป็นหน้าที่ของเด็ก ไม่ใช่หน้าที่ของผู้สอน
ซ้ำร้ายกลายเป็นผู้สอนผลักภาระความรับผิดชอบการเข้าถึงความรู้โดยให้ผู้เรียนเข้าหาความรู้ด้วยตนเอง
ครูที่สอนดีสอนเก่ง ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งระดับขั้นปรมาจารย์แก้สมการหรือตอบปัญหาได้ทุกข้อ
แต่ควรจะเป็นคนที่ทำให้ภาพรวมของเด็กมันเปิดกว้างแล้วเข้าใจความรู้ได้
ไม่จำเป็นต้องสอนยาก สอนความรู้พื้นฐานให้ครบ สอนให้เข้าใจทุกคน
อ้าวแล้วเด็กที่จะสอบแข่งขันกันล่ะ ?
คือในส่วนนี้ ครูส่วนใหญ่ในปัจจุบันคุณได้ผลักภาระไปให้เด็กหมดแล้ว
โดยเฉพาะการสอบที่มีการแข่งขันสูง สอบแพทย์ สอบวิศวะ หรือสอบชิงทุนต่างประเทศ
ถ้าเขามีความสนใจจริง เขาก็จะผลักดันตัวเองเหมือนทุกวันนี้ ถ้าเขาอยากเก่งก็เหมือนปัจจุบันไปเรียนกับติวเตอร์ อ่านหนังสือเอง หรือมาถามความรู้ที่ยาก ๆ กับคุณให้คุณสอนเองครับ
สรุปนะครับ
ทำไมในความเห็นผม อาจารย์ถึงสอนห่วย
ก็เพราะปัจจุบันคุณผลักภาระทั้งหมดในการเข้าถึงข้อมูลที่ใช้สอบให้กับเด็กทั่วไปอยู่แล้วนี่
เช่น กลับบ้านไปก็ไปทบทวนความรู้ด้วย ไปเรียนพิเศษด้วย อ่านตำราหนังสือหนังหาเองด้วย
เด็กที่ประสบความสำเร็จในการสอบส่วนใหญ่ มันมาจากตัวเด็กเองครับ
และคุณก็สอบตกในการให้ความรู้แก่ลูกศิษย์ทั้งหมดในการสอนของคุณ
เพราะอะไร เพราะว่ายังไงคุณก็ผลักภาระให้เด็กที่ต้องการสอบติดไปแล้ว
คุณสอนก็ไม่เหมือนไม่สอนอะไรมากอะครับ ยังไงเด็กก็ต้องไปหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเอง / ติวเตอร์ และอื่น ๆ
และผมขอฝากคำแนะนำถึงอาจารย์โดยเฉพาะภาคคณิตศาสตร์ทุกท่านด้วยนะครับ
อย่าเลยครับ ให้การบ้านเด็กน่ะ ให้ไปโดยที่ความรู้เด็กทั้งห้องยังไม่แน่น
ก็เป็นการผลักดันให้เด็กต้องการรักษาคะแนนเก็บ ถ้าเด็กใฝ่รู้ ก็ถือว่าโชคดีกับตัวเด็ก แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนั้น 90% ลอกกันมา
แล้วต้นฉบับมันก็มีแค่ 10% หรือก็คือคุณอาจจะส่งความรู้ได้แค่ 1/10 และมันไม่จำเป็นแล้วในยุคที่ใครอยากเก่ง เด็กก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้
คุณแค่สอนพื้นฐาน สอนให้เขาเข้าใจวิชาของคุณ แล้วแนะนำให้เขาไปศึกษาต่อ
1เทอมมันคิดเป็นเวลาได้หลายชั่วโมง แบ่งเวลาดี ๆ
10% เช็กพื้นฐานของเด็กแต่ละคน
30% ปรับพื้นฐานให้เด็กแต่ละคน โดยเฉพาะคนที่ไม่เข้าใจ
10% ปรับทัศนคติต่อวิชาให้ดีขึ้น
30% คุณก็สอนโดยทำให้เด็กเข้าใจมากที่สุด
10% ทดสอบความรู้ของเด็ก
10% แก้ไขจุดที่เด็กไม่เข้าใจ
แล้วส่งไม้ต่อให้ครูที่จะสอนในระดับชั้นต่อ ๆ ไป
ถ้าระบบตรงนี้ พื้นฐานเด็กก็มั่นคง และสามารถไปได้เรื่อย ๆ
รวมถึงชอบวิชานี้มากขึ้น เปลี่ยนความคิดกับวิชานี้มากขึ้น
ไม่จำเป็นต้องสอนแค่ในตำรา เอาเรื่องตลกโปกฮามาช่วยคลายบรรยากาศก็ได้
เช่นเรื่อง อาร์คิมิดีส โดยสั่งให้หาวิธีพิสูจน์ว่าทองมันบริสุทธิ์ไหม
อาร์คิมิดิส นั่งคิดนอนคิดตีลังกาคิดแล้วก็คิดไม่ออกสักที
ลองไปแช่น้ำดูบ้าง เฮ้ยยยย guได้คำตอบแล้วว วิ่งออกมาจากห้องน้ำไม่ใส่เสื้อผ้าแล้วตะโกนยูเรก้าลั่นบ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และสุดท้ายที่ผมแนะนำถึงอาจารย์คณิตศาสตร์
เพราะผมชอบในวิชานี้ และผมบอกตรง ๆ ว่ามีความโชคดีไม่น้อยเพราะได้เจออาจารย์ที่ดีสำหรับตัวผม เป็นพี่ของผมเอง ทำให้ผมเรียนรู้เรื่องและเข้าใจเรื่องที่อาจารย์สอน แต่เพื่อนผมน่ะสิหลายคนโชคร้าย ถึงกลับเกลียดวิชานี้เข้าไส้ แค่ชื่อก็ไม่เอาแล้ว
และมีอีกหลายอย่างที่ผมไม่ได้เขียน พวกทำไมทัศนคติของนักเรียนจึงแย่ต่อวิชาคณิตศาสตร์
เอาง่าย ๆ เช่น เด็ก ๆ คุณโดนสั่งให้ไปเขียนหน้ากระดาน แต่ครูสอนไม่เข้าใจ ก็กลายเป็นไปยืนโง่ ๆ อยู่หน้ากระดาน
ซ้ำร้ายเพื่อนด้วยกันหัวเราะชอบใจ กลายเป็นปมด้อย เกลียดวิชานี้ไปเลย
ดังนั้นในฐานะที่ผมชอบคณิตศาสตร์ ผมอยากให้คุณเปลี่ยนครับเพื่อตัวเด็กด้วย ถึงมันจะลำบากเพราะต้องปรับการสอนใหม่
แต่ไม่มีอะไรยากเกินไป ลองผิดลองถูก ทำให้เด็กสนุกให้ได้แล้วคุณจะสอนให้เขาเข้าใจได้ครับ
รวมถึงวิชาอื่น ๆ มันก็ไม่ต่างจากคณิตศาสตร์มากหรอก วิชาท่องจำเช่นชีวะ ผมไม่ได้อ่านไปล่วงหน้า ไม่ได้เรียนพิเศษ
แต่เพื่อนมันอ่านไง ก็กลายเป็นว่าผมเป็นไอ้บื้ออยู่หลังห้องมีอคติต่อวิชานี้ไม่ต่างจากที่เพื่อนหลาย ๆ คนเกลียดวิชาที่ผมชอบ
ไม่ใช่เพราะคนเราชอบต่างกัน แต่เป็นเพราะระบบที่พวกคุณสั่งสมมาตั้งแต่ประถมมันทำให้เกิดผลลัพธ์แย่ ๆ
ปล. ผมก็ไม่ได้เก่งอะไร ไม่ได้เป็นครูด้วย แต่ในฐานะนักเรียนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจในบางวิชาจึงอยากมาบอกเล่า
อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณไม่ลดการบ้านผมไม่ว่าหรอก คุณสอนให้มันเข้าใจก่อนจะสั่งเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าคุณสอนให้เด็กเข้าใจทุกคนหรือยัง แล้วมันจะเป็นปัญหาต่อไปอย่างที่ผมว่าไหม ?
ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ