สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิป
เนื่องด้วยเจ้าของกระทู้ได้ติดตามอ่านข้อมูลต่างๆ ทั้งคำเเนะคำ ความคิดเห็น เรื่องราวต่างๆที่เพื่อนๆได้แชร์ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ยังไม่มีโอกาสมาตั้งกระทู้กะเค้าซักที
วันนี้เลยมีโอกาสอยากแชร์เรื่องราวดีๆเกี่ยวกับทริปการเดินทาง
ด้วยรถ
"การเดินทางจากเอเธนส์สู่อัมสเตอร์ดัม ด้วย อัลฟาโรเมโอ จูเลีย 1966 (GIULIA 1300 TI)" มาให้เพื่อนๆได้ชมค่ะ
แต่ขอบอกก่อนละกันว่าอันนี้เป็นทริปการเดินทางของเจ้านายเจ้าของกระทู้เองค่ะ ซึ่งเห็นว่าน่าสนใจและอาจเป็นข้อมูลดีๆสำหรับใครที่อยากเดินทางในสไตล์นี้
สามารถชมเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.globaldimension.com/blog/ หรือ
https://www.facebook.com/GlobalDimensionDesign/
เอาละ เรามาเริ่มติดตามดูเรื่องราวของเค้ากันเลย ว่าทริปนี้จะเจ๋งขนาดไหน
แผนที่การเดินทางคร่าวๆในทริปนี้
เราทุกคนต่างมีสิ่งที่อยู่ใน “รายการสิ่งที่อยากทำ” และการขับรถคลาสสิกเที่ยวยุโรปก็อยู่ในรายการของผมมาตั้งนานแล้ว รถยนต์คนแรกที่ผมซื้อคืออัลฟ่าโรเมโอบาสเกตเคส 1967 ตอนที่ผมอายุ 17 ปีและตอนอายุ 53 ปี ผมก็ซื้อรถอีกคัน ครั้งนี้ผมซื้ออัลฟาโรเมโอจูเลีย 1300 ทีไอจากประเทศกรีซ ภรรยาและลูกชายวัย 7 ขวบของผมจะร่วมเดินทางกับผมในทริปนี้ด้วย เราวางแผนกันไว้ว่าจะขับรถจากเมืองเอเธนส์ไปยังเมืองอัมสเตอร์ดัมโดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ ระยะทางรวม 3,300 กิโลเมตร (2,100 ไมล์) ข้ามเทือกเขาแอล์ปที่ความสูง 4,000 เมตร เราจะแวะหาเพื่อนระหว่างทางด้วย เราจะไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ
ผมเห็นรถคันนี้บน BAT (www.bringatrailer.com) ผมเลยเข้าร่วมการประมูลแต่โดยการถามคำถามและเสนอราคาแต่ราคาขั้นต่ำสูงมาก รถคันนี้เลยขายไม่ได้ ผมอีเมลหาเจ้าของรถทันทีและบอกเขาว่าผมสนใจรถคันนี้ แอนโทนิสโทรหาผมและเราก็ตกลงซื้อขายกันหนึ่งนาทีต่อมา แอนโทนิสเป็นสมาชิกเว็บไซต์ BAT ‘ClassicSpotted‘
ระหว่างขั้นตอนการเสนอราคา ผมถามว่าคนอเมริกันอย่างผมต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถใช้ใบขับขี่อเมริกัน/บริติช/ไทยโดยที่ผมมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศไทยจดทะเบียนรถเป็นชื่อผมและซื้อประกันเดินทางสำหรับท่องเที่ยวยุโรป อเล็กซ์ เพื่อนของแอนโทนิส (สมาชิกที่เป็นที่รู้จักบน BAT ที่ใช้ชื่อว่า Alex V) บอกว่าง่ายมาก เขาเคยทำให้ลูกค้ารถแลนเซีย 1967 เมื่อสองสามปีที่แล้วผ่าน “การจดทะเบียนการส่งออกเยอรมัน” เขาอธิบายว่ามีระบบที่อนุญาตให้เราซื้อรถและขับท่องเที่ยวไปรอบๆ เป็นเวลาหนึ่งปีพร้อมประกันโดยที่คุณต้องส่งออกรถเมื่อสิ้นสุดขั้นตอน เขาบอกให้ผมไปยังเว็บไซต์ (www.export-plate.com) ผมกรอกแบบฟอร์มแล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแต่อยู่ดีๆ กฏหมายกลับเปลี่ยนแปลงทำให้รถของผมขึ้นทะเบียนไม่ได้! แย่มาก! เขาบอกว่ารถคันนี้เก่าไป (51 ปี) กฏหมายใหม่บอกว่าเราต้องมีใบรับรองการทดสอบ TUV (เยอรมัน) แต่รถเราอยู่ที่ประเทศกรีซ ผมรู้สึกผิดหวังตอนที่รู้ว่ารถขึ้นทะเบียนไม่ได้หลังจากที่ผมทั้งโทรติดต่อและส่งเอกสารไปมาระหว่างเยอรมันเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ ตอนนี้ www.export-plate.com ใช้ได้แค่กับรถที่อยู่ในประเทศเยอรมันเท่านั้น
ผมซื้อรถทั้งๆ ที่ยังไม่วางใจกับขั้นตอนการจดทะเบียน เขาบอกผมว่าทำง่ายๆ ไม่มีปัญหาแต่ผมกลับพบว่ามัน (แทบ) เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมมีความสุขไหม ตอนนี้เป็นวันที่ 8 ก่อนผมจะเดินทางถึงประเทศกรีซแต่ผมกลับไม่มีใบอนุญาตขับขี่ถูกต้องตามกฏหมาย ผมแบกภรรยา ลูกชายและโลกทั้งใบไว้บนบ่าของผม แอนโทนิส (เจ้าของรถ) ช่วยเหลือเราได้เยอะมาก เราศึกษาขั้นตอนที่ผมจะตั้งบริษัทที่ประเทศกรีซ นำรถใส่ในนามบริษัทและทำให้ทุกอย่างเป็นจริงแต่วิธีนี้กลับใช้เวลานานเกินไป
สองคืนก่อนที่ผมจะพาครอบครัวขึ้นเครื่องบินไปกรีซ ผมไม่มีใบอนุญาตขับขี่ แอนโทนิสส่งข้อความมาบอกว่าเขาเพิ่งไปทานข้าวกับคนๆ หนึ่งแล้วคนๆ นี้รู้เรื่องการจดทะเบียนส่งออกกรีซที่เหมือนกับการจดทะเบียนส่งออกของเยอรมัน แอนโทนิสจึงจัดการและเริ่มขั้นตอนดังกล่าวทันที ตอนนั้นเป็นวันศุกร์ผมขึ้นเครื่องจากกรุงเทพ ต่อเครื่องที่ชาร์ล เดอ โกล ปารีสเพื่อไปลงเอเธนส์นานกว่า 24 ชั่วโมงของวันเสาร์และจะเดินทางถึงวันอาทิตย์และได้แต่หวังว่าวันจันทร์ผมจะโชคดี
โทนีสทำให้ฝันของผมเป็นจริง ผมได้รับใบทะเบียนรถสวยๆ ที่มีชื่อของผมอยู่บนนั้นในวันจันทร์แต่ประกันของผมอยู่ไหนล่ะ ไม่นะ – ผมเลยโทรติดต่อบริษัทประกันทันที ผมได้รับเอกสารที่จำเป็นในวันอังคาร 10 นาทีก่อนที่ผมจะเริ่มการเดินทาง มีเวลาเหลือตั้งเยอะจริงไหม ผมอยู่ในประเทศไทย ผมก็เลยชินกับอะไรเร่งด่วน แบบนี้
โทนีสและลูกค้าคนล่าสุดของเค้า
และนี่ไงลูกค้าตัวจริงของเค้า ^_^
ก่อนที่เราจะเริ่มเดินทาง ผมขอให้แอนโทนิสดัดแปลงรถซักสองสามที่ให้ผม เช่น เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ผมซื้อไฟท้ายดวงที่สามจากบริษัทที่ผมทำงานอยู่สำหรับตกแต่งรถ ผมจะใช้รถอัลฟ่าคันนี้เป็นตัวทดลอง นอกจากนั้นก็ยังมีที่จุดบุหรี่ในรถพร้อมช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่อย่าง iPhone ผมจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจคเข็มขัดนิรภัยและไฟท้ายดวงที่สามอีกครั้งในบทความอื่น ทั้งสองเรื่องนี้ควรมีบทความเป็นของตัวเอง ผมอยากบอกคร่าวๆ ว่าเข็มขัดนิรภัยของลูกชายผมเจ๋งมาก ผมติดตั้งเข็มขัดล็อค 5 จุดสำหรับรถแข่งยี่ห้อทากาต้า – ใช้งานดีมาก ไลค์เพจเฟซบุคของเราและคุณจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อผมลงบทความเหล่านี้
https://www.facebook.com/GlobalDimensionDesign/
การได้ร่วมงานกับทีมของแอนโทนิสเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก พวกเขามีความรู้ความชำนาญเรื่องรถยนต์มากๆ พวกเขามีกาแฟรสชาติดีๆ ลิฟต์ระบบไฮดรอลิคเจ๋งๆ เครื่องมือดีๆ พร้อมความรู้มากมาย
ระหว่างรอให้ช่างตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆในรถ ก็นั่งจิบเอสเปรสโซ่ร้อนๆ ^^
ติดตั้งไฟแช็กในตัวรถ เตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางในทริปนี้
เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน
ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนแบตเตอรี่เรียบร้อยแล้วและเรายังเพิ่มไฟท้วยดวงที่สามดวงเล็กๆ สว่างๆ ที่บริษัทโกลบอลไดเมนชั่นเป็นผู้ออกแบบ
ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยด้านหลัง – เนื่องจากรถในปี 1966 ไม่มีเข็มขัดนิรภัย
โฉมใหม่! น้ำมันใหม่ แบตเตอรี่ใหม่ พร้อมละ!
แน่นอนว่าการเดินทางของเราไม่ได้เกี่ยวกับรถตลอด ตั้งแต่ที่เราลงจากเครื่องเมื่อเวลา 23.00 น. (5 ทุ่ม) ของวันเสาร์ เราได้ไปเที่ยวอย่างสนุกสนานกันตอนวันอาทิตย์ เอ๋และเจคได้พักผ่อนวันจันทร์
ผมจะเริ่มเล่าถึงที่พักของเราแล้วกัน โรงแรมเจสันอินน์เป็นโรงแรมเรียบๆ ที่มีอาหารเช้าแสนอร่อยบนดาดฟ้าและบาร์อันสวยงาม โรงแรมตั้งอยู่ไม่ไกลจากอะโครโพลิส เราได้ไปเที่ยวที่อะโครโพลิส ตามทางจะกราฟฟิตี้สีสันสดใส แหล่งช็อปปิ้งปลาก้าและอาหารน่าทานที่ร้านอาหารตรงเนินเขา วันนั้นเราสนุกมากๆ
วิวดาดฟ้าของโรงแรมเจสันอินน์สวยมาก เราเข้าพักโรงแรมตอนตีหนึ่ง เราจึงได้เห็นวิวสวยๆ ของอะโครโพลิสที่สว่างไสวในยามค่ำคืนด้วย
ภาพถ่ายตอนตี 1
เราเข้าเช็คอินตอนตี 1 โมง และแน่นอนเราไม่ลืมที่จะถ่ายรูปของวิหารพาร์เธนอน (PARTHENON) ในช่วงเวลา ณ ขณะนั้น!!!!
โรงแรมเจสันอินน์เสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยพร้อมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม
ระหว่างทานอาหารเช้า และ วิวอะโครโพลิส (Acropolis)
ระหว่างทางไปอะโครโพลิส/พลาก้าจากโรงแรมเจสันอินน์ เราเลยได้รูปกราฟฟิตี้สวยๆ มามากมาย
อะโครโพลิสเป็นสถานที่ที่อัศจรรย์มาก คนเยอะมากด้วย! ตอนนั้นอุณหภูมิตั้ง 39 เซลเซียส (102 ฟาห์เรนไฮต์) เหงื่อก็เลยออกบ้างเล็กน้อย
ซากปรักหักพังของอะโครโพลิส ความมหัศจรรย์ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ความพยายามถ่ายภาพของแม่ลูก
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ (แต่ความอดทนในการถ่ายภาพสูงมาก!)
คุณแม่และลูกที่อะโครโพลิส (Acropolis)
ทานข้าว นั่งเล่นที่คาเฟ่และชมวิวสวยๆ นี้เป็นประสบการณ์ที่อัศจรรย์จริงๆ คุณสามารถเห็นวิวอะโครโพลิส สวยๆ ได้ในระหว่างทานอาหารเช้าและอาหารเย็น
ภาพครอบครัวระหว่างทานอาหารค่ำและวิวสวยๆ
เซลฟี่กันหน่อย
เขารอบๆ อะโครโพลิสและปลาก้าเต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านค้าและสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ!
ร้านกาแฟและไอศครีมสไตล์ฮิปสเตอร์ที่เอเธนส์
บันไดเกลียวเล็กๆ และเจค
กิน กิน....
ธงน่ารัก ในซอยเล็ก แต่เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เจคชอบมาก!!
ภาพถ่ายฝีมือเจค ^_^
.............................................................................................................
หว้าาาาา.....กำลังสนุกเลย.......แต่ขอแวะไปทำธุระแปบ เดี๋ยวมาต่อนะคะ
การเดินทางจากเอเธนส์สู่อัมสเตอร์ดัม ด้วย อัลฟาโรเมโอ จูเลีย 1966 (GIULIA 1300 TI)
เนื่องด้วยเจ้าของกระทู้ได้ติดตามอ่านข้อมูลต่างๆ ทั้งคำเเนะคำ ความคิดเห็น เรื่องราวต่างๆที่เพื่อนๆได้แชร์ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ยังไม่มีโอกาสมาตั้งกระทู้กะเค้าซักที วันนี้เลยมีโอกาสอยากแชร์เรื่องราวดีๆเกี่ยวกับทริปการเดินทาง
ด้วยรถ "การเดินทางจากเอเธนส์สู่อัมสเตอร์ดัม ด้วย อัลฟาโรเมโอ จูเลีย 1966 (GIULIA 1300 TI)" มาให้เพื่อนๆได้ชมค่ะ
แต่ขอบอกก่อนละกันว่าอันนี้เป็นทริปการเดินทางของเจ้านายเจ้าของกระทู้เองค่ะ ซึ่งเห็นว่าน่าสนใจและอาจเป็นข้อมูลดีๆสำหรับใครที่อยากเดินทางในสไตล์นี้
สามารถชมเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.globaldimension.com/blog/ หรือ https://www.facebook.com/GlobalDimensionDesign/
เอาละ เรามาเริ่มติดตามดูเรื่องราวของเค้ากันเลย ว่าทริปนี้จะเจ๋งขนาดไหน
แผนที่การเดินทางคร่าวๆในทริปนี้
เราทุกคนต่างมีสิ่งที่อยู่ใน “รายการสิ่งที่อยากทำ” และการขับรถคลาสสิกเที่ยวยุโรปก็อยู่ในรายการของผมมาตั้งนานแล้ว รถยนต์คนแรกที่ผมซื้อคืออัลฟ่าโรเมโอบาสเกตเคส 1967 ตอนที่ผมอายุ 17 ปีและตอนอายุ 53 ปี ผมก็ซื้อรถอีกคัน ครั้งนี้ผมซื้ออัลฟาโรเมโอจูเลีย 1300 ทีไอจากประเทศกรีซ ภรรยาและลูกชายวัย 7 ขวบของผมจะร่วมเดินทางกับผมในทริปนี้ด้วย เราวางแผนกันไว้ว่าจะขับรถจากเมืองเอเธนส์ไปยังเมืองอัมสเตอร์ดัมโดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ ระยะทางรวม 3,300 กิโลเมตร (2,100 ไมล์) ข้ามเทือกเขาแอล์ปที่ความสูง 4,000 เมตร เราจะแวะหาเพื่อนระหว่างทางด้วย เราจะไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ
ผมเห็นรถคันนี้บน BAT (www.bringatrailer.com) ผมเลยเข้าร่วมการประมูลแต่โดยการถามคำถามและเสนอราคาแต่ราคาขั้นต่ำสูงมาก รถคันนี้เลยขายไม่ได้ ผมอีเมลหาเจ้าของรถทันทีและบอกเขาว่าผมสนใจรถคันนี้ แอนโทนิสโทรหาผมและเราก็ตกลงซื้อขายกันหนึ่งนาทีต่อมา แอนโทนิสเป็นสมาชิกเว็บไซต์ BAT ‘ClassicSpotted‘
ระหว่างขั้นตอนการเสนอราคา ผมถามว่าคนอเมริกันอย่างผมต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถใช้ใบขับขี่อเมริกัน/บริติช/ไทยโดยที่ผมมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศไทยจดทะเบียนรถเป็นชื่อผมและซื้อประกันเดินทางสำหรับท่องเที่ยวยุโรป อเล็กซ์ เพื่อนของแอนโทนิส (สมาชิกที่เป็นที่รู้จักบน BAT ที่ใช้ชื่อว่า Alex V) บอกว่าง่ายมาก เขาเคยทำให้ลูกค้ารถแลนเซีย 1967 เมื่อสองสามปีที่แล้วผ่าน “การจดทะเบียนการส่งออกเยอรมัน” เขาอธิบายว่ามีระบบที่อนุญาตให้เราซื้อรถและขับท่องเที่ยวไปรอบๆ เป็นเวลาหนึ่งปีพร้อมประกันโดยที่คุณต้องส่งออกรถเมื่อสิ้นสุดขั้นตอน เขาบอกให้ผมไปยังเว็บไซต์ (www.export-plate.com) ผมกรอกแบบฟอร์มแล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแต่อยู่ดีๆ กฏหมายกลับเปลี่ยนแปลงทำให้รถของผมขึ้นทะเบียนไม่ได้! แย่มาก! เขาบอกว่ารถคันนี้เก่าไป (51 ปี) กฏหมายใหม่บอกว่าเราต้องมีใบรับรองการทดสอบ TUV (เยอรมัน) แต่รถเราอยู่ที่ประเทศกรีซ ผมรู้สึกผิดหวังตอนที่รู้ว่ารถขึ้นทะเบียนไม่ได้หลังจากที่ผมทั้งโทรติดต่อและส่งเอกสารไปมาระหว่างเยอรมันเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ ตอนนี้ www.export-plate.com ใช้ได้แค่กับรถที่อยู่ในประเทศเยอรมันเท่านั้น
ผมซื้อรถทั้งๆ ที่ยังไม่วางใจกับขั้นตอนการจดทะเบียน เขาบอกผมว่าทำง่ายๆ ไม่มีปัญหาแต่ผมกลับพบว่ามัน (แทบ) เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมมีความสุขไหม ตอนนี้เป็นวันที่ 8 ก่อนผมจะเดินทางถึงประเทศกรีซแต่ผมกลับไม่มีใบอนุญาตขับขี่ถูกต้องตามกฏหมาย ผมแบกภรรยา ลูกชายและโลกทั้งใบไว้บนบ่าของผม แอนโทนิส (เจ้าของรถ) ช่วยเหลือเราได้เยอะมาก เราศึกษาขั้นตอนที่ผมจะตั้งบริษัทที่ประเทศกรีซ นำรถใส่ในนามบริษัทและทำให้ทุกอย่างเป็นจริงแต่วิธีนี้กลับใช้เวลานานเกินไป
สองคืนก่อนที่ผมจะพาครอบครัวขึ้นเครื่องบินไปกรีซ ผมไม่มีใบอนุญาตขับขี่ แอนโทนิสส่งข้อความมาบอกว่าเขาเพิ่งไปทานข้าวกับคนๆ หนึ่งแล้วคนๆ นี้รู้เรื่องการจดทะเบียนส่งออกกรีซที่เหมือนกับการจดทะเบียนส่งออกของเยอรมัน แอนโทนิสจึงจัดการและเริ่มขั้นตอนดังกล่าวทันที ตอนนั้นเป็นวันศุกร์ผมขึ้นเครื่องจากกรุงเทพ ต่อเครื่องที่ชาร์ล เดอ โกล ปารีสเพื่อไปลงเอเธนส์นานกว่า 24 ชั่วโมงของวันเสาร์และจะเดินทางถึงวันอาทิตย์และได้แต่หวังว่าวันจันทร์ผมจะโชคดี
โทนีสทำให้ฝันของผมเป็นจริง ผมได้รับใบทะเบียนรถสวยๆ ที่มีชื่อของผมอยู่บนนั้นในวันจันทร์แต่ประกันของผมอยู่ไหนล่ะ ไม่นะ – ผมเลยโทรติดต่อบริษัทประกันทันที ผมได้รับเอกสารที่จำเป็นในวันอังคาร 10 นาทีก่อนที่ผมจะเริ่มการเดินทาง มีเวลาเหลือตั้งเยอะจริงไหม ผมอยู่ในประเทศไทย ผมก็เลยชินกับอะไรเร่งด่วน แบบนี้
โทนีสและลูกค้าคนล่าสุดของเค้า
และนี่ไงลูกค้าตัวจริงของเค้า ^_^
ก่อนที่เราจะเริ่มเดินทาง ผมขอให้แอนโทนิสดัดแปลงรถซักสองสามที่ให้ผม เช่น เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ผมซื้อไฟท้ายดวงที่สามจากบริษัทที่ผมทำงานอยู่สำหรับตกแต่งรถ ผมจะใช้รถอัลฟ่าคันนี้เป็นตัวทดลอง นอกจากนั้นก็ยังมีที่จุดบุหรี่ในรถพร้อมช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่อย่าง iPhone ผมจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจคเข็มขัดนิรภัยและไฟท้ายดวงที่สามอีกครั้งในบทความอื่น ทั้งสองเรื่องนี้ควรมีบทความเป็นของตัวเอง ผมอยากบอกคร่าวๆ ว่าเข็มขัดนิรภัยของลูกชายผมเจ๋งมาก ผมติดตั้งเข็มขัดล็อค 5 จุดสำหรับรถแข่งยี่ห้อทากาต้า – ใช้งานดีมาก ไลค์เพจเฟซบุคของเราและคุณจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อผมลงบทความเหล่านี้ https://www.facebook.com/GlobalDimensionDesign/
การได้ร่วมงานกับทีมของแอนโทนิสเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก พวกเขามีความรู้ความชำนาญเรื่องรถยนต์มากๆ พวกเขามีกาแฟรสชาติดีๆ ลิฟต์ระบบไฮดรอลิคเจ๋งๆ เครื่องมือดีๆ พร้อมความรู้มากมาย
ระหว่างรอให้ช่างตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆในรถ ก็นั่งจิบเอสเปรสโซ่ร้อนๆ ^^
ติดตั้งไฟแช็กในตัวรถ เตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางในทริปนี้
เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน
ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนแบตเตอรี่เรียบร้อยแล้วและเรายังเพิ่มไฟท้วยดวงที่สามดวงเล็กๆ สว่างๆ ที่บริษัทโกลบอลไดเมนชั่นเป็นผู้ออกแบบ
ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยด้านหลัง – เนื่องจากรถในปี 1966 ไม่มีเข็มขัดนิรภัย
โฉมใหม่! น้ำมันใหม่ แบตเตอรี่ใหม่ พร้อมละ!
แน่นอนว่าการเดินทางของเราไม่ได้เกี่ยวกับรถตลอด ตั้งแต่ที่เราลงจากเครื่องเมื่อเวลา 23.00 น. (5 ทุ่ม) ของวันเสาร์ เราได้ไปเที่ยวอย่างสนุกสนานกันตอนวันอาทิตย์ เอ๋และเจคได้พักผ่อนวันจันทร์
ผมจะเริ่มเล่าถึงที่พักของเราแล้วกัน โรงแรมเจสันอินน์เป็นโรงแรมเรียบๆ ที่มีอาหารเช้าแสนอร่อยบนดาดฟ้าและบาร์อันสวยงาม โรงแรมตั้งอยู่ไม่ไกลจากอะโครโพลิส เราได้ไปเที่ยวที่อะโครโพลิส ตามทางจะกราฟฟิตี้สีสันสดใส แหล่งช็อปปิ้งปลาก้าและอาหารน่าทานที่ร้านอาหารตรงเนินเขา วันนั้นเราสนุกมากๆ
วิวดาดฟ้าของโรงแรมเจสันอินน์สวยมาก เราเข้าพักโรงแรมตอนตีหนึ่ง เราจึงได้เห็นวิวสวยๆ ของอะโครโพลิสที่สว่างไสวในยามค่ำคืนด้วย
ภาพถ่ายตอนตี 1
เราเข้าเช็คอินตอนตี 1 โมง และแน่นอนเราไม่ลืมที่จะถ่ายรูปของวิหารพาร์เธนอน (PARTHENON) ในช่วงเวลา ณ ขณะนั้น!!!!
โรงแรมเจสันอินน์เสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยพร้อมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม
ระหว่างทานอาหารเช้า และ วิวอะโครโพลิส (Acropolis)
ระหว่างทางไปอะโครโพลิส/พลาก้าจากโรงแรมเจสันอินน์ เราเลยได้รูปกราฟฟิตี้สวยๆ มามากมาย
อะโครโพลิสเป็นสถานที่ที่อัศจรรย์มาก คนเยอะมากด้วย! ตอนนั้นอุณหภูมิตั้ง 39 เซลเซียส (102 ฟาห์เรนไฮต์) เหงื่อก็เลยออกบ้างเล็กน้อย
ซากปรักหักพังของอะโครโพลิส ความมหัศจรรย์ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ความพยายามถ่ายภาพของแม่ลูก
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ (แต่ความอดทนในการถ่ายภาพสูงมาก!)
คุณแม่และลูกที่อะโครโพลิส (Acropolis)
ทานข้าว นั่งเล่นที่คาเฟ่และชมวิวสวยๆ นี้เป็นประสบการณ์ที่อัศจรรย์จริงๆ คุณสามารถเห็นวิวอะโครโพลิส สวยๆ ได้ในระหว่างทานอาหารเช้าและอาหารเย็น
ภาพครอบครัวระหว่างทานอาหารค่ำและวิวสวยๆ
เซลฟี่กันหน่อย
เขารอบๆ อะโครโพลิสและปลาก้าเต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านค้าและสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ!
ร้านกาแฟและไอศครีมสไตล์ฮิปสเตอร์ที่เอเธนส์
บันไดเกลียวเล็กๆ และเจค
กิน กิน....
ธงน่ารัก ในซอยเล็ก แต่เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เจคชอบมาก!!
ภาพถ่ายฝีมือเจค ^_^
.............................................................................................................
หว้าาาาา.....กำลังสนุกเลย.......แต่ขอแวะไปทำธุระแปบ เดี๋ยวมาต่อนะคะ