สวัสดีครับ เนื่องจากปีนี้ ผมได้ทำการสมัครทุนรัฐบาลเกาหลีใต้หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ
“ทุน KGSP (Korean Government Scholarship Program)” โดยผมได้สมัครทุนนี้ในช่องทาง
ผ่านสถานฑูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทยครับ (ตรงนี้เดี๋ยวผมจะอธิบายเกี่ยวกับช่องทางในการสมัครทุนอีกทีนะครับ) และเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการประกาศผลรอบสุดท้ายจากองค์กรที่ดูแลทางฝั่งเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้วครับ (องค์กรมีชื่อเรียกว่า NIIED ครับ) ซึ่งผมได้ผ่านการคัดเลือกไปเรียนต่อสาขาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยยอนเซครับ (ยิ้มตาหยี) ผมเลยตั้งใจอยากมาแบ่งปันข้อมูลและเล่าประสบการณ์ของการสมัครทุนนี้ให้หลายๆ คนที่สนใจหรือคนที่อาจยังไม่รู้จักทุนนี้ได้ทราบกันครับ
โดยเฉพาะกระบวนการสมัครในช่องทางผ่านสถานฑูตครับ ซึ่งจะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างจากอีกช่องทางหนึ่ง และจากที่ผมตามอ่านข้อมูลจากรุ่นพี่หรือผู้ที่ได้รับทุนปีก่อนๆ ก็อาจมีข้อมูลในช่องทางนี้น้อยครับ ผมก็เลยอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งปันให้คนที่สนใจสมัครช่องทางนี้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ (หวังว่าจะช่วยนะครับ 555)
เอาแหละครับ เกริ่นซะยาวเลย งั้นผมขอบอกรายละเอียดคร่าวๆ ของทุน KGSP หน่อยนะครับ สำหรับทุนนี้เป็นทุนให้เปล่าและครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างเลยครับ ตั้งแต่ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าที่พัก ค่าเรียน หรือแม้กระทั่งค่ากินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยทุนนี้จะมีการแบ่งประเภทของทุนออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ (1) ทุนในระดับปริญญาตรี และ (2) ทุนในระดับปริญญาโทและเอก โดยผมจะขอพูดในส่วนของ
ทุนระดับปริญญาโทและเอกนะครับ
สำหรับทุนระดับปริญญาโทและเอกนั้น จะเปิดรับสมัครในช่วง
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีครับ (ปีนี้เปิดรับสมัครในวันที่ 1 กุมภาพันธ์2017) และจะใช้ระยะเวลาจนกว่าจะได้ทราบผลรอบสุดท้ายอย่างเป็นทางการจริงๆ ประมาณปลายเดือนมิถุนายนครับ โดยคุณสมบัติทั่วไปของผู้ที่สามารถสมัครทุนนี้ได้ก็คือ
- ผู้สมัครและผู้ปกครองต้องถือสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติเกาหลีใต้
- ผู้สมัครมีอายุน้อยกว่า 40 ปี (เกิดหลังวันที่ 1 กันยายน 1977)
- ต้องได้รับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือโทก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2017
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารและดูรายละเอียดเพิ่มเติมของทุนได้ที่:
https://www.studyinkorea.go.kr/en/main.do หรือ
https://www.studyinkorea.go.kr/en/sub/gks/selectBoardArticle.do (อันนี้ของปีนี้ครับ)
โดยระยะเวลาการเรียนในระดับปริญญาโท คือ 3 ปี (เรียนภาษา 1 ปี และ ป. โท 2 ปี) และ ระดับปริญญาเอก คือ 4 ปี (เรียนภาษา 1 ปี และ ป. เอก 3 ปี) ซึ่งหลักๆ แล้ว การสมัครทุนนี้ มี
ช่องทางการสมัครอยู่ 2 ช่องทางครับ คือ
(1) สมัครผ่านสถานฑูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย (ผมเลือกสมัครช่องทางนี้ครับ) หรือ
(2) สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง
ซึ่งผู้สมัครต้อง
เลือกสมัครเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งนะครับ ไม่สามารถสมัครได้ทั้ง 2 ช่องทาง หากทาง NIIED รู้จะโดนตัดสิทธิ์ทันทีครับ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ผมได้ลองทำรูปสรุปกระบวนการคัดเลือกของทั้ง 2 ช่องทางนะครับ (หรืออาจงงหนักกว่าเดิมนะครับ 5555)
จากรูปด้านบนนะครับ จะสรุปได้ว่า:
1.
สมัครผ่านสถานฑูต (Embassy track) จะมีการคัดเลือกทั้งหมด 3 ขั้นตอนหลัก คือ
สถานฑูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย -> NIIED ->มหาวิทยาลัย + ตรวจสุขภาพ ->ประกาศผล
2.
สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง (University track) จะมีการคัดเลือกทั้งหมด 2 ขั้นตอนหลัก คือ
มหาวิทยาลัย -> NIIED ->ตรวจสุขภาพ ->ประกาศผล
จะสังเกตได้ว่า การสมัครผ่านสถานฑูตจะมีขั้นตอนการคัดเลือกที่มากกว่า ลุ้นหนักกว่าสมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง แต่ๆ ผมอยากบอกว่าการสมัครแต่ละช่องทางก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันครับ โดยผมขอสรุปคร่าวๆ ดังนี้ครับ:
สมัครผ่านสถานฑูต
- ผู้สมัครสามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้
3 มหาวิทยาลัยเลยครับ!
- จำนวนโควต้าที่จะได้รับทุนน้อยกว่าการสมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง (ปกติอยู่ที่ประมาณ 3-5 คน แตกต่างไปในแต่ละปี)
- ขั้นตอนการคัดเลือก 3 ขั้นตอนหลัก
- เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า (เนื่องจากไม่ต้องส่งเอกสารไปยังประเทศเกาหลีใต้โดยตรง)
สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง
- สามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้
เพียง 1 มหาวิทยาลัยเท่านั้น (คือส่งใบสมัครให้มหาวิทยาลัยที่เราเลือกโดยตรง)
- จำนวนโควต้าที่จะได้รับทุนมากกว่าการสมัครผ่านสถานฑูต (ปกติอยู่ที่ประมาณ 8-9 คน ซึ่งแตกต่างไปในแต่ละปี)
- ขั้นตอนการคัดเลือก 2 ขั้นตอนหลัก
- เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า (เนื่องจากต้องส่งเอกสารไปยังมหาวิทยาลัยที่เกาหลีใต้โดยตรง)
แล้วจะเลือกสมัครช่องทางไหนดี?
สำหรับการตัดสินใจเลือกว่าจะสมัครผ่านช่องทางไหนนะครับ ส่วนตัวผมเอง เนื่องจากผมพึ่งทราบว่ามีการเปิดรับสมัครทุนในเดือนกุมภาพันธ์ (ซึ่งเปิดรับสมัครแล้วนั่นเอง) เลยไม่ได้มีการหาข้อมูลมหาวิทยาลัยที่ตรงกับสาขาที่อยากเรียนและอยากสมัครไว้ก่อนล่วงหน้า เลยเลือกที่จะสมัครผ่านสถานฑูตครับ เพราะสามารถเลือกได้ถึง 3 มหาวิทยาลัยและที่สำคัญ มันถูกกว่าครับ 55555 (ผมค่อนข้างงกนิดหนึ่ง) เลยเลือกที่จะสมัครช่องทางนี้ครับ
**หมายเหตุ: ในส่วนของอัตราการแข่งขัน แม้ว่าช่องทางผ่านสถานฑูตจะรับคนน้อยกว่า แต่ผมไม่ได้มองว่าสมัครผ่านทางนี้จะมีสิทธิ์น้อยกว่า หรือ แข่งขันสูงกว่านะครับ เพราะผมคิดว่าทั้ง 2 ช่องทางก็มีความยากพอๆ กัน เช่น ผ่านสถานฑูต มีคนสมัคร 40 คน รับ 4 คน กับ ผ่านมหาวิทยาลัย มีคนสมัคร 80 คน รับ 8คน สุดท้ายอัตราส่วนการแข่งขันก็ใกล้เคียงกันครับ (อันนี้ผมคิดเองนะครับ เพราะไม่มีใครทราบจำนวนผู้สมัครของแต่ละช่องทางจริงๆ เลยครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ)
ดังนั้น ขึ้นอยู่กับผู้สมัครนะครับว่าใจอยากเลือกสมัครทางไหนมากกว่ากัน บางคนมีมหาวิทยาลัยในดวงใจ ก็สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรงเลยก็ดีครับ ลุ้นน้อยกว่าด้วย แต่บางคนยังรักพี่เสียดายน้อง ก็สมัครผ่านสถานฑูตเลยครับ แต่ทุกอย่างจะต้องพิจารณาจากเอกสารและคุณสมบัติอื่นๆ ของตัวผู้สมัครด้วยนะครับ ซึ่งตรงนี้ผมจะพูดในส่วนถัดไป โดยจะเป็นการเจาะรายละเอียดการเตรียมเอกสารและขั้นตอนต่างๆ ของช่องทางการสมัครผ่านสถานฑูตอย่างเดียวแล้วนะครับ (ถึงตรงนี้อาจกำลังลายตากับตัวอักษรเยอะๆ สามารถพักจิบน้ำ อ่านกระทู้อื่น เล่น ROV สักแปปก็ได้ครับ แล้วค่อยมาอ่านต่อ 5555)
[CR] (รีวิว) ทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ระดับปริญญาโท-เอก (KGSP) 2017 โดยสมัครผ่านช่องทางสถานฑูต
เอาแหละครับ เกริ่นซะยาวเลย งั้นผมขอบอกรายละเอียดคร่าวๆ ของทุน KGSP หน่อยนะครับ สำหรับทุนนี้เป็นทุนให้เปล่าและครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างเลยครับ ตั้งแต่ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าที่พัก ค่าเรียน หรือแม้กระทั่งค่ากินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยทุนนี้จะมีการแบ่งประเภทของทุนออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ (1) ทุนในระดับปริญญาตรี และ (2) ทุนในระดับปริญญาโทและเอก โดยผมจะขอพูดในส่วนของทุนระดับปริญญาโทและเอกนะครับ
สำหรับทุนระดับปริญญาโทและเอกนั้น จะเปิดรับสมัครในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีครับ (ปีนี้เปิดรับสมัครในวันที่ 1 กุมภาพันธ์2017) และจะใช้ระยะเวลาจนกว่าจะได้ทราบผลรอบสุดท้ายอย่างเป็นทางการจริงๆ ประมาณปลายเดือนมิถุนายนครับ โดยคุณสมบัติทั่วไปของผู้ที่สามารถสมัครทุนนี้ได้ก็คือ
- ผู้สมัครและผู้ปกครองต้องถือสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติเกาหลีใต้
- ผู้สมัครมีอายุน้อยกว่า 40 ปี (เกิดหลังวันที่ 1 กันยายน 1977)
- ต้องได้รับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือโทก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2017
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารและดูรายละเอียดเพิ่มเติมของทุนได้ที่: https://www.studyinkorea.go.kr/en/main.do หรือ https://www.studyinkorea.go.kr/en/sub/gks/selectBoardArticle.do (อันนี้ของปีนี้ครับ)
โดยระยะเวลาการเรียนในระดับปริญญาโท คือ 3 ปี (เรียนภาษา 1 ปี และ ป. โท 2 ปี) และ ระดับปริญญาเอก คือ 4 ปี (เรียนภาษา 1 ปี และ ป. เอก 3 ปี) ซึ่งหลักๆ แล้ว การสมัครทุนนี้ มีช่องทางการสมัครอยู่ 2 ช่องทางครับ คือ
(1) สมัครผ่านสถานฑูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย (ผมเลือกสมัครช่องทางนี้ครับ) หรือ
(2) สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง
ซึ่งผู้สมัครต้องเลือกสมัครเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งนะครับ ไม่สามารถสมัครได้ทั้ง 2 ช่องทาง หากทาง NIIED รู้จะโดนตัดสิทธิ์ทันทีครับ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ผมได้ลองทำรูปสรุปกระบวนการคัดเลือกของทั้ง 2 ช่องทางนะครับ (หรืออาจงงหนักกว่าเดิมนะครับ 5555)
จากรูปด้านบนนะครับ จะสรุปได้ว่า:
1. สมัครผ่านสถานฑูต (Embassy track) จะมีการคัดเลือกทั้งหมด 3 ขั้นตอนหลัก คือ
สถานฑูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย -> NIIED ->มหาวิทยาลัย + ตรวจสุขภาพ ->ประกาศผล
2. สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง (University track) จะมีการคัดเลือกทั้งหมด 2 ขั้นตอนหลัก คือ
มหาวิทยาลัย -> NIIED ->ตรวจสุขภาพ ->ประกาศผล
จะสังเกตได้ว่า การสมัครผ่านสถานฑูตจะมีขั้นตอนการคัดเลือกที่มากกว่า ลุ้นหนักกว่าสมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง แต่ๆ ผมอยากบอกว่าการสมัครแต่ละช่องทางก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันครับ โดยผมขอสรุปคร่าวๆ ดังนี้ครับ:
สมัครผ่านสถานฑูต
- ผู้สมัครสามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้ 3 มหาวิทยาลัยเลยครับ!
- จำนวนโควต้าที่จะได้รับทุนน้อยกว่าการสมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง (ปกติอยู่ที่ประมาณ 3-5 คน แตกต่างไปในแต่ละปี)
- ขั้นตอนการคัดเลือก 3 ขั้นตอนหลัก
- เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า (เนื่องจากไม่ต้องส่งเอกสารไปยังประเทศเกาหลีใต้โดยตรง)
สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง
- สามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้เพียง 1 มหาวิทยาลัยเท่านั้น (คือส่งใบสมัครให้มหาวิทยาลัยที่เราเลือกโดยตรง)
- จำนวนโควต้าที่จะได้รับทุนมากกว่าการสมัครผ่านสถานฑูต (ปกติอยู่ที่ประมาณ 8-9 คน ซึ่งแตกต่างไปในแต่ละปี)
- ขั้นตอนการคัดเลือก 2 ขั้นตอนหลัก
- เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า (เนื่องจากต้องส่งเอกสารไปยังมหาวิทยาลัยที่เกาหลีใต้โดยตรง)
แล้วจะเลือกสมัครช่องทางไหนดี?
สำหรับการตัดสินใจเลือกว่าจะสมัครผ่านช่องทางไหนนะครับ ส่วนตัวผมเอง เนื่องจากผมพึ่งทราบว่ามีการเปิดรับสมัครทุนในเดือนกุมภาพันธ์ (ซึ่งเปิดรับสมัครแล้วนั่นเอง) เลยไม่ได้มีการหาข้อมูลมหาวิทยาลัยที่ตรงกับสาขาที่อยากเรียนและอยากสมัครไว้ก่อนล่วงหน้า เลยเลือกที่จะสมัครผ่านสถานฑูตครับ เพราะสามารถเลือกได้ถึง 3 มหาวิทยาลัยและที่สำคัญ มันถูกกว่าครับ 55555 (ผมค่อนข้างงกนิดหนึ่ง) เลยเลือกที่จะสมัครช่องทางนี้ครับ
**หมายเหตุ: ในส่วนของอัตราการแข่งขัน แม้ว่าช่องทางผ่านสถานฑูตจะรับคนน้อยกว่า แต่ผมไม่ได้มองว่าสมัครผ่านทางนี้จะมีสิทธิ์น้อยกว่า หรือ แข่งขันสูงกว่านะครับ เพราะผมคิดว่าทั้ง 2 ช่องทางก็มีความยากพอๆ กัน เช่น ผ่านสถานฑูต มีคนสมัคร 40 คน รับ 4 คน กับ ผ่านมหาวิทยาลัย มีคนสมัคร 80 คน รับ 8คน สุดท้ายอัตราส่วนการแข่งขันก็ใกล้เคียงกันครับ (อันนี้ผมคิดเองนะครับ เพราะไม่มีใครทราบจำนวนผู้สมัครของแต่ละช่องทางจริงๆ เลยครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ)
ดังนั้น ขึ้นอยู่กับผู้สมัครนะครับว่าใจอยากเลือกสมัครทางไหนมากกว่ากัน บางคนมีมหาวิทยาลัยในดวงใจ ก็สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรงเลยก็ดีครับ ลุ้นน้อยกว่าด้วย แต่บางคนยังรักพี่เสียดายน้อง ก็สมัครผ่านสถานฑูตเลยครับ แต่ทุกอย่างจะต้องพิจารณาจากเอกสารและคุณสมบัติอื่นๆ ของตัวผู้สมัครด้วยนะครับ ซึ่งตรงนี้ผมจะพูดในส่วนถัดไป โดยจะเป็นการเจาะรายละเอียดการเตรียมเอกสารและขั้นตอนต่างๆ ของช่องทางการสมัครผ่านสถานฑูตอย่างเดียวแล้วนะครับ (ถึงตรงนี้อาจกำลังลายตากับตัวอักษรเยอะๆ สามารถพักจิบน้ำ อ่านกระทู้อื่น เล่น ROV สักแปปก็ได้ครับ แล้วค่อยมาอ่านต่อ 5555)