คนรุ่นใหม่ควรเลิกแจกซองเวลาจัดงาน เป็นธรรมเนียมแย่ๆของคนรุ่นเก่านำไปสู่คอรัปชั่น

ยกตัวอย่างคนรู้จักเป็นนักการเมืองโต๊ะเล็กปรากฎว่าเดือนที่ผ่านมาได้รับซองถึง20ซอง
เลยถามเขาได้ความว่าเป็นอย่างนี้ทุกเดือนราวๆ10-30ซอง พอจะใส่น้อยกว่า500บาทก็ถูกตำหนิ
แล้วถ้าใส่เยอะตัวเองก็ลำบากเพราะเป็นเกษตกรรายได้ไม่ได้มากมาย แต่ถ้าคนใกล้ชิดยังไงต้องเป็นพันสองพัน
เฉลี่ยภาษีสังคมไม่ต่ำกว่า20,000 ยังไม่รวมคนมาขอนั่นขอนี่ซื้อเป็นของ เลี้ยงลูกน้อง จัดงานให้นายอีก
มาลองนึกดูแล้วจะเอาเงินไหนมาใส่ซองขนาดนี้ละ  ถ้าไม่หาเงินทอนหรือเงินลงขันของผู้รับเหมาไว้เป็นกองกลางหรือ
ภาษีสังคมเหล่านี้  ส่วนคนจัดงานบางคนจ้องจะเอาแต่เงินจัดอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวบวชลูก เดี๋ยวทำบุญบ้าน เดี๋ยวทำบุญบรรพบุรุษ
เดี๋ยวเลี้ยงจบการศึกษา เดี๋ยวจัดวันเกิดตายาย วันเกิดคนโน้นคนนี้  แบบนี้ไงคนบางคนเลยไม่สนใจอะไรไม่เอาอะไรก็ต้องเข้าใจพวกเขาด้วย
ถามว่าการแก้ปัญหาคอรัปชั่นฉบับโบราณก็มักเป็นสูตรตายตัวพูดเป็นหลักการกว้างเป็นทะเล จงทำดีๆๆ ให้การศึกษาๆๆ ฯลฯ
อีก100ปีก็ตามญี่ปุ่น ประเทศสแกนดิเนียเวีย ประเทศเจริญแล้วไม่ได้หรอก เพราะเราแก้ปัญหาไม่ตรงจุดแก้กันแบบเปลือกๆ
ไม่ได้ศึกษาวิจัยกันอย่างจริงจัง ทุกวันนี้โกงกันตั้งแต่ฝากลูกเข้าโรงเรียนรัฐ  จนจบทำงานรัฐวิสาหกิจบางแห่งหรือบริษัทใหญ่บางแห่ง
จำกัดต้องเป็นคนสถาบันนี้นะนั้นนะ  ข้าราชการที่จะเป็นอธิบดีได้ต้องเป็นสิงห์นั้นนะสิงห์นี้นะ  มันไม่ได้วัดค่าของคน ไม่ได้วัดผลงาน
ถ้าการศึกษาแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้จริง  ลองบรรจุเรื่องคนรุ่นใหม่เลิกรับซองในทุกระดับชั้น  ไม่แน่อาจเห็นวัฒนธรรมการไปงาน
แบบเมืองนอกก็ได้  ไปด้วยใจ ไปด้วยความสนุก ไปด้วยความอยากไป ไปเพราะเพื่อนเพื่อฝูง  อย่าอ้างเลยว่าซองเป็นการสร้าง
ปฏิสัมพันธ์ในชุมชน  เมื่อก่อนอาจจะได้เพราะเขาใช้เอาข้าวสารเอาผักเอาปลามาให้กันแต่วันนี้มันเปลี่ยนไปเยอะแล้วครับ
เลิกเหอะแจกซองกันไปงาน หมดยุคละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่