คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เรื่องของเรื่องคือ เอาแค่ลักษณะทางกายภาพของหูฟังก็คนละเรื่องละ
JBL เป็น On-Ear ไดรเวอร์ห่างจากแก้วหูมากที่สุด ส่วน In-Ear มันเป็นจุกยัด ใกล้กับแก้วหูมากที่สุด สู้กันยังไง In-Ear ก็ชนะ
อีกอย่าง ยิ่งไดรเวอร์ใหญ่แค่ไหน กำลังที่ต้องใช้ขับก็มากขึ้นเป็นธรรมดา ไดรเวอร์ของ On-Ear อย่างต่ำๆก็ 3-4 นิ้วแล้ว ของ In-Ear นี่ 2-3 เซ็น แรงขับมันต่างกันอยู่แล้ว ยิ่งถ้าต่อกับ Player แรงขับน้อยๆเช่นมือถือ ก็ไม่แปลกที่ On-Ear จะไม่สุด
ที่สำคัญอีกอย่างคือ JBL ตัวนี้เป็น bluetooth ฉะนั้นประสิทธิภาพก็ลดทอนลงไปอีกเพราะส่งผ่าน Bluetooth มันถูกบีบจากไฟล์ลงไปอีกให้มันพอส่งผ่าน Bluetooth แล้วไม่เกิดอาการกระตุก
ปัจจัยมันเยอะ ตอนแรกเห็นตั้งกระทู้เป็นกระทู้คำถาม ก็นึกว่าจะถามอะไร จริงๆ JBL รุ่นนี้จะเสียงห่วยก็ไม่แปลกนะ มันออกมาดึงพวกอยากได้หูฟัง Bluetooth มีแบรนด์ แค่นั้นเอง ไม่ได้เน้นเสียงอะไรอยู่แล้ว
JBL เป็น On-Ear ไดรเวอร์ห่างจากแก้วหูมากที่สุด ส่วน In-Ear มันเป็นจุกยัด ใกล้กับแก้วหูมากที่สุด สู้กันยังไง In-Ear ก็ชนะ
อีกอย่าง ยิ่งไดรเวอร์ใหญ่แค่ไหน กำลังที่ต้องใช้ขับก็มากขึ้นเป็นธรรมดา ไดรเวอร์ของ On-Ear อย่างต่ำๆก็ 3-4 นิ้วแล้ว ของ In-Ear นี่ 2-3 เซ็น แรงขับมันต่างกันอยู่แล้ว ยิ่งถ้าต่อกับ Player แรงขับน้อยๆเช่นมือถือ ก็ไม่แปลกที่ On-Ear จะไม่สุด
ที่สำคัญอีกอย่างคือ JBL ตัวนี้เป็น bluetooth ฉะนั้นประสิทธิภาพก็ลดทอนลงไปอีกเพราะส่งผ่าน Bluetooth มันถูกบีบจากไฟล์ลงไปอีกให้มันพอส่งผ่าน Bluetooth แล้วไม่เกิดอาการกระตุก
ปัจจัยมันเยอะ ตอนแรกเห็นตั้งกระทู้เป็นกระทู้คำถาม ก็นึกว่าจะถามอะไร จริงๆ JBL รุ่นนี้จะเสียงห่วยก็ไม่แปลกนะ มันออกมาดึงพวกอยากได้หูฟัง Bluetooth มีแบรนด์ แค่นั้นเอง ไม่ได้เน้นเสียงอะไรอยู่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
JBL E45bt VS หูฟัง 7-11
ไปซื้อของ 7-11 199 บาท มาแก้ขัดก่อน ( asaki a-k681mp ) บร้ะเจ้าลองฟังไปฟังมา เก็บ JBL ใส่กล่องเลย เลยเกิดความคิดขึ้น
นี้ in ear 199 ยังขนาดนี้แล้วตัวละ 2000 มี brand หน่อยจะขนาดไหนน้ำตาจิไหล JBL 4000 ลอยเล้ยยย