ดิฉันขอนำบทความที่คุณเปลว สีเงิน แห่งไทยโพสต์มาให้อ่านค่ะ..ขอบคุณท่านผู้เขียนด้วยนะคะ
*********************
"ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน"
เป็นวรธรรมคติที่ "สมเด็จพระสังฆราช" ประทาน "นายกฯ ประยุทธ์" เมื่อวาน (๑๔ ก.ค.๖๐)
เรียบง่าย แต่นี่คือ "สัจจะ-แก่นแท้"!
บ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้แล้ว คนยืนหยัดในความซื่อ แรกๆ อาจซวนเซ ด้วยคนเลวที่มากกว่าซัด
แต่ซื่อนั้น จะยันหลังให้ยืนหยัด ทระนงอยู่ได้ยาวนาน
ส่วนคนคด.........
คือคนไม่ซื่อ แรกๆ จะหลงใหลได้ปลื้มกับสุขปลอมจากแรงเลวส่งสักระยะ แล้วเลวนั้น ก็จะเผาไหม้ตัวเอง
ที่เฟื่องก็ฟุบ ที่ฟูก็แฟบ!
ฟังข่าวแต่ละวัน แล้วนำแต่ละเรื่องราวเข้าสมการ "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน" ยิ่งซึ้งในสัจธรรมข้อนี้
และนี่คือ "ตัวอย่าง" แห่งสัจธรรม สดๆ ร้อนๆ............
เมื่อวาน "ศาลอาญา" อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสินยืนตามคำตัดสินศาลอุทธรณ์
จำคุก พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ ๒ ปี ไม่รอลงอาญา
"เข้าคุก" เรียบร้อยไปแล้ว!
คดีนี้ คือเมื่อ ๒๕ ก.ย.๕๖ อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ อดีต ผกก.สภ.ต.โพธิ์แก้ว สามพราน นครปฐม
ด้วยองค์แห่งพฤติกรรม ว่า .........
เมื่อ ๑๖-๒๒ ต.ค.๔๙ พ.ต.อ.ชาญชัย "จำเลย" ไปพบ "ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์" ตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ห้องทำงาน ที่ศาลฎีกา
แล้วรับว่า "จะให้เงินจำนวน ๑๕ ล้านบาท" แก่ ม.ล.ไกรฤกษ์ เพื่อให้ช่วยเหลือในการพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง
๒๔ ธ.ค.๕๗ ศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุก ๓ ปี ไม่รอลงอาญา
ความผิดฐาน "เสนอให้สินบนตุลาการ เพื่อจูงใจกระทำการมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๗"
ต่อมา ๑๙ ก.พ.๕๙ ศาลอุทธรณ์ แก้เป็นให้จำคุก พ.ต.อ.ชาญชัย ๒ ปี ไม่รอลงอาญา
และเมื่อวาน (๑๔ ก.ค.๖๐) อย่างที่บอก ศาลฎีกา ตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ คือจำคุก พ.ต.อ.ชาญชัย ๒ ปี
พ.ต.อ.ชาญชัย คือใคร.......
ทำไมจึงต้องไปเสนอจะให้สินบนตุลาการ?
พ.ต.อ.ชาญชัยเป็น "เพื่อนร่วมรุ่น" อดีตนายกฯ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" คือจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ปี ๒๕๐๙ รุ่นเดียวกัน
เกษียณอายุราชการปี ๒๕๔๘ แล้วไปช่วยงานพรรคไทยรักไทย ก็ถือว่า ชีวิตฟู่ฟ่า-รุ่งเรือง ตามยุคการเมืองไทยรักไทย
การกระทำเป็นเหตุให้จากฟู่ฟ่าต้องจบแบบฟุบแฟบ พิจารณาตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ "บางตอน" จะเห็นซึ้ง
"นอกจากโจทก์ มี ม.ล.ไกรฤกษ์ ประจักษ์พยานว่า จำเลยขอเข้าพบมาแสดงความยินดีและพูดคุยว่า
จำเลยเป็นหนี้บุญคุณคุณหญิงอ้อ ถ้ายอมช่วยเหลือจะได้รับเงิน ๑๕ ล้านบาท และจำเลยขอส่วนแบ่ง ๕%
แล้วจำเลยยังมาพบที่บ้านอีก อ้างนำบัตรเชิญเลี้ยงรุ่นมาให้และพูดลอยๆ ว่า ๓๐ ล้านบาท
ซึ่งโจทก์ยังมีนายจรัญ ภักดีธนากุล, นายอุดม เฟื่องฟุ้ง และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ผู้พิพากษา และอดีตผู้พิพากษาที่มีตำแหน่งสำคัญ เบิกความถึงกรณีที่ ม.ล.ไกรฤกษ์ ได้เล่าเรื่องจำเลยเข้าพบด้วย โดยพยานก็ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ที่จะกุเรื่องปรักปรำจำเลย และขณะนั้น พรรคไทยรักไทยเองก็เป็นรัฐบาล หากปรักปรำก็จะเป็นการสร้างความเข้าใจผิด
ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยจึงเหมาะสมต่อพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
ขณะที่จำเลยก็เคยเป็นตำรวจซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม การกระทำของจำเลยทำให้เสื่อมเกียรติภูมิตุลาการอย่างร้ายแรง ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกคลางแคลงใจต่อกระบวนการยุติธรรม
จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
แต่ชั้นพิจารณา จำเลยได้รับข้อเท็จจริงตามฟ้อง จึงพิพากษาแก้เป็นให้จำคุกจำเลย เป็นเวลา ๒ ปี แต่ไม่รอการลงโทษ"
และเมื่อวาน ศาลฎีกาตอกย้ำ "ฝังกลบ" เน้นลงไปว่า คดนั้น เป็นไฟเผาไหม้ ทำลายทั้งตัวเองและระบบสังคมชาติขนาดไหน?
"บางตอน" ของคำพิพากษาศาลฎีกา ชัดแจ้ง...........
"ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า แม้จำเลยมีอายุ ๗๕ ปี และมีโรคประจำตัว คือความดันโลหิตสูงต้องพบแพทย์เป็นประจำ และประกอบคุณงามความดี ขณะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ราชการ และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเคยเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมมาก่อน จำเลยย่อมรู้ดีว่าการเสนอให้เงินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ
โดยเฉพาะการเสนอให้เงินแก่ ม.ล.ไกรฤกษ์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งตุลาการรัฐธรรมนูญ เพื่อจูงใจให้ช่วยเหลือการพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทย คดีที่สำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชนนั้น
จึงนับว่า เป็นความพยายามที่จะบิดเบือนความยุติธรรมและเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสถาบันศาล การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกโดยลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ให้จำคุก ๒ ปีโดยไม่รอการลงโทษนั้น
เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก ๒ ปีโดยไม่รอลงอาญา"
มั้ยล่ะ...เมื่อถึงวาระ "กรรมส่งผล" อะไรๆ ก็ประดัง-ประเด คดที่กินไม่นาน ก็พานจะหักงอแหลกลาญไปเสียทุกสิ่ง
เมื่อวานอีกนั่นแหละ...........
"สนช." มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วย ๑๗๖ เสียง!
เห็นชอบ "ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง"
หมายความว่า........
นับจากนี้เป็นต้นไป "นักการเมือง" ที่ถูกฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เมื่อถูกฟ้องแล้ว ต่อให้หลบหนีคดีไป ศาลสามารถพิจารณาคดีลับหลังได้แล้ว
และระหว่างหลบหนี ไม่ให้นับอายุความด้วย!
คือต่อให้หนีไป ๑๐๐ ปี ก็ไม่หมดอายุความ เจอตัวเมื่อไหร่ จับได้ ต้องเข้าคุก หรือถูกนำเข้าสู่กระบวนการศาลได้เมื่อนั้น
นักการเมืองท่านหญิง-ท่านชาย ที่ตั้งท่าเตรียมเผ่น ก็รับทราบไว้ด้วย
ถ้าจะหนี ก็ต้องทำใจนิราศร้างทิ้งหายเหมือนตายจากเมืองไทยไปนิรันดร์กาลเลย
แบบเก่าๆ ที่ว่า หนีไปตั้งหลัก ๒๐ ปี รอหมดอายุความก็นวยนาดเป็นผู้ซื้อกลับมาติดต่อกับผู้บริโภคเหมือนเดิมนั้น
ไม่ได้แล้วนะยะ ตัวหนี อายุความไม่หนี!
กลับมาเข้ากระบวนการกฎหมายวันไหน วันนั้น ก็เริ่มนับ ๑ แห่งอายุความวันนั้น เข้าใจตรงกันนะ
ใครจะอ้างว่า "กฎหมายเป็นโทษไม่ให้ใช้ย้อนหลัง" ก็อ้างไม่ได้ เพราะนี่เป็น "วิธีพิจารณาความ"
ไม่ใช่ "บทลงโทษอาญา"..........
กฎหมายนี้ จึงใช้ได้-ใช้ทันทีที่ประกาศใช้ ทั้งคดีเก่าค้างคาแต่อดีต และปัจจุบันยันอนาคต ที่ตัวจำเลยหนี และที่จำหน่ายคดีไว้ พิจารณาลับหลังได้แล้ว!
เอ้าดู ตามบทเฉพาะกาลมาตรา ๖๗ บอกว่า......
"บทบัญญัติในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ไม่กระทบต่อการดำเนินการใดในคดีที่ยื่นฟ้องไว้ก่อนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
และได้ดำเนินการไปแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
ส่วนการดำเนินการต่อไป ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้”
ผลจากกฎหมายฉบับนี้ คนถูกหวย ๖๗ ยกชุด คือ
"นายทักษิณ ชินวัตร"!
เมื่อ ๒๑ ตุลา ๕๑ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ตัดสินจำคุกทักษิณ ๒ ปี
ในคดี "ทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก"
ทักษิณหนี ไม่ไปฟังคำพิพากษา ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับไว้แล้ว
ที่หนีไปร่วม ๑๐ ปี ๑๐ ปีนั้น มีค่าอายุความเป็น ๐ ไปแล้ว!
และอีก ๔ คดี ที่ศาลจำหน่ายชั่วคราวไว้ เพราะจำเลยคือทักษิณหนี นั้น
ต่อจากนี้ ศาลนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาลับหลังได้!
ก็มีคดี..........
-ทุจริตปล่อยกู้ "เอ็กซิมแบงก์" ๔,๐๐๐ ล้านบาท ให้รัฐบาลพม่า
-ทุจริตโครงการหวยบนดิน ๒ ตัว ๓ ตัว หมายจับ ๒๖ ก.ย.๕๑
-ทุจริตแปลงสัมปทานมือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต หมายจับ ๑๕ ต.ค.๕๑
-ทุจริตกรณีกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทกฤษดามหานคร ไม่ไปรายงานตัวต่อศาลนัดแรก หมายจับ ๑๑ ต.ค.๕๕
นี่คือสิ่งยืนยันสัจธรรม "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน"!
คนที่คดไปเป็นร้อย-เป็นพัน-เป็นหมื่น-เป็นแสน-เป็นแสนๆ ล้าน อู้ฟู่ขนาดนั้น
ก็ประจักษ์แล้ว ว่ากินได้ไม่นานเลย!
ปลงๆ กันซะบ้าง บรรดาข้าราชการ-นักการเมือง-ตำรวจ-ทหาร รวมทั้งโล้นห่มเหลือง ทั้งหลาย
เว้นที่ว่างในนรก ให้ชาวบ้านที่ตก พอมีที่ยืน-ที่อยู่บ้างเหอะ!
http://www.thaipost.net/?q=node/32590
อ่านแล้วก็ปลงกับเวรกรรมของคนเรา..
😨😨😨😷😷😷
วันนี้ดิฉันได้โอกาสมาทำบุญเลี้ยงพระ เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กวัดประมาณ 50 คนที่วัด เพื่อทำบุญเสียสละและแบ่งปัน รู้สึกอิ่มเอมใจจริงๆ
~มาลาริน~** 😖 "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน" กรรมทำหน้าที่เที่ยงตรงเสมอ..
*********************
"ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน"
เป็นวรธรรมคติที่ "สมเด็จพระสังฆราช" ประทาน "นายกฯ ประยุทธ์" เมื่อวาน (๑๔ ก.ค.๖๐)
เรียบง่าย แต่นี่คือ "สัจจะ-แก่นแท้"!
บ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้แล้ว คนยืนหยัดในความซื่อ แรกๆ อาจซวนเซ ด้วยคนเลวที่มากกว่าซัด
แต่ซื่อนั้น จะยันหลังให้ยืนหยัด ทระนงอยู่ได้ยาวนาน
ส่วนคนคด.........
คือคนไม่ซื่อ แรกๆ จะหลงใหลได้ปลื้มกับสุขปลอมจากแรงเลวส่งสักระยะ แล้วเลวนั้น ก็จะเผาไหม้ตัวเอง
ที่เฟื่องก็ฟุบ ที่ฟูก็แฟบ!
ฟังข่าวแต่ละวัน แล้วนำแต่ละเรื่องราวเข้าสมการ "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน" ยิ่งซึ้งในสัจธรรมข้อนี้
และนี่คือ "ตัวอย่าง" แห่งสัจธรรม สดๆ ร้อนๆ............
เมื่อวาน "ศาลอาญา" อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสินยืนตามคำตัดสินศาลอุทธรณ์
จำคุก พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ ๒ ปี ไม่รอลงอาญา
"เข้าคุก" เรียบร้อยไปแล้ว!
คดีนี้ คือเมื่อ ๒๕ ก.ย.๕๖ อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ อดีต ผกก.สภ.ต.โพธิ์แก้ว สามพราน นครปฐม
ด้วยองค์แห่งพฤติกรรม ว่า .........
เมื่อ ๑๖-๒๒ ต.ค.๔๙ พ.ต.อ.ชาญชัย "จำเลย" ไปพบ "ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์" ตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ห้องทำงาน ที่ศาลฎีกา
แล้วรับว่า "จะให้เงินจำนวน ๑๕ ล้านบาท" แก่ ม.ล.ไกรฤกษ์ เพื่อให้ช่วยเหลือในการพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง
๒๔ ธ.ค.๕๗ ศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุก ๓ ปี ไม่รอลงอาญา
ความผิดฐาน "เสนอให้สินบนตุลาการ เพื่อจูงใจกระทำการมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๗"
ต่อมา ๑๙ ก.พ.๕๙ ศาลอุทธรณ์ แก้เป็นให้จำคุก พ.ต.อ.ชาญชัย ๒ ปี ไม่รอลงอาญา
และเมื่อวาน (๑๔ ก.ค.๖๐) อย่างที่บอก ศาลฎีกา ตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ คือจำคุก พ.ต.อ.ชาญชัย ๒ ปี
พ.ต.อ.ชาญชัย คือใคร.......
ทำไมจึงต้องไปเสนอจะให้สินบนตุลาการ?
พ.ต.อ.ชาญชัยเป็น "เพื่อนร่วมรุ่น" อดีตนายกฯ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" คือจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ปี ๒๕๐๙ รุ่นเดียวกัน
เกษียณอายุราชการปี ๒๕๔๘ แล้วไปช่วยงานพรรคไทยรักไทย ก็ถือว่า ชีวิตฟู่ฟ่า-รุ่งเรือง ตามยุคการเมืองไทยรักไทย
การกระทำเป็นเหตุให้จากฟู่ฟ่าต้องจบแบบฟุบแฟบ พิจารณาตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ "บางตอน" จะเห็นซึ้ง
"นอกจากโจทก์ มี ม.ล.ไกรฤกษ์ ประจักษ์พยานว่า จำเลยขอเข้าพบมาแสดงความยินดีและพูดคุยว่า
จำเลยเป็นหนี้บุญคุณคุณหญิงอ้อ ถ้ายอมช่วยเหลือจะได้รับเงิน ๑๕ ล้านบาท และจำเลยขอส่วนแบ่ง ๕%
แล้วจำเลยยังมาพบที่บ้านอีก อ้างนำบัตรเชิญเลี้ยงรุ่นมาให้และพูดลอยๆ ว่า ๓๐ ล้านบาท
ซึ่งโจทก์ยังมีนายจรัญ ภักดีธนากุล, นายอุดม เฟื่องฟุ้ง และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ผู้พิพากษา และอดีตผู้พิพากษาที่มีตำแหน่งสำคัญ เบิกความถึงกรณีที่ ม.ล.ไกรฤกษ์ ได้เล่าเรื่องจำเลยเข้าพบด้วย โดยพยานก็ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ที่จะกุเรื่องปรักปรำจำเลย และขณะนั้น พรรคไทยรักไทยเองก็เป็นรัฐบาล หากปรักปรำก็จะเป็นการสร้างความเข้าใจผิด
ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยจึงเหมาะสมต่อพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
ขณะที่จำเลยก็เคยเป็นตำรวจซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม การกระทำของจำเลยทำให้เสื่อมเกียรติภูมิตุลาการอย่างร้ายแรง ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกคลางแคลงใจต่อกระบวนการยุติธรรม
จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
แต่ชั้นพิจารณา จำเลยได้รับข้อเท็จจริงตามฟ้อง จึงพิพากษาแก้เป็นให้จำคุกจำเลย เป็นเวลา ๒ ปี แต่ไม่รอการลงโทษ"
และเมื่อวาน ศาลฎีกาตอกย้ำ "ฝังกลบ" เน้นลงไปว่า คดนั้น เป็นไฟเผาไหม้ ทำลายทั้งตัวเองและระบบสังคมชาติขนาดไหน?
"บางตอน" ของคำพิพากษาศาลฎีกา ชัดแจ้ง...........
"ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า แม้จำเลยมีอายุ ๗๕ ปี และมีโรคประจำตัว คือความดันโลหิตสูงต้องพบแพทย์เป็นประจำ และประกอบคุณงามความดี ขณะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ราชการ และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเคยเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมมาก่อน จำเลยย่อมรู้ดีว่าการเสนอให้เงินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ
โดยเฉพาะการเสนอให้เงินแก่ ม.ล.ไกรฤกษ์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งตุลาการรัฐธรรมนูญ เพื่อจูงใจให้ช่วยเหลือการพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทย คดีที่สำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชนนั้น
จึงนับว่า เป็นความพยายามที่จะบิดเบือนความยุติธรรมและเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสถาบันศาล การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกโดยลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ให้จำคุก ๒ ปีโดยไม่รอการลงโทษนั้น
เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก ๒ ปีโดยไม่รอลงอาญา"
มั้ยล่ะ...เมื่อถึงวาระ "กรรมส่งผล" อะไรๆ ก็ประดัง-ประเด คดที่กินไม่นาน ก็พานจะหักงอแหลกลาญไปเสียทุกสิ่ง
เมื่อวานอีกนั่นแหละ...........
"สนช." มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วย ๑๗๖ เสียง!
เห็นชอบ "ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง"
หมายความว่า........
นับจากนี้เป็นต้นไป "นักการเมือง" ที่ถูกฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เมื่อถูกฟ้องแล้ว ต่อให้หลบหนีคดีไป ศาลสามารถพิจารณาคดีลับหลังได้แล้ว
และระหว่างหลบหนี ไม่ให้นับอายุความด้วย!
คือต่อให้หนีไป ๑๐๐ ปี ก็ไม่หมดอายุความ เจอตัวเมื่อไหร่ จับได้ ต้องเข้าคุก หรือถูกนำเข้าสู่กระบวนการศาลได้เมื่อนั้น
นักการเมืองท่านหญิง-ท่านชาย ที่ตั้งท่าเตรียมเผ่น ก็รับทราบไว้ด้วย
ถ้าจะหนี ก็ต้องทำใจนิราศร้างทิ้งหายเหมือนตายจากเมืองไทยไปนิรันดร์กาลเลย
แบบเก่าๆ ที่ว่า หนีไปตั้งหลัก ๒๐ ปี รอหมดอายุความก็นวยนาดเป็นผู้ซื้อกลับมาติดต่อกับผู้บริโภคเหมือนเดิมนั้น
ไม่ได้แล้วนะยะ ตัวหนี อายุความไม่หนี!
กลับมาเข้ากระบวนการกฎหมายวันไหน วันนั้น ก็เริ่มนับ ๑ แห่งอายุความวันนั้น เข้าใจตรงกันนะ
ใครจะอ้างว่า "กฎหมายเป็นโทษไม่ให้ใช้ย้อนหลัง" ก็อ้างไม่ได้ เพราะนี่เป็น "วิธีพิจารณาความ"
ไม่ใช่ "บทลงโทษอาญา"..........
กฎหมายนี้ จึงใช้ได้-ใช้ทันทีที่ประกาศใช้ ทั้งคดีเก่าค้างคาแต่อดีต และปัจจุบันยันอนาคต ที่ตัวจำเลยหนี และที่จำหน่ายคดีไว้ พิจารณาลับหลังได้แล้ว!
เอ้าดู ตามบทเฉพาะกาลมาตรา ๖๗ บอกว่า......
"บทบัญญัติในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ไม่กระทบต่อการดำเนินการใดในคดีที่ยื่นฟ้องไว้ก่อนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
และได้ดำเนินการไปแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
ส่วนการดำเนินการต่อไป ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้”
ผลจากกฎหมายฉบับนี้ คนถูกหวย ๖๗ ยกชุด คือ
"นายทักษิณ ชินวัตร"!
เมื่อ ๒๑ ตุลา ๕๑ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ตัดสินจำคุกทักษิณ ๒ ปี
ในคดี "ทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก"
ทักษิณหนี ไม่ไปฟังคำพิพากษา ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับไว้แล้ว
ที่หนีไปร่วม ๑๐ ปี ๑๐ ปีนั้น มีค่าอายุความเป็น ๐ ไปแล้ว!
และอีก ๔ คดี ที่ศาลจำหน่ายชั่วคราวไว้ เพราะจำเลยคือทักษิณหนี นั้น
ต่อจากนี้ ศาลนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาลับหลังได้!
ก็มีคดี..........
-ทุจริตปล่อยกู้ "เอ็กซิมแบงก์" ๔,๐๐๐ ล้านบาท ให้รัฐบาลพม่า
-ทุจริตโครงการหวยบนดิน ๒ ตัว ๓ ตัว หมายจับ ๒๖ ก.ย.๕๑
-ทุจริตแปลงสัมปทานมือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต หมายจับ ๑๕ ต.ค.๕๑
-ทุจริตกรณีกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทกฤษดามหานคร ไม่ไปรายงานตัวต่อศาลนัดแรก หมายจับ ๑๑ ต.ค.๕๕
นี่คือสิ่งยืนยันสัจธรรม "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน"!
คนที่คดไปเป็นร้อย-เป็นพัน-เป็นหมื่น-เป็นแสน-เป็นแสนๆ ล้าน อู้ฟู่ขนาดนั้น
ก็ประจักษ์แล้ว ว่ากินได้ไม่นานเลย!
ปลงๆ กันซะบ้าง บรรดาข้าราชการ-นักการเมือง-ตำรวจ-ทหาร รวมทั้งโล้นห่มเหลือง ทั้งหลาย
เว้นที่ว่างในนรก ให้ชาวบ้านที่ตก พอมีที่ยืน-ที่อยู่บ้างเหอะ!
http://www.thaipost.net/?q=node/32590
อ่านแล้วก็ปลงกับเวรกรรมของคนเรา..
😨😨😨😷😷😷
วันนี้ดิฉันได้โอกาสมาทำบุญเลี้ยงพระ เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กวัดประมาณ 50 คนที่วัด เพื่อทำบุญเสียสละและแบ่งปัน รู้สึกอิ่มเอมใจจริงๆ