เรื่องคือ เมื่อปลายปีที่แล้วผมได้ย้ายที่พักมาอยู่ใกล้ๆกับที่ทำงานจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้รถสักเท่าไหร่ บวกกับตอนนั้นผมต้องใช้เงินเลยนำรถยนต์ที่ติดไฟแนนซ์อยู่ของผมไปปล่อยเช่ากับเว็บๆหนึ่ง ต่อมามีคนมาขอเช่า ก็ทำสัญญาไป 1เดือน พอครบกำหนด ก็ได้มีการขอเช่าต่อ แต่ไม่ได้ทำสัญญา แต่มีการโอนเงินเข้ามาให้กับผม ก็เป็นแบบนี้มาได้ประมาน 6เดือนครับ ผมก็ได้นัดหมายกับคนเช่าไว้ว่าจะคืนรถให้ผม วันที่ ... พอถึงวันที่นัดกันเขากลับปิดโทรศัพท์ เปลี่ยนรูปไลน์ หายไปเลยครับ ติดต่ออะไรไม่ได้เลย ผมจึงได้ไปขอแจ้งความกับ ตำรวจ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งครับ เพราะรถติดไฟแนนซ์ ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ ตำรวจยังบอกอีกว่าไปฟ้องศาลเอามาแจ้งความทำไม(ความคิดผมตอนนั้นคือมันต้อใช้เงินมากแน่ๆ ค่าทนายน่าจะแพงน่าดู) ผมเลยไปปรึกษากับไฟแนนซ์ครับ เขาแนะนำให้ผมออกหนังสือทวงถามไปที่ภูมิลำเนาของ คนเอารถผมไป เพื่อจะได้ทำเป็นหลักฐานว่าเราได้ทวงถามแบบเป็นทางการไปแล้ว ก็ลงนัดหมายไว้ในนั้นเลย ถ้าเขาเพิกเฉยเราจะได้ใช้เป็นหลักฐานได้ ว่าเขาตั้งใจเบี้ยว แล้วเดี๋ยวได้รับ ใบตอบรับแล้ว เขาจะออกหนังสือมอบอำนาจให้ผมไปแจ้งความ พร้อมกับหลักฐานหนังสือทวงถาม ผมก็ทำตามไฟแนนซ์ครับ ผมทำหนังสือทวงถามไปที่บ้านของคนเช่ารถผมไป กำหนดส่งรถที่ลงในหนังสือทวงถามก็คือวันที่ ... ก็เช่นเคยครับเขาไม่ได้ทำตามหนังสือทวงถามของผม ก็คือเขาตั้งใจเบี้ยวนั้นเอง

ผมรบกวนขอคำแนะนำครับ
ผมควรจะดำเนินการไปแนวทางไหนได้บ้างครับ ฟ้องศาล หรือ แจ้งความ คือผมไม่มีปัญญาจะไปจ้างทนายไปฟ้องศาลเลยครับ พอจะมีหนทางอื่นไหมครับ
สิ่งที่ผมมีเกี่ยวกับคนที่เอารถผมไปคือ สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน อีกอย่างคือผมสามารถใช้เฟชบุคในการแชร์ว่ารถผมคันนี้ไปอยู่ไหน หรือแชร์รูปคนที่เอารถผมไปได้ไหมครับ ทุกวันนี้ผมต้องมาผ่อนอากาศเพราะถ้าไม่ผ่อนไฟแนนซ์ก็จะมาฟ้องที่ผม แม่ผมเป็นอัมพาตครึ่งซีกครับเดินได้ครับแต่เดินแบบลากขาข้างที่ขยับไม่ได้ไปครับ ปกติเวลาไปหาหมอก็จะมีรถของผมนี่แหละครับ แต่ทุกวันนี้ต้องไปรถแท็กซี่ ค่ารถไปกลับเกือบพัน ช่วงที่ผมไปทำงานผมกลัวมากว่าแม่ผมจะแอบขึ้นรถเมย์ เพราะเคยขึ้นไปครั้งนึงตอนก้าวขาขึ้นแม่ผมล้มครับ ผมเลยไม่อยากให้ขึ้น (คือแม่ผมไม่อยากเสียค่ารถเเท็กซี่) รบกวนเมตตาให้คำชี้แนะกับผมด้วยครับ ขอบคุณครับ