ประกาศผลสอบช้างศึกฟัดโสมแดง คิงส์คัพ 2017 สดๆ จากขอบสนามราชมังคลากีฬาสถาน มาดูกันว่าแข้งทีมชาติไทยคนไหนจะได้คะแนนเท่าไหร่จากการลงสนามในเกมนี้
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ : 8 คะแนน
ทำหน้าที่ผู้นำทัพ “ช้างศึก” ยุคใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการบัญชาการเกมรับ การเซฟลูกยิงนอกกรอบ รวมถึงการปิดมุมบีบให้นักเตะเกาหลีเหนือต้องยิงยาก และจังหวะที่เด่นที่สุดก็น่าจะเป็นการบินเซฟลูกยิงไกลของแข้งโสมแดงในนาทีที่ 70
การรักษาคลีนชีตในนัดนี้ได้ น่าจะเพิ่มความมั่นใจให้กับกัปตันทีมชาติไทยรายนี้ก่อนจะนำทัพ “ช้างศึก” ลงสนามในนัดชิงชนะเลิศ
พีรพัฒน์ โน๊ตชัยยา : 8 คะแนน
ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็กซ้าย สำหรับ “เจ้าบาส” และแม้ว่ารูปร่างของดาวเตะจากค่าย “กิเลนผยอง” จะเสียเปรียบเกมฝั่งขวาของทีมคู่แข่ง แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังสามารถหยุดยั้งลูกเปิดริมเส้นได้ดี อีกทั้งยังสวมบทแบ็กจอมบุกด้วยการแอสซิสต์ให้ ฐิติพันธ์ ซัดประตู ที่สองให้กับทีมชาติไทยในเกมนี้ ก่อนจะกรุยทางผ่านไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
พรรษา เหมวิบูลย์ : 8 คะแนน
ถูก ราเยวัช วางหมากให้ยืนเป็นปราการหลังตัวสุดท้ายในแนวรับเพื่อคอยเก็บกวาดบอลอันตราย และสิ่งที่เซนเตอร์ฮาล์ฟร่างยักษ์จากค่าย “ปราสาทสายฟ้า” รายนี้ทำให้แฟนบอลชาวไทยได้เห็นก็คือการเคลียร์บอลที่ง่าย สะอาดตา แต่เปี่ยมไปด้วยความเด็ดขาด ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ทีมชาติไทยมีกองหลังที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีแบบ พรรษา
เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว : 8 คะแนน
ติดทัพธงไตรรงค์อย่างต่อเนื่องสำหรับ “กัปตันเหลิม” จากสวาทแคท และเกมนี้ดาวเตะหมายเลข 4 ถูก ราเยวัช จับไปเป็นตัวเข้าชนบอลคนแรก นั่นเท่ากับว่า ทุกครั้งที่แนวรับของไทยถูกโจมตี เฉลิมพงษ์ จะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าหาบอลเพื่อทำลายจังหวะแนวรุกโสมแดงทันที
หากไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน เชื่อว่าแข้งรายนี้น่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ในแผงหลังทีมชาติไทยยุคราเยวัชต่อไป
อดิศร พรหมรักษ์ : 8 คะแนน
แม้จะถนัดในการลงเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟมากกว่า แต่ทว่าการลงเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา กลับทำให้เราได้เห็นศักยภาพของ “เจ้าเก่ง” หลากหลายมิติกว่าเดิม นั่นคือ การเติมเกมรุก ซึ่งแม้ดาวเตะรายนี้จะไม่ได้มีสปีดที่เร็วจัด แต่ทางบอลที่ดี บวกกับการยืนตำแหน่งอันชาญฉลาด จึงทำให้ อดิศร ได้เปรียบนักเตะเกาหลีเหนืออยู่เสมอ
ธนบูรณ์ เกษารัตน์ : 8 คะแนน
อาจจะไม่ได้โดดเด่นแบบสุดๆ แต่ “เจ้าตั้ม” นี่แหละที่ถือเป็นอีกหนึ่งแข้งปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง เพราะต้องเจอกับเกมที่โดนเข้าปะทะหนัก แต่ก็ถือเป็นอีกนัดที่ ธนบูรณ์ ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับมิดฟิลด์ตัวพักบอลหมายเลข 1 ของเมืองไทย
ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ : 9 คะแนน
ตัวโฮลด์เกมจาก “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถคุมจังหวะเกมในแดนกลางได้เป็นอย่างดี เล่นบอลง่าย และให้บอลตามช่องได้ค่อนข้างแม่นยำ อีกทั้งยังรู้จักการผ่อนเกม-เร่งเกม ซึ่งนั่นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของการเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง และที่สำคัญที่สุด เจ้าตัวยังเป็นคนบวกสกอร์เม็ดที่สอง ตลอดจนเรียกจุดโทษให้กับทีมชาติไทยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บผ่านทะลุเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ความขยัน ความทุ่มเท บวกกับประตูที่ทำได้ นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ซื้อใจแฟนบอลได้จริงๆ สำหรับ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จนได้รับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ไปครอง
สรรวัชญ์ เดชมิตร : 7 คะแนน
เป็นอีกหนึ่งนัดที่กดดันไม่น้อย หลังต้องรับบทบาทจอมทัพหมายเลข 1 ของทีม “ช้างศึก” ในยามที่ไร้ เจ ชนาธิป อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกมนี้ “เจ้าแคมป์” ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่ง หรือโดดเด่นแบบสุดๆ อย่างที่เล่นให้กับต้นสังกัดอย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้ จน ราเยวัช ต้องขยับเพลย์เมคเกอร์รายนี้ไปยืนปั้นเกมริมเส้นฝั่งซ้าย ทำให้เราพอจะได้เห็นจังหวะฝากบอลในช่วงท้ายเกมก่อนจะโดนถอดออกไป
มงคล ทศไกร : 8 คะแนน
คนมันจะดัง อะไรก็ฉุดไม่อยู่จริงๆ สำหรับปีกขวาใหม่ถอดด้ามของ พัทยา ยูไนเต็ด ที่สวมบทฮีโร่จากเกมที่เจ๊ากับ ยูเออี แบบน่าชนะ มาวันนี้ “จ่าเย็น” ยังคงการันตีคอนเซปต์ “มง-คล-ลง-เป็น-ยิง” เหมือนเช่นเคย หลังโชว์สเต็ปพลิกบอลก่อนจะกดเต็มข้อเข้าไปอย่างเหนือชั้นในนาทีที่ 40
ธีราทร บุญมาทัน : 8 คะแนน
กลับมาสู่ทัพ “ช้างศึก” อีกครั้งสำหรับอดีตกัปตันทีมในยุคของ “โค้ชซิโก้” มาวันนี้ โค้ชราเยวัช ตัดสินใจให้ “เจ้าอุ้ม” ได้ลงเล่นในฐานะปีกซ้าย และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนบอลชาวไทยต้องผิดหวัง หลังเป็นคนแอสซิสต์เข้าไปในกรอบเขษโทษจนสุดท้ายกลายเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ในช่วงท้ายครึ่งแรก
อดิศักดิ์ ไกรษร : 6 คะแนน
เป็นอีกนัดที่ยากลำบากสำหรับ AK9 ที่ต้องเจอการเพรสซิ่งจากทั้งสองเซนเตอร์ฮาล์ฟของเกาหลีเหนือ อย่าง รี ยอง โชล และจาง กุ๊ก โชล อีกทั้งแทบจะไม่มีจังหวะแทงบอลทะลุช่องจากแดนกลางของไทย ทำให้บ่อยครั้งที่ อดิศักดิ์ ต้องตัดสินใจลงมาล้วงบอลด้วยตัวเอง จนสุดท้ายจะโดน ราเยวัช ถอดออกในนาทีที่ 70
ตัวสำรอง
สิโรจน์ ฉัตรทอง : 6 คะแนน
ถูกส่งลงมาแทนที่ AK9 กับเวลาที่ได้อยู่ในสนามราวๆ 20 นาที แต่จนแล้วจนรอด “ปีโป้” ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ในแมตช์นี้
ฟิลิป โรลเลอร์ : ไม่มีคะแนน
ได้รับโอกาสประเดิมเกมแรกในสีเสื้อทัพช้างศึก แต่ถูกส่งลงมาในช่วงที่แข้งโสมแดงโหมบุกเข้าใส่จนแข้งลูกครึ่งรายนี้ไม่ได้โชว์จังหวะเติมเกมจี๊ดๆ ให้เราเห็น
ธีรเทพ วิโนทัย : 8.5 คะแนน
ลงสนามมาพร้อมกับเสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วทั้งสนามสำหรับ “ลีซอ” และถึงแม้จะมีเวลาอยู่ในสนามไม่นาน แต่ทว่าดาวเตะจอมเก๋าของ “แข้งเทพ” รายนี้กลับแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท ก่อนที่เจ้าตัวจะรับหน้าที่สังหารจุดโทษปิดกล่องให้ทีมชาติไทยผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้อย่างยิ่งใหญ่
ที่มา :
http://sport.trueid.net/detail/94053
ตัดเกรดผู้เล่นไทยกันครัย
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ : 8 คะแนน
ทำหน้าที่ผู้นำทัพ “ช้างศึก” ยุคใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการบัญชาการเกมรับ การเซฟลูกยิงนอกกรอบ รวมถึงการปิดมุมบีบให้นักเตะเกาหลีเหนือต้องยิงยาก และจังหวะที่เด่นที่สุดก็น่าจะเป็นการบินเซฟลูกยิงไกลของแข้งโสมแดงในนาทีที่ 70
การรักษาคลีนชีตในนัดนี้ได้ น่าจะเพิ่มความมั่นใจให้กับกัปตันทีมชาติไทยรายนี้ก่อนจะนำทัพ “ช้างศึก” ลงสนามในนัดชิงชนะเลิศ
พีรพัฒน์ โน๊ตชัยยา : 8 คะแนน
ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็กซ้าย สำหรับ “เจ้าบาส” และแม้ว่ารูปร่างของดาวเตะจากค่าย “กิเลนผยอง” จะเสียเปรียบเกมฝั่งขวาของทีมคู่แข่ง แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังสามารถหยุดยั้งลูกเปิดริมเส้นได้ดี อีกทั้งยังสวมบทแบ็กจอมบุกด้วยการแอสซิสต์ให้ ฐิติพันธ์ ซัดประตู ที่สองให้กับทีมชาติไทยในเกมนี้ ก่อนจะกรุยทางผ่านไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
พรรษา เหมวิบูลย์ : 8 คะแนน
ถูก ราเยวัช วางหมากให้ยืนเป็นปราการหลังตัวสุดท้ายในแนวรับเพื่อคอยเก็บกวาดบอลอันตราย และสิ่งที่เซนเตอร์ฮาล์ฟร่างยักษ์จากค่าย “ปราสาทสายฟ้า” รายนี้ทำให้แฟนบอลชาวไทยได้เห็นก็คือการเคลียร์บอลที่ง่าย สะอาดตา แต่เปี่ยมไปด้วยความเด็ดขาด ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ทีมชาติไทยมีกองหลังที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีแบบ พรรษา
เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว : 8 คะแนน
ติดทัพธงไตรรงค์อย่างต่อเนื่องสำหรับ “กัปตันเหลิม” จากสวาทแคท และเกมนี้ดาวเตะหมายเลข 4 ถูก ราเยวัช จับไปเป็นตัวเข้าชนบอลคนแรก นั่นเท่ากับว่า ทุกครั้งที่แนวรับของไทยถูกโจมตี เฉลิมพงษ์ จะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าหาบอลเพื่อทำลายจังหวะแนวรุกโสมแดงทันที
หากไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน เชื่อว่าแข้งรายนี้น่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ในแผงหลังทีมชาติไทยยุคราเยวัชต่อไป
อดิศร พรหมรักษ์ : 8 คะแนน
แม้จะถนัดในการลงเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟมากกว่า แต่ทว่าการลงเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา กลับทำให้เราได้เห็นศักยภาพของ “เจ้าเก่ง” หลากหลายมิติกว่าเดิม นั่นคือ การเติมเกมรุก ซึ่งแม้ดาวเตะรายนี้จะไม่ได้มีสปีดที่เร็วจัด แต่ทางบอลที่ดี บวกกับการยืนตำแหน่งอันชาญฉลาด จึงทำให้ อดิศร ได้เปรียบนักเตะเกาหลีเหนืออยู่เสมอ
ธนบูรณ์ เกษารัตน์ : 8 คะแนน
อาจจะไม่ได้โดดเด่นแบบสุดๆ แต่ “เจ้าตั้ม” นี่แหละที่ถือเป็นอีกหนึ่งแข้งปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง เพราะต้องเจอกับเกมที่โดนเข้าปะทะหนัก แต่ก็ถือเป็นอีกนัดที่ ธนบูรณ์ ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับมิดฟิลด์ตัวพักบอลหมายเลข 1 ของเมืองไทย
ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ : 9 คะแนน
ตัวโฮลด์เกมจาก “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถคุมจังหวะเกมในแดนกลางได้เป็นอย่างดี เล่นบอลง่าย และให้บอลตามช่องได้ค่อนข้างแม่นยำ อีกทั้งยังรู้จักการผ่อนเกม-เร่งเกม ซึ่งนั่นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของการเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง และที่สำคัญที่สุด เจ้าตัวยังเป็นคนบวกสกอร์เม็ดที่สอง ตลอดจนเรียกจุดโทษให้กับทีมชาติไทยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บผ่านทะลุเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ความขยัน ความทุ่มเท บวกกับประตูที่ทำได้ นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ซื้อใจแฟนบอลได้จริงๆ สำหรับ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จนได้รับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ไปครอง
สรรวัชญ์ เดชมิตร : 7 คะแนน
เป็นอีกหนึ่งนัดที่กดดันไม่น้อย หลังต้องรับบทบาทจอมทัพหมายเลข 1 ของทีม “ช้างศึก” ในยามที่ไร้ เจ ชนาธิป อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกมนี้ “เจ้าแคมป์” ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่ง หรือโดดเด่นแบบสุดๆ อย่างที่เล่นให้กับต้นสังกัดอย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้ จน ราเยวัช ต้องขยับเพลย์เมคเกอร์รายนี้ไปยืนปั้นเกมริมเส้นฝั่งซ้าย ทำให้เราพอจะได้เห็นจังหวะฝากบอลในช่วงท้ายเกมก่อนจะโดนถอดออกไป
มงคล ทศไกร : 8 คะแนน
คนมันจะดัง อะไรก็ฉุดไม่อยู่จริงๆ สำหรับปีกขวาใหม่ถอดด้ามของ พัทยา ยูไนเต็ด ที่สวมบทฮีโร่จากเกมที่เจ๊ากับ ยูเออี แบบน่าชนะ มาวันนี้ “จ่าเย็น” ยังคงการันตีคอนเซปต์ “มง-คล-ลง-เป็น-ยิง” เหมือนเช่นเคย หลังโชว์สเต็ปพลิกบอลก่อนจะกดเต็มข้อเข้าไปอย่างเหนือชั้นในนาทีที่ 40
ธีราทร บุญมาทัน : 8 คะแนน
กลับมาสู่ทัพ “ช้างศึก” อีกครั้งสำหรับอดีตกัปตันทีมในยุคของ “โค้ชซิโก้” มาวันนี้ โค้ชราเยวัช ตัดสินใจให้ “เจ้าอุ้ม” ได้ลงเล่นในฐานะปีกซ้าย และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนบอลชาวไทยต้องผิดหวัง หลังเป็นคนแอสซิสต์เข้าไปในกรอบเขษโทษจนสุดท้ายกลายเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ในช่วงท้ายครึ่งแรก
อดิศักดิ์ ไกรษร : 6 คะแนน
เป็นอีกนัดที่ยากลำบากสำหรับ AK9 ที่ต้องเจอการเพรสซิ่งจากทั้งสองเซนเตอร์ฮาล์ฟของเกาหลีเหนือ อย่าง รี ยอง โชล และจาง กุ๊ก โชล อีกทั้งแทบจะไม่มีจังหวะแทงบอลทะลุช่องจากแดนกลางของไทย ทำให้บ่อยครั้งที่ อดิศักดิ์ ต้องตัดสินใจลงมาล้วงบอลด้วยตัวเอง จนสุดท้ายจะโดน ราเยวัช ถอดออกในนาทีที่ 70
ตัวสำรอง
สิโรจน์ ฉัตรทอง : 6 คะแนน
ถูกส่งลงมาแทนที่ AK9 กับเวลาที่ได้อยู่ในสนามราวๆ 20 นาที แต่จนแล้วจนรอด “ปีโป้” ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ในแมตช์นี้
ฟิลิป โรลเลอร์ : ไม่มีคะแนน
ได้รับโอกาสประเดิมเกมแรกในสีเสื้อทัพช้างศึก แต่ถูกส่งลงมาในช่วงที่แข้งโสมแดงโหมบุกเข้าใส่จนแข้งลูกครึ่งรายนี้ไม่ได้โชว์จังหวะเติมเกมจี๊ดๆ ให้เราเห็น
ธีรเทพ วิโนทัย : 8.5 คะแนน
ลงสนามมาพร้อมกับเสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วทั้งสนามสำหรับ “ลีซอ” และถึงแม้จะมีเวลาอยู่ในสนามไม่นาน แต่ทว่าดาวเตะจอมเก๋าของ “แข้งเทพ” รายนี้กลับแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท ก่อนที่เจ้าตัวจะรับหน้าที่สังหารจุดโทษปิดกล่องให้ทีมชาติไทยผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้อย่างยิ่งใหญ่
ที่มา : http://sport.trueid.net/detail/94053